Skip to content
ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)
  • Creative Learning
    Unique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique SchoolEveryone can be an Educator
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)
21st Century skillsEducation trend
19 November 2018

MEDIA LITERACY: หยุดแชร์ข่าวปลอม ด้วยวิชา ‘เท่าทันสื่อ’

เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี

  • คำถามสำคัญในยุคที่เด็กๆ เปิดโลกทัศน์ด้วยเทคโนโลยี ‘ทักษะอะไรที่พวกเขาต้องมีเพื่อใช้สื่ออย่างรู้ทัน’
  • Media Literacy ทักษะในการตรวจสอบ คิด-วิเคราะห์-แยกแยะ ต่อข้อมูลท่วมท้นบนโลกอินเทอร์เน็ต เข้าใจวัฒนธรรมใหม่ที่มาพร้อมกับการสื่อสารไร้พรมแดน และไม่ใช่แค่ฐานะผู้รับข่าวสาร แต่ในฐานะผู้ผลิตและส่งต่อด้วย
  • หลายโรงเรียนทั่วโลกเปิดวิชา ‘เท่าทันสื่อ’ แต่ในประเทศที่วิชานี้ยังไม่ถูกพูดถึง เรารวบรวมเคล็ดวิชาสร้างห้องเรียน ‘รู้เท่าทันสื่อ’ ได้ง่ายๆ ด้วยคำถาม 5 ข้อ พร้อมชี้เป้าสื่อการสอนสำเร็จรูปให้ครูนำไปใช้ได้ง่าย

เป็นปริศนาที่หาข้อสรุปไม่ได้ โต้เถียงกันไม่เลิก แต่ละฝ่ายต่างก็งัดทัศนคติประกอบเหตุผลมาชวนคิดว่า ‘โซเชียลมีเดีย’ ให้คุณหรือโทษต่อผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน

ฝั่งให้โทษ โซเชียลมีเดียทำให้มนุษย์เศร้าลง (เพราะมักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อน), โลกเสมือน, การหลอกลวงตัวตน, โจรกรรมข้อมูลไซเบอร์ ยังมีอีกมาก แต่ที่อยากไฮไลต์คือ fake news หรือ ข่าวลวง

ฝั่งให้คุณ โซเชียลมีเดียเปิดโลกทัศน์, เป็นแหล่งสืบค้นข้อมูล, เครื่องมือพัฒนาภาษา (อย่าดูถูกวัฒนธรรม K-pop และ J-pop ทำให้คนพัฒนาภาษามานักต่อนัก) ยังมีอีกมาก แต่ที่อยากไฮไลต์ มันคือ DNA และ อาชีพใหม่ของคนในศตวรรษที่ 21

ไม่ได้ชวนเถียงว่าควรให้น้ำหนักกับฝั่งไหน เพราะข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ โซเชียลมีเดียคือแขนขาของคนยุคนี้ ประวัติศาสตร์มนุษยชาติตักเตือนเสมอว่าการห้ามหรือกีดกันรังแต่ทำให้เรื่องยิ่งยุ่งขิง การให้ข้อมูลและสร้างภูมิคุ้มกันใหม่แก่ชาวโซเชียล คือสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่า

Media Literacy หรือ การรู้เท่าทันสื่อ ว่าด้วยทักษะของบุคคลทั่วไปในการตรวจสอบ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ต่อข้อมูลที่ท่วมท้นบนโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งเข้าใจวัฒนธรรมใหม่ที่มาพร้อมกับการสื่อสารไร้พรมแดน และไม่ใช่แค่เฉพาะการเท่าทันในฐานะผู้รับข่าวสาร แต่ในฐานะผู้ผลิตและส่งต่อด้วย

การรู้เท่าทันสื่อยังถูกให้ความสำคัญในแง่ ‘ทักษะใหม่’ ของคนในศตวรรษที่ 21 หลายประเทศบรรจุวิชานี้เพื่อต่อกรกับ fake news หรือ ข่าวปลอม สอนกันตั้งแต่อนุบาลยันระดับมหาวิทยาลัย ขีดเส้นใต้ด้วยว่า ไม่ใช่วาระเร่งด่วนเฉพาะวัยรุ่น แต่เป็นภูมิคุ้มกันที่ต้องฉีดให้กับพลเมืองเน็ตทุกคน (netizen)

Media Literacy: เท่าทันสื่อเรื่องอะไรบ้าง

เริ่มทำความเข้าใจตั้งแต่ข้อมูลหลอกลวงตรงไปตรงมา เช่น ข่าวลวง, โฆษณาแฝงในบทความเชิงข่าว, โจรกรรมในโลกไซเบอร์, โฆษณาผลิตภัณฑ์เกินจริง ไปจนถึงการคิดวิเคราะห์แยกแยะ ‘ทัศนคติ’ ปน ‘ข้อเท็จจริง’ ที่มากับบทความนั้น เช่น แยกออกไหมว่าส่วนไหนเป็นทัศนคติของผู้เขียนและข้อเท็จจริงตั้งต้นในข่าว, บอกได้ไหมว่าที่มาของบทความนั้นน่าเชื่อถือหรือเปล่า, รีเช็คข้อมูลก่อนตัดสินใจเชื่อหรือนำข้อมูลนั้นไปใช้ต่อได้หรือไม่ กระทั่ง แยกออกไหมว่าบทความนั้นเป็นบทความเชิงการค้า (advertorial) หรือเป็นข้อมูลจากผู้ใช้จริง

งานวิจัยจาก Stanford History Education Group (SHEG) ทีมส่งเสริมงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด รายงานว่า วัยรุ่นมักถูกหลอกโดยโฆษณาแฝง, เวลาอ่านข่าวหรือบทความมักแยกไม่ออกว่าอะไรคือทัศนคติส่วนตัวของผู้เขียนและข้อเท็จจริง, และ ไม่อาจรีเช็คหรือตรวจทานได้ว่าข้อมูลที่กำลังหาเพื่อนำไปใช้งานต่อนั้น มีที่มาจากไหนกัน

ในระดับที่ส่งผลกระทบยิ่งใหญ่กว่านั้น Media Literacy พูดถึงการบิดแปลงข้อมูลในระหว่างการหาเสียงซึ่งมีผลต่อฐานคะแนนของพรรคการเมือง (โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในปี 2016 มีการปล่อยข่าวปลอมออกมาอุตลุดจนมีผลต่อชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์) หรือความก้าวหน้าของนวัตกรรมจะทำให้การแปลงข้อมูลที่เคยยากให้ง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้ว

เช่น ข่าวเมื่อปี 2016 เมื่ออะโดบีซิสเต็มส์ (Adobe Systems) บริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่จัดเวที Adobe MAX 2016 (Sneak Peeks) เผยนวัตกรรมตัวใหม่ ‘Photoshop of Speech’ แอพพลิเคชั่นปรับแต่งเสียงด้วยคอนเซ็ปต์เดียวกับการทำโฟโต้ช็อปรูป บนเวทียกตัวอย่างการแก้ไฟล์เสียงจาก ‘and I kissed my dogs and my wife’ เปลี่ยนเป็น ‘and I kissed my wife and dogs’ และ ‘and I kissed Jordan three times’

ข่าวนี้จุดคำถามต่อกับชาวโลกว่า หากการปรับเสียงมันง่ายดายและเสมือนจริงเพียงนี้ เราจะยังไว้ใจสื่อมวลชน หรือข้อมูลในโลกอินเทอร์เน็ตได้อยู่มั้ย? อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดปี 2018 ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ของโปรแกรม Photoshop of Speech ผู้เขียนค้นไม่พบบทวิจารณ์หรือรายงานต่อเนื่องของบทความนี้

Media Literacy: วิชาใหม่กับครูคนเดิม

News Literacy Project องค์กรไม่แสวงกำไรผู้พัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับ ‘แยกข้อเท็จจริงออกจากเรื่องแต่ง’ ทั้งหมด 12 บทเรียนที่ออกแบบให้ครูแต่ละพื้นที่นำไปปรับใช้กับห้องเรียนของตัวเองได้ง่ายๆ (คุณครูเข้าไปดูเนื้อหาเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ) ปัจจุบันมีนักการศึกษาเข้าร่วมโครงการกว่า 3,300 คน จำนวนหนึ่งเป็นครูประเทศสหรัฐอเมริกา 50 รัฐ อีกจำนวนหนึ่งเป็นครูจาก 69 ประเทศทั่วโลก

‘ตัวอย่าง’ โรงเรียนที่เริ่มสอนวิชาเท่าทันสื่อ หรือ บรรจุเป็นหลักสูตรในโรงเรียนเลยอย่างจริงจัง ดังนี้

  • บราซิล บรรจุวิชา ‘วิเคราะห์สื่อเบื้องต้น’ อยู่ในหลักสูตรภาคบังคับของโรงเรียนทั่วประเทศ หลังจากที่เคยให้วิชานี้เป็นวิชาเลือกเท่านั้น
  • โรงเรียน 150 แห่งจากทั้งหมด 600 แห่ง ใน Kannur ประเทศอินเดีย เริ่มบรรจุวิชา ‘เท่าทันสื่อ’ ในห้องเรียนแล้ว หลังพบข่าวปลอมที่แชร์กันมากในแอพพลิเคชั่น WhatsApp
  • บางโรงเรียนในสิงคโปร์ เริ่มสอนวิชาเท่าทันสื่อให้กับนักเรียน ขณะเดียวกันก็จัดตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องการเกิดขึ้นของข่าวลวงบนโลกออนไลน์

อันที่จริงการออกแบบการสอนนักเรียนให้เท่าทันสื่อไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ มีเครือข่ายในโลกอินเทอร์เน็ตรวบรวมข้อมูลพร้อมสื่อการสอนสำเร็จรูปให้ครูเข้าไปดาวน์โหลดพร้อมใช้ แต่เพื่อให้เห็นว่าการทำความเข้าใจกับนักเรียนไม่ใช่เรื่องยาก หลักคิดง่ายๆ มีเพียง “ออกแบบการเรียนให้เด็กๆ ได้คิดวิเคราะห์”

เอริน วิลคีย์ โอห์ (Erin Wilkey Oh) ผู้อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์ Common Sense Education เครือข่ายที่พูดเรื่องการเท่าทันสื่อโดยเฉพาะ ให้เคล็ดลับการสอนเรื่องนี้ในห้องเรียน ด้วย ‘คำถาม’ 5 ข้อ ดังนี้

  1. ใครเป็นคนเขียนบทความนี้? คำถามนี้จะช่วยให้นักเรียนหยุดคิดว่า บทความนี้ถูกเขียนขึ้นด้วย ‘บุคคล’ หนึ่ง ซึ่งหมายความว่ามันอาจเป็นทัศนคติส่วนตัว อันมาจากเหตุผล บริบท และภูมิหลังที่แตกต่างกัน
  2. ทำไมข้อความหรือบทความนี้จึงถูกส่งมา ทำไมเขาถึงเขียนมันขึ้น? คำถามนี้เปิดโอกาสให้เด็กๆ พิจารณาจุดประสงค์ของผู้เขียน ว่าเขียนขึ้นเพื่อ ให้ข้อมูล, สร้างความบันเทิง, โน้มน้าวให้เชื่อ หรือทั้งหมด? จากนั้นอาจถามต่อว่า บทความนี้ทำให้เด็กๆ หรือผู้อ่านรู้สึกอย่างไร เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาตีความความตั้งใจของผู้เขียน
  3. บทความนี้เผยแพร่ที่ไหน? พื้นที่ที่ปล่อยย่อมสร้างบอกความน่าเชื่อถือในตัวเอง เช่น เผยแพร่ในเว็บไซต์ข่าวที่น่าเชื่อถือ, ถูกส่งกันต่อๆ มาในอีเมล, แชร์ต่อกันผ่านเฟซบุ๊ค ซึ่งทั้งหมดนี้สืบสาวกลับไปยังพื้นที่เผยแพร่ตั้งต้นได้หรือไม่
  4. ผู้เขียนใช้เทคนิคอะไรมาดึงความสนใจของผู้อ่าน? ในรูปแบบคลิปวิดีโอ, แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มอื่นในรูปแบบออนไลน์
  5. บทความนั้นสอดแทรกมุมมองอะไรเอาไว้บ้าง? เพราะทุกบทความย่อมมี ‘ข้อความระหว่างบรรทัด’ หรือทัศนคติบางอย่างที่ผู้เขียนต้องการจะโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อ แม้ว่าในบทความนั้นจะไม่ได้แสดงน้ำเสียงของผู้เขียน แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านต้องพึงรู้ว่ามันมีอยู่

คุณครูท่านไหนสนใจแบบการสอนสำเร็จรูป เข้าไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือถือโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนวิธีการสอนวิชารู้เท่าทันสื่อให้เด็กๆ ได้ที่นี่เช่นกัน

  • เทคนิคการสอนให้เด็กๆ แย่งข่าวจริงออกจากข่าวปลอม (Common Sense Education)
  • ความจริง VS ความเห็น VS การให้ข้อมูลจากทัศนคติของเหล่านักข่าว (PBS NewsHour Student Reporting Labs)
  • สอนเด็กๆ ชั้นมัธยมให้เข้าใจข่าวจริงกับปลอม (PBS NewsHour Extra)
  • วิธีเช็คที่มาของ ‘รูป’ จาก Google Reverse Image Search
อ้างอิง:
Stanford researchers find students have trouble judging the credibility of information online
News and Media Literacy Resource Center
Lesson plan: How to teach your students about fake news

Tags:

ครูคาแรกเตอร์(character building)เทคนิคการสอน4Csความปลอดภัยไซเบอร์Media literacy

Author:

illustrator

ณิชากร ศรีเพชรดี

แอดมิชชันเข้าคณะการเขียนและสิ่งพิมพ์เพราะคิดว่าเขาจะสอนให้เขียนนิยาย แทนที่จะได้เขียนจากจินตนาการ อาจารย์และทุกอย่างที่นั่นเคี่ยวกรำให้ทำ-คิด-เขียน-รู้สึกกับประเด็นสังคม ยังคงสนุก(มาก)กับงานสื่อสาร ฝันสูงสุดคือยังเข้มแข็งเขียนงานได้อย่างมีคุณภาพและฐานะดี

Related Posts

  • 21st Century skills
    เห็น-ฟัง-รู้สึก-ลงลึกกับสถานการณ์จริง 4 เคล็ดลับสร้าง TEAMWORK ในห้องเรียน

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • 21st Century skills
    4 คำถามเปลี่ยนทีมไม่เวิร์ค ให้กลายเป็นทีมเวิร์ค

    เรื่อง The Potential ภาพ BONALISA SMILE

  • 21st Century skills
    อย่าให้ใครว่ามั่ว เช็คให้ชัวร์ก่อนแชร์ FAKE NEWS

    เรื่อง The Potential ภาพ KHAE

  • 21st Century skills
    3 ห้องเรียนฝึกความคิดสร้างสรรค์ ที่ครูไม่ต้องอ่านตำราและเขียนกระดานหน้าห้อง

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • 21st Century skills
    ในห้องเรียน ‘ความคิดสร้างสรรค์’ วัดกันได้ และไม่ต้องใช้คะแนนหรือเกรดเฉลี่ย

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel