- เมื่อพ่อแม่ใช้เกรดเป็นตัวชี้วัดคุณค่าในตัวลูก และใช้คำพูดเหน็บแนม เปรียบเทียบ เพื่อหวังกระตุ้นให้เขาเป็นไปอย่างที่คาดหวัง ผลลัพธ์คือบาดแผลในใจที่สร้างความเจ็บปวดไม่สิ้นสุด และเป็นที่มาของจดหมายที่กลั่นความรู้สึกถึงพ่อแม่ ด้วยความหวังว่าหากผู้ใหญ่คิดถึงหัวอกหัวใจของเด็กสักนิด คงไม่มีเด็กคนไหนยอมสูญเสียโลกอันสดใสและความรักในตัวเอง
“ขอให้ลูกเรียนหนังสือเก่งๆ”
สำหรับหลายคน ประโยคนี้อาจหมายถึงคำอวยพรของพ่อแม่ แต่สำหรับผม ประโยคนี้คือ ‘คำสั่ง’ ชนิดหนึ่ง ซึ่งให้ความรู้สึกหนักอึ้งทุกครั้งที่ได้ยิน
พ่อกับแม่ของผมมีความเชื่อฝังหัวว่า ‘ลูกที่ดีคือลูกที่เรียนเก่ง’ และ ‘ลูกที่เรียนไม่เก่งคือลูกที่ไม่ได้เรื่อง’ ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจสักนิดที่พ่อมักเปรียบเปรยให้ผมฟังว่า
“ถ้าให้เลือกระหว่าง ลูกที่เป็นคนดีแต่เรียนไม่เก่งหาเงินไม่ได้ กับลูกที่นิสัยไม่ดีแต่เรียนเก่งหาเงินเก่ง…กูขอเลือกอย่างหลัง”
เมื่อคำอวยพรอันหวังดีของพ่อแม่กลายสภาพเป็น ‘คำสั่งสอน’ ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ประกอบกับทัศนคติของพ่อแม่ที่มองว่า ‘ค่าของลูกอยู่ที่ผลของเกรด’ ดังนั้นเกรดแต่ละเทอมจึงเป็นดั่งตัวชี้วัดว่าผมเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่มากแค่ไหน
3.20 คือระดับเกรดเฉลี่ยของผมในช่วงประถมถึงมัธยม บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกพอใจในเกรดของตัวเองมาก หลายวิชาผมทำคะแนนได้ดี มีเพียงคณิตศาสตร์เท่านั้นที่น่าเป็นห่วงและคอยฉุดรั้งเกรดเฉลี่ยรวมของผมให้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
แต่น่าเสียดายที่ความพอใจของผมกลับไม่เคยเพียงพอสำหรับพ่อแม่ นั่นเพราะพี่ของผมที่เรียนโรงเรียนเดียวกันดันมีผลการเรียนในระดับดีเยี่ยม เกรดเฉลี่ยของพี่ไม่เคยน้อยกว่า 3.60
เช่นนี้ ผมจึงตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ทั้งเวลาที่อยู่โรงเรียน คุณครูหลายคนพากันบูลลี่ว่าผมไม่ฉลาดเหมือนพี่ แถมกลับมาบ้านก็ไม่วายถูกพ่อกับแม่ตำหนิบ่อยๆ ว่าผมโง่
“ทำไมมึงไม่ทำให้กูสบายใจเหมือนกับพี่ของมึงบ้าง(เรื่องผลการเรียน)”พร้อมสรรหาบทลงโทษสารพัด เช่น การให้กินข้าวช้ากว่าคนอื่นหนึ่งชั่วโมงและให้เล่นวิดีโอเกมได้ไม่เกินสองชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งหากผมขัดขืนตามประสาเด็กแสบ ผมก็จะถูกพ่อตบสองสามทีเพื่อเรียกสติ
ผมรู้สึกเครียดมากที่พ่อกับแม่ทำแบบนี้กับผม เพราะถ้าเกรดผมน้อยกว่า 3.00 อันนี้ผมพอจะเข้าใจ แต่นี่เล่นเอาผมไปเปรียบกับพี่ที่ต่อให้ไม่อ่านหนังสือก็ยังสอบได้คะแนนดีกว่าผมที่อ่านหนังสือแทบตายก็สอบได้เท่าเดิม
ผมมักแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ พอหยุดร้องไห้ ผมก็จะนั่งโอดครวญว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงใจร้ายกับผมขนาดนี้ ที่สุดแล้วผมก็กลายเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่หลายคนนิยามว่า ‘หน้าเหมือนคนอมทุกข์ตลอดเวลา’
อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดกลับไม่มีผลกระทบในใจมากนักเมื่อเทียบกับวันรวมญาติ ที่พ่อแม่นำผมกับพี่มาเปรียบเทียบให้ลุงป้าน้าอาฟังราวกับพี่ของผมเป็นอภิชาตบุตร ต่างกับผมที่ถูกเหน็บแนมว่ารอยหยักในสมองน้อยไปบ้าง หรือการเห็นพ่อกับแม่บลัฟกันไปมาว่าที่ผมเรียนไม่เก่งเป็นเพราะผมได้ดีเอ็นเอจากใคร ทำเอาคนในวงหัวเราะกันลั่น…แต่น่าเสียดายที่ผมกลับไม่รู้สึกตลกด้วยสักนิด
เมื่อถูกพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่กึ่งแซวกึ่งบูลลี่บ่อยๆ ผมก็เริ่มมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนโง่ และอึดอัดทุกครั้งที่ไปงานรวมญาติ
เคราะห์กรรมของผมยังไม่จบเท่านี้ แถมยังหนักหน่วงมากขึ้น ในช่วงปิดเทอมใหญ่สมัยม.3 ผมจำได้ว่าโรงเรียนจะให้ผมเลือกแผนกการเรียน แน่นอนว่าผมผู้ไม่ชอบคณิตศาสตร์ย่อมเลือกแผนก ‘ศิลป์ภาษา’ แต่พ่อกับแม่ยังคงมีชุดความเชื่อแบบผิดๆ อีกประการหนึ่ง นั่นคือเชื่อว่า “พวกศิลป์ภาษาคือพวกไม่เอาไหนและเรียนหนังสือไม่เก่ง”
ดังนั้น ไม่ว่าผมจะอธิบายเป้าหมายหลังจบมัธยมว่าอยากเรียนต่อคณะนิเทศศาสตร์ซึ่งเรียนศิลป์ภาษาก็สอบเข้าได้ แต่พ่อแม่ก็ไม่สนไม่แคร์และยังคงด่าทอผมเสมอยามที่เห็นคะแนนเน่าๆ ในวิชาคณิตศาสตร์ และเกรดเฉลี่ยรวมที่ยังขึ้นๆ ลงๆ ในระดับ 3 ต้นๆ
“มึงมันโง่เป็นควาย หัดเอาพี่มึงเป็นตัวอย่างบ้างสิ ถ้าเอ็นทรานซ์ไม่ติดไม่ต้องมาขอตังค์กูเรียนเอกชนนะ ปวดหัวจริงๆ มีลูกแบบมึงเนี่ย”
ทุกวันนี้ ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงพูดประโยคข้างต้นกับผม ผมจำได้แค่ว่าตอนนั้นผมน้ำตาร่วงออกมาแบบไม่รู้ตัว ความรู้สึกข้างในมันแหลกสลายไปหมด และตั้งแต่วันนั้นพ่อกับแม่ก็ไม่ใช่บุคคลที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต
ผมรวบรวมความกล้าไประบายความรู้สึกกับพ่อแม่ แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ “เรื่องจิ๊บๆ แค่นี้อย่ามาตอแหล” ดังนั้นเมื่อการพูดคุยไร้ประโยชน์ ผมจึงลองไปปรึกษาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจหลายท่าน บางคนบอกให้ผมลืม “ปล่อยวางเถอะ อย่าโกรธพ่อแม่เลย เดี๋ยวจะตกนรกเปล่าๆ” บางคนบอกให้ผมทำใจ “พ่อแม่เอ็งมันถูกเลี้ยงแบบโบราณ เขารักเอ็งนะ ยังไงก็อย่าคิดมากเลย” ซึ่งคำปรึกษาต่างๆ ไม่ได้ช่วยให้ผมดีขึ้นสักนิด แถมถ้าผู้ใหญ่ที่ฟังเรื่องของผมคนไหนนำสิ่งที่ผมปรึกษาไปฟ้องพ่อแม่ ผมก็จะถูกพ่อตบหน้าราวกับเป็นลูกทรพี
พ่อครับ แม่ครับ ทำไมพ่อกับแม่ถึงให้ค่าผมจากผลการเรียน
พ่อครับ แม่ครับ ผมเป็นคนเรียนไม่เก่งจริงๆ หรือแค่เรียนไม่เก่งเท่าที่พ่อกับแม่คาดหวัง
พ่อครับ แม่ครับ ทุกครั้งที่ด่าผมหรือเอาเรื่องผมไปเล่ากับญาติๆ พ่อกับแม่เคยคิดถึงความรู้สึกของผมบ้างไหม…
หรือแค่ผมเป็นลูก พ่อกับแม่จะนึกจะทำอะไรก็ได้
ผมเสียใจจริงๆ ที่พ่อกับแม่ทำลายความสุขในวัยเด็กของผม