- เด็กเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เช่นเดียวกับคนอื่นๆ พวกเขาเกิดความเครียด ไม่ใช่ความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นความคิดเพียงชั่วครู่ไม่นานก็หาย แต่สำหรับเด็กๆ หลายคน กลับเป็นความเครียดที่นำไปสู่สุขภาพจิตที่ยํ่าแย่ได้
- ญา – ปราชญา ในฐานะคนที่คอยให้คำปรึกษาเด็กที่มีปัญหา ช่วงนี้จำนวนคนที่มาขอคำปรึกษาเยอะขึ้น เพราะความกังวลของพวกเขามีมากขึ้น ทั้งเรื่องความปลอดภัยจากการเดินทางออกไปนอกบ้าน เรื่องความรุนแรงของเหตุการณ์ ปัญหาด้านการเงิน
- เมื่อเกิดปัญหาสิ่งที่ตามมาคือความเครียด ประสบการณ์ในการรับมือของเด็กอาจยังไม่มากพอ คนที่สามารถช่วยให้คำแนะนำพวกเขาได้ ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดที่สุด หนึ่งในนั้นคือ พ่อแม่ แต่ตัวเด็กเองไม่กล้าเล่าปัญหาให้พ่อแม่ฟัง เพราะกลัวพ่อแม่เครียดตาม เพื่อหาทางออกปัญหา ญาแนะนำว่า สมาชิกในครอบครัวควรช่วยกันสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันทางอารมณ์’ เปิดใจ รับฟังความคิดของกันและกัน ร่วมมือช่วยกันข้ามปัญหานี้ไปให้ได้
Illustrators ด.ช. นิปปอน Sandspace Studio
เริ่มต้นปีใหม่มาจนถึงตอนนี้ เดือนเมษายนแล้ว เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆ ท่านคงได้ยินข่าวคราวที่ถาโถมเข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคม แต่ละข่าวสร้างความหดหู่ใจ ความเศร้า และความเครียดไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ จากเหตุการณ์ 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วเดือนหน้าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก? เราจะรับมือสิ่งนั้นไหวไหม? คำถามนี้ทำให้หลายคนวิตกกังวลและหวาดกลัวกันไปไม่น้อย ถึงเหตุการณ์ในอนาคต หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่ยังไม่สิ้นสุด อย่าง Covid-19 ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือแม้แต่เด็กๆ อย่างพวกเราเอง ก็ตั้งคำถามนี้ขึ้นมาเช่นกัน
สถาบันครอบครัว ถือเป็นสถาบันที่ทำให้พวกเรา เด็กๆ และวัยรุ่น แข็งแกร่งขึ้น พร้อมเผชิญปัญหา และป้องกันตนเองจากเหตุการณ์ร้ายแรงได้ โดยไร้ซึ่งความเครียดในจิตใจ ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ในครอบครัว จะทำให้ครอบครัวเราสามารถจับมือกัน เผชิญปัญหาและฝ่าฟันไปได้
แต่ในขณะนี้กลับมีเด็กหลายๆ คนที่ ‘เครียด’ จากเหตุการณ์เหล่านั้น ไม่เพียงเป็นความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นความคิดเพียงชั่วครู่ไม่นานก็หาย แต่สำหรับเด็กๆ หลายคน กลับเป็นความเครียดที่นำไปสู่สุขภาพจิตที่ยํ่าแย่ได้ จากการสำรวจและพูดคุยกับเพื่อนๆ วัยรุ่น พบว่า ในขณะนี้พวกเรากังวลเรื่องความปลอดภัยจากการเดินทางออกไปนอกบ้าน กังวลเรื่องความรุนแรงหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ว่าเราจะสามารถรับมือและปกป้องคนในครอบครัวได้หรือไม่ และเรื่องของ Covid-19 ในขณะนี้ที่มีอัตราผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งไวรัสนี้ยังมีความรุนแรงต่อร่างกาย สามารถติดต่อผ่านคนสู่คนได้จากการสัมผัส หรืออยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อ และเรื่องของอุปกรณ์การป้องกันที่หาซื้อได้ยากในขณะนี้
รวมทั้งการที่เด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบด้านการเงินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน วัยรุ่นหลายคนเมื่อถึงช่วงเวลาปิดเทอมก็จะหารายได้เสริม ทำงานพาร์ทไทม์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวและดูแลตนเอง แต่หากมีผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ส่งผลให้วัยรุ่นหลายคนขาดรายได้ รวมทั้งยังเป็นห่วงสภาพการเงินของครอบครัวอีกด้วย
ในฐานะคนที่ให้คำปรึกษาเด็กที่มีปัญหา ช่วงนี้จำนวนคนที่มาปรึกษาเพิ่มขึ้น พวกเขาต่างได้รับผลกระทบ มีวัยรุ่นอายุ 16 ปีคนหนึ่งได้ส่งข้อความมาปรึกษา เธอกำลังศึกษาในระดับชั้นปวช. ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ปกติเธอคงทำงานพาร์ทไทม์ และขายของต่างๆ เพื่อนำเงินมาดูแลครอบครัวและจ่ายค่าเล่าเรียนของตนเอง แต่เมื่อมีสถานการณ์ของ Covid-19 ขึ้น เธอจำเป็นต้องขอพักการเรียนชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถหารายได้มาจัดการค่าใช้จ่ายได้เหมือนเดิม และเมื่อกิจการต้องพักลง ทำให้เธอไม่สามารถทำงานได้ ตอนนี้เธอมีเพียงรายได้จากการขายของซึ่งไม่มีความแน่นอน เธอยังเป็นห่วงทั้งเรื่องการเรียนของตนเอง และรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในครอบครัว เมื่อได้คุยกับเธอไปสักพักหนึ่ง เธอเล่าว่า หลายครั้งที่ความเครียดของเธอเพิ่มสูงขึ้น จนหาทางออกจากปัญหานี้ไม่พบ เธอเคยคิดที่จะทำร้ายตนเองและฆ่าตัวตายเหมือนกัน เมื่อเธอปรึกษาพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่เธอรู้จัก ส่วนใหญ่มักมองว่า ‘ก็แค่ไม่มีเงินเรียน ไม่นานก็หาใหม่ได้’ แต่สำหรับเธอการเรียนคือทั้งชีวิต เพราะหากเธอได้ศึกษาเล่าเรียน ในอนาคตเธอจะได้มีงานที่มั่นคง และเธอยังสามารถดูแลคนในครอบครัวของเธอได้เป็นอย่างดี
แม้สถานการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกคนทุกอาชีพ แต่หากพูดถึงเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว เป็นเรื่องน่าวิตกกังวลอย่างมาก เพราะส่งผลถึงด้านชีวิตความเป็นอยู่ การศึกษา ครอบครัว และอนาคตของเด็กและเยาวชน ซึ่งในขณะนี้ เธอเองก็ยังไม่ทราบว่าจะได้กลับมาเรียนเมื่อไหร่ และเงินเก็บที่มีอยู่ในขณะนี้จะพอดูแลตนเองและครอบครัวถึงเวลาที่วิกฤตินี้สิ้นสุดลงหรือไม่
อาจเป็นเพราะช่วงเวลาไม่กี่ปีที่เราเติบโตมาในโลกที่สวยงามใบหนึ่ง ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาได้พบความงดงามและความสุขภายใต้ดาวเคราะห์กลมๆ ใบนี้ แต่เมื่อเราเติบโตไปเรื่อยๆ โลกใบนี้ก็โหดร้ายต่อเราและผู้คนมากยิ่งขึ้น มีปัญหาหลายอย่างที่เข้ามา บวกกับการที่เรายังไม่สามารถวิเคราะห์หาวิธีการแก้ไขปัญหาได้ ทำให้เด็กๆ ในยุคนี้เครียดมากยิ่งขึ้น
แต่…..พวกเรากลับไม่มีโอกาสปรึกษาผู้ปกครองเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันจิตใจตนเองเลย บางครั้งอาจเป็นเพราะ ‘ไม่กล้า’ บางครั้งอาจเป็นเพราะ ‘กลัวคุณพ่อ-คุณแม่เครียดตาม’ หรือบางครั้ง พ่อแม่อาจไม่ใช่ ‘Safe Zone’ ของลูกอีกต่อไป
แล้วเราจะทำอย่างไร? ให้ครอบครัว พ่อแม่ และเด็กๆ หันกลับมาเปิดใจพูดคุยกัน และเป็นบุคคลที่มีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์และจิตใจ ไร้ซึ่งความเครียดที่อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย และการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งในขณะเดียวกัน เราก็พร้อมรับมือกับปัญหาในปัจจุบันที่ยังไม่สิ้นสุด รวมถึงปัญหาที่อาจมาในอนาคตอีกด้วย?
ทำไมเราต้องมีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ?
เชื่อว่าหลายๆ ครั้งเวลาที่คนเราประสบปัญหา มักจะมีคนบอกว่า สู้ๆ นะ เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็ผ่านไป ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ถึงแม้ว่านั่นอาจมีส่วนที่ถูกต้อง แต่ในชีวิตจริงกว่าเราจะผ่านปัญหานี้ไปได้ เราต้องผ่านอุปสรรคอย่างปัญหาสุขภาพจิตในใจของเราให้ได้เสียก่อน ใจซึ่งเต็มไปด้วยความเครียดมากมาย
เวลาที่จิตใจเรามีความเครียด เปรียบได้กับตอนที่เรากำลังถูกขังอยู่ในห้องมืด ที่ไม่มีทางออก ไม่มีแสงสว่างใดๆ ทำให้เราสิ้นหวัง และหมดหวัง เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในขณะนี้ ที่หลายคนเครียด สิ้นหวัง ดังนั้น หากเรามีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ เราจะสามารถจัดการอารมณ์ของตนเองได้ แล้วยังสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัว ตัดสินใจอย่างถูกต้อง เหมาะสม เพื่อผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน โดยไร้ซึ่งเหตุการณ์ที่อยากย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไข
มาสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ในครอบครัวกันเถอะ
- เปิดใจเล่าสู่กันฟัง เชื่อมสัมพันธ์ในครอบครัว
หลายครั้งที่เด็กๆ ไม่กล้าปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ แต่อันที่จริงแล้ว พวกเราอยากให้พ่อแม่เป็นฝ่ายเข้าหามากกว่า โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจลองชวนเด็กๆ พูดคุยว่า คิดยังไงบ้างกับปัญหาที่มีในตอนนี้
และเมื่อถึงจุดที่เด็กๆ สบายใจ เขาจะเริ่มเล่าและปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับความเครียดในตอนนี้ เมื่อครอบครัวของเรารู้แล้วว่า ใครเครียดเรื่องไหนอย่างไรบ้าง ก็ไม่ยากเลยที่จะร่วมมือกันจัดการกับความเครียดและปัญหาเหล่านั้น
พ่อแม่ในฝันของลูกๆ ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นพ่อแม่ที่ดีเด่น หรือสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง แต่พ่อแม่ที่พวกเราต้องการ คือพ่อแม่ที่เป็น ‘เพื่อน’ คอยรับฟังเราอย่างเปิดใจ คอยสนับสนุน เป็นเพื่อนที่เราปรึกษา พูดคุยได้ทุกเรื่อง เป็นเพื่อนที่เราอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา และเป็นเพื่อนที่มีเหตุผลกับเราเสมอ
และที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่อย่าปิดบัง เรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันกับพวกเรา เพราะจะทำให้เด็กๆสับสนว่าเหตุการณ์ไหนจริง หรือไม่จริง นำไปสู่การหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องได้ และอาจทำให้หวาดระแวงเกินไป และเก็บความเครียดไว้เพียงคนเดียว
- เรียนรู้การจัดการอารมณ์ร่วมกันในครอบครัว
หลายครั้งที่เรามักจะปล่อยอารมณ์ของตนเองไปตามความรู้สึก เครียดก็ปล่อยให้เครียด เศร้าก็ปล่อยให้เศร้า โกรธก็ปล่อยให้โกรธ เพราะคิดว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะหายไปเอง และไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจเรา แต่ความเป็นจริง ยิ่งเราไม่จัดการอารมณ์ของตนเองบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้สุขภาพจิตของเราแย่มากขึ้นเท่านั้น และหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ทำให้เราจัดการอารมณ์ของตนเองได้ยากขึ้นอีกด้วย
หากเรามีทักษะในการจัดการอารมณ์ของตนเอง เราเครียดได้ เศร้าได้ โกรธได้ แต่หลังจากนั้นเราต้องจัดการให้อารมณ์เหล่านี้ แม้มันจะอยู่ข้างๆ เรา ก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ และทำให้อารมณ์เหล่านี้ไม่เป็นผลต่อการตัดสินใจของเรา
โดยการจัดการอารมณ์นี้ เราสามารถทำในครอบครัวได้ โดยสร้างให้มีชั่วโมงกิจกรรมครอบครัว ลองชวนกันพูดคุยถึงอารมณ์ในแต่ละวัน แยกแยะความคิดที่ไม่ดี และความคิดที่คู่ควรแก่สมองและอารมณ์ของเรา ร่วมใช้เวลาว่างที่มีด้วยกัน ไปกับการสร้างภูมิคุ้มกันและเรียนรู้วิธีการจัดการอารมณ์
- วิเคราะห์อารมณ์ เชื่อมโยงกับปัญหา
วิธีนี้จะช่วยป้องกันความเครียดที่เกิดกับปัญหาที่เราไม่ทันตั้งตัว โดยในขั้นตอนนี้ พ่อแม่อาจชวนลูกพูดคุยถึงปัญหาที่เคยเกิดมาในอดีต แล้วลองคุยกันว่า ‘เมื่อเราเจอปัญหานั้น มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง’ บางครอบครัวเมื่อเจอสถานการณ์ปัญหาเดียวกัน แต่กลับมีอารมณ์ที่เกิดขึ้นต่างกัน แม่มีอารมณ์เศร้า ลูกมีอารมณ์เครียด พ่อมีอารมณ์โกรธ ดังนั้นแล้ว หากเราได้วิเคราะห์ปัญหานั้นแล้วเชื่อมโยงมายังอารมณ์ของเรา สังเกตว่าเราจะเกิดอารมณ์ไหนขึ้นขณะพบเจอปัญหา ก็จะทำให้เราสามารถเฝ้าระวังอารมณ์นั้นได้ ในยามที่เจอปัญหาเฉพาะหน้า
ภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ เป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ จากความอบอุ่น ความรัก ความใส่ใจ และการเปิดใจหันหน้าพูดคุยกันในครอบครัว แม้จะใช้เวลาไม่มาก แต่ทักษะนี้จะอยู่ติดตัวทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และเด็กๆ อย่างพวกเราไปอีกแสนนาน
สุดท้ายนี้ อยากเชิญชวนให้พ่อแม่ทุกท่าน ใช้เวลาอันมีคุณค่านี้กับลูกๆ สร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับคนในครอบครัว และทำให้ทุกๆ เวลาที่อยู่ร่วมกัน กลายเป็นห้วงเวลาแห่งความสุข ที่เมื่อนึกถึงทุกครั้งก็จะมีความสุขและความอบอุ่นจากครอบครัวเสมอ