- จำนวนผู้ประกอบอาชีพฟรีแลนซ์ในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็นคนยุคมิลเลนเนียม คาดการณ์ว่ามีอยู่ทั้งหมด 57.3 ล้านคน และในปี 2027 ฟรีแลนซ์จะเข้ามาเป็นกลุ่มแรงงานหลักในสหรัฐอเมริกา
- กระแสการนำหุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรมกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดฟรีแลนซ์เพิ่มขึ้น
- 50 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานชาวอเมริกันไม่มั่นใจว่าอาชีพที่ตัวเองทำอยู่จะยังคงมีอยู่ในอีก 20 ปีข้างหน้า
- การมีทักษะคิดวิเคราะห์ (critical) และการหมั่นพัฒนาทักษะตัวเอง (reskilling) อยู่เป็นประจำ คือสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในศตวรรษที่ 21
- ข้อกังวลพื้นฐานของฟรีแลนซ์ยังคงเหมือนเดิมคือ การมีรายได้ที่ไม่แน่นอน
ในระหว่างที่บ้านเรายังคงโต้เถียงกันไม่จบไม่สิ้นเกี่ยวกับอาชีพฟรีแลนซ์ที่คนเริ่มหันมาให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น
เวลานี้ที่สหรัฐอเมริกา จำนวนแรงงานชาวอเมริกันกว่า 36 เปอร์เซ็นต์ประกอบอาชีพอิสระหรือที่เรียกว่าฟรีแลนซ์ โดยคาดการณ์ว่ามีมากถึง 57.3 ล้านคน และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุมิลเลนเนียล (คนที่เกิดระหว่างปี 1984-1996) คือข้อมูลจากรายงานประจำปี 2017 ที่ชื่อว่า Freelancing in America (FIA) ภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพ Upwork และกลุ่มสหภาพแรงงานฟรีแลนซ์ (Freelancers Union)
ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา จำนวนฟรีแลนซ์ในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและแซงหน้าการเติบโตของพนักงานโดยรวมของสหรัฐอเมริกาถึง 3 เท่า สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจสหรัฐถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2027 กลุ่มฟรีแลนซ์จะก้าวมาเป็นกลุ่มแรงงานหลักในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
โดยรายงานประจำปีดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยบริษัท Edelman Intelligence ผ่านการสำรวจออนไลน์แรงงานชาวอเมริกัน 6,000 คนที่อายุมากกว่า 18 ปี แบ่งออกเป็นสองกลุ่มได้แก่ กลุ่มอาชีพฟรีแลนซ์ 2,173 คนและกลุ่มอาชีพมีงานประจำ 3,827 คน ระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคม 2017-14 สิงหาคม 2017 จากนั้นจึงนำข้อสรุปดังกล่าวไปทำค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกับตัวเลขของผลสำรวจประชากรสหรัฐจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสหรัฐอเมริกาปี 2017 เพื่อให้มั่นใจว่าข้อสรุปนั้นใกล้เคียงกับความจริงและถูกต้องมากที่สุด
การเพิ่มขึ้นของฟรีแลนซ์
แรงจูงใจที่ผลักดันให้พวกเขาหันมาประกอบอาชีพฟรีแลนซ์เพิ่มขึ้นนั้น FIA ระบุว่ามีอยู่ 5 ประการได้แก่
- เป็นเจ้านายตัวเอง
- เลือกเวลาทำงานเองได้
- เลือกงานที่อยากทำเอง
- เลือกสถานที่ที่อยากทำ
- ได้รับเงินพิเศษเพิ่ม
แต่ผลกระทบโดยตรงที่พอจะคาดเดาได้ว่า ปัจจัยอะไรถึงทำให้ฟรีแลนซ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามาจากกระแสการนำเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนต์มาทดแทนในหลายๆ อุตสาหกรรม ส่งผลให้แรงงานชาวอเมริกันมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ‘ไม่มีความมั่นใจ’ ว่าอาชีพที่พวกเขาทำอยู่ขณะนี้จะยังคงอยู่ในอีก 20 ปีข้างหน้า
สเตฟานี แคสเรียล (Stephane Kasriel) ซีอีโอบริษัทสตาร์ทอัพ Upwork และประธานร่วมการประชุม World Economic Forum ในหัวข้ออนาคตของเพศ การศึกษาและการทำงาน อธิบายถึงปรากฏการณ์และความท้าทายของคนวัยทำงานในศตวรรษที่ 21 ว่า
“เราอยู่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ช่วงเวลาที่มนุษย์ถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นกลายเป็นโอกาสที่ดีในการชี้นำการทำงานในโลกอนาคต ฟรีแลนซ์จะกลายเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญมากกว่าที่หลายคนตระหนัก”
สอดคล้องกับซารา โฮโรวิทซ์ (Sara Horowitz) ผู้ก่อตั้งสหภาพแรงงานฟรีแลนซ์ที่กล่าวว่า เราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความท้าทายของการทำงานในศตวรรษที่ 21
“ประสบการณ์แรงงานได้ถูกเปลี่ยนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการนำเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์มาทำงานเพิ่มมากขึ้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายในอนาคตและสร้างองค์กรที่ช่วยสนับสนุนแรงงานแห่งศตวรรษที่ 21 ขึ้น”
สองทักษะสำคัญของฟรีแลนซ์
กุญแจสำคัญที่ทำให้ฟรีแลนซ์ดำรงอยู่ได้และตอบโจทย์สำหรับโลกแห่งศตวรรษที่ 21 นั้น แคสเรียลมองว่า เพราะฟรีแลนซ์มีสองทักษะสำคัญอยู่กับตัวคือ การคิดวิเคราะห์ (critical) และการหมั่นพัฒนาทักษะตัวเอง (reskilling) อยู่เป็นประจำ ซึ่งสองสิ่งนี้ได้ส่งเสริมให้พวกเขาไม่หยุดนิ่ง ราวกับการหมั่นลับดาบให้คมอยู่เสมอพร้อมต่อกรกับทุกสิ่ง
“เมื่อผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตัดสินใจเป็นฟรีแลนซ์ พวกเขารู้ว่าจะเป็นเจ้านายตัวเอง กำหนดโชคชะตาอนาคตของตัวเอง นั่นทำให้ฟรีแลนซ์คิดทิศทางการตลาดเชิงรุกได้มากกว่าและต้องกระตุ้นหรือพัฒนาทักษะของตัวเองให้พร้อมรับมือกับทุกด้านอยู่เป็นประจำ กลายเป็นช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้ดีขึ้นไปโดยปริยาย” แคสเรียลอธิบายเพิ่มเติม
ความมั่นคงและข้อกังวลของฟรีแลนซ์
ความมั่นคงในหน้าที่การงานแบบดั้งเดิมที่เชื่อว่า ต้องทำงานบริษัทชั้นนำ มี career path ที่ชัดเจน กำลังถูกกลุ่มอาชีพฟรีแลนซ์ตีโต้กลับ เมื่อพวกเขามองว่าความมั่นคงในหน้าที่การงานควรถูกนิยามใหม่ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าการมีนายจ้างหลายคนปลอดภัยและมั่นคงกว่าการมีนายจ้างแค่คนเดียว จากผลสำรวจของ FIA ชี้ว่ามี 63 เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อแบบนั้น โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2016 มา 10 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นแล้วพวกเขายังมีลูกค้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.6 คนต่อเดือน
แต่ในเรื่องเงินคงต้องยอมรับว่าฟรีแลนซ์นั้นมีรายได้ที่ไม่แน่นอนและยังเป็นเรื่องที่น่าท้าทายอยู่เช่นเคย แต่สิ่งที่น่าสนใจระหว่างการศึกษาของ FIA กลับพบว่า กลุ่มที่ฝากเงินเป็นประจำคือกลุ่มฟรีแลนซ์ฟูลไทม์ คิดเป็นตัวเลขอยู่ 63 เปอร์เซ็นต์ที่ฝากเงินในธนาคารอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือน สวนทางกับกลุ่มอาชีพงานประจำที่ทำเพียง 20 เปอร์เซ็นต์