Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น

Month: June 2023

Civilization: เรียนสังคมและประวัติศาสตร์ด้วยเกม
Space
6 June 2023

Civilization: เรียนสังคมและประวัติศาสตร์ด้วยเกม

เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Civilization เป็นเกมแนว 4X (ย่อจากวัตถุประสงค์หลักของเกม ได้แก่ Explore, Expand, Exploit, Exterminate) เกมนี้จะทำให้เราได้เรียนประวัติศาสตร์ในแง่ของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เบื้องต้น จากการปกครองเมืองที่มีอยู่จริง
  • เริ่มจากยุคหินที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่เราจะค่อยๆ สะสมความรู้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้เจริญขึ้นทีละช้าๆ และสิ่งที่น่าสนใจคือเราจะได้เรียนรู้ว่าเทคโนโลยีที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้นมีที่มาอย่างไร และมีรากฐานจากอะไรบ้าง
  • ในเกมมี ‘Civilopedia’ สารานุกรมขนาดย่อมมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเกม และข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจริงอย่างย่อๆ หากเราไม่รู้จักคนหรือสิ่งไหน เราเปิดอ่านได้เลยว่าสิ่งนั้นมีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์อย่างไร

หากถามเด็กๆ ว่าคิดอย่างไรกับวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ หลายๆ คนอาจจะตอบว่าไม่ชอบหรือไม่คิดว่าสำคัญเท่าไร ดูเป็นวิชาที่น่านั่งหาวเพราะมีแต่เรื่องให้ท่องจำเต็มไปหมด และดูเอาไปใช้อะไรไม่ได้กับการประกอบอาชีพในอนาคต แต่ที่จริงแล้ววิชาดังกล่าวมีประโยชน์มากกว่าที่หลายๆ คนคิดมากนะครับ

เนื้อหาที่เกี่ยวกับสังคมและประวัติศาสตร์ของต่างประเทศ ตัวอย่างที่ใกล้ตัวคือ ยุคนี้เรามีโอกาสได้ติดต่อคนจากทั่วโลกได้แทบจะตลอดเวลา เราอาจจะมีเพื่อน เพื่อนร่วมงาน นายจ้างชาวต่างชาติ และการที่เราจะเข้าใจคนคนหนึ่งได้ดีนั้น เราคงละเลยสิ่งที่เรียกว่า ‘บริบท’ หรือสิ่งรอบๆ ตัวที่บุคคลนั้นเติบโตมาไม่ได้ การได้รู้จักสังคมและประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ ทำให้เราเข้าใจสิ่งรอบตัวของเขามากขึ้น นอกจากนี้การไปเที่ยวต่างประเทศนั้นเป็นที่นิยมในคนไทย จะดีแค่ไหนหากเรารู้เรื่องราวของประเทศที่เราไป เพราะเมื่อเราไปสถานที่สำคัญเราจะรู้ว่ามันสำคัญอย่างไร มีเรื่องราวอย่างไร และเราจะได้สังเกตถึงรายละเอียดต่างๆ และดื่มด่ำกับความงดงามของวัฒนธรรมตอนไปเที่ยวได้มากขึ้น

ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น ‘มรดก’ ที่คนรุ่นก่อนๆ มอบไว้ให้ในรูปแบบของบทเรียน เราอาจคิดว่าความผิดพลาดในอดีตอาจจะไม่เกิดในปัจจุบันซ้ำ แต่หากเรามองสิ่งต่างๆ รอบตัวเราพบว่าปัญหาหลายๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นหลายๆ สิ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว การที่ไม่ศึกษาเลยว่าสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายไปอย่างไรก็ถือว่าเราทอดทิ้งมรดกของคนรุ่นก่อนไปอย่างน่าเสียดาย แถมการไม่รู้ก็อาจจะเพิ่มโอกาสให้เกิดปัญหาซ้ำๆ

นอกจากนี้ปัญหาสังคมหลายๆ อย่างนั้นไม่ได้เกิดปุบปับ แต่ฝังรากมานาน ที่สุดคือปัญหาการเหยียดเชื้อชาติหรือเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน ที่ต่อให้รณรงค์กันแค่ไหนก็ยังคงไม่หมดไปจากโลก หรือทำไมประเทศแต่ละประเทศถึงร่ำรวยยากจนแตกต่างกัน ทำไมแต่ละประเทศปกครองคนละรูปแบบ ทำไมบางประเทศถึงยังคงมีสงคราม เราจะไม่มีทางเข้าใจหรือแก้ไข (หากมีโอกาส) ได้เลย ถ้าเราไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์ของสิ่งเหล่านั้น 

อย่างไรก็ตามคงปฏิเสธไม่ได้ว่าบทเรียนมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสนุกในสายตาหลายๆ คน ถึงวิชาประวัติศาสตร์และสังคมจะสำคัญอย่างไรแต่ถ้ามันน่าเบื่อ มันก็ยากจะจูงใจคนเรียน บทความนี้ผมเลยขอเล่าถึงสื่อการสอนที่รับรองว่าสนุกแน่ๆ มาฝากเด็กๆ ผู้ปกครอง และครูทุกๆ ท่าน เพราะมันคือวิดีโอเกมครับ

เกม Civilization เป็นเกมแนว 4X (ย่อจากวัตถุประสงค์หลักของเกม ได้แก่ Explore, Expand, Exploit, Exterminate) เกมนี้ออกมาแล้ว 6 ภาค ไม่ได้มีเนื้อเรื่องที่ต่อกันจะเล่นภาคไหนก่อนก็ได้ แต่ละภาคมีรายละเอียดที่แตกต่างกันแต่ยังยึดระบบหลักๆ แบบเดิม โดยแนว 4X นั้น ผู้เล่นจะเริ่มต้นจากการปกครองเมืองเล็กๆ 1 เมืองและทหารจำนวนไม่กี่คน ซึ่งผู้เล่นต้องสำรวจพื้นที่ทั้งโลก ขยายอาณาเขตจากเมืองเป็นประเทศและอาณาจักรที่กว้างใหญ่ หาประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ และจากเทคโนโลยีต่างๆ ที่ต้องคิดค้น และจัดการกับศัตรูที่จะมาขัดขวางความยิ่งใหญ่ของประเทศตน

เกมช่วงแรก

เกมจะกำหนดว่าประเทศของเรานั้นต้องยิ่งใหญ่ในระดับไหนถึงจะชนะ ซึ่งความยิ่งใหญ่ที่ว่าไม่ได้เกิดจากการรบราฆ่าฟันเพื่อยึดดินแดนกันอย่างเดียว ผู้เล่นมีทางเลือกในแบบที่สันติในการเอาชนะด้วยการคิดค้นเทคโนโลยีจนเหนือกว่าชาติใดๆ หรือมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นจนมีอิทธิพลกับประชาชนของประเทศอื่นๆ หรือผู้นำมีอำนาจทางการเมืองที่ประเทศอื่นๆ ต่างยอมรับ คู่แข่งจะเป็น AI (คอมพิวเตอร์) หรือผู้เล่นคนอื่นๆ หากเล่นทางออนไลน์ ที่เล่นเป็นประเทศอื่นที่แข่งขันกับเราในเงื่อนไขเดียวกับเรา โดยแต่ละฝ่ายนั้นก็ต้องเลือกว่าจะเล่นเป็นผู้นำคนไหนหรือประเทศอะไร

จุดเด่นของเกมนี้คือรายละเอียดของเนื้อหาที่เกี่ยวกับสังคมและประวัติศาสตร์ที่แทรกมาเต็มเปี่ยม แรกสุดตอนเริ่มเล่นเกมที่เราต้องเลือกผู้นำ ผู้นำเหล่านั้นคือบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์การปกครองจากหลายประเทศหรือรัฐชาติทั่วโลก และที่น่าสนใจคือบุคคลเหล่านั้นมาจากหลายยุคหลายสมัย เช่น คลีโอพัตราจากอียิปต์ พระราชินีซอนด๊อกจากเกาหลี ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอนจากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ผู้นำบางคนมาจากบางรัฐชาติหรือจักรวรรดิที่ไม่มีอยู่อีกแล้วในปัจจุบัน แต่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย ฮัมมูราบีแห่งบาบิโลเนีย 

การเลือกผู้นำหรือประเทศนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ผู้นำแต่ละคนจะมีจุดเด่นและข้อได้เปรียบแตกต่างกันไปและมักจะอิงตามจุดเด่นของอารยธรรมนั้นๆ ในประวัติศาสตร์ 

หากเลือกสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งประเทศอังกฤษก็จะมีจุดเด่นในแง่ของการล่าอาณานิคมและการค้ากับต่างชาติ หรือถ้าเราเลือกโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ ประเทศของเราจะได้เปรียบในด้านการปิดประเทศและไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับประเทศอื่นๆ หากเราเลือกเป็นมหาตมะคานธี เราจะได้เปรียบหากเรารักษาความสงบสุขของประเทศต่างๆ ไว้ แม้ว่า Civilization ภาค 6 ล่าสุดจะไม่มีประเทศไทย (เหมือนในภาค 5 ที่มีพ่อขุนรามคำแหงแห่งประเทศสยามให้เล่น) แต่ก็มีอารยธรรมใกล้บ้านที่น่าสนใจคือเขมรที่ผู้นำคือพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

เกมนี้เราเริ่มจากยุคหินที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่เราจะค่อยๆ สะสมความรู้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้เจริญขึ้นทีละช้าๆ เริ่มจากเกษตรกรรม การใช้โลหะ การใช้เครื่องจักรไอน้ำ อุตสาหกรรม ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราถึงขั้นส่งยานอวกาศไปยังดาวห่างไกล และสิ่งที่น่าสนใจคือเราจะได้เรียนรู้ว่าเทคโนโลยีที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้นมีที่มาอย่างไร และมีรากฐานจากอะไรบ้าง ระบบชลประทานจะพัฒนาให้การเกษตรในเมืองเราดีขึ้น การใช้ล้อตามมาด้วยพลังน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การคิดค้นดินปืนนำไปสู่อาวุธที่ทรงพลัง การค้นพบการใช้งานถ่านหินนำไปสู่อุตสาหกรรม และนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า การเล่นเกมนี้จะทำให้เราได้เรียนประวัติศาสตร์ในแง่ของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เบื้องต้นได้ดีทีเดียว

ตัวอย่างเทคโนโลยี
ตัวอย่างนวัตกรรมสังคม

ไม่เพียงแต่เทคโนโลยีที่เป็นวัตถุ แต่ความรู้ทางด้านสังคมและวัฒนธรรมก็ค่อยๆ พัฒนาไปเป็นนวัตกรรมสังคมด้วยเช่นกัน แรกเริ่มเริ่มจากการอยู่ในรูปแบบชนเผ่า และกลายเป็นเมือง และรัฐชาติ กลายเป็นสังคมที่ใหญ่ขึ้นอย่างราชอาณาจักร การปกครองซับซ้อนจากหัวหน้าเผ่า ไปสู่ระบบกษัตริย์และศักดินา และเมื่อปรัชญาทางสังคมเข้ามาผนวกกับปัญหาชนชั้น เราก็จะพบรูปแบบการปกครองที่ซับซ้อนขึ้นเป็นแนวคิดอย่างประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ การพัฒนาของประเทศจำลองของเราในเกมนี้สอดคล้องไปกับประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์และสังคมจริงๆ 

เสน่ห์ของเกมนี้คือทุกครั้งที่เราคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสังคมใหม่ๆ จะมีการหยิบยกคำพูดสั้นๆ จากวรรณกรรมชื่อดัง หรือคำพูดจากบุคคลสำคัญจากทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ มาให้เราเห็นภาพว่าเทคโนโลยีนี้เกี่ยวกับอะไร หรือเพื่อสร้างอารมณ์ขันและเสริมบรรยากาศในเกม 

ในระหว่างที่เราเล่นไปเรื่อยๆ หากประเทศเราพัฒนาได้ดีก็จะมีโอกาสที่บุคคลสำคัญเกิดขึ้นในประเทศ และบุคคลเหล่านั้นคือบุคคลสำคัญจริงๆ ของประวัติศาสตร์ อย่างเช่นนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์อย่างเอดิสัน ศิลปินอย่างบีโธเฟน นักเดินทางอย่างมาร์โคโปโล บุคคลสำคัญเหล่านี้จะช่วยพัฒนาประเทศของเราให้รุดหน้าดีขึ้น และหากบุคคลนั้นเป็นศิลปิน ในเกมจะมีตัวอย่างผลงานไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รูปปั้น งานเขียนตัดตอนสั้นๆ หรือตัวอย่างเพลง มาให้เราได้อ่าน ดู และฟังกันด้วย

ในเกมนี้ยังมีการแข่งขันในการสร้างสิ่งก่อสร้าง ‘Wonder’ ที่ยิ่งใหญ่ตามยุคสมัยที่สร้างได้เพียงที่เดียวในโลก ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีจริงๆ ของโลกยุคต่างๆ เช่น พีระมิด สอนลอยแห่งบาบิโลเนีย พระราชวังต้องห้ามของจีน มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด หอไอเฟล และที่น่าสนใจคือหลังจากสร้างเสร็จแล้วจะมีภาพสรุปขั้นตอนของการสร้างโดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างโบราณ ที่ทำให้เราเห็นว่าสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่นั้นสร้างมาได้อย่างไร

ขั้นตอนการสร้าง

สาระในเกมนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากผู้เล่นสนใจรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ของตัวละคร เทคโนโลยี สถานที่ และสิ่งอื่นๆ ที่มีในเกม ในเกมมี ‘Civilopedia’ ซึ่งเป็นสารานุกรมขนาดย่อมมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเกม และข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจริงอย่างย่อๆ หากเราไม่รู้จักคนหรือสิ่งไหน เราเปิดอ่านได้เลยว่าสิ่งนั้นมีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์อย่างไร 

ในเกมมีสาระอัดแน่นจริงๆ ซึ่งหากเราแยกเนื้อหาของเกมเป็นส่วนๆ ออกมาเป็นบทเรียนในห้องเรียน อาจจะพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจสำหรับคนทั่วไป แต่พอเนื้อหารวมอยู่ในเกม สาระนั้นกลายเป็นเนื้อเรื่องและรายละเอียดในการเล่น พอผู้เล่นสนุกกับเกม รายละเอียดเหล่านั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องน่าสนใจและน่ารู้ อย่างเช่น ผู้นำที่เราเลือกเล่นคือใคร เขาสำคัญอย่างไรเราถึงเคยได้ยินชื่อหรือถึงถูกเลือกมา ประเทศที่มีในเกมปัจจุบันหายไปไหน ทำไมเราไม่เคยได้ยินชื่อประเทศเหล่านี้เลย สิ่งก่อสร้างสำคัญที่เคยได้ยินแต่ชื่อมีหน้าตาเป็นแบบไหน บุคคลสำคัญที่ปรากฏในเกมทำประโยชน์อะไรให้แก่สังคม 

เกมนี้เป็นแนวผลัดการเล่นเป็นตาๆ และทหารและยานรบแต่ละรูปแบบมีความสามารถและรูปแบบการเคลื่อนที่ต่างกัน ผู้เล่นต้องวางแผนในทำนองเดียวกับการเล่นหมากรุกจึงจะทำสงครามได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเกมนี้มีเรื่องของสงครามและการฆ่าฟันเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองหลายๆ ท่านอาจจะรู้สึกว่าเป็นส่วนที่ไม่ดีหรือเปล่า แต่การมีอาวุธและสงครามในเกมนั้นเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์มากทีเดียว นวัตกรรมต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสงคราม เพราะเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้สร้างอาวุธที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม และในหลายๆ ครั้งการพยายามคิดหาสิ่งใหม่ๆ ในการสร้างอาวุธก็เกิดผลพลอยได้คืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องบินไอพ่น โทรทัศน์ และดาวเทียม และในเกมนี้ไม่ได้สนับสนุนให้ทำสงครามอย่างเดียว และเราอาจจะชนะโดยไม่ต้องทำสงครามเลยก็ได้ ที่สำคัญคือการทำสงครามล้วนแต่มีราคาที่ตามมา

เกมนี้สะท้อนถึงความสุขของประชาชนที่จะส่งผลต่อผลผลิตประเทศที่แย่ตามไปด้วยหากเอาแต่ทำสงคราม รวมถึงภาพลักษณ์ของผู้นำในสายตาประเทศอื่นๆ ก็จะตกต่ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลเสีย ทำให้ผู้ที่ถืออาวุธที่ดีกว่าไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธนั้นหากไม่จำเป็น มีผู้เล่นเกมที่จำนวนมากพยายามท้าทายเกมด้วยการเล่นเกมด้วยการรบที่น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย ดังนั้นเกมนี้สื่อได้ว่าชัยชนะคือความเหนือกว่าไม่จำเป็นต้องมาจากการใช้อาวุธเสมอไป

ตัวอย่างเหตุการณ์

สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผู้เขียนมีโอกาสได้เรียนวิชาเลือกเสรี ‘อารยธรรม’ ซึ่งชื่อวิชาภาษาอังกฤษก็คือ ‘civilization’ เป็นวิชาที่คณะไหนๆ ก็เรียนได้ แม้ฟังดูเป็นชื่อวิชาที่น่าเบื่อ แต่เมื่อผู้เขียนเรียนแล้วประทับใจและคิดว่านี่เป็นวิชาที่ทำให้เรารู้จักโลกของเราอย่างแท้จริงว่าสังคมมนุษย์ที่เราอยู่ในทุกวันนี้นั้น แท้จริงแล้วมีเหตุการณ์อะไรมากมายที่เกิดขึ้น ความเจริญ ความสะดวกสบาย ความซับซ้อนหลากหลายอย่างในสังคมล้วนแต่มีที่มา วิทยาศาสตร์ อารยธรรม สังคม การเมือง เศรษฐกิจ สงคราม ภูมิศาสตร์ และสิ่งต่างๆ ล้วนแต่ส่งผลต่อยอดกัน และมีผลต่อการเกิดขึ้นของแต่ละสิ่งจนทำให้สังคมมนุษย์เจริญก้าวหน้าเหมือนทุกวันนี้ การเรียนในคาบอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนชอบ ในคาบเรียนวิชานี้ก็มีคนนั่งหลับเยอะ แต่ผมคิดว่าเกม Civilization ในชื่อเดียวกันที่เป็นดึงให้เนื้อหาบทเรียนมาอยู่ในเกมได้ แม้จะไม่ได้ทั้งหมดแต่ทำให้ดูน่าสนใจและสนุกกว่า

ก่อนจะเขียนบทความนี้ ผู้เขียนได้อ่านรีวิวจากผู้ที่ซื้อในร้านค้าออนไลน์ และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ปกครองต่างชาติที่เล่นเกมนี้ไปกับลูกพร้อมกับการใช้สอนอย่างสนุกสนาน ผู้เขียนเลยได้เห็นศักยภาพว่าเกมนี้เป็นสื่อการสอนสำหรับครอบครัวได้เช่นกัน แม้เกมอาจจะฟังดูเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองมองในภาพลบ แต่ในตอนนี้ผู้ปกครอง ‘Gen y’ หรือ ‘Gen z’ ต่างก็เคยเป็นเด็กที่โตมากับการเล่นวิดีโอเกม และหลายๆ คนก็รู้ว่าแม้ว่าตอนเด็กจะเล่นเกม ก็ไม่ได้ทำให้เสียการเรียนเสียอนาคตหากจัดการเวลาอย่างพอดี ซึ่งพวกเขาผ่านจุดนั้นมาแล้ว ดังนั้นคิดว่าผู้ปกครองสมัยใหม่มีจุดร่วมกันระหว่างพ่อแม่และเด็กคือสนุกกับวิดีโอเกมได้เหมือนกัน ผู้ปกครองอาจเคยเล่นเกม Civilization มาตั้งแต่ภาคแรกๆ นอกจากจะกลับมาเล่นภาคใหม่ให้หายคิดถึง แล้วยังอาจชวนลูกเล่นเกมนี้ เพื่อไปใช้เป็นสื่อการสอนที่สนุกไปพร้อมกับลูกๆ ได้

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่บทเรียนของมัธยมศึกษาไทยจะมีส่วนของประวัติศาสตร์โลกค่อนข้างน้อย และหลายๆ คนมองว่าวิชาเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ แต่ที่จริงแล้วความรู้สังคมและประวัติศาสตร์นี้เป็นพื้นฐานที่ดีมากในการเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ แม้แต่เด็กที่จะเรียนวิทยาศาสตร์ การรู้จักที่มาและบริบทของเทคโนโลยีว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เกิดขึ้นมาโดยมีพื้นฐานจากอะไร จะช่วยให้เห็นความสำคัญรวมถึงการนำไปใช้ของทฤษฎีที่เรียนในภาพกว้างมากขึ้น

ปัญหาหนึ่งอย่างของเกมในสายต่อผู้ปกครองคือ กลัวลูกติด ซึ่งเกมที่สนุกก็ย่อมทำให้อยากเล่นต่อตรงนี้คงเถียงกันไม่ได้ แต่เกม Civilization เป็นระบบ ‘turn’ หรือ ‘ตา’ ซึ่งทำให้หยุดเล่นและบันทึกไว้เพื่อเล่นต่อตอนไหนก็ได้ ผู้ปกครองเลยควบคุมเวลาในการเล่นได้ง่ายกว่าเกมแนวอื่นที่อาจมีการเล่นติดพันที่การต้องหยุดเล่นกะทันหันจะส่งผลให้เสียความก้าวหน้าในเกม นอกจากนี้เนื่องจากเกม Civilization แม้แต่ภาคล่าสุดคือภาค 6 ก็ออกมาหลายปีแล้ว เกมนี้จึงราคาไม่แพง และเล่นได้ในคอมพิวเตอร์ เครื่องเกมปัจจุบันต่างๆ และอุปกรณ์แท็บเล็ตแทบทุกประเภท จึงไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อเล่นเกมนี้

นอกจากนี้เกมนี้เป็นภาษาอังกฤษ และเป็นสื่อการสอนภาษาที่ดีได้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของตัวละคร เนื้อหาของเทคโนโลยีต่างๆ และวรรณกรรมที่แทรกเข้ามาทำให้ได้อ่านภาษาอังกฤษรูปแบบหลากหลาย แต่หากผู้เล่นยังพบว่าภาษาในเกมยังยากเกินไป ผู้เล่นอาจดาวน์โหลด ‘mod’ หรือการปรับแต่งเกมจากคนไทยที่แปลเกมทั้งหมดออกมาเป็นภาษาไทยสำหรับคนที่สนใจเช่นกัน 

เด็กยุคใหม่เกิดมาในยุคที่มีสื่อล้นหลามทั้งสื่อบันเทิงและสื่อสาระ บางครั้งเยอะเกินไปจนหาเวลาเสพสื่อเหล่านั้นแทบไม่หมด แต่คงจะดีหากสื่อบันเทิงและสาระเป็นสื่อเดียวกันได้ เพื่อให้ใช้เวลากับสื่อเหล่านั้นและได้ทั้งความรู้และความสนุก 

นอกจากเกม Civilization ผมคิดว่ายังมีเกมหรือสื่อบันเทิงอื่นๆ อีกจำนวนมากที่เป็นสื่อการสอนที่ดีสำหรับเด็ก และพ่อแม่ยุคใหม่นี่แหละครับที่จะได้เปรียบเพราะเติบโตมาพร้อมสื่อเหล่านี้เช่นกัน หากพ่อแม่หรือครูท่านไหนอยากมอบสาระให้เด็กๆ มาลองคิดกันนะครับว่าตอนเราเด็กๆ เราชอบสื่ออะไรบ้าง และสื่อนั้นให้สาระอะไรกับเราได้บ้าง ท่านอาจจะได้พบกับสื่อดีๆ ที่ทำให้ท่านและลูกสนุกและได้สาระไปพร้อมๆ กันอีกมากก็ได้ครับ

Tags:

เกมวิทยาศาสตร์ภาษาประวัติศาสตร์การเรียนรู้เทคโนโลยีCivilization

Author:

illustrator

พงศ์มนัส บุศยประทีป

ตั้งแต่เรียนจบจิตวิทยา ก็ตั้งใจว่าอยากเป็นนักเขียน เพราะเราคิดความรู้หลายๆ อย่างที่เราได้จากอาจารย์ หนังสือเรียน หรืองานวิจัย มันมีประโยชน์กับคนทั่วไปจริงๆ และต้องมีคนที่เป็นสื่อที่ถ่ายทอดความรู้แบบหนักๆ ให้ดูง่ายขึ้น ให้คนทั่วไปสนใจ เข้าใจ และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่อยากให้มันอยู่แต่ในวงการการศึกษา เราเลยอยากทำหน้าที่นั้น แต่เพราะงานหลักก็เลยเว้นว่างจากงานเขียนไปพักใหญ่ๆ จนกระทั่ง The Potential ให้โอกาสมาทำงานเขียนในแบบที่เราอยากทำอีกครั้ง

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Education trend
    ความผิดพลาดของการสอนวิทยาศาสตร์ที่อาจพาประเทศชาติหลงทาง

    เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์

  • Education trend
    AI กับอนาคตการศึกษา: ตัวช่วยที่ทำให้เด็กเก่งขึ้น หรือตัวการขัดขวางการเรียนรู้ ทำลายอาชีพครู

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Space
    Space Inspirium:  แหล่งการเรียนรู้ที่ชวนคนทุกวัยท่องอวกาศไปด้วยกัน

    เรื่อง ชุติมา ซุ้นเจริญ ภาพ ปริสุทธิ์

  • Social Issues
    เตรียมพร้อมเด็กไทยในวันที่โลกเปลี่ยน: พ่อแม่และโรงเรียนต้องหมั่นอัพเดทตัวเองอยู่เสมอ

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Creative learning
    Active Citizen : พลังเยาวชน คืนความสุขให้ชุมชน ‘บ้านเขาน้อย’ จังหวัดสตูล

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

Beef (2023) เก็บกด แบกรับ ปิดบัง ฉบับ Asian Americans
Movie
2 June 2023

Beef (2023) เก็บกด แบกรับ ปิดบัง ฉบับ Asian Americans

เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • Beef เป็นซีรีส์จากค่ายหนัง A24 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเดือด ดาร์ค ลึกซึ้งเรื่องความเป็นมนุษย์ ที่เริ่มจากการระเบิดอารมณ์โมโหไปสู่การแก้แค้นไม่รู้จบ และค่อยๆ พาเราไปพบกับความวายป่วงที่ไม่มีใครคาดคิด
  • เรื่องราวการพบกันอันดุเดือดของ ‘เอมี่’ และ ‘แดนนี่’ ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์แปลกๆ ของคนสองคนที่เกลียดกันแต่ก็ยังดึงดูดให้เข้ามาอยู่ใกล้กัน เพราะพวกมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน การได้มาปลดปล่อยอารมณ์โกรธใส่กันก็เหมือนเป็นวิธีระบายสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาอย่างจริงใจ
  • ซีรีส์พาให้เราได้ไปรู้จักกับพื้นฐานความเป็นชาว Asian Americans หรือ คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียอย่าง เอมี่ แดนนี่และครอบครัว ซึ่งการมีความฝันแบบอเมริกันดรีมในยุคพ่อแม่ ส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขาในอนาคตที่ต้องกลายเป็นเดอะแบกของครอบครัว

ซีรีส์ใหม่จาก Netflix ที่ผลิตโดยค่ายหนัง A24 ค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเดือด ดาร์ค ลึกซึ้งเรื่องความเป็นมนุษย์ และมักมีสัญลักษณ์มากมายที่ทิ้งไว้ให้คนดูได้ตีความ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีลายเซ็นของค่ายหนังนี้อย่างชัดเจน

ซีรีส์เริ่มเล่าด้วยเรื่องราวความเดือดดาลของคนขับรถสองคนบนถนนที่ขับรถไล่ล่า แจกนิ้วกลางและพรั่งพรูคำด่าให้กันในรูปแบบที่เราต่างน่าจะเคยเห็นกันในข่าว หรือไม่ก็อาจเคยประสบมันด้วยตัวเอง แต่ในเรื่องนี้การระเบิดอารมณ์โมโหมันไม่ได้หยุดอยู่ที่ถนนแต่นำไปสู่การแก้แค้นไม่รู้จบ และค่อยๆ พาเราไปพบกับความวายป่วงที่ไม่มีใครคาดคิด แม้เราเองไม่ได้คาดหวังอะไรในตอนแรกที่ดู แต่ก็ไม่คิดเลยว่าซีรีส์จะพาเรามาไกลได้ขนาดนี้ จากอีพีแรกที่แค่ขับรถกวนประสาทกันบนถนนไปสู่เรื่องสยดสยอง สะเทือนใจและลึกซึ้งสุดๆ

‘เอมี่’ หนึ่งในตัวละครหลักที่เป็นคนเริ่มชูนิ้วกลางใส่แดนนี่จนทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด ภาพลักษณ์ของเอมี่ เธอคือหญิงสาว Gen Y ต้นๆ ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เธอสร้างแบรนด์ขายต้นไม้ที่มีคนอยากซื้อกิจการในราคาหลายล้านดอลลาร์ แล้วนั่นก็ทำให้เธอกลายเป็นผู้นำของครอบครัวเพราะเป็นคนหารายได้หลัก

เธอมีสามีเป็นศิลปินที่ขายงานไม่ค่อยออกแต่ก็เป็นชายหนุ่มใจเย็นที่ซัพพอร์ตและรักเธอ เธอมีลูกสาวที่น่ารัก มีบ้านดีไซน์สวยพริ้งที่เธอทั้งออกแบบและออกตังค์ และเธอก็มีความลับที่เก็บกดมานานซึ่งไม่อาจอธิบายให้ใครฟังได้เลยแม้กระทั่งนักจิตวิทยา

‘แดนนี่’ เป็นชายหนุ่มโสด เขาทำงานเป็นผู้รับเหมาที่มีภาพลักษณ์ซึ่งอาจเรียกได้ว่าค่อนไปทางล้มเหลว แม้จะรับจ้างทำงานช่างเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่มีใครอยากใช้บริการของเขา 

ในอดีตครอบครัวของแดนนี่เคยพยายามไขว่คว้าความฝันแบบชาวอเมริกันแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะดันไปพัวพันกับคดีผิดกฎหมายจนพ่อแม่ต้องย้ายกลับไปเกาหลีบ้านเกิดของพวกเขา แดนนี่จึงกลายเป็นผู้นำที่ต้องแบกรับความคาดหวังของทั้งครอบครัว เขามีน้องชายที่เติบโตมาด้วยกัน 1 คน ซึ่งน้องชายก็ไม่ค่อยเคารพในตัวแดนนี่เหมือนตอนพวกเขาเป็นเด็ก ทำให้แดนนี่ต้องคอยพยายามพิสูจน์ตัวเองให้น้องเห็นอยู่เสมอ ตัวแดนนี่เองก็มีความรู้สึกลึกๆ ในจิตใจที่เขาไม่สามารถคุยกับใครเช่นเดียวกับเอมี่
และเมื่อทั้งสองคนได้มาเจอกัน โดยไม่รู้ตัวพวกเขามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน แล้วการที่ทั้งคู่ได้มาปลดปล่อยอารมณ์โกรธใส่กันก็เหมือนเป็นวิธีระบายสิ่งที่อยู่ข้างในของพวกเขาออกมาอย่างจริงใจ ไม่มีใครห้ามใคร ไม่มีใครคิดถึงความผิดชอบชั่วดีอะไร

เหมือนมันเปิดให้โอกาสทั้งสองได้กลับไปเป็นเด็กที่ไม่ต้องแบกรับอะไรเลยอีกครั้ง แค่เอาชนะกันไปมาให้สาแก่ใจ

แล้วสิ่งนี้ก็ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์แปลกๆ ของคนสองคนที่เกลียดกันแต่ก็ยังดึงดูดให้เข้ามาอยู่ใกล้กัน

เรายังรู้สึกชื่นชมเสมอที่ค่ายนี้สามารถเล่าเรื่องความรู้สึกยากๆ  ให้ออกมาเป็นรูปธรรม เหมือนกับหนังเรื่อง Everything Everywhere All at once ที่แทนความรู้สึกอยากตายเป็นรูของเบเกิลสีดำที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ

นอกจากนี้ ซีรีส์ยังพาให้เราได้ไปรู้จักกับพื้นฐานความเป็นชาว Asian Americans หรือ คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียซึ่งก็คือ เอมี่ แดนนี่และครอบครัวของพวกเขา การมีความฝันแบบอเมริกันดรีมในยุคพ่อแม่ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขาในอนาคต การเป็นเดอะแบกของครอบครัวที่คอยแบกรับความกดดันในฐานะผู้นำของบ้าน ความเป็นมนุษย์ของตัวละครต่างๆ ที่มีความเทาๆ ไม่มีใครดีและเลวที่สุด ไปจนถึงการแทรกความสยดสยองในแบบของค่าย A24 ที่ใส่เข้ามาอย่างไม่คาดคิด

แน่นอนว่าส่วนที่เรารู้สึกรีเลท หรือมีส่วนร่วมมากก็คืออีพีที่เล่าย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในตอนเด็กๆ ของเอมี่และแดนนี่ ว่ามันได้หล่อหลอมพวกเขามายังไง เพราะอะไรพวกเขาถึงได้มีการตัดสินใจอย่างนี้

ที่เห็นชัดๆ เลยคือเอมี่ เธอเลือกที่จะเก็บกดความรู้สึกและความลับต่างๆ ไว้กับตัวเอง ซึ่งเราว่าสิ่งนี้เป็นหนึ่งในชนวนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวมันเลยเถิดมากมาย

เอมี่เคยพูดถึงพ่อแม่ไว้ตอนที่เธอไปพบนักจิตวิทยาครอบครัวว่า พ่อของเธอเป็นชาวจีนที่สื่อสารไม่เก่ง เขามักจะเก็บกดมากๆ จนวันนึงก็ระเบิดออกมา ส่วนแม่ก็รู้สึกว่าการพูดถึงความรู้สึกคือการบ่น เธอบอกว่า “มันยากที่จะยอมรับนะ แต่การโตมากับพ่อแม่แบบนั้น มันสอนให้ฉันกลายเป็นคนเก็บกด”

และเอมี่ยังยอมรับว่าที่ตัวเองปล่อยให้ ‘จอร์จ’ สามีของเธอดูแลลูกมากกว่า เพราะส่วนลึกภายในใจของตัวเอง กลัวว่าจะเผลอส่งต่อสิ่งที่พ่อแม่ของเธอเคยทำ ให้กับลูกสาวของเธอเอง

ซึ่งมีตอนนึงที่เอมี่ไปที่บ้านของพ่อแม่ เรามองว่าเธอพยายามจะปลดล็อคความรู้สึกในใจจากการเป็นคนเก็บกดด้วยการตัดสินใจบอกแม่ว่าในอดีตเธอเคยเจอกับอะไร แต่แม่กลับปฏิเสธอย่างรุนแรงที่จะคุยหรือไม่แม้แต่จะฟังด้วยซ้ำ พร้อมถามเอมี่กลับว่า “นึกมาบอกอะไรเอาตอนนี้” เอมี่ตอบว่า เวลาที่ครอบครัวของเรามีปัญหาอะไรก็ไม่เคยพูดกันเลย เธอแค่อยากให้แม่คุยกับเธอ ในตอนที่เป็นเด็กบ้าง

และบอกอีกว่า

“ตอนนี้เมื่อเธอส่องกระจกแล้วเธอเห็นพ่อกับแม่ เธอรู้สึกไม่ชอบเลย มันเหมือนการตัดสินใจแย่ๆ หลายต่อหลายรุ่นอยู่ในสายเลือดเรา”

เราเองแม้จะไม่ได้มีความลับอะไรลึกซึ้งอย่างเอมี่ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของการไม่กล้าเป็นตัวเอง 100% ต่อหน้าอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าจะไม่เป็นที่รัก แม่ของเราก็เป็นแม่ที่คล้ายกับแม่เอมี่ เขาก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้น และเรารู้เสมอว่าความรักนี้ของแม่นั้นมีเงื่อนไข ซึ่งนั่นทำให้เราเป็นคนที่มักจะเก็บกดความคิดความรู้สึกและไม่กล้าเป็นตัวเองจริงๆ

เรามองว่าคนในยุคพ่อแม่ของพวกเราไม่ได้รับชุดข้อมูลรูปแบบเดียวกับที่เราได้เรียนรู้ พ่อแม่ไม่เคยต้องขุดความรู้สึกตัวเองลงไปเพื่อยอมรับตัวเอง ไม่เคยฝึกโอบกอดความผิดพลาดหรือทุกแง่มุมที่ตัวเองเป็น พวกเขากลัวการแตกสลายมากกว่าพวกเรา วิธีที่พวกเขาถนัดคือการปิดฝังหลุมนั้นให้แน่นสนิท และบอกทุกคนให้ ลืมๆ มันไป ซึ่งเราไม่ได้มาเพื่อตัดสินว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำนั้นมันผิดหรือถูก

แต่คนเป็นลูกอย่างเราบางครั้งก็แค่แอบหวังอยากให้พ่อแม่ลองฟังและเปิดใจคุยกับเราบ้าง ไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจทั้งหมด หรือต้องทำตามที่เราต้องการหรอก เราเข้าใจแล้วว่าในมุมของเราเองก็คงไม่อาจทำได้ในแบบที่เขาทำเหมือนกัน 

ในซีรีส์เอมี่มักจะแสดงให้คนที่เธอรักหรือแม้กระทั่งกับนักจิตวิทยา เห็นว่าเธอเป็นคนใจเย็น เธอเข้าใจชีวิตตัวเองอย่างดีและมีสติ แม้จะมีอ่อนไหวหลุดแสดงอารมณ์ไปบ้าง แต่เธอไม่เคยเปิดเผยตัวตนด้านที่เป็นระเบิดปรมาณูที่สามารถพ่นคำด่าหยาบคายอย่างเดือดดาลออกมาเหมือนตอนที่อยู่กับแดนนี่ให้คนอื่นเห็นเลย เหมือนมันเป็นความลับที่เธอพยายามซ่อนไว้ให้ไกลจากคนที่เธอรัก บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นเอมี่แสดงออกด้วยรอยยิ้มอึดอัดฝืนใจเพื่อเก็บและกลืนความรู้สึกของเธอให้อยู่ข้างในดังเดิม อาจเพราะเธอกลัว กลัวจับใจว่าความรักที่เธอได้รับอยู่นั้นมันมีเงื่อนไข กลัวว่าถ้าหากบอกไปผู้คนจะไม่รักเธอ

ในตอนสุดท้ายถึงเอมี่จะรู้ตัวว่าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ทั้งหมดหรอกที่ทำให้เธอยังคิดแบบเดิมๆ แต่เป็นตัวเธอเองที่ยังเลือกที่จะเป็นแบบนั้น ตัดสินใจแบบนั้น แต่เราว่าก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพ่อแม่ก็ยังมีส่วนหล่อหลอมและฝังระบบอัตโนมัติบางอย่างให้ลูกคนนึงอยู่ดี ลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าพ่อแม่ของเอมี่ไม่ได้ปลูกฝังนิสัยเก็บกดนี้ให้กับเธอ

เรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่จบลงอย่างในซีรีส์ก็ได้นะเพราะเอมี่กับแดนนี่ก็คงไม่มีทางได้มาปลดปล่อยอารมณ์กันอย่างรุนแรงบนถนนอย่างแน่นอน

Tags:

ซีรีส์ครอบครัวลูกAsian Familyการเลี้ยงดูBeef

Author:

illustrator

พิมพ์พาพ์

เป็นลูกคนเดียวจากแม่เลี้ยงเดี่ยว เรียกตัวเองว่านักวาดภาพประกอบที่ชอบวาดคนหน้าแมว เผลอเสียน้ำตาให้กับหนังครอบครัวอยู่บ่อยๆ

Related Posts

  • Movie
    Modern love Tokyo (2022): แม่ต้องปล่อยวางหลายเรื่อง แต่วันหนึ่งลูกจะภูมิใจในเราเองแหละ

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • Movie
    All The Bright Places: พ่อไม่รู้หรอกว่าผลลัพธ์ของการใช้กำลังวันนั้นมันแย่แค่ไหน 

    เรื่อง อัฒภาค ภาพ ภาณุพงศ์ สุวรรณจุฑามณี

  • Dear ParentsBook
    โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก: โลกร้ายกาจอาจไม่ทำลายคน ความเดียวดายต่างหาก

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • Movie
    Billy Elliot: ความฝันนอกกรอบ และความรักของพ่อผู้ยอมหักหลังตัวเองเพื่อลูกชาย

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์ ภาพ ภาณุพงศ์ สุวรรณจุฑามณี

  • Dear ParentsBook
    Toxic Parents: ยังไม่ต้องให้อภัยพ่อแม่ก็ได้ เผชิญหน้ากับความรู้สึกตัวเองก่อน

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

Posts navigation

Newer posts

Recent Posts

  • The Edge of Seventeen: เราต่างต้องการเป็นที่รักและมีค่าเสมอสำหรับใครบางคน
  • คนตัวจิ๋ว: หัวใจที่อ่อนโยน การสื่อสารโดยไม่ตัดสิน คือสะพานที่พาเราก้าวข้ามความแตกต่างไปสู่มิตรภาพที่แท้จริง
  • การไร้ตัวตน-ไม่ถูกมองเห็น-ไม่ถูกยอมรับ คือสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของวัยรุ่น
  • Eighth Grade: เมื่อเด็กมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ความรักจากพ่อแม่คือแสงสว่างท่ามกลางความพร่ามัวและจอมปลอม
  • ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน’ …แล้วนิสัย(เสีย)ของเด็กมาจากใครกันนะ?

Recent Comments

  • Existential crisis: วิกฤตชีวิตที่มาพร้อมกับคำถาม “แล้วฉันอยู่เพื่ออะไร” – EducationNet on Midlife Crisis: เมื่อเป็นผู้ใหญ่ ทำไมใจถึงวิกฤต
  • The Psychological Wounds of Winnie the Pooh and His Friends: Exploring Characters from a Classic Literary Work - World Today News on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • Exploring the Psychological Wounds of Winnie the Pooh and Friends: A Fascinating Analysis - Archyde on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • 6 วิธีฝึกสอนให้ลูกเป็นเด็กมี Critical Thinking ทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในอนาคต – โรงเรียนมารีวิทยา ป on CRITICAL THINKING: สอนเด็กให้รู้คิด ผิดหรือถูกก็ใช้วิจารณญาณเป็น
  • Best รูป พลเมือง ดี Update New – Haiduongcompany.com on สอนและสร้างพลเมืองประชาธิปไตย เรื่องไม่ง่ายที่ครูทำได้

Archives

  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025
  • February 2025
  • January 2025
  • December 2024
  • November 2024
  • October 2024
  • September 2024
  • August 2024
  • July 2024
  • June 2024
  • May 2024
  • April 2024
  • March 2024
  • February 2024
  • January 2024
  • December 2023
  • November 2023
  • October 2023
  • September 2023
  • August 2023
  • July 2023
  • June 2023
  • May 2023
  • April 2023
  • March 2023
  • February 2023
  • January 2023
  • December 2022
  • November 2022
  • October 2022
  • September 2022
  • August 2022
  • July 2022
  • June 2022
  • May 2022
  • April 2022
  • March 2022
  • February 2022
  • January 2022
  • December 2021
  • November 2021
  • October 2021
  • September 2021
  • August 2021
  • July 2021
  • June 2021
  • May 2021
  • April 2021
  • March 2021
  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • July 2018
  • June 2018
  • May 2018
  • April 2018
  • March 2018
  • February 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017

Categories

  • Uncategorized
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel