- Thelma เป็นเรื่องราวของคุณยายวัย 90+ ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ส่งเงินประกันตัวหลานชายที่กำลังถูกจับเข้าคุก แต่แทนที่จะยอมเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกและยอมจำนนกับชะตากรรม เธอกลับตัดสินใจออกตามล่าแก๊งค์มิจฉาชีพเหล่านี้ด้วยตัวเอง
- เมื่อมีคนถูกมิจฉาชีพหลอกลวง คนบางกลุ่มมักจะหันมาโทษเหยื่อว่าตามโลกไม่ทัน ทั้งที่จริงแล้วเขาก็แค่ทำตามสัญชาตญาณเพราะอยากรู้สึกปลอดภัย ไม่ใช่ความผิดของเหยื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
- หนังเรื่องนี้เหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเสียดสีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์มิจฉาชีพ ที่ไม่ใส่ใจเหยื่อเท่าที่ควร ว่าหากช่วยเหลืออย่างเต็มที่มากกว่านี้ก็จะสามารถช่วยเหลือไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เหยื่อได้
Thelma คือเรื่องราวของคุณยายวัย 90+ คนหนึ่งที่ถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นหลานชายที่กำลังถูกจับเข้าคุกและมีตำรวจที่ต้องการค่าไถ่ตัวหลานออกจากคุกเป็นเงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์ ซึ่งคุณยายผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็รีบออกไปส่งเงินให้แก๊งค์มิจฉาชีพทันทีด้วยความเป็นห่วงหลานรัก
พล็อตของหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่พวกเรารู้สึกร่วมได้อย่างดีเพราะมีออกข่าวแทบทุกวัน พ่อแม่หรือญาติของเราต่างเคยโดน หรือพวกเราเองอาจเคยคุยกับพวกแก๊งค์มิจฯ นี้กันมาแล้วไม่มากก็น้อย
คนพวกนี้จะทำให้เหยื่อรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่มากและต้องได้รับการแก้ไขในทันที พวกมันจะพูดจนเหยื่อรู้สึกกลัว แล้วก็ส่งคนมาทำเป็นเสนอช่องทางที่ง่ายที่สุดที่จะดำเนินความสะดวกให้เพื่อให้เรารู้สึกวางใจว่าได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่แท้จริงนั้นคือการหลอกลวงทั้งหมด ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ทันข่าวหรือไม่ได้เข้าใจเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เท่าไหร่ ซึ่งคุณยายเธลมาก็เป็นหนึ่งในนั้น
เธอถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นหลานชายที่เธอรักมาก หลานปลอมหลอกว่าเขาไปต่อยคนจนถูกตำรวจจับแล้วก็มีการโอนสายให้ตำรวจคุย ตำรวจปลอมก็พร้อมแจกแจงว่าให้คุณยายทำยังไงเพื่อจะส่งเงินมาให้เขาให้เร็วที่สุด แล้วด้วยความเป็นห่วงและกลัวว่าหลานชายจะเป็นอะไรรึเปล่า คุณยายเลยรีบจัดการออกไปส่งเงินผ่านทางไปรษณีย์ทันที กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกเงินก็ถูกส่งไปให้ทางนู้นเรียบร้อยแล้ว
นอกจากจะเสียเงินแล้ว อีกอย่างที่เสียคือจิตใจของผู้สูงอายุหรือเหยื่อที่ถูกทำให้รู้สึกเสียท่า ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ถูกมองข้ามไปเสมอ คนบางกลุ่มจะหันมาโทษเหยื่อว่าเพราะเธอใสซื่อเกินไปน่ะสิ ทั้งที่จริงแล้วเขาก็แค่ทำตามสัญชาตญาณเพราะอยากรู้สึกปลอดภัย มันไม่ใช่ความผิดของเหยื่อเลยแม้แต่นิดเดียว คนที่มาหลอกคนอื่นและคนที่ทำให้ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลไปตังหากคือคนที่เราควรจะโทษ
ในตอนที่คุณยายไปแจ้งความเพื่อต้องการเงินคืน เราจะเห็นความไม่ใส่ใจของธนาคาร การทำงานล่าช้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูไปแล้วเหตุการณ์ก็แทบจะไม่ต่างจากประเทศไทยเลย ซึ่งในตอนนั้นคุณยายก็เกิดคำถามที่คล้ายกับพวกเราว่า “ทำไมถึงไม่มีใครทำอะไรพวกแก๊งค์มิจฯ นี้ได้?” “ทำไมมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กถึงไม่แบนพวกมิจฉาชีพในเฟสบุ๊ค?”
คุณยายรู้สึกว่าสิ่งที่พวกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ทำนั้นไม่ถูกต้อง เงินก้อนนั้นคือเงินที่เธอเก็บหอมรอมริบมาอย่างสุจริต แล้วในเมื่อไม่มีใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเธอได้ เธอเลยตัดสินใจลงมือทำอะไรซักอย่างด้วยตัวเองโดยการออกตามล่าหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพนี้เพื่อทวงเงินคืนแล้วสุดท้ายคุณยายก็เจอตัวพวกมันด้วย! เธอจัดการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ด้วยวิธีที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้อย่างสาแก่ใจแล้วจากมาด้วยความเท่
เรารู้สึกประทับใจกับการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยความสนุก ตลกร้าย สไตล์หนังแอคชันที่ตัวเอกเป็นคุณยายอายุ 90 ซึ่งนานๆ ทีจะได้เห็นการใช้ตัวละครเป็นคนสูงอายุที่ยังไม่ได้แค่นั่งเปื่อยๆ เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานนับรอวันจากไป แต่เธอยังสู้ พยายามเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปอย่างเต็มที่ แถมยังมีเรื่องของครอบครัวที่พยายามดูแลคุณยายจนเกิดเรื่องปวดหัวตามมามากมายอีก
และที่สำคัญคือรู้สึกเหมือนหนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตบหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์มิจฉาชีพว่า นี่ไง คุณยายอายุ 90 ที่เดินไม่ค่อยจะไหวยังตามหาตัวแก๊งค์มิจฯ พวกนี้เจอภายใน 1 วันและจัดการพวกมันจนหงายได้เลยนะ แล้วพวกเธอทำอะไรกันเหรออยู่ถึงได้ปล่อยให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่รู้จบ หรือพวกเธอไม่เคยมีความคิดที่จะพยายามทำอะไรกับมันเลย?!