- “ปัญหาไม่ได้อยู่กับพวกเขา มันอยู่กับคุณ และในการเปลี่ยนแปลงพวกเขา คุณต้องเปลี่ยนตัวเอง” – ดร.ฮิว เลน
- หัวใจสำคัญของกระบวนการ Ho’oponopono คือ “เปลี่ยนตัวเองก่อน แล้วโลกรอบตัวคุณจะเปลี่ยนไปด้วย” ด้วยการใช้ความรักและการให้อภัย เพื่อชำระล้างจิตใจและคืนความสมดุลให้ชีวิตของตัวเราเอง
- เมื่อเราแสดงความเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยมกับทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น โดยยอมรับปัญหาและความทุกข์ที่เกิดขึ้น และพยายามเชื่อมโยงดวงจิตของตนเองกับผู้อื่นและเบื้องบน เพื่อรวมจิตกับความเป็นหนึ่งที่กว้างกว่าแค่ตัวเราเอง
- การกล่าวคำทรงพลังทั้ง 4 เพื่อจะได้สลายพลังลบอันเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ ความขัดแย้ง ความเจ็บป่วย และนำสันติสุขมาสู่ตัวเรา ครอบครัว องค์กร สังคม และโลกนี้
เผชิญความทุกข์ภายในใจ
ลองถามตัวเราสิว่า เราเคยเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า?
อยู่กับแฟนก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่บ่อยๆ
อยู่กับพ่อแม่หรือมีลูกก็มีปากเสียงเถียงกันตลอด
อยู่กับพี่น้องที่บ้านแซวกันไปมากลับกลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โตได้
อยู่กับเพื่อนร่วมงานก็หมั่นไส้ กลั่นแกล้ง แถมมีปัญหาการเมืองในที่ทำงาน
อยู่กับหัวหน้าก็โดนตำหนิ ไม่พอใจกัน หรืออยู่กับลูกค้าก็ผิดใจกันได้ทุกเรื่องจริงๆ
อยู่นอกบ้านก็เจอแต่คนที่สร้างปัญหา ล่าสุดเจอคนขับรถเฉี่ยวชน โมโหเลือดร้อน ไปจบกันที่โรงพัก
นี่อาจเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราได้เสมอ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่เรารักมากอย่างสามีภรรยา ลูก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท เจ้านาย ลูกน้อง ลูกค้า เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่บังเอิญเจอ และแม้กระทั่งศัตรูก็ตาม การกระทบกันจากความสัมพันธ์กลายเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตจริง
เมื่อเจอปัญหาทุกข์ใจเหล่านี้ สิ่งที่ตามมาก็คืออารมณ์ความรู้สึกภายในตัวเราเอง เช่น ความรู้สึกร้อนในอก ขุ่นมัวในใจ คิดฟุ้งซ่าน นอนไม่หลับ แล้วยังส่งผลทางกายอีกมากมาย เช่น โกรธจนหน้าแดง ปวดท้อง ปวดหัว ความดันขึ้น เจ็บที่หัวใจ ฯลฯ เรียกว่ามีผลกระทบทั้งกายและใจ
มองดูรอบตัวเราในสังคมสมัยนี้เต็มไปด้วยคนเลือดร้อน (บางครั้งก็รวมถึงตัวเราด้วย) ที่เอะอะก็พร้อมจะปะทะด้วยความรุนแรงได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นข่าวคนขับรถปาดหน้าจนถึงกับฆ่ากัน นักเรียนตีกันเพราะเป็นคู่อริ สามีภรรยาฆ่ากันเพราะหึงหวง และอีกมากมาย ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความอารมณ์ร้อน โกรธจนไม่ลืมหูลืมตา และคิดว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย
ฉันเองก็เจอเรื่องราวจากความสัมพันธ์ ทั้งคนใกล้ตัวมาก อย่างคนในครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิท ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน แต่ก่อนเมื่อเจอแบบนี้กระทบแล้วจะหงุดหงิด ไม่พอใจ โกรธเขา แถมชิ่งมาโกรธตัวเองซ้ำเติม เหตุจากที่ไปโกรธเขานี่แหละ ทับถมและซับซ้อนหนักเข้าไปอีก
ฉันทุกข์ใจหนักมาก จนกระทั่งค่อยๆ เรียนรู้เรื่องราวการเยียวยาภายในตัวเองผ่านสารพัดศาสตร์ หนึ่งในนั้นคือ Ho’oponopono ศาสตร์โบราณของชาวฮาวาย เพื่อช่วยปลดล็อกชีวิตด้านในด้วยการขอบคุณอย่างเข้าใจและให้อภัยทั้งผู้อื่นและตัวเราเองได้อย่างแท้จริง
Ho’oponopono ศาสตร์การให้อภัยของหมอฮาวาย
“ถ้าเรายอมรับได้ว่า เราเป็นผลรวมของความคิด อารมณ์ คำพูด และการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมด
ชีวิตและทางเลือกในปัจจุบันของเรานั้นมีสีหรือเงาของความทรงจำในอดีต
เราจะเริ่มเห็นกระบวนการของการแก้ไขหรือการตั้งค่าที่เหมาะสม
ที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของเรา ครอบครัวของเรา และสังคมของเราได้”
– Morrnah Nalamaku Simeona
Ho’oponopono (ออกเสียงว่า โฮโอโปโนโปโน) เป็นกระบวนการในการแก้ไขปัญหาตามความเชื่อของชนพื้นเมืองชาวฮาวายโบราณ ซึ่งเป็นวิธีการปลดปล่อยความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตหรือสิ่งที่เราบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกออกมา เพราะเชื่อว่าความคิดหรือข้อผิดพลาดเหล่านี้ทำให้เกิดความไม่สมดุล ความเจ็บป่วยทางกายหรือโรคต่างๆ ในตัวของเรา รวมถึงการทะเลาะ และความขัดแย้งต่างๆ
คำว่า Ho’oponopono หมายถึงการทำให้ถูกต้อง หรือแก้ไขข้อผิดพลาด และหมายรวมถึงการรักษาหรือชำระล้างจิตใจด้วยการสารภาพ กลับใจ คืนดี และให้อภัย เพื่อเรียกคืนความสมดุลให้ชีวิต
ศาสตร์นี้มีที่มาจากนักบวชผู้รักษาชาวพื้นเมืองบนเกาะฮาวายที่เรียกว่า Kahuna lapa’au ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Morrnah Nalamaku Simeona จากนั้นจึงแพร่กระจายไปทั่วโลกจากคุณหมอท่านหนึ่งที่ได้พิสูจน์ศาสตร์นี้ด้วยตัวเองเป็นเวลานานกว่า 4 ปี (พ.ศ.2527 – 2530) เขาคือ ดร.ฮิว เลน (Dr.Ihaleakala Hew Len) เรื่องราวของเขาอยู่ในหนังสือขายดีชื่อ Zero Limit : The secret of Hawaiian System for Wealth, Health, Peace and more เขียนโดย ดร.โจ ไวทาลี (Dr.Joe Vitale) และดร. ฮิว เลน เล่าถึงสูตรลับโบราณของชาวฮาวายที่เรียกว่า “Ho’oponopono” ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนแปลงผู้คนจำนวนมากมาย
คุณหมอฮิว เลน เข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐฮาวาย ในแผนกจิตเวชที่รักษานักโทษอาชญากรโรคจิตขั้นร้ายแรงอยู่ คนไข้ที่มารักษาที่นี่มีแต่ประวัติอุกฉกรรจ์ ทั้งฆาตรกรโรคจิต ฆาตรกรฆ่าข่มขืน ทำร้ายร่างกาย หรือลักพาตัว ฯลฯ เป็นที่เล่าขานกันว่าแม้คนไข้เหล่านั้นจะใส่ทั้งกุญแจมือและมีโซ่ล่ามอยู่ด้วยก็ตาม แต่ก็ยังมีการทำร้ายกันระหว่างนักโทษหรือแม้แต่ผู้คุมก็ไม่เว้นแต่ละวัน จนแพทย์พยาบาลทั้งหลายต่างไม่อยากที่จะเข้าไปย่างกรายหรือทำงานที่แผนกนี้
ต่อมา ภายหลังคุณหมอฮิว เลน ได้ใช้วิธีการของชาวฮาวายโบราณที่ว่านี้ คนไข้ที่ได้รับยากล่อมประสาทก็มีอาการดีขึ้นจนไม่ต้องใช้ยาควบคุม พวกเขายังเริ่มได้รับอนุญาตให้ออกไปนอกตึกโดยที่ไม่ต้องใช้กุญแจมือหรือโซ่ล่ามเหมือนเคย รวมถึงอัตราการทำร้ายกันของนักโทษและผู้คุมลดลงอย่างเห็นได้ชัด หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในแผนกก็อยากไปทำงานมากขึ้น ในที่สุดสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลแห่งนั้นก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งแผนกจิตเวชนักโทษของโรงพยาบาลแห่งนี้ต้องปิดตัวลง เพราะไม่มีคนไข้เหลืออยู่อีก
4 คำทรงพลังของเทคนิค Ho’oponopono
สงสัยใช่ไหมว่าคุณหมอฮิว เลน ทำอย่างไรถึงเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อย่างนั้นได้
คุณหมอฮิว เลน บอกว่าสิ่งที่เขาทำในตอนนั้นคือ “ผมแค่ทำความสะอาดภายในจิตใจของผม ส่วนที่ผมจะแบ่งปันกับพวกเขา” หมายถึงเราจะบำบัดใคร ให้เราเริ่มจากตัวเราก่อนที่จะให้คนอื่น
แทนที่จะรักษาคนไข้แบบตัวต่อตัวเดิมๆ คุณหมอฮิว เลน เปลี่ยนแนวการรักษาแบบใหม่ด้วยการเลือกรักษาตนเองและเปิดใจตนเองให้กว้างก่อน เขาเริ่มจากการดูแฟ้มประวัติของคนไข้แต่ละคน แม้ยังไม่ได้เคยเจอกันเลย เขาพยายามรู้สึกถึงความเจ็บปวดของคนไข้ พยายามเข้าใจในสิ่งที่คนไข้กำลังเผชิญ และเริ่มเปลี่ยนการมองในความต่างระหว่างตัวเขาเองกับคนไข้เหล่านั้น ลองมองว่าเขาปกติเหมือนเรา และให้ความรักกับคนไข้เหล่านั้น ด้วยการส่งผ่านถ้อยคำ 4 คำที่ทรงพลังตามเทคนิค Ho’oponopono ประกอบด้วยคำว่า
- “ฉันขอโทษ” (I am sorry)
- “โปรดอภัยฉัน” (Please forgive me)
- “ขอบคุณ” (Thank you) และ
- “ฉันรักคุณ” (I love you)
หากเจาะความหมายของถ้อยคำแต่ละคำที่ใช้ในกระบวนการ Ho’oponopono ได้แก่
- “ขอโทษ” เราตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เราสังเกตและยอมรับมันว่าเรามีความรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของเรา แม้การรับรู้นี้อาจเจ็บปวดและบางครั้งเรามักจะต่อต้านไม่ยอมรับความรับผิดชอบสำหรับปัญหาที่ปรากฏว่า “มี” เช่น ปัญหาสุขภาพ ความเครียด ความโกรธแค้น ความก้าวร้าว โดยเริ่มจากสิ่งที่ดูเหมือนจะสำคัญมากและบอกว่าเราเสียใจมากที่มันเกิดขึ้น
- “โปรดให้อภัย” ไม่ว่าจะเป็นเรายกโทษให้ตัวเอง คนอื่น หรือแม้กระทั่งจักรวาล เพื่อทำให้ชีวิตเราที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้ได้รับการให้อภัย นำการปลดปล่อยให้ทั้งผู้เสนอและผู้รับ เราไม่ได้กล่าวโทษ เราให้อภัย สองอย่างนี้แตกต่างกันมาก การให้อภัยสามารถยกเลิกความติดขัดหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตได้ เพราะเรารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
- “ขอบคุณ” การกล่าวคำขอบคุณเป็นการให้ความหมายกับสถานการณ์นี้ โดยการค้นหาสิ่งที่เป็นบทเรียนสอนตัวเราเองและสิ่งที่ได้รับอนุญาตให้เรา “ทำความสะอาด” ในตัวเอง ความกตัญญูสำนึกรู้คุณจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
- “ฉันรักคุณ” เรากลับไปให้ความรัก แทนการปฏิเสธหรือผลักไส ส่งต่อความรักความเมตตาแก่ร่างกายของตัวเอง แก่ผู้คนมากมาย อากาศที่เราหายใจ บ้านที่เราอาศัย พระเจ้า และสรรพสิ่งทั่วทั้งจักรวาล พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยความรู้สึกจากหัวใจ เพื่อส่งพลังอันยิ่งใหญ่ที่เติมเต็มความรักทั้งหมด
คุณหมอฮิวเลนอธิบายถึงหลักการสำคัญของกระบวนการโฮโอโปโนโปโนว่า มาจากหลักความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเราและผู้อื่น เนื่องมาจากความคิดของเรา การกระทำของเรา และสิ่งแวดล้อมของเราเอง และเป็นความรับผิดชอบของเรา 100 เปอร์เซ็นต์ หากการที่คนไข้เหล่านั้นไม่ชอบเราและจะทำร้ายเรา นั่นก็เป็นเพราะเราไม่ได้รักเขาก่อน อาการของคนไข้ไม่ดีขึ้น ก็เพราะตัวเราเองไปมองว่าเขาไร้สติ เพราะเราไม่ได้มองเขาในทางที่ดีขึ้น
ดังนั้น เราก็ควรเริ่มแสดงความรับผิดชอบ เริ่มต้นที่ตัวเราเอง เริ่มมองว่าเขาเป็นปกติเหมือนเรา และให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองว่าเขาก็เหมือนเรา เริ่มรักเขา ด้วยการเอ่ยคำว่า “ฉันเสียใจ โปรดให้อภัยฉัน ขอบคุณ และฉันรักเธอ” การกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ซ้ำๆ มันคือกุญแจสำคัญเพื่อการเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเรา ด้วยการลบล้างข้อมูลความทรงจำในอดีต และสร้างความเป็นกลางให้เกิดขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงพลังงานนี้จะนำไปสู่การเป็นพลังงานแห่งความรักอันบริสุทธิ์
ศาสตร์ฮาวายโบราณนี้จึงเป็นการส่งความรักแทนที่ความเกลียดชัง เพราะบ่อยครั้งที่เราใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้อื่นในทางลบมากเกินไป จนแทบไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับสิ่งดีๆ ที่เราอยากเห็นหรืออยากมีได้เลย สิ่งสำคัญที่คุณหมอฮิว เลน ทำก็คือ การขจัดอคติในใจของตนเองที่มี และคนไข้เหล่านั้นก็สามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้และต้อนรับเขาเป็นอย่างดีนั่นเอง
จากถ้อยคำสู่การเยียวยาภายในตัวเราและผู้อื่น
“เมื่อเราตระหนักว่า เราคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ 100 % ในทุกสิ่งที่เราก่อให้เกิดขึ้นในชีวิต
เราจะต้องยอมรับปัญหาเหล่านั้นด้วยการมองว่านี่คือโอกาสที่ดีในการชำระล้างมันออกไปจากชีวิตของเรา เราอาจร้องขอต่อเบื้องบน ผู้รู้จักพิมพ์เขียวชีวิตของเราเป็นอย่างดี
ให้ทำการบำบัดความคิดและความทรงจำซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางเรา”
– Dr. Hew Len
ตอนแรกฉันก็ยังรู้สึกแปลกๆ กับกระบวนการเหล่านี้ แต่พอได้ฝึกและนำไปใช้ในชีวิตจริง ฉันคิดว่ามันเป็นเครื่องมือหนึ่งในการเยียวยาความสัมพันธ์และจิตใจภายในตัวเองที่ดีมาก เพราะเวลาที่เรารู้สึกผิดหรือมองโลกในแง่ร้าย การแสดงความรับผิดชอบด้วยการแก้ไขที่ตัวเอง นอกจากจะลดความเครียด กำจัดความคิดเชิงลบ เปลี่ยนเส้นทางจิตใจของเราไปสู่ความคิดเชิงบวก ลบล้างความทรงจำที่ไม่ดี และปลดปล่อยอารมณ์และความคิดรุนแรงที่เข้ามารบกวน อีกสิ่งที่ดีสำหรับฉันถือว่าเป็นการลดความเป็น “ฉัน” ลงได้เป็นอย่างดี
เมื่อใดที่เราลดความเป็น “ฉัน” ลงได้ ความสงบในใจจะตามมา และสันติภาพจะเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตัวเรา เราจะสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่สู้ดีได้ดีขึ้น และหากเราสามารถมองความไม่พึงปรารถนาที่ผ่านเข้ามาด้วยความรักได้ ฉันคิดว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก นอกจากจะเกิดสันติสุขภายในตัวเรา การเกิดสันติสุขด้วยการส่งต่อความรักให้แก่ผู้อื่นก็เป็นไปตามธรรมชาติ
เหมือนเช่นคนไข้เหล่านี้ที่ได้รับความเข้าใจ ความเห็นใจ และความรักจากคุณหมอฮิว เลน พวกเขารับรู้ถึงความจริงใจที่มีคนอยากเห็นพวกเขาเป็นคนปกติ เมื่อมีคนมองพวกเขาเป็นคนปกติ ก็ย่อมจะเกิดเป็นความเชื่อมั่นและอยากให้ตัวเองเป็นคนปกติ ตั้งใจรักษาตัวเองให้ดีที่สุดโดยตระหนักดีว่ามีคนที่รักและให้โอกาสพวกเขาอยู่ ด้วยความคิดและพลังงานจากคุณหมอฮิว เลน จึงแพร่ขยายออกไปไปยังทุกๆ คนในแผนก สุดท้าย มันจึงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลแห่งนี้ได้
เรื่องราวของคุณหมอฮิว เลน เป็นแรงบันดาลใจและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแก่ผู้คนมากมายไปแล้วทั่วโลก รวมถึงตัวฉันเอง หากคุณผู้อ่านเริ่มสนใจบ้างแล้ว เรามีแบบฝึกหัดเรื่องนี้มาฝากค่ะ
แบบฝึกหัดง่ายๆ ที่คุณก็ทำได้
วิธีการท่องมนตรากับ 4 คำทรงพลังคือ
- หลับตาและจินตนาการถึงใบหน้าของคนที่เราต้องการเยียวยาความสัมพันธ์ หรือคนที่อยู่ในความทรงจำหรือสถานการณ์ซึ่งทำให้เรารู้สึกยุ่งยากลำบากใจ
- กล่าว 4 คำสั้นๆ ซ้ำๆ ช้าๆ ทีละประโยค ด้วยความตั้งใจจริง ได้แก่ “ฉันขอโทษ” “โปรดให้อภัยฉัน” “ฉันขอบคุณ” และ “ฉันรักเธอ”
กระบวนการเยียวยาด้วย Ho’oponopono สามารถรักษาทุกด้านของตัวเราเอง ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ รวมถึงความสัมพันธ์ ด้วยคำมนตราทั้ง 4 คำนี้ จะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงและเยียวยาภายในตัวเรา เพื่อปลดปล่อยความทรงจำในอดีตและสลายพลังลบอันเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ ความเจ็บป่วย ความขัดแย้ง ความเจ็บป่วย และจะสั่นสะเทือนพลังงานไปสู่การเยียวยาผู้อื่นด้วย ซึ่งนำสันติสุขมาสู่ครอบครัว องค์กร สังคม และโลกนี้