Skip to content
การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Education trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skills
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้

Month: September 2025

ในสวนลับ: เมื่อความหวังผลิบาน ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ
Book
4 September 2025

ในสวนลับ: เมื่อความหวังผลิบาน ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ

เรื่อง บุญญิสา รัตนมณี

  • ‘ในสวนลับ’ (The Secret Garden) เป็นวรรณกรรมเยาวชน เขียนโดย ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ แปลเป็นภาษาไทยโดย เนื่องน้อย ศรัทธา จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน
  • เรื่องราวปาฏิหาริย์ในสวนลับไม่ได้มาจากเวทมนตร์ใดๆ แต่คือการที่เด็กชายผู้เชื่อว่าตนเองกำลังจะตาย กับเด็กหญิงที่สุดแสนเอาแต่ใจ ได้เติมเต็มหัวใจที่ขาดพร่องของกันและกัน
  • ปาฏิหาริย์มีอยู่ทุกที่ เกิดขึ้นได้ทุกนาที และกำลังกระซิบบอกอย่างอ่อนโยนว่า ชีวิตเราไม่ต่างอะไรกับสวนลับแห่งมิสเซลธ์เวท พืชทุกต้นและดอกไม้ทุกดอกสามารถงอกงามใหม่ได้เสมอ ตราบที่ยังคงมีความหวังเบ่งบานในหัวใจ

“สิ่งแปลกอย่างหนึ่งในบรรดาหลายๆ สิ่งของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ของคนเรา คือ สิ่งที่เป็นประหนึ่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นแก่คนท้อถอยในชีวิต ทำให้คนคนนั้นเกิดมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

นี่เป็นประโยคจาก ‘ในสวนลับ’ หรือ The Secret Garden วรรณกรรมเยาวชนคลาสสิก ผลงานจากปลายปากกาของ ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ นักเขียนคนสำคัญในแวดวงวรรณกรรมสำหรับเด็ก หนังสือเล่มนี้ถูกยกย่องว่าเป็นผลงานอมตะยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของเบอร์เน็ตต์

เราเชื่อว่า ในช่วงเวลาหนึ่งทุกคนต่างเคยพบเจอกับความทุกข์ ความผิดหวัง ความล้มเหลว จนบางคนเกิดความคิดว่า ชีวิตหมดหนทางจะไปต่อ หรือไม่ก็อยากจะยอมแพ้กับทุกสิ่งให้รู้แล้วรู้รอด 

เรื่องน่าแปลกที่บางคนพบคือ ในช่วงเวลานั้นกลับมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน อาจเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กๆ เช่น แสงแดดอ่อนในตอนเช้า กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น รอยยิ้มของคนแปลกหน้า หรือแค่คำพูดธรรมดาจากใครสักคน สิ่งเหล่านี้มอบ ‘ความหวัง’ ที่เปรียบเสมือน ‘ปาฏิหาริย์’ เพียงพอให้เราลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง

หนังสือเล่มนี้พาเราไปสัมผัสเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากมนตร์วิเศษเหมือนในหนังแฟนตาซี แต่เริ่มต้นจากความงดงามที่ธรรมชาติมอบให้ 

มิสเซลธ์เวท เป็นคฤหาสน์ใหญ่ทึมอายุกว่าหกร้อยปี ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันไร้เสียงใด ได้ยินก็แต่เสียงลมพัดหวีดหวิว มี ‘สวนลับ’ ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณคฤหาสน์  สวนแห่งนี้ใส่กุญแจปิดตาย ถูกทิ้งร้างมานับสิบปี ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครเหยียบย่างเข้าไปเป็นเวลานาน ราวกับว่าไม่มีใครในโลกต้องการสวนแห่งนี้อีกแล้ว 

มารี เลนนอกซ์ เด็กหญิงตัวน้อยๆ วัยสิบปีบังเอิญพบกุญแจสวนลับนี้เข้า วินาทีที่บานประตูสวนลับแง้มออก วินาทีนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น ต้องเล่าก่อนว่า มารีเกิดและเติบโตในประเทศอินเดีย แต่หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตด้วยโรคอหิวาห์ เธอถูกส่งตัวไปอยู่กับคุณลุงที่ชื่อมิสเตอร์อาร์ชิบอลด์ คราเวน เจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ในชนบทประเทศอังกฤษ

มารีเป็นเด็กหญิงผอมกะหร่อง หน้าตาบูดบึ้ง อารมณ์ร้อน และร้ายกาจเสียจนได้รับสมญาว่า ‘คุณหนูมารีผู้ขวางโลก’ เธอไม่เคยพอใจหรือรู้สึกชอบอะไรสักอย่าง เพราะถูกเลี้ยงมาอย่างพ่อแม่ไม่อินังขังขอบ ไม่เคยแสดงความรัก มัวแต่ยุ่งกับธุระตัวเองจนไม่มีเวลาสนใจลูกสาวแบบบาง ขี้โรค

เธอถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจโดยพี่เลี้ยงและคนรับใช้มากมาย ไม่ว่าต้องการอะไร คนเหล่านี้จะสนองให้ทุกครั้ง ไม่มีใครกล้าขัดใจสักคน ทำให้เธอยิ่งร้ายกาจเกินจะบรรยาย หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ คุณหนูมารีคนนี้เป็นเด็กประเภทที่มักถูกเรียกว่า ‘เด็กมีปัญหา’ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ พฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ เธอก็เหมาหมดทุกปัญหา

นอกจากคุณหนูมารีคนขวางโลก เรายังมี คอลลิน คราเวน มหาราชาองค์น้อยแห่งมิสเซลธ์เวทที่ร้ายกาจ มีปัญหาพอกันกับมารี เขาเป็นเด็กไร้ชีวิตชีวาอย่างยากจะหาเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเปรียบเทียบได้

คอลลิน เป็นลูกชายของมิสเตอร์คราเวน เกิดมาพร้อมร่างกายอ่อนแอ ขี้โรค นายน้อยคนนี้ถูกเลี้ยงดูแบบผิดๆ เขาไม่เคยได้รับความรัก ความเอาใจใส่จากผู้เป็นพ่อ ถูกตามใจจนเสียเด็ก หากมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ เขาจะร้องไห้ อาละวาดจนไม่มีใครได้หลับได้นอนทั้งคืน

เรามองว่า มารีและคอลลินมีสภาพไม่ต่างจากสวนลับที่พูดถึงในตอนแรก ถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครสนใจไยดี เด็กสองคนนี้คือผลผลิตของการเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย (Uninvolved Parenting Style) 

ทั้งคู่เหมือนกันตรงที่ถูกเลี้ยงมาอย่างพ่อแม่ไม่มีเวลาใกล้ชิด ไม่เคยแสดงความรัก ความอาทรต่อลูก ทั้งมารีและคอลลินจึงไม่รู้จักความรู้สึกดังกล่าว กลายมาเป็นเด็กร้ายกาจ หัวใจด้านชา โดยที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะเป็น

เรื่องน่าสังเวชใจอย่างหนึ่งคือ มิสเตอร์คราเวนกลัวว่าคอลลินจะโตมาหลังค่อมเหมือนตน จึงปล่อยให้ลูกชายนอนแซ่วบนเตียงตลอดสิบปี ร่างกายเขาจึงอ่อนแอลงเรื่อยๆ

ในขณะที่เด็กคนอื่นวิ่งเล่นสนุกสนานกลางแดดจ้า แต่คอลลินกลับขังตัวอยู่แต่ในห้องทึมๆ  ไม่เคยได้สัมผัสแสงแดด ไม่เคยรู้ว่าข้างนอกหน้าต่างมีฤดูใบไม้ผลิเวียนมาอยู่ทุกปี 

เด็กคนนี้มีอายุแค่สิบขวบ ตลอดทั้งชีวิตเขาจมอยู่กับความคิดลบว่าตนจะมีชีวิตอยู่ไม่นาน คงไม่มีโอกาสโตเป็นผู้ใหญ่ ร่างกายอ่อนแอจากการนอนเฉยๆ ก็ยิ่งส่งเสริมให้จินตนาการไปว่า ตัวเองจะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว

การพบกันของเด็กที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจ อย่างมารีและคอลลินค่อยๆ เยียวยากันและกัน นับตั้งแต่มาอยู่มิสเซลธ์เวท มารีไม่มีพี่เลี้ยงคอยตามติดหรือเอาใจตลอดเวลา เธอพบเรื่องน่าตื่นเต้นมากมาย มีโอกาสได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เห็นความสวยงามของพืชนานาพันธ์ุ ฟังเสียงนกร้อง วิ่งเล่นกลางแดด และรู้จักสร้างความผูกพันกับผู้อื่น เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงสนใจสิ่งอื่นมากกว่าตัวเอง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้มารีมีจิตใจอ่อนโยนขึ้น ราวกับว่า แสงแดดอุ่นของฤดูใบไม้ผลิค่อยๆ ละลายหัวใจด้านชาของเธอ

ด้านของคอลลิน เด็กชายที่เอาแต่ร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะคิดว่ามีปุ่มงอกบนหลัง คิดว่าตัวเองเป็นโรคร้ายกำลังจะตายอยู่ตลอดเวลา มารีเป็นคนเดียวที่ปราบเขาอยู่หมัด เธอกล้าพูด กล้าขัดใจคอลลิน เด็กหญิงย้ำแล้วย้ำอีกว่า อาการป่วยของเขาเกิดจากอารมณ์ร้าย คอลลินไม่ได้เจ็บป่วยอะไรอย่างที่เขาคิดว่าเขาเป็น ร่างกายอ่อนแอแบบนี้เพราะเอาแต่นอนหงายหลัง ไม่ยอมลุกไปไหน เล่นเอาเด็กชายที่กำลังอาละวาดหยุดร้องไห้ หลังจากได้ยินสิ่งที่ไม่เคยมีใครพูดกับเขามาก่อน 

นอกจากคำพูดเตือนสติ มารียังเล่าเรื่องแผนการฟื้นคืนชีพ ‘สวนลับ’ ให้คอลลินฟัง เขาสนอกสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษถึงขนาดเก็บเอาไปฝัน ความสวยงามของหมู่แมกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดสว่างไสว กลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ ค่อยๆ ไล่ความคิดลบในหัวของคอลลิน มีประโยคหนึ่งในเรื่อง กล่าวว่า

Where you tend a rose, my lad,

A thistle cannot grow

ที่ใดที่เจ้าฟูมฟักปลูกกุหลาบ

ที่นั้นพงหนามย่อมมิอาจโต

เรามองว่า ความคิดเป็นสิ่งทรงพลังมาก หลายครั้งมนุษย์จมอยู่กับความคิดลบจนลืมไปชั่วขณะว่ายังมีสิ่งสวยงามอยู่รอบตัว ความคิดแย่ๆ ทำให้เรามองไม่เห็นความสวยงามนั้น ท้ายที่สุดความคิดลบต่างๆ ส่งผลต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเช่นเดียวกับคอลลิน

“การยอมปล่อยให้ความคิดเศร้าหมองหรือความคิดชั่วร้ายเกาะกินจิตใจของเราเป็นอันตรายไม่ต่างอะไรกับปล่อยให้เชื้อโรคร้ายอย่างไข้อีดำอีแดงเข้าสู่ร่างกาย ถ้ายอมให้มันเกาะกินอยู่นานๆ อาจจะไม่มีวันหายอาจจะต้องติดตัวอยู่จนตาย”

โชคยังดีที่ภารกิจพลิกฟื้น ‘สวนลับ’ ช่วยเปลี่ยนแปลงความคิด ฟื้นฟูร่างกายปวกเปียกของเด็กทั้งสองให้แข็งแรงขึ้นได้ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของมารีและคอลลินไปพร้อมๆ กับสวนลับที่งามวันงามคืน

สวนลับเป็นดั่ง ‘ปาฏิหาริย์’ เมื่อหัวใจที่แห้งแล้งได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ มอบความหวังให้คอลลินมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาบอกกับทุกคนว่า “ฉันจะต้องหาย! ฉันจะต้องสบายดีในไม่ช้า ฉันจะมีชีวิตยืนนาน! นานเท่านาน!” 

หลังใช้เวลาทั้งวันไปกับการขุดดิน ถอนหญ้า เฝ้ามองดูดอกไม้ผลิบานด้วยความหวังจะฟื้นฟูสวนลับให้กลับมางดงาม เสมือนว่าธรรมชาติได้มอบของขวัญแก่เด็กทั้งสอง มารีไม่ใช่เด็กหญิงขวางโลกที่รักใครไม่เป็น และคอลลินไม่ใช่เด็กชายที่ไม่เคยคิดถึงสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากเรื่องที่ว่าตัวเองกำลังจะตายอยู่ตลอดเวลาอีกต่อไป

ความง่ายงามของหนังสือเล่มนี้คือ ข้อความธรรมดาที่บอกกับเราว่า ปาฏิหาริย์ที่พูดถึงไม่ได้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่แต่อย่างใด อาจเป็นแค่สักวันหนึ่งที่คนท้อถอยในการมีชีวิตอยู่ มีโอกาสได้ยืนจ้องมองดวงอาทิตย์ยามเช้า มองท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี มองแสงดาวพร่างพราวในคืนเดือนมืด หรือมองดูดอกไม้ผลิบานตามรอยแตกปริของกำแพง  แล้วเกิดความรู้สึกมีกำลังใจอย่างน่าประหลาด นั่นก็นับว่าได้รับปาฏิหาริย์แล้ว 

เฉกเช่นมารีและคอลลิน ปาฏิหาริย์ปรากฏแก่พวกเขาหลังจากได้เข้าไปยืนในสวนลับ

หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราเชื่อว่า ปาฏิหาริย์มีอยู่ทุกที่ เกิดขึ้นได้ทุกนาที และกำลังกระซิบบอกอย่างอ่อนโยนว่า ชีวิตเราไม่ต่างอะไรกับสวนลับแห่งมิสเซลธ์เวท อาจมีบางช่วงที่ต้นไม้ไม่ได้รับการตกแต่งกิ่ง อาจมีบางคราวที่ดอกไม้นานาพันธ์ุบากบั่นต่อสู้กับความมืดมิดในฤดูหนาว แต่เมื่อฤดูกาลใหม่มาถึง พืชทุกต้นและดอกไม้ทุกดอกสามารถงอกงามใหม่ได้เสมอ ชีวิตเราก็เช่นกัน ตราบที่ยังคงมีความหวังเบ่งบานในหัวใจ

Tags:

ครอบครัวชีวิตวรรณกรรมเยาวชนThe Secret Gardenพ่อแม่หนังสือ

Author:

illustrator

บุญญิสา รัตนมณี

Related Posts

  • Book
    รถไฟขนเด็ก – เพราะรักจึงยอมปล่อยมือ

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Book
    พ่อแม่ไม่ใช่อรหันต์ ปล่อยวางความคาดหวังแล้วหันมา ‘ใจดีกับตัวเอง’ 

    เรื่อง อัฒภาค

  • Movie
    Shrinking : ชั่วโมงบำบัดพ่อลูกหัวใจพังทลาย

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • Dear ParentsMovie
    Orange is the new black: แม้ในเรือนจำความเป็นมนุษย์ไม่ควรถูกกักขัง

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • Family PsychologyBook
    การแบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกในครอบครัวคือขุมพลังชีวิตของลูก

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP5: พลังของความไม่สมบูรณ์แบบ
Transformative learning
1 September 2025

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP5: พลังของความไม่สมบูรณ์แบบ

เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • บันทึกชุด ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ นี้ ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Hidden Potential : The Science of Achieving Greater Things นำสู่การตีความหนังสือออกเป็นบันทึกชุดนี้ แต่เป็นการตีความที่ต่างจากบันทึกชุดก่อนๆ คือ ผมได้เสริมข้อคิดเห็นของตนเอง จากความรู้เดิมที่มีและจากความรู้ที่ขอให้ปัญญาประดิษฐ์หลายสำนักช่วยค้นและให้ข้อสรุปด้วย

ตอนที่ 5 เสนอข้อตีความจากบทที่ 3 The Imperfectionists : Finding the Sweet Spot between Flawed and Flawless

เปิดเรื่องด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองโกเบและโอซากาของญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2538 ที่เมืองโกเบบ้านเรือนพังไปกว่าสองแสนหลัง แต่อาคารที่สถาปนิก Tadao Ando ออกแบบ 35 หลัง ไม่มีริ้วรอยเลยแม้แต่น้อย

ท่านผู้นี้สร้างตัวเป็นสถาปนิกระดับโลกโดยไม่เคยเรียนที่สถาบันใดเลย เรียนเองจากการยืมหนังสือของเพื่อนมาอ่านแล้วปฏิบัติ ที่ผมตีความว่า ความยิ่งใหญ่ของท่านมาจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning) และ Adam Grant ผู้เขียนหนังสือ Hidden Potential บอกว่า ความยิ่งใหญ่ในการออกแบบอาคารของท่าน มาจากการรู้จักยอมไม่สมบูรณ์แบบในบางด้าน เพื่อธำรงจุดเด่นที่ต้องการ

มองจากผลงานแต่ละชิ้นของเขา ดูเสมือนว่า ทาดาโอะ อันโดะ เป็น Perfectionist แต่ Adam Grant กลับชี้ว่า เขาจงใจเป็น Imperfectionist ในบางด้าน เพื่อความยิ่งใหญ่ในด้านที่เขาต้องการ โดยวงการนักออกแบบมองว่า ท่านเน้น Form มากกว่า Function ทำให้ผลงานออกแบบของท่าน เป็นเสมือน ‘บทกวีทางจักษุสัมผัส’ (Visual Haiku) อ่านเรื่องราวประวัติและภาพผลงานของท่านได้ที่ (1)

ผลงานยอดเยี่ยมเกิดจากผู้สร้างสรรค์รู้ว่าจะยอมไม่สมบูรณ์แบบที่จุดใดหรือประเด็นใด และไม่สมบูรณ์แบบในระดับที่ดีเพียงพอ เพื่อธำรงความสมบูรณ์แบบ หรือความแปลกใหม่ที่เด่นชัดในจุดหรือประเด็นที่ต้องการ

สิ่งที่นักเรียนเกรด เอ มักเข้าใจผิด  

นักเรียนเกรด เอ มักถูกกดดันให้มีจริตสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) โดยไม่รู้ตัว จะทำอะไรก็ต้องได้คะแนนเต็ม หรือไม่มีตำหนิที่ใดเลย วิธีคิดแบบนี้เป็นการคิดแนวเส้นตรง (Linear) และอยู่ในโลกสมมติ

โลกแห่งความเป็นจริงมีความไม่ชัดเจน แปรปรวน เปลี่ยนแปลง อยู่เป็นปกติ การพยายามสร้างผลงานไร้ที่ติจึงเป็นเรื่องที่ยากหรือเป็นไปไม่ได้ และก่อผลร้าย 3 ประการคือ

  1. มัวสนใจรายละเอียดที่ไม่จำเป็น ทำให้ต้องเสียสมองเสียเวลาโดยใช่เหตุ
  2. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ทำให้หลงพัฒนาทักษะแคบๆ ที่ตนรู้อยู่แล้ว ไม่หาทางพัฒนาทักษะใหม่ๆ
  3. โกรธตนเอง หรือเสียใจเมื่อทำผิดพลาด ทำให้ไม่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด

จริตสมบูรณ์แบบ จึงเป็นเสมือน ‘ยาทำแคระ’ เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตทางปัญญาและความสร้างสรรค์ ไม่เอื้อต่อการปลุกพลังซ่อนเร้นภายในตัวเรา

ผมขอให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม (ไม่ทราบว่าถูกหรือผิด) ว่า ในชีวิตจริง ความสมบูรณ์แบบ 100% ไม่มี ความสมบูรณ์แบบจึงเป็นมายา  

คุณค่าของความไม่สมบูรณ์แบบ

ญี่ปุ่นมีศิลปะแนว Wabi Sabi ที่ให้คุณค่าของความไม่สมบูรณ์แบบ หรือมีตำหนิ มีความเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา ตามหลักศาสนาพุทธแบบเซน การออกแบบชิ้นงานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากของ ทาดาโอะ อันโดะ คือคอนกรีตเปลือย ที่มีรอยของผิวคอนกรีตที่ไม่เรียบ ออกมาใหม่ๆ มีคนตำหนิมาก ว่าคล้ายเป็นงานที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย เวลานี้ยอมรับกันว่า เป็นรูปแบบหนึ่งของงานศิลปะ

วะบิ ซะบิ เป็นรูปแบบหนึ่งของทักษะเชิงลักษณะนิสัย ที่ช่วยให้เรากล้าลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย หรือสิ่งที่สังคมไม่รู้จัก ไม่เห็นคุณค่า ซึ่งเป็นมิติหนึ่งของความสร้างสรรค์ คือไม่ตกหลุมความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่เดิม กล้าสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ ที่แหวกแนวไปจากความเคยชินเดิมๆ วะบิ ซะบิ จึงเป็นเครื่องมือปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์

ค้นหาความไม่สมบูรณ์แบบที่เหมาะสม

ลักษณะอย่างหนึ่งของจริตสมบูรณ์แบบ (Perfectionism) คือ ไม่กล้าฝึกเรื่องสำคัญที่ตนทำไม่ได้ดี เลี่ยงไปฝึกตอนที่ไม่สำคัญแต่ตนทำได้ดี นี่คือจิตวิทยาที่ซ่อนเร้นในมนุษย์นักสมบูรณ์แบบ คนที่ต้องการพัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัยของตนจึงต้องหาทางลบจริตสมบูรณ์แบบของตนเองออกไป  

Adam Grant เล่าเรื่องการฝึกกีฬากระโดดน้ำของตน ที่จริตสมบูรณ์แบบทำให้ตนไม่กล้าฝึกท่ายากๆ มัวลังเลอยู่บนกระดานกระโดดนานถึง 45 นาที

การคิดย้อนอดีตหรือคิดไปในอนาคต ที่เรียกว่า Mental Time Travel เป็นวิธีคิดที่เอื้อให้จริตสมบูรณ์แบบออกมากระทำการ ส่งผลให้จิตไม่อยู่กับปัจจุบัน แต่คิดไปถึงตอนทำไม่ได้ดีในอดีต หรือคิดกังวลไปในอนาคต เกรงผลจะออกมาไม่ดี คำแนะนำคือ ให้มุ่งทำกิจกรรมในปัจจุบันโดยมีเป้าหมายว่าจะปรับปรุงตรงไหนที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในเรื่องนั้น โดยทำได้ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยก็พอใจ และมุ่งฝึกฝนต่อไปอีก

คำว่า “ทำให้ดีที่สุด” (Do Your Best) แสลงต่อการดำรงจริตสมบูรณ์แบบ แก้โดยเน้นฝึกจุดที่สำคัญที่สุด ใช้คำว่า “ทำให้ดีขึ้น” (Do It Better) จะเป็นจิตวิทยาที่ส่งเสริมให้เอาชนะจริตสมบูรณ์แบบ

ล้มแล้วลุก  

หนังสือ Hidden Potential เล่าเรื่องการแสดงเพลงประกอบท่าเต้นบนเวทีที่นครชิคาโก เมื่อปี 2545 ของผู้กำกับการแสดงที่มีชื่อเสียง ที่ผู้กำกับตั้งใจออกแบบเพลงและท่าเต้นที่แปลกใหม่ แต่การแสดงล้มเหลวไม่เป็นท่า โดนนักวิจารณ์การแสดงตำหนิอย่างเสียหาย

ผู้กำกับการแสดงไม่ท้อ ชวนลูกชายศึกษาข้อวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ชมและนักวิจารณ์ เพื่อหาจุดสำคัญที่ต้องปรับปรุง โดยใช้หลักการว่า หากมีคนวิจารณ์ตรงกัน 2 คน ถือว่าเป็นจุดสำคัญสำหรับดำเนินการปรับปรุง เมื่อนำออกแสดงอีก ได้รับคำวิจารณ์ที่เป็นคำชมเป็นส่วนใหญ่    

สะท้อนความมีทักษะเชิงลักษณะนิสัยของผู้กำกับการแสดง ที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของจริตสมบูรณ์แบบ

ผลผลิตที่น่าพอใจ

ไม่ว่าทำอะไร ผลผลิตที่มุ่งหมายคือ ‘ผลผลิตที่เป็นเลิศ’ (Excellence) ไม่ใช่ ‘ผลผลิตที่ไร้ตำหนิ’ (Flawless) คือสวมวิญญาณของ ‘นักปฏิบัตินิยม’ (Pragmatist) หลุดจากบ่วงของ ‘จริตสมบูรณ์แบบ’ (Perfectionist)

ในทางปฏิบัติ เขาแนะนำให้หากัลยาณมิตรจำนวนหนึ่งช่วยตรวจสอบผลงานฉบับร่าง แล้วให้คะแนนในสเกล 0 – 10 พร้อมทั้งบอกจุดที่ควรปรับปรุง หากได้คะแนน 8 ถือว่าใช้ได้ คะแนน 7 บอกว่าต้องปรับปรุง ปล่อยออกไปไม่ได้ คะแนน 9 ถือว่าบรรลุเป้าหมายอย่างน่าปลื้มใจ โปรดสังเกตว่า สำหรับผู้สวมวิญญาณ Growth Mindset คะแนน 10 หรือผลงานสมบูรณ์แบบ ไม่มี เพราะจะต้องมีช่องไว้สำหรับการพัฒนาและเติบโตเสมอ 

จุดอ่อนของผู้มีจริตสมบูรณ์แบบ

ผลงานวิจัยจำนวนมากบอกว่า ผู้มีจริตสมบูรณ์แบบมักตกเป็นเหยื่อของการตัดสินโดยผู้อื่นได้ง่าย เมื่อการตัดสินนั้นไม่ตรงกับที่ตนต้องการ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำสู่ความหดหู่ใจ (Depression) ความกังวลใจ (Anxiety) และหมดพลังใจ (Burn Out)  

ผลงานวิจัยด้านแรงจูงใจ (Motivation) 105 ชิ้น ในคนกว่า 7 หมื่น บอกว่า คนที่ให้ความสำคัญต่อเป้าหมายภายนอก อันได้แก่ ชื่อเสียง การแต่งกาย มีสุขภาวะต่ำกว่าคนที่ให้ความสำคัญต่อเป้าหมายภายใน อันได้แก่การเรียนรู้และพัฒนา การมีเครือข่าย บอกเราว่าหากเราใช้การประเมินจากภายนอกเป็นเครื่องบอกฐานะหรือความเด่นของเรา เป็นอันตราย การประเมินจากภายนอกจะเป็นประโยชน์ ก็ต่อเมื่อเราใช้เป็นเครื่องมือหนุนการเรียนรู้และพัฒนาของเรา โปรดสังเกตนะครับ ว่าวงการการศึกษาไทยใช้การประเมินภายนอกเป็นหลัก

ทำให้ผมหวนนึกถึงสภาพที่นักเรียนนักศึกษาไทยในปัจจุบันเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นอย่างชัดเจน และตั้งคำถามว่า มีสาเหตุลึกๆ มาจากระบบการศึกษาที่เน้นการประเมินจากภายนอก เน้นเป้าหมายดูดีในสายตาคนอื่น อ่อนแอด้านความเป็นตัวของตัวเอง หรือเปล่า   

บทบาทของการศึกษาในการป้องกันจริตสมบูรณ์แบบ

จริตสมบูรณ์แบบเป็นปัญหาด้านการศึกษาหรือการเรียนรู้ของตัวบุคคล นำสู่ความวิตกกังวล ความเครียด และกลัวล้มเหลว การศึกษาที่ดีจะช่วยป้องกันปัญหานี้ โดยช่วยหนุนให้ผู้เรียนสร้างกระบวนทัศน์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเรียนรู้และความสำเร็จให้แก่ตนเอง

แนวทางจัดการศึกษาเพื่อลดจริตสมบูรณ์แบบ

  • ให้นักเรียนนักศึกษาเข้าใจจริตสมบูรณ์แบบ และอันตรายของจริตสมบูรณ์แบบ
  • ส่งเสริมความเป็นเลิศ ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบหรือไร้ตำหนิ สร้างบรรยากาศที่ไม่กลัวความล้มเหลว
  • ส่งเสริมกระบวนทัศน์พัฒนา (Growth Mindset) ที่มุ่งปรับปรุงตนเอง ผ่านความมุ่งมั่นมานะพยายาม
  • สร้างบรรยากาศปลอดภัย ที่ผู้เรียนกล้าเป็นตัวของตัวเอง กล้าลองอย่างไม่กลัวผิด เป็นบรรยากาศที่ยอมรับว่าทุกคนมีจุดอ่อน และปรับปรุงได้
  • นิยาม ‘ความสำเร็จ’ ใหม่ จากคะแนนและการเปรียบเทียบกับผู้อื่น เป็นเน้นที่ความพยายาม และความก้าวหน้าของตนเอง
  • ส่งเสริมการเรียนรู้จากความล้มเหลว นำมาสะท้อนคิดร่วมกันว่าเรื่องราวเหตุการณ์นั้นให้ความรู้อะไรบ้าง
  • สร้างความสัมพันธ์เชิงสนับสนุน หรือความสัมพันธ์เชิงบวก ระหว่างครูกับนักเรียน ครูให้กำลังใจ (Positive Reinforcement) และให้การป้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ (Constructive Feedback) แก่นักเรียน
  • ส่งเสริมให้นักเรียนทำโครงการระยะยาว และได้รับคำแนะนำป้อนกลับเป็นระยะๆ เพื่อให้นักเรียนมีประสบการณ์ความภาคภูมิใจจากความพยายาม และความก้าวหน้าของตน  
  • ปรับหลักสูตร ใส่เรื่องความฉลาดทางอารมณ์ กระบวนทัศน์พัฒนา และคุณค่าของการเรียนรู้จากความผิดพลาดหรือล้มเหลว
  • การพัฒนาครู ทำความเข้าใจแนวโน้มของจริตสมบูรณ์แบบ อันตราย และวิธีป้องกัน  
  • ระบบช่วยเหลือนักเรียน ที่ได้รับผลร้ายจากจริตสมบูรณ์แบบ ให้ออกจากกระบวนทัศน์นี้ 
  • เชื่อมโยงกับพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียน เพื่อทำความเข้าใจผลร้ายของจริตสมบูรณ์แบบ และการสร้างระบบนิเวศที่บ้าน ที่ไม่หลงเน้นความสมบูรณ์แบบ แต่เน้นการเรียนรู้และพัฒนาของตัวเด็ก

น่าจะมีงานวิจัย ติดตามผลว่า เมื่อโรงเรียนไทยดำเนินการตามข้อแนะนำนี้ อัตราการเกิดความเครียด ความหดหู่ และความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ลดลงหรือไม่ สุขภาวะของนักเรียนดีขึ้นหรือไม่

สามารถอ่านบทความ ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP1 – EP4 ได้ที่นี่

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP1: บทนำ ‘มนุษย์ทุกคนมีพลังซ่อนเร้น’

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP2: พัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัย

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP3: คุณค่าของความไม่สบายใจ

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP4: การซึมซับและปรับตัว

Tags:

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์หนังสือ Hidden Potential : The Science of Achieving Greater Things (2023)ทักษะเชิงลักษณะนิสัย (Character Skills)Experiential LearningReflective Learningศ.นพ.วิจารณ์ พานิชActive Learning

Author:

illustrator

ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

รองประธานกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล ผู้อำนวยการคนแรกของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และได้ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.) ดำรงตำแหน่งกรรมการของหน่วยงานและมูลนิธิหลายแห่ง

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Transformative learning
    ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP4: การซึมซับและปรับตัว 

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Transformative learning
    ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP3: คุณค่าของความไม่สบายใจ

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Transformative learning
    ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP1: บทนำ ‘มนุษย์ทุกคนมีพลังซ่อนเร้น’

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • School of future-building-2
    Transformative learning
    โรงเรียนต้องเป็น ‘โรงสร้าง’ ไม่ใช่ ‘โรงสอน’ สร้างนิเวศการเรียนรู้ หนุนเด็กปล่อยพลัง สร้างสมรรถนะใส่ตัว

    เรื่อง The Potential

  • Education trend
    สังคมการเรียนรู้ คือสังคมแห่งคำถาม: ปุจฉา 5 ข้อ จาก ‘ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช’ ทบทวนความเข้าใจ(ผิด)ทางการศึกษา

    เรื่อง The Potential

Recent Posts

  • ในสวนลับ: เมื่อความหวังผลิบาน ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ
  • ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP5: พลังของความไม่สมบูรณ์แบบ
  • มีเพียงหัวใจและการยอมรับตัวเองเท่านั้น ที่จะไขความลับของจักรวาลใจ: Aristotle and Dante Discover the Secrets of the Universe
  • Departures: คุณค่าของชีวิตไม่ได้อยู่ที่คำตัดสินของใคร เห็นความหมายในสิ่งที่ทำและยอมรับตัวเองอย่างหมดหัวใจ
  • ‘วรรณกรรมเยียวยา’ พื้นที่ปลอดภัยให้เด็กสำรวจโลกของอารมณ์  เรียนรู้และโอบรับความเปราะบางของตนเอง: ธาม เชื้อสถาปนศิริ

Recent Comments

  • Existential crisis: วิกฤตชีวิตที่มาพร้อมกับคำถาม “แล้วฉันอยู่เพื่ออะไร” – EducationNet on Midlife Crisis: เมื่อเป็นผู้ใหญ่ ทำไมใจถึงวิกฤต
  • The Psychological Wounds of Winnie the Pooh and His Friends: Exploring Characters from a Classic Literary Work - World Today News on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • Exploring the Psychological Wounds of Winnie the Pooh and Friends: A Fascinating Analysis - Archyde on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • 6 วิธีฝึกสอนให้ลูกเป็นเด็กมี Critical Thinking ทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในอนาคต – โรงเรียนมารีวิทยา ป on CRITICAL THINKING: สอนเด็กให้รู้คิด ผิดหรือถูกก็ใช้วิจารณญาณเป็น
  • Best รูป พลเมือง ดี Update New – Haiduongcompany.com on สอนและสร้างพลเมืองประชาธิปไตย เรื่องไม่ง่ายที่ครูทำได้

Archives

  • September 2025
  • August 2025
  • July 2025
  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025
  • February 2025
  • January 2025
  • December 2024
  • November 2024
  • October 2024
  • September 2024
  • August 2024
  • July 2024
  • June 2024
  • May 2024
  • April 2024
  • March 2024
  • February 2024
  • January 2024
  • December 2023
  • November 2023
  • October 2023
  • September 2023
  • August 2023
  • July 2023
  • June 2023
  • May 2023
  • April 2023
  • March 2023
  • February 2023
  • January 2023
  • December 2022
  • November 2022
  • October 2022
  • September 2022
  • August 2022
  • July 2022
  • June 2022
  • May 2022
  • April 2022
  • March 2022
  • February 2022
  • January 2022
  • December 2021
  • November 2021
  • October 2021
  • September 2021
  • August 2021
  • July 2021
  • June 2021
  • May 2021
  • April 2021
  • March 2021
  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • July 2018
  • June 2018
  • May 2018
  • April 2018
  • March 2018
  • February 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017

Categories

  • Uncategorized
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel