Skip to content
ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)
  • Creative Learning
    Creative learningLife Long LearningEveryone can be an EducatorUnique Teacher
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Transformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent Brain
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)
Social Issues
7 July 2021

โรคระบาด ความเครียด การฆ่าตัวตาย และสถานการณ์ที่วัยรุ่นทั่วโลกกำลังแบกรับ

เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี

  • ความเครียดเรื่องอนาคตการศึกษาในช่วงโรคระบาด คาดการณ์ว่าจะมีเด็กหลุดจากการศึกษาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน การเรียนการสอนในโลกออนไลน์ที่อย่างไรมันก็แทนการพูดคุยปฏิสัมพันธ์ในห้องไม่ได้ การพัฒนาตัวตนที่ต้องการปฏิสัมพันธ์เชิงสังคม ซึ่งเกือบครึ่งชีวิตของเรา เราเข้าไปพัฒนาสร้างตัวตนในพื้นที่โรงเรียน 
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต กล่าวว่า ผลกระทบเรื่องความเครียดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดแล้วจบไปได้ง่ายและจะหายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่จะผลกระทบจะกินเวลา และอาจ ‘ดีเลย์’ ได้ นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้องเตรียมการรับมือกับความเครียดของเด็กๆ หลังโรคระบาดในระยะเวลานาน  

ช่วงนี้ข่าวคนฆ่าตัวตายเป็นใบไม้ร่วง อ่านประกบคู่ข่าว กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คาดการณ์สิ้นปี 2564 อาจมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษากว่า 6.5 หมื่นคน โอกาสต่อมหาวิทยาลัยเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยสาเหตุยากจนเฉียบพลัน จากวิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบจากวิกฤตโรคระบาด 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความเครียดเพราะการศึกษาเพียวๆ แต่ระหว่างบรรทัด เราพบความเครียดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ความกังวลต่ออนาคต ความสิ้นหวังอับจนไร้ทางออกของสมาชิกในครอบครัว…อยู่ในข่าวครบจบในเรื่องเดียว (แต่ถ้าอ่านข่าวหลายชิ้นประกอบกัน แน่นอนว่าจะต้องเห็นภาพใหญ่และกลัวเกรงกว่านี้แน่นอน) 

กราฟ: ตัวเลขการฆ่าตัวตายในประเทศไทย โดยกรมสุขภาพจิต ที่ชี้ว่าในปี 2563 ยอดการฆ่าตัวตายเกือบเท่ากับการฆ่าตัวตายหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 – 2542 

 

ในประเด็นความเครียดเรื่องอนาคตการศึกษาในช่วงโรคระบาด มีหลายประเด็นที่ต้องพูดคุย ตั้งแต่การคาดการณ์ว่าจะมีเด็กหลุดจากการศึกษาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน การเรียนการสอนในโลกออนไลน์ที่อย่างไรมันก็แทนการพูดคุยปฏิสัมพันธ์ในห้องไม่ได้ รวมทั้งการพัฒนาตัวตนที่ต้องการปฏิสัมพันธ์เชิงสังคม ซึ่ง…เกือบครึ่งชีวิตของเรา เราเข้าไปพัฒนาสร้างตัวตนในพื้นที่โรงเรียน 

ไม่รวมความอึดอัดกดดันและสิ้นหวังต่อสังคมจากวิกฤตการเมือง ที่ทำให้คนรุ่นใหม่สิ้นหวังหมดแรง ไม่อยากลงทุนกับอนาคต หดหู่ แต่ก็ก้ำกึ่งระหว่างยอมจำนนสยบต่ออำนาจ หรือ บุกทะลวงต่อสู้เพื่อกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง

แต่ก็ต้องขีดเส้นใต้ไว้ว่า นี่ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่เป็นกันทั่วโลก โดยเฉพาะกับประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อมาก ผู้เสียชีวิตเป็นแสน นั่นอาจหมายถึง ‘ญาติ’ ของนักเรียนหลายคนที่สูญเสียไปจากโรคระบาด รวมกับการรายงานข่าวการต่อสู้กับโรคร้ายรายวัน 

บทสนทนาที่เกิดในบ้านจากความเครียดทั้งโรคระบาด เศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ภายนอก ย่อมส่งผลต่อเด็ก ทั้งความเครียด ความกลัวและความกังวล  

ทั้งหมดนำมาสู่การทยอยเก็บข้อมูลและศึกษาเรื่อง ‘ผลกระทบ’ จากความเครียดสะสมในช่วงการระบาดโควิด-19 และไม่ใช่แค่โควิดระบาดแล้วจึงเครียด แต่ในเรื่องราวของชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย ความเครียดของแต่ละบุคคลมีมาก่อนหน้านั้นแล้วแน่ๆ แต่อาจเลวร้ายลงจากวิกฤตครั้งนี้ 

งานศึกษาจากทั่วโลกเหล่านี้ ก็เพื่อคุณครูและนักจิตวิทยาโรงเรียนได้ร่วมกันต่อสู้กับวิกฤตความเครียด ด้วยการปรับหลักสูตรและการรับมือเชิงจิตวิทยาทั้งในห้องเรียนและโครงสร้างใหญ่ของสังคม 

สาเหตุความเครียดสะสมจากโควิด-19 ที่เทียบภาวะซึมเศร้า และอาจกระทบแบบ ‘ดีเลย์’  

รายงานจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (The U.S. Centers for Disease Control and Prevention) เปิดเผยตัวเลขการเข้ารับการดูแล รักษา ให้คำปรึกษาของเด็กๆ ด้วยประเด็นความเครียด ระหว่างเดือนเมษายน ถึง ตุลาคม ปี 2020 พบเด็กอายุ 5 และ 11 ปี เข้ารับการดูแลสูงขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ ส่วนวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี กราฟเพิ่มสูง 31 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกัน

โดยความเครียดที่วัยรุ่นกว่า 900 คน และผู้ปกครองกว่า 2,000 คน บอกเล่าคล้ายกัน คือความกังวลว่า การระบาดครั้งนี้จะสิ้นสุดเมื่อไร สมาชิกในครอบครัวจะเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตหรือไม่ และนี่เป็นความเครียดสะสมที่เข้มข้นมากกว่าความกังวลเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเคยเป็นความกังวลอันดับต้นๆ ของพวกเขา

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ซาร่า กอร์แมน นักวิจัย และผู้อำนวยการมูลนิธิ JED มูลนิธิทำงานด้านสุขภาพจิตกับนักเรียนและมหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผลกระทบเรื่องความเครียดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดแล้วจบไปได้ง่ายและจะหายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่จะผลกระทบจะกินเวลา และอาจ ‘ดีเลย์’ ได้ 

กล่าวคือ ผลกระทบอาจไม่เกิดวันนี้ แต่เมื่อถูกกระตุ้นให้นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็อาจค่อยส่งผลกระทบทีหลังได้ อย่างที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยซึมเศร้า และเราไม่มีทางรู้เลยว่าผลกระทบที่แท้จริงและทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นด้วยเวลาเท่าไร อาจเป็นหนึ่งปีให้หลัง สิบปีให้หลัง 

นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้องเตรียมการรับมือกับความเครียดของเด็กๆ หลังโรคระบาดในระยะเวลานาน  

เนื่องจากเป็นรายงานที่โฟกัสที่สหรัฐอเมริกา มีข้อมูลเฉพาะพื้นที่ที่น่าสนใจ ระบุว่า กลุ่ม minority เช่น กลุ่มนักเรียนผิวดำ (Black) ลาติน นักเรียนชาวเอเชียน กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ มีประสบการณ์ความเครียดเพิ่มกว่ากลุ่มคนผิวขาว และจะยิ่งรายงานว่าเครียดมากขึ้น หากที่บ้านยากจน วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ก็ยิ่งซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจครัวเรือนเข้าไปใหญ่ 

ความเครียดสะสมที่อาจทำให้ไม่กลับมาเรียน 

ในตัวเลขนี้ ไม่ใช่แค่รับมือกับความเครียด แต่มันสะท้อนกลับมาถึงตัวเลขว่าเด็กๆ กลุ่มไหน สามารถกลับมาเรียนเต็มเวลาได้เหมือนก่อนเกิดโควิด 

นักเรียนผิวขาว 1 ใน 4 กลับมาเรียนแบบเต็มเวลาในห้องเรียน ขณะที่นักเรียนผิวดำ, ลาติน, อเมริกันเอเชียน กลับมาเรียนเต็มเวลาในห้องเพียง 1 ใน 10 ขณะที่ตัวเลขอีกชุดชี้ว่า นักเรียนผิวสี 64 เปอร์เซ็นต์ยังคงเรียนออนไลน์ ขณะที่นักเรียนผิวขาว 41 เปอร์เซ็นต์ กลับมาเรียนในห้องเรียน

เรื่องนี้มีผลจริงๆ เพราะโรงเรียนไม่ใช่แค่ที่เรียนหนังสือ แต่มีบุคคล มีครู มีเพื่อน มีปฏิสัมพันธ์ และเป็นเรื่องจริงที่ว่า เด็กทุกคนไม่ได้มีความสุขดีกับการอยู่ที่บ้าน หลายคนถูกทารุณ โดดเดี่ยว และปัญหาครอบครัวหลายอย่าง การมาโรงเรียน อย่างน้อยก็มีผู้ใหญ่หลายคน ที่อาจเป็น ‘หนึ่งคนในโลก’ ที่มีปฏิสัมพันธ์กับเค้า และอาจทำให้เด็กคนนึงเติบโตมาได้อย่างมีบาดแผลน้อยที่สุด 

ชวนดูตัวเลขที่ JED ทำข้อมูลความเครียดของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุ 2-18 ปี และ ตัววัยรุ่นเองอายุ 13-18 ปี ที่เล่าว่า ความเครียดในช่วงเวลานี้ มีเรื่องอะไรบ้าง 

กราฟ JED Foundation and Fluent Research

  

สุดท้าย บทสรุปของบทความนี้และงานวิจัยรวบรวมข้อมูลความเครียดสองสามชิ้นใน Education Week อาจไม่ได้บอกวิธีแก้แบบตรงไปตรงมา แต่เป็นเพียงการสร้างตระหนักและเข้าใจปัญหาว่า ความเครียดที่เกิดจากวิกฤตโรคระบาด ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่ส่งผลกระทบกินลึก อาจเทียบเคียงไม่ได้กับวิกฤตใหญ่แบบ 911 หรือสงครามกลางเมือง แต่มันเป็นเป็น ‘ความเครียดสะสม’ (chronic stress) เครียดเล็กน้อยแต่สะสมไม่จางหายเป็นระยะเวลานาน เหมือนเราถือของหนักที่รังแต่มีคนวางของบนแขนเพิ่ม เราค่อยๆ ชินกับการถือของหนัก ที่พลอยจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ปรับตัวให้ชินได้แต่สุดท้ายอาจทำให้หลังหักทันทีทันใดไม่รู้ตัว 

งานวิจัยเหล่านี้ไม่มีวิธีแก้ เป็นแต่เพียงข้อมูลเอาไว้ยันกับหน่วยงานการศึกษาหลายภาคส่วนว่าต้องเร่งทำงานแก้ปัญหาความเครียดในเด็ก เพียรเช็คตัวเลขการกลับหรือไม่กลับเข้ามาเรียนต่อในวันที่ประเทศพร้อมเปิด และเรากลับมามีวิถีปกติอีกครั้ง และการลงทุนทางการเงินกับการช่วยเหลือเด็กๆ จัดการความเครียดในหมวดสังคมสงเคราะห์ 

ทั้งหมดนี้ บ้านเราเองต้องเร่งจัดการ ตัวเลขนักเรียน 6.5 หมื่นคนหลุดจากระบบการศึกษา และโอกาสต่อมหาวิทยาลัยเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์นั้น อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ และนี่คือทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรของชาติ ที่เราต้องเร่งระดมทุกสรรพกำลัง เป็นกำลังหลักฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤตโควิด…ที่ไม่รู้เลยว่าจะจบลงเมื่อไร และมันจะพลิกโฉมประเทศและโลกไปขนาดไหน 

 อ้างอิง

https://www.edweek.org/leadership/data-what-we-know-about-student-mental-health-and-the-pandemic/2021/03

https://www.edweek.org/leadership/the-pandemic-will-affect-students-mental-health-for-years-to-come-how-schools-can-help/2021/03

เด็กอาจหลุดระบบการศึกษา 6.5 หมื่นคน เหตุยากจนเฉียบพลัน (prachachat.net)

Tags:

ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)การศึกษาความเครียดซึมเศร้าวัยรุ่น

Author:

illustrator

ณิชากร ศรีเพชรดี

แอดมิชชันเข้าคณะการเขียนและสิ่งพิมพ์เพราะคิดว่าเขาจะสอนให้เขียนนิยาย แทนที่จะได้เขียนจากจินตนาการ อาจารย์และทุกอย่างที่นั่นเคี่ยวกรำให้ทำ-คิด-เขียน-รู้สึกกับประเด็นสังคม ยังคงสนุก(มาก)กับงานสื่อสาร ฝันสูงสุดคือยังเข้มแข็งเขียนงานได้อย่างมีคุณภาพและฐานะดี

Related Posts

  • How to get along with teenager
    Teenage Burnout : ภาวะหมดไฟในวัยรุ่นวัย (หมด) ฝัน

    เรื่อง จณิสตา ธนาธรชัย ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • How to get along with teenager
    ในวันที่โลกดูสิ้นหวัง และตัวฉันที่กำลังจะหมดหวังกับตัวเอง : EP.3 “I am worth enough.”

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • How to get along with teenager
    ในวันที่โลกดูสิ้นหวัง และตัวฉันที่กำลังจะหมดหวังกับตัวเอง : EP.1 ‘I feel hopeless.’

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Social Issues
    ในวันที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับสังคมไม่โอเค : คุยกับสมภพ แจ่มจันทร์ Knowing Mind

    เรื่อง เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา

  • ‘ล้อเลียน’ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ : เส้นบางๆ ระหว่าง playful กับ hurtful ที่ทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน

    เรื่อง นฤมล ทับปาน ภาพ อัคคเดช ดลสุข

  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel