- อาการเสพติดวิดีโอสั้น (Short Video Addiction) มีลักษณะคล้ายกับการเสพติดสารเคมีหรืออุปนิสัยบางอย่างคือ ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ต้องติดตามดูวิดีโอพวกนี้อย่างไม่หยุดจนเกิดผลเสียกับการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
- แนวโน้มการติดวิดีโอสั้นที่มากขึ้นส่งผลกระทบทางลบ ผลกระทบร้ายแรงคือทำให้เป็นคนสมาธิสั้น ตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่เรียนหรือสิ่งที่สนใจได้ยากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับการเรียนอย่างแน่นอน
- วิดีโอสั้นก็เหมือนสารเสพติดอื่นหรือนิสัยบางอย่างที่ทำซ้ำแล้วติดได้ จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่อาจส่งผลกระทบต่อไปในระยะยาวได้
แพลตฟอร์มคลิปสั้นหรือวิดีโอสั้นอย่าง TikTok และ Reel ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีตัวเลขการชมคลิปสั้น TikTok มากถึง 4,000 ล้านครั้งทั่วโลกในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2018 ถึงพฤศจิกายน 2022 จนทำสถิติเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้เข้าชมสูงสุดในช่วงดังกล่าว [1]
ขณะที่ซีรีส์ละครสั้นแนวตั้งของจีนที่เหมาะจะชมด้วยมือถือก็โด่งดังและได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเช่นกัน ในประเทศจีนมีผู้ชมละครพวกนี้มากกว่า 1,000 ล้านคน ครอบคลุม 95% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดทั่วประเทศ [2] สร้างรายได้ชนิดที่เรียกว่าถล่มทลาย ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยเรื่อง ‘กลไก’ การทำงานของแพลตฟอร์มเหล่านี้
คำถามอื่นที่สำคัญก็เช่น ทำไมถึงทำให้คนติดกันงอมแงมเหมือนติดยาได้ขนาดนี้? แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันหรือมากกว่าก็คือ นอกจากผลดีเรื่องให้ความบันเทิงจนแทบเกินห้ามใจแล้ว จะมีผลเสียอะไรอะไรในระยะสั้นและระยะยาวบ้างหรือไม่?
บางคนอาจผ่านตาเรื่องที่พจนานุกรมฉบับอ็อกซ์ฟอร์ดบรรจุคำว่า Brain Rot ไว้ในปี 2024 โดยนิยามว่าเป็น ‘การเสื่อมสภาพของสภาวะทางจิตหรือสติปัญญาของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นผลมาจากการบริโภคเนื้อหาออนไลน์ที่ไร้สาระหรือไม่ทำให้เกิดความท้าทายในการใช้สมองมากจนเกินควร และยังใช้เรียกสิ่งที่นำไปสู่การเสื่อมสภาพดังกล่าวด้วย’ [3]
คำถามสำคัญอีกคำถามหนึ่งได้แก่ คลิปสั้นทั้งหลายที่ว่ามาข้างต้นเป็นตัวการทำให้เกิดปรากฏการณ์ Brain Rot ได้จริงหรือไม่?
เริ่มมีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยตอบคำถามเหล่านี้ทยอยออกมาเรื่อยๆ แล้วนะครับ คำถามข้างต้นหลายคำถามก็ได้รับความกระจ่างพอสมควรแล้ว ดังจะเล่าให้ฟังในบทความนี้ต่อไป
เรื่องแรกคือ อาการเสพติดวิดีโอสั้น (Short Video Addiction, SVA) เหล่านี้มีอยู่จริง ลักษณะคล้ายกับการเสพติดสารเคมีหรืออุปนิสัยบางอย่างคือ ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ต้องติดตามดูวิดีโอพวกนี้อย่างไม่หยุดจนเกิดผลเสียกับการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
โดยในการศึกษาของนักวิจัยชาวจีนที่ตีพิมพ์ในปี 2022 ชิ้นหนึ่ง ซึ่งศึกษาในวัยรุ่นชาวจีนอายุไม่ถึง 18 ปีจำนวน 242 คน นักวิจัยสรุปผลการทดลองว่า อาการเครียดหรือหมดไฟ (burn out) นั้นอาจเป็นผลมาจากการเสพติดวิดีโอแบบนี้ได้ นอกจากนี้การเสพวิดีโอเหล่านี้มากเกินไปทำให้อาสาสมัครวัยรุ่นมีความสุขลดลง ทั้งยังทำให้ความสัมพันธ์กับพ่อแม่แย่ลง และลดความมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ ลดลงอีกด้วย [4]
ในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง [5] ที่ทำกับอาสาสมัครที่โตขึ้นมาหน่อยคือ นักศึกษาระดับปริญญาตรีจาก 7 มหาวิทยาลัย รวม 1,047 คน อายุ 17-25 ปี (ชาย 593 คน หญิง 454 คน) เป็นนักศึกษาปีหนึ่งรวม 310 คน ปีสองรวม 246 คนและปีสามรวม 491 คน โดยนักศึกษาจะได้รับ link และ QR Code จากอาจารย์ผ่านทางแอป WeChat จากนั้น นักศึกษาก็ต้องกรอกแบบสอบถามส่งให้กับนักวิจัย โดยในการสำรวจจะเป็นแบบนิรนาม
นักวิจัยสรุปผลการทดลองว่า การติดวิดีโอสั้นนอกจากส่งผลโดยตรงทำให้นักศึกษามีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ไม่อยากเรียนแล้ว ยังส่งผลทางอ้อมด้วยคือ ทำให้ไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนอีกด้วย
แต่ผลลัพธ์ที่ชวนให้ประหลาดใจคือ พบว่านักศึกษาที่มีแนวโน้มเบื่ออะไรง่าย กลับเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการขาดสมาธิจากสาเหตุนี้น้อยกว่าคนทั่วไป หากคนกลุ่มนี้ดูวิดีโอสั้นกลับช่วยปรับอารมณ์ความรู้สึกและไม่ติดง่ายเท่ากับคนทั่วไป กระนั้นก็ตาม นักศึกษากลุ่มดังกล่าวที่ขี้เบื่อ ก็มีจุดอ่อนสำคัญคือ มักแสดงอาการของคนขี้เหงาและขาดความมั่นใจในตัวเอง [5]
ถึงตรงนี้ก็ขอสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาหรือนักศึกษาระดับปริญญาตรีก็ได้รับผลกระทบจากการเสพวิดีโอสั้นมากเกินควรได้ ผลกระทบร้ายแรงคือทำให้เป็นคนสมาธิสั้น ตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่เรียนหรือสิ่งที่สนใจได้ยากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับการเรียนอย่างแน่นอน (ไม่มากก็น้อย)
ในงานวิจัยชิ้นต่อไปที่เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเจ๋อเจียงและมหาวิทยาลัยแห่งเมืองหางโจว พยายามเจาะลึกลงไปที่กลไกการทำงานของสมอง เพื่อดูว่าวิดีโอสั้นส่งผลลบอย่างไรต่อการตั้งสมาธิของนักศึกษามหาวิทยาลัย [6]
ในการทดลองนี้มีการนำเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าในสมองหรือ อีอีจี (EEG, Electroencephalogram) มาใช้บันทึกการทำงานของสมองขณะที่อาสาสมัคร 48 คน (ชาย 13 คน หญิง 35 คน) ทำแบบทดสอบที่เรียกย่อว่า ANT หรือการทดสอบเครือข่ายเซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้องความจดจ่อหรือสมาธิ (Attention Network Test)
โดยที่วิธีการทดลองทำดังนี้ครับ อาสาสมัครที่มีอายุเฉลี่ย 21.8 ปีกลุ่มนี้จะต้องทำแบบสำรวจออนไลน์นาน 15 นาที จากนั้นจะให้พักได้ 3 นาที ก่อนจะทำทดสอบ ANT ต่อไปนาน 10 นาทีและได้พักอีกครั้ง ขณะที่อาสาสมัครทำแบบทดสอบไปก็จะมีการวัดคลื่นไฟฟ้าสมองไปด้วย แล้วจึงนำข้อมูล EEG มาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ทางสถิติของการทำแบบทดสอบ ANT
นักวิจัยสรุปจากผลการทดลองที่ได้ว่า แนวโน้มการติดวิดีโอสั้นที่มากขึ้นส่งผลกระทบทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการควบคุมตัวเอง (ควบคุมตัวเองได้น้อยลง) และลดความสามารถในการตั้งสมาธิจดจ่อ (ตั้งสมาธิได้ยากขึ้น) [6]
โดยเมื่อตัดปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง (ความกังวลใจ ความเครียด อายุ เพศ ฯลฯ) ออกแล้ว ผลการวัดคลื่นไฟฟ้าสมองทำให้เห็นถึงความสำคัญของสมองส่วนพรีฟรอนทัลคอร์เท็กซ์ (Prefrontal Cortex) ที่ใช้ควบคุมความคิดและการตัดสินใจว่า แสดงผลในแบบเดียวกับสภาวะที่สังเกตเห็นได้ในสมองของคนที่มีติดสารเคมีบางอย่าง และยังคล้ายกับสมองของผู้มีอาการติดอินเทอร์เน็ตหรือติดการเล่นเกมที่เคยมีการศึกษาไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วย
การทดลองอีกชิ้นหนึ่งที่เพิ่งตีพิมพ์เมื่อต้นปีนี้ (2025) เอง [7] แสดงให้เห็นว่า ในคนที่ติดวิดีโอสั้นมีขนาดของสมองส่วน OFC (orbitofrontal cortex) และ bilateral cerebellum ที่ใหญ่กว่าปกติ ขณะที่คนที่ติดวิดีโอสั้นอย่างหนักจะเกิดการทำงานโดยอัตโนมัติของสมองส่วน DLPFC (dorsolateral prefrontal cortex) PCC (posterior cingulate cortex) รวมไปถึง cerebellum และ TP (temporal pole) มากกว่าปกติ
โดยยิ่งมีอาการติดวิดีโอมาก สมองส่วนเหล่านี้ก็จะ ‘จุดติด’ ทำงานเองแบบอัตโนมัติง่ายขึ้นมากเท่านั้น
นอกจากนี้ยังพบอีกด้วยว่า มีการกระตุ้นการทำงานของยีนส่วนที่ควบคุมการกระตุ้นหรือยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ‘มากผิดปกติ’ ในสมองส่วนซีรีเบลลัมในวัยรุ่นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่ามีการกระตุ้นให้ยีนจำเพาะบางอย่างทำงานขึ้นมาในสมองส่วน GMV (gray matter volume) หากมีอาการติดวิดีโอสั้น
นี่อาจเป็นผลการวิจัยชิ้นแรกๆ ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างการติดวิดีโอสั้นกับการเปลี่ยนแปลงของสมองส่วนต่างๆ อย่างเป็นระบบ รวมทั้งผลกระทบระดับพันธุกรรม (ยีน) อย่างจำเพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยยังน้อยอยู่และอาจจำเป็นต้องรอผลการทดลองโดยกลุ่มอื่น
แต่นี่ก็อาจเป็นคำเตือนว่า วิดีโอสั้นก็เหมือนสารเสพติดอื่นหรือนิสัยบางอย่างที่ทำซ้ำแล้วติดได้ จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่อาจส่งผลกระทบต่อไปในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง
[1] Chen, I. H., et al. (2020). Time invariance of three ultra-brief internet-related instruments: smartphone application-based addiction scale (SABAS), Bergen social media addiction scale (BSMAS), and the nine-item internet gaming disorder scale-short form (IGDS-SF9) (study part B). Addict. Behav. 101:105960. doi: 10.1016/j.addbeh.2019.04.018
[2] The 54st statistical report on China’s internet development (p13–14). (2024). CNNIC. htt ps://www.cnnic.net.cn/n4/2024/0829/c88-11065.html. เข้าถึงข้อมูลวันที่ 30 ต.ค. 2025
[3] https://corp.oup.com/news/brain-rot-named-oxford-word-of-the-year-2024/ เข้าถึงข้อมูลวันที่ 30 ต.ค. 2025
[4] Mu, H., Jiang, Q., Xu, J., Chen, S., 2022. Drivers and Consequences of Short-Form Video (SFV) Addiction amongst Adolescents in China: Stress-Coping Theory Perspective. Int. J. Environ. Res. Public Health 19 (21), 14173. doi: 10.3390/ijerph192114173.
[5] Xie J, Xu X, Zhang Y, Tan Y, Wu D, Shi M and Huang H (2023) The effect of short-form video addiction on undergraduates’ academic procrastination: a moderated mediation model. Front. Psychol. 14:1298361. doi: 10.3389/fpsyg.2023.1298361
[6] Yan T, Su C, Xue W, Hu Y and Zhou H (2024) Mobile phone short video use negatively impacts attention functions: an EEG study. Front. Hum. Neurosci. 18:1383913. doi: 10.3389/fnhum.2024.1383913
[7] Yuanyuan Gao, et a. Neuroanatomical and functional substrates of the short video addiction and its association with brain transcriptomic and cellular architecture, NeuroImage, Volume 307,
2025, 121029, ISSN 1053-8119, https://doi.org/10.1016/j.neuroimage.2025.121029.