- โรงเรียนในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้ใช้ ‘ภาษาไทย’ เป็นภาษาหลักในชีวิตประจำวัน มักประสบปัญหาในการสื่อสารซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียนรู้ด้านอื่นๆ ซึ่งหลังจากเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนมาเป็น Online หรือ On-hand ก็ยิ่งทำให้พบปัญหานักเรียนมีความถดถอยในการเรียนรู้ภาษาไทยมากเป็นพิเศษ
- โรงเรียนบ้านแม่ตะละ ก็เป็นโรงเรียนหนึ่งที่นักเรียนทั้งหมดเป็น ‘กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง’ และใช้ภาษาถิ่นเป็นหลักในการสื่อสาร ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้เกิดปัญหาการเรียนรู้ถดถอยในวิชาภาษาไทยเช่นเดียวกัน
- The Potential นำเสนอตัวอย่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้ ‘Learning Box’ หรือ นวัตกรรมกล่องบัตรคำ ของ ครูชุติมา พะคะ ครูสอนวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านแม่ตะละ ที่ช่วยให้เด็กสามารถฟื้นฟูการเรียนรู้ของตัวเอง
ภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) นับเป็นปัญหาสำคัญในวงการศึกษาไทย ซึ่งมีปัจจัยซ้ำเติมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดขึ้นกับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ที่มีปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารและพื้นฐานทางเศรษฐกิจของครอบครัว
เป็นที่ทราบกันดีกว่า โรงเรียนในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้ใช้ ‘ภาษาไทย’ เป็นภาษาหลักในชีวิตประจำวัน มักประสบปัญหาในการสื่อสารซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียนรู้ด้านอื่นๆ ซึ่งหลังจากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนจาก On-site มาเป็น Online หรือ On-hand ก็ยิ่งทำให้พบปัญหานักเรียนมีความถดถอยในการเรียนรู้ภาษาไทยมากเป็นพิเศษ
เช่นที่ โรงเรียนบ้านแม่ตะละ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่กว่าร้อยกิโลเมตร นักเรียนทั้งหมดที่นี่เป็น ‘กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง’ ใช้ภาษาถิ่นเป็นหลักในการสื่อสาร ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เด็กๆ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ทำให้เกิดปัญหาการการเรียนรู้ถดถอยในวิชาภาษาไทย แต่คุณครูที่นี่ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหานวัตกรรมเพื่อช่วยให้เด็กสามารถฟื้นฟูการเรียนรู้ของตัวเองให้ได้มากที่สุด
The Potential นำเสนอตัวอย่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้ ‘Learning Box’ หรือ นวัตกรรมกล่องบัตรคำ ของ ครูชุติมา พะคะ ครูสอนวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านแม่ตะละ ต.แม่แดด อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
โดยถอดความจากเวที Online PLC ครั้งที่ 8 โครงการครูเพื่อศิษย์ ปี 2
ภาษาไทย บันไดขั้นแรกของการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มชาติพันธุ์
โรงเรียนบ้านแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 6 ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 130 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองราว 2.30 – 3 ชั่วโมง
ครูชุติมาและครูโรงเรียนบ้านแม่ตะละ เห็นถึงความสำคัญของ ‘ภาษาไทย’ โดยมองว่าเป็นภาษาที่สำคัญมากสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ เพราะชีวิตประจำวันของคนในพื้นที่นี้ล้วนเข้าถึงสื่อหรือติดต่อราชการต่างๆ เป็นภาษาไทย จึงควรจะต้องมีพื้นฐานที่ดี เพื่อต่อยอดในการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษา รวมถึงการประกอบอาชีพในอนาคต
“ที่นี่ทั้งโรงเรียนใช้ภาษาถิ่นในการสื่อสาร เพราะฉะนั้นเรื่องการเรียนการอ่านภาษาไทยก็จะอ่อนกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนในเมือง สิ่งที่เน้นที่สุดจึงเป็นการเรียนภาษาไทยค่ะ เพราะเราอยากจะให้การใช้ภาษาไทยของเด็กดีขึ้น”
ข้อดีของการที่ครูชุติมาเป็นครูกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้ไม่มีปัญหากำแพงภาษา เพราะคำไหนในภาษาไทยที่นักเรียนอาจจะไม่เข้าใจความหมาย หรือว่าอ่านแล้วไม่รู้คำแปล ครูก็สามารถอธิบายเป็นภาษาในท้องถิ่นให้นักเรียนเข้าใจได้ทันที
แต่หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอนจากปกติมาเป็นรูปแบบ On-hand ให้นักเรียนกลับไปทำใบงานที่บ้าน โดยมีครูคอยติดตามประเมินการอ่านการเขียน ปรากฏว่านักเรียนถดถอยในการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เพราะไม่สามารถทำใบงานด้วยตัวเองได้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการอ่านภาษาไทยของนักเรียน โดยเลือกระดับชั้นศึกษาปีที่ 2 เป็นระดับชั้นนำร่องเนื่องจากมีความถดถอยทางการเรียนรู้ ในช่วงชั้นที่ 1 และเพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการสอบ NT ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
“ปัญหาที่พบคือ ครูไม่สามารถที่จะเข้าไปเยี่ยมเด็กได้ครบทุกคน เพราะผู้ปกครองของนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรต้องไปทำงานที่ไร่ที่สวน บางทีเขาก็พาเด็กไปช่วยงานที่ไร่ที่สวนด้วย แล้วทีนี้พอครูไปเยี่ยมบ้านก็อาจจะทำให้ไม่เจอ ปัญหาอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่มีเวลาช่วยสอนเด็กที่บ้านทำให้การพัฒนาการอ่านเขียนอาจจะล่าช้าหรือว่าถดถอยลงไปบ้าง” ครูชุติมา กล่าว
Learning Box บัตรคำบัญชีคำศัพท์ ปรับเจตคติสู่การเรียนรู้
เมื่อมองเห็นอุปสรรคในการเรียนรู้ของเด็กๆ คณะครูโรงเรียนแม่ตะละได้ร่วมกันพูดคุยผ่านวง PLC เพื่อหาวิธีพัฒนาการเรียนรู้ภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยได้ข้อสรุปเป็นนวัตกรรม Learning Box ‘บัตรคำบัญชีคำศัพท์พื้นฐานของชั้นประถมศึกษาปีที่ 2’ ซึ่งทดลองใช้ในปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมา กับนักเรียนทั้งสิ้น 29 คน
หลังจากนั้นเมื่อโรงเรียนเปิดเรียน on-site ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ จึงได้นำ Learning Box นี้มาให้นักเรียนใช้อีกครั้ง โดยครูจะลิสต์ทุกคำในระดับประถมศึกษาปีที่ 2 มารวมกันทำเป็นบัตรคำ แล้วจัดทำแบบประเมินต่างๆ เช่น แบบประเมินก่อนอ่าน หลังอ่าน การอ่านรายบุคคล และแบบประเมินการอ่านจากผู้ปกครอง เป็นต้น
“เป้าหมายข้อแรกคือ เพื่อให้นักเรียนรู้จักอ่านสะกดคำและอ่านคำพื้นฐานที่เหมาะสมกับระดับชั้นของตนเองได้ ข้อสองคือต้องการให้นักเรียนอ่านออกเสียงพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และตัวสะกด เพื่อพัฒนาการอ่านของตนเองได้อย่างถูกต้อง ข้อสามคือ ต้องการให้นักเรียนอธิบายคำ ความหมายของคำในภาษาไทยและในกิจกรรมได้ และมี Attitude คือ ต้องการให้นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มีความมุ่งมั่นในการทำงานที่เป็นระบบ ที่สำคัญคือต้องการให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาไทยค่ะ” ครูชุติมา บอกถึงความตั้งใจ
ขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้ผ่าน Learning Box บัตรคำบัญชีคำศัพท์
ชั่วโมงแรกของขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน
2. ครูนำนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการอ่านคำในภาษาไทย
ขั้นสอน
1. ทบทวนหลักการอ่านสะกดคำในภาษาไทย โดยนักเรียนบอกพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกด
2. ครูอธิบายการอ่านสะกดคำ ในบัตรคำ ให้นักเรียนเข้าใจ โดยครูอ่านเป็นตัวอย่างให้นักเรียนฟันละให้นักเรียนอ่านตาม
3. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ครูมอบกล่อง Learning Box จำนวน 4 กล่อง ให้แต่ละกลุ่มโดยมีตัวแทนกลุ่ม 1 คนออกมาหยิบบัตรคำ ออกมาให้เพื่อนในกลุ่มร่วมกันอ่านแบบสะกดคำพร้อมกัน
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มเข้าใจวิธีการอ่านสะกดคำ อ่านเป็นคำ สลับกันอ่านจนครบทุกบัตรคำ โดยในบัตรจะแยกสีสำหรับ สระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านของนักเรียน
ขั้นสรุป
1. ครูนำตัวอย่างบัตรคำออกมาทีละบัตรคำ แล้วให้นักเรียนทั้งห้องร่วมกันอ่านสะกดคำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง
2. ให้นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นจากการฝึกอ่านบัตรคำ
3. นักเรียนคัดเลือกคำ ในบัตรคำคนละ 10 คำ เพื่อนำไปคัดลงในสมุดและฝึกอ่าน
โรงเรียนจะจัดกิจกรรมบัตรคำ Learning Box วันละ 1 ชั่วโมง เป็นรายวิชาภาษาไทยเพิ่มเติม โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมด 2 เดือน ตอนที่เปิดเรียนแบบ On-site โดยที่ครูจะเปิดอิสระให้นักเรียนได้แบ่งหน้าที่กันในกลุ่ม เลือกตัวแทนกันเอง แล้ววนสลับกันมาถือบัตรคำให้เพื่อนอ่านออกเสียงภาษาไทยจนครบทุกคน
ชั่วโมงที่ 2 ของขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ครูและนักเรียนร่วมสนทนาทบทวน ถามตอบ ยกตัวอย่างคำในภาษาไทยบางคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด เนื่องจากหากเป็นคำที่ไม่ตรงมาตราตัวสะกด เด็กจะอ่านไม่ค่อยได้
ขั้นสอน
1. ทบทวนหลักการอ่านสะกดคำในภาษาไทย คำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด
2. นักเรียนจับคู่กัน (คนอ่านเก่งคู่คนอ่านไม่เก่ง) และเลือกบัตรคำคนละ 20 คำ เพื่อนำมาสลับกันอ่านให้กันฟัง แบบเพื่อนช่วยเพื่อน
3. นักเรียนนำบัตรที่นักเรียนเลือกเองมาอ่านให้ครูฟังทีละคน (ถ้าไม่ครบคน ก็จะต่อด้วยเวลานอกหลังเลิกเรียน)
4. ครูประเมินการอ่านของนักเรียนทีละคน โดยใช้แบบประเมิน
ขั้นสรุป
1. นักเรียนร่วมกันเลือกอ่านคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา ในกล่อง Learning Box ร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้
2. ให้นักเรียนเลือกบัตร 10 คำจากในกล่อง Learning Box กลับไปอ่านที่บ้านให้ผู้ปกครองฟัง และมีแบบประเมินให้นักเรียนเอาไปให้ผู้ปกครองประเมินที่บ้าน
ครูชุติมาเล่าว่า ที่ผ่านมายังคงพบปัญหาการที่เด็กบางคนไม่กล้าอ่านออกเสียง หรือตามเพื่อนได้ช้า ซึ่งในกรณีนี้ครูใช้วิธีการให้นักเรียนที่อ่านเก่งจับคู่บัดดี้กับนักเรียนที่ยังอ่านไม่เก่ง เพื่อที่จะช่วยให้นักเรียนตามเพื่อนทัน และเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นกลุ่มของนักเรียน ซึ่งจากการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริงจากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยวิธี Learning Box สรุปผลได้ว่านักเรียนสามารถอำนคำบัญชีคำพื้นฐานได้ถูกต้องมากขึ้น
และจากการสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ครูชุติมาพบว่า นักเรียนสามารถฝึกสะกดคำได้ถูกต้องตามสีในบัตร สามารถจำรูปสระ ตัวสะกดได้มากขึ้น ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารมากขึ้น กล้าอ่านออกเสียงคำมากขึ้น และให้ความร่วมมือกับการจัดกิจกรรมกลุ่มมากขึ้น
‘บ้าน’ กองหนุนสำคัญเสริมการเรียนรู้ที่ ‘โรงเรียน’
นอกจากการเรียนรู้ที่โรงเรียนแล้ว การมีส่วนร่วมของครอบครัวถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนแม่ตะละเอง ก็ได้อาศัยความร่วมมือจากพ่อแม่ผู้ปกครองเช่นเดียวกัน
“จากที่ได้ทำกิจกรรมมา ผู้ปกครองส่วนหนึ่งก็ให้ความร่วมมือช่วยประเมินการอ่านของบุตรหลานเป็นอย่างดี มีการประเมินเด็กตามสภาพความเป็นจริงสะท้อนกลับมาให้ครู แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง เนื่องจากผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลา เพราะต้องไปทำงานการเกษตรของเขา แต่ในปีการศึกษานี้ก็คาดการณ์กันว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นค่ะ
แต่เนื่องจากว่าครูเองก็เป็นคนท้องถิ่น ก็จะมีความคุ้นเคยและรู้กันเองอยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ผู้ปกครองคือใคร อยู่บ้านหลังไหน ตอนเย็นเราก็พยายามไปเยี่ยมหรือโทรหาผู้ปกครอง ว่า “มีการบ้านนะ ให้เด็กอ่านแล้วให้ผู้ปกครองช่วยประเมินหน่อยนะคะ” เพราะส่วนใหญ่เสาร์อาทิตย์ครูก็ไม่ไปไหนเพราะเป็นคนที่นี่ ก็จะได้เจอผู้ปกครองบ้าง เราอาศัยความเป็นครูในพื้นที่และเสริมแรงให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมค่ะ”
จากการจัดกิจกรรมโดยใช้บัตรคำ ครูชุติมาเล่าว่าในช่วงที่โควิดระบาดและต้องปิดโรงเรียนในระยะหนึ่ง ครูก็อนุญาตให้เด็กๆ นำบัตรคำกลับไปฝึกอ่านที่บ้านได้
“เราให้นักเรียนเลือกเองจากคำในบัญชี Learning Box ค่ะ ว่าจะเลือกคำไหน อาจจะเป็นคำง่ายๆ ที่นักเรียนเคยอ่านเองได้แล้ว ก็ให้เอาไปอ่านให้ผู้ปกครองฟังที่บ้าน พออีกวันก็ให้นักเรียนนำมาคืน สลับกันไป คำไหนที่นักเรียนอ่านได้แล้วก็ให้สอนเพื่อน ก็จะทำให้เด็กอ่านได้มากขึ้น
เมื่อเด็กๆ สามารถอ่านและพูดภาษาไทยได้ชัดมากขึ้นกว่าเดิม เขาก็จะตื่นเต้น เพราะเด็กที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่กล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าถาม พอครูบอกว่านักเรียนกล้าพูดและอ่านคำได้ถูกต้องมากขึ้น เด็กเขาก็จะดีใจกัน และพอเราบอกเด็กว่าปีนี้ยังมีกิจกรรมนี้อยู่นะ เด็กก็ตื่นเต้นและดีใจเหมือนกันค่ะ”
สำหรับปีการศึกษา 2565 นี้ โรงเรียนบ้านแม่ตะละยังคงจัดกิจกรรม Learning Box ปลดล็อกการอ่าน-เขียนภาษาไทย ไปสู่ระดับชั้นอื่นๆ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ไปจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วย