Yogman M, Garner A, Hutchinson J, et al; AAP COMMITTEE ON PSYCHOSOCIAL ASPECTS OF CHILD AND FAMILY HEALTH, AAP COUNCIL ON COMMUNICATIONS AND MEDIA. The Power of Play: A Pediatric Role in Enhancing Development in Young Children. Pediatrics. 2018;142(3):e20182058
ความเก่งด้านคณิตศาสตร์ตอนปฐมวัยไม่ได้บ่งชี้ความเก่งที่ชั้นประถมแต่อย่างใด (Watts TW, Duncan GJ, Clements DH, Sarama J. What is the long-run impact of learning mathematics during preschool? Child Dev. 2018;89(2):539–555)
สำหรับลูกคน Lev Vygotsky บรรยายการเล่นได้ดีที่สุดจากข้อสังเกตสำคัญของเขาที่ว่าการเล่นเป็นเหมือนห้างร้านแห่งพัฒนาการ เด็กได้พัฒนาทักษะหลากหลายจากง่ายไปหายาก ทั้งเรื่องกล้ามเนื้อและทักษะสังคม กล่าวคือเด็กพัฒนาได้ด้วยตัวคนเดียวแต่เมื่อถึงขีดหนึ่งจะถึงอุปสรรค และเมื่อถึงตอนนั้นเขาต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ความช่วยเหลือนี้จะมากับการเล่นได้อย่างกลมกลืนมากที่สุด เป็นตัวอย่างหนึ่งของคำอธิบายเรื่อง Zone of Proximal Development (ZPD) (Vygotsky LS. Play and its role in the mental development of the child. In: Bruner J, Jolly A, Sylva K, eds. Play. New York, NY: Basic Books; 1976:609–618)
การเล่น แบ่งง่ายๆ เป็น
Object Play การเล่นวัตถุ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาความสามารถในการสำรวจ พัฒนาประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ ไปจนถึงการพัฒนาการให้สัญลักษณ์และบทบาทสมมุติ (symbolization และ role play) เช่น การใช้กล้วยต่างโทรศัพท์ เป็นต้น
Rough and Tumble Play การวิ่งเล่น วิ่งไล่จับ ไปจนถึงกอดรัดฟัดเหวี่ยง เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากล้ามเนื้อ และที่มากกว่าคือกลไกทางสังคม เด็กๆ ต้องเรียนรู้การเล่นที่ไม่ทำให้คนอื่นเจ็บ มากเกินไป หรือทำให้ตัวเองเจ็บ มากเกินไป แต่มิใช่ไม่ยอมให้เจ็บเลย ดังที่ว่าความเสี่ยงคือการพัฒนา
อย่าลืมว่าอีกกลไกหนึ่งของ EF คือการควบคุมยับยั้งเกิดขึ้นเร็วกว่านี้อีก เมื่อทารกกำลังเหม่อมองดูโมไบล์แล้วแม่เดินเข้ามา ทารกจะพัฒนาความสามารถหยุดมองสิ่งหนึ่งเพื่อมองอีกสิ่งหนึ่ง
เราคงเคยได้ยินคำว่า ‘you are what you eat’ แต่เราไม่เคยเข้าใจ ใน sense of taste ทุกสิ่งที่เรากินเข้าไป มันนำพาพลังงานเข้าไปในตัวเราผ่านรสชาติอาหาร ไปสู่การเป็นเซลล์หนึ่งของร่างกาย คือพลังงานเพิ่มเข้าไปในเซลล์นั้น มันจึงมีความหมายมากตอนที่เขากินอาหาร ในบ้านที่ทะเลาะกัน บ้านที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง บ้านที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่โอเค คุณก็ทำอาหารด้วยพลังงานที่ไม่โอเคให้ลูกกิน แล้วคุณจะคาดหวังให้ลูกจะมีพลังงานและมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร
sense of taste ยังบอกถึงรสนิยมของเด็ก รสนิยมในการใช้ชีวิต รสนิยมที่จะแต่งตัวแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ อยู่กับผู้คนแบบนี้ เขาอยากได้บ้านแบบนี้ อยากอยู่ในที่แบบนี้ ห้องนอนเขาควรเป็นแบบนี้ นี่คือ taste ผ่านรสนิยม
กล่าวได้ไหมว่า Sense of Sight คือการตีความสิ่งที่มองเห็นจากประสบการณ์เก่า ซึ่งอยู่ที่ว่าเราเก็บบันทึกที่ผ่านการตีความในอดีตไว้อย่างไร ซึ่งการตีความความทรงจำก็เกี่ยวพันกับการเท่าทันอารมณ์ด้วย
มันแค่ยืนยันว่าเราเป็นแม่ที่โอเค เขาถึงกล้าอยู่ใกล้ จริงๆ sense of temperature มันเหมือนกับการเผยผลลัพธ์ให้เห็นว่า อุณหภูมิที่อยู่กันมา ผลลัพธ์มันเป็นยังไงและมันไม่ได้เป็นเรื่องทางกายภาพนะ เราอยู่กับลูกด้วยอุณหภูมิ
คำถามดังกล่าว คือ หัวใจสำคัญของงาน Book Talk ‘ออกแบบชีวิตและธุรกิจด้วย Design Thinking’ จัดโดยสำนักพิมพ์ Bookscape ร่วมกับอุทยานการเรียนรู้ TK Park ร่วมพูดคุยโดย รวิศ หาญอุตสาหะ CEO บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เจ้าของเพจ Mission To The Moon, เมษ์ ศรีพัฒนาสกุล CEO บริษัท ลูกคิด (Lukkid) จำกัด ผู้แปลหนังสือ Designing Your Life (Designing Your Life: How to Build a Well-Lived, Joyful Life) และ นรินทร์ จิตต์ปราณีชัย ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจเพื่อสังคม a-chieve แนะแนว ‘อาชีพที่ใช่ ชีวิตที่ชอบ’ สำหรับเด็กไทย
“I have a dream today… I have a dream that my four little children will one day live in a nation where they will not be judged by the color of their skin but by the content of their character…”. Martin Luther King Jr.
‘See things in English’ มองทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษ ปรับวิธีคิดหรือมุมมองต่างๆ ให้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น คิดแคปชั่นรูปในอินสตาแกรมเป็นภาษาอังกฤษหรือบ่นว่ารถติดเป็นภาษาอังกฤษในทวิตเตอร์ ไม่ต้องกลัวว่าไร้สาระหากสิ่งเหล่านั้นทำให้เราพัฒนาตัวเองได้
วิธีการสอนภาษาอังกฤษของพ่อเราคือไม่สอน คือไม่สอนจริงๆ ทิ้งให้เราไปอยู่กับลูกๆ ของเพื่อนพ่อทั้งวัน กลายเป็นว่าเราต้องเอาตัวรอดด้วยคลังคำศัพท์เท่าที่เด็ก ป.1 มี ‘I have a dog’ ‘Do you have a pencil?’ แค่นี้ แต่ได้พูดทั้งวันทำให้เราเป็นเด็กกล้า แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ทำคือถูกต้องทั้งหมดนะคะ
ตอนแรกก็สำเนียงไทยนี่ล่ะ ก็เราเรียนที่ไทย โตที่ไทยเนอะ หลังๆ ความอยากพูดได้ก็ทำให้เราเริ่มฝึกจนสำเนียงไปฝั่งอเมริกัน จนใกล้จะเรียนจบขึ้นปี 3 มาฝึกงานที่ช่องสาม สายข่าวต่างประเทศ ได้ยินช่อง BBC เราก็ชอบเลย อยากพูดได้ สำเนียงสวยจัง ตอนนั้นก็เริ่มเลย copy paste เขาพูดว่าอะไรเราพูดสองรอบ อย่าง ‘Can I have a bottle of water? (สำเนียงอเมริกัน)’ ไม่ๆ เอาใหม่ๆ ‘Can I have a bottle of water? (สำเนียงอังกฤษ)’ เหมือนคนบ้าเลยตอนนั้น (หัวเราะ) จนมารู้สึกตัวอีกทีคือมีฝรั่งพูดกับเราว่า ‘Your sound so British’
สโลแกนของนุ่นเลยคือ ‘See things in English’ อย่างเล่นเฟซบุ๊คจะลงรูปคิดแคปชั่นว่าไรดี เราก็เห็นละ ‘What’s on your mind?’ แล้วมันแปลว่าอะไร ไม่ต้องรู้เป๊ะๆ ก็ได้แต่เราเข้าใจใช่ไหมก็เอาไปใช้เลย ถามฝรั่งได้เลย ‘Hey, what’s on your mind?’
โทมัส ชาโมร์โร-พรีมูซิค (Tomas Chamorro-Premuzic) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาธุรกิจ University College London และ Columbia University รวมทั้งเป็นคณะทำงาน Harvard’s Entrepreneurial Finance Lab เขียนบทความเรื่อง ‘Curiosity is as Important as Intelligence’ บอกว่า คนที่มีซีคิวสูงเป็นคนชอบถามคำถาม ชอบพูดคุยเพื่อสร้างสัมพันธ์กับผู้คน ชอบเปิดประสบการณ์ใหม่ เห็นความแปลกใหม่เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เลยเบื่อง่ายหากต้องทำอะไรซ้ำซากจำเจ ทำให้ชอบคิด มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถคิดแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนได้ แตกต่างจากไอคิวที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการเรียนรู้ การทำความเข้าใจองค์ความรู้และหลักการต่างๆ แต่ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คน