Skip to content
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย
  • Creative Learning
    Life Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique TeacherCreative learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย

Month: June 2019

‘ขยะวิทยา’ ตลอดชีวิต ของเด็กๆ คลองโต๊ะเหล็ม จังหวัดสตูล
Creative learningCharacter building
4 June 2019

‘ขยะวิทยา’ ตลอดชีวิต ของเด็กๆ คลองโต๊ะเหล็ม จังหวัดสตูล

เรื่องและภาพ The Potential

  • จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ แค่อยากแก้ปัญหาการทิ้งขยะไม่เป็นที่ของเด็กๆ ในชุมชน กลายเป็นการศึกษาและทำโครงการเกี่ยวกับ ‘ขยะ’ อย่างจริงจัง ทั้งการหาข้อมูลสถานการณ์ขยะด้านต่างๆ ประเภทขยะ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากขยะ การแยกประเภทขยะ รวมถึงวิธีการจัดการขยะที่เหมาะสมกับชุมชนและสอดคล้องกับหลักการของศาสนาอิสลาม
  • ยายใหญ่และทำกันอย่างจริงจังในชื่อ โครงการศึกษาสภาพปัญหาขยะเพื่อออกแบบวิธีการจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมในศูนย์การศึกษาอิสลาม โดย ‘กลุ่มเยาวชนคลองโต๊ะเหล็ม’ และคนในชุมชนบ้านโคกพยอม ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล

ถังขยะดีไซน์แปลกตาที่ประดิษฐ์จากขวดพลาสติกเหลือใช้วางกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในชุมชนบ้านโคกพยอม ไม่ใช่ผลงานศิลปะของศิลปินท่านไหน แต่เป็นการรังสรรค์อย่างมีส่วนร่วมของ ‘กลุ่มเยาวชนคลองโต๊ะเหล็ม’ และคนในชุมชนบ้านโคกพยอม ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล

ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในหลายชุมชนทุกวันนี้หนีไม่พ้นเรื่อง ‘ขยะ’ แม้บ้านโคกพยอมจะไม่ได้มีปัญหาขยะล้นเมืองถึงขั้นวิกฤติ แต่พฤติกรรมทิ้งขยะไม่เป็นที่ ทำให้ ฮัสนา–นรินยา สาหมีด ครูประจำศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด เกิดแนวคิดที่จะหาแนวทางจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมเพื่อชุมชนและสังคม

“หนูเป็นครูสอนอยู่ที่ศูนย์ตาดีกา (ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด) ระหว่างทางเดินกลับบ้านพร้อมเด็กๆ จะมีร้านค้า เด็กๆ ก็มักจะแวะซื้อขนม แต่พอกินเสร็จแล้วก็ทิ้งห่อขนมตรงนั้นเลย เห็นบ่อยๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกว่าเราควรจะแก้ปัญหาในจุดนี้ เราอยากจะให้ความรู้ ปลูกฝังจิตสำนึกในตัวเด็ก และอยากให้จำนวนขยะลดลง” ฮัสนาเล่าเหตุการณ์ที่จุดประกายความคิดให้เธออยากทำโครงการ

โครงการศึกษาสภาพปัญหาขยะเพื่อออกแบบวิธีการจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมในศูนย์การศึกษาอิสลาม จึงถูกริเริ่มขึ้นภายใต้การดำเนินงานของ ฮัสนาและทีม คือ เขาทราย-พงษ์ศักดิ์ เจะหลัง, นลนี่-แอลนิตา นิล๊ะ, กิ๊ฟรอน-กิ๊ฟรอน หลงหัน และไลลา-นาตยา สาหมีด ทั้งหมดเป็นเยาวชนแกนนำของมูลนิธิคลองโต๊ะเหล็มอะคาเดมี ทำหน้าที่ส่งเสริมและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่คนในชุมชนโคกพยอม พวกเขาจึงมีประสบการณ์ในการทำกิจกรรมมาบ้าง 

“ความจริงขยะไม่ใช่ปัญหาหลักของชุมชนที่นี่ แต่เด็กๆ เคยศึกษาข้อมูล เจอวิดีโอวาฬ* เกยตื้นตายและในท้องมีถุงพลาสติก ซึ่งต้นเหตุจริงๆ มาจากฝีมือมนุษย์ ก็เห็นว่าบ้านเราเป็นชายฝั่ง ฉะนั้นเราควรมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ พอบังเชษฐ์ (พิเชษฐ์ เบญจมาศ โค้ช และผู้ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น จังหวัดสตูล) ชวนทำโครงการ เราเปิดโอกาสให้เด็กๆ คิดกันเองว่าเขาสนใจทำเรื่องอะไร จึงมาลงตัวที่เรื่องนี้ ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกับคนในชุมชนด้วย 

“ตอนแรกเด็กๆ ก็ตั้งเป้าว่าจะแก้ปัญหาขยะทั้งชุมชนเลย เราก็ชวนเด็กๆ คิดต่อว่า ขอบเขตของโครงการจะใหญ่เกินไปไหม เลยลดพื้นที่เหลือแค่ในศูนย์การศึกษาอิสลามก่อน ซึ่งฮัสนาเป็นครูสอนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว” กุ้ง-ซานียะห์ สีหมะ เล่าให้ฟังถึงที่มาของโครงการในฐานะพี่เลี้ยง

ไม่ใช่แค่รณรงค์เลิกทิ้งขยะไม่เป็นที่ แต่ต้องศึกษาประเภทและที่มาของ ‘ขยะ’ ด้วย

แม้จะเห็นขยะอยู่จนชินตา แต่ทีมงานก็ยอมรับว่าพวกเธอไม่เคยรู้ว่าสถานการณ์ขยะรอบศูนย์ตาดีกาเป็นอย่างไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ฮัสนาและทีมงานจึงร่วมกันออกแบบกิจกรรม เริ่มต้นจากการศึกษาสถานการณ์ขยะด้านต่างๆ ทั้งศึกษาประเภทขยะ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากขยะ การแยกประเภทขยะ รวมถึงวิธีการจัดการขยะที่เหมาะสมกับชุมชนและสอดคล้องกับหลักการของศาสนาอิสลาม พร้อมกันนี้ได้ลงพื้นที่สำรวจขยะในศูนย์ตาดีกาและชุมชนบ้านโคกพยอม

ฮัสนาเล่าว่า เธอและสมาชิกในทีมช่วยกันคิดหาข้อมูลเกี่ยวกับขยะ รวมถึงค้นหาแนวทางในการแก้ปัญหาขยะ บางคนหาจากอินเทอร์เน็ต บางคนหาจากหนังสือ 

“พยายามหาเนื้อหาและสรุปว่าอะไรคือเนื้อหาสำคัญจริงๆ ที่เกี่ยวกับโครงการของเรา แล้วก็ลงพื้นที่สำรวจขยะในชุมชน ให้เด็กๆ เก็บขยะรอบหมู่บ้านในศูนย์ตาดีกา แล้วนำมาแยกประเภท ศึกษาปริมาณโดยการชั่ง เพื่อที่จะทราบว่าขยะแต่ละประเภทมีจำนวนเท่าไหร่”  

จากการสำรวจของทีมงานพบว่าขยะจำพวกพลาสติก ขวดแก้ว ถุงพลาสติก แก้วน้ำ ขวดน้ำ โดยถุงพลาสติกมีจำนวนมากที่สุด ส่วนขยะที่เป็นเศษอาหารพบน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่คนในหมู่บ้านจะแยกไว้เพื่อนำไปทำปุ๋ย 

“เมื่อรู้ว่าขยะส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติก เลยคิดวิธีการจัดการพลาสติกโดยเริ่มรณรงค์จากจุดเล็กๆ ก่อน เช่น ให้เด็กๆ ลดการใช้ถุงพลาสติกตอนไปซื้อของ ถ้าเด็กซื้อน้ำก็ให้เด็กนำแก้วไปเอง หรือบ้านเราเองเป็นร้านค้า ก็จะบอกแม่ให้ช่วยบอกต่อกับเด็กๆ ว่าเวลามาซื้อน้ำ ให้นำแก้วของตัวเองมาซื้อแล้วจะลดราคาให้ ซึ่งได้ประโยชน์สองต่อคือ ลดขยะ และลดต้นทุนการซื้อแก้วของร้านด้วย นอกจากนี้ก็จะบอกเด็กตลอดว่าเวลาไปไหนพยายามให้ใช้ถุงผ้า ซึ่งในโครงการก็คิดว่าอยากจะทำกระเป๋าผ้ากับเด็กๆ ด้วย” ฮัสนากล่าว 

นอกจากจะรณรงค์ให้น้องๆ ในศูนย์ตาดีกาที่ฮัสนาสอนเป็นประจำแล้ว เธอมองว่าแค่เด็กในศูนย์ตาดีกาอาจยังไม่พอ ฮัสนาจึงมองไปที่กลุ่มเด็กทีมฟุตบอลมาร่วมทำกิจกรรมกับเธอด้วย ฮัสนามองว่าหากจะรณรงค์แค่ปากเปล่าอาจจะเห็นผลช้า คนที่รับรู้ก็เป็นกลุ่มคนเดิมๆ นั่นคือเยาวชนที่เธอทำงานด้วย ฮัสนาจึงคิดที่จะทำป้ายประกาศเพื่อรณรงค์การทิ้งขยะและนำไปติดตามพื้นที่สาธารณะต่างๆ ในชุมชนเพื่อให้คนในชุมชนเห็นและสะดุดตา เธอจึงเริ่มดำเนินการกิจกรรมด้วยการชักชวนน้องๆ ทั้งทีมฟุตบอลและเด็กในศูนย์ตาดีกากว่า 25 คน มาช่วยกันทำป้ายกระดาษแข็งติดกับฟิวเจอร์บอร์ดเขียนข้อความ เช่น อย่าทิ้งขยะ หรือ คำคมติดตรงร้านค้า หรือจุดต่างๆ ในหมู่บ้าน 

“ตอนทำป้ายรณรงค์ เราให้น้องๆ คิดคำกันเองว่าจะเขียนข้อความอะไรดี บางคนวาดภาพแทนคำพูดก็มี เราคาดหวังว่าการทำป้ายรณรงค์นี้น่าจะสะดุดตาคนในชมุชนบ้าง อย่างน้อยเขาเห็นป้ายที่เราติดก็จะไม่กล้าทิ้ง หรือทิ้งน้อยลง ซึ่งจากการสังเกตด้วยตาเปล่าพอเห็นอยู่ว่าขยะมีจำนวนบางตาลง” ฮัสนาเล่าความหวังและที่มาของการทำกิจกรรมในครั้งนั้นให้ฟัง

ที่มาของ ‘ถังขยะสร้างสรรค์’ ที่เกือบไม่ได้อวดโฉม

แค่ป้ายรณรงค์อาจยังไม่เพียงพอ ฮัสนาเริ่มคิดหาไอเดียหาในการจัดการขยะร่วมกัน นั่นคือการสร้าง ‘ถังขยะรีไซเคิล’ 

“ตอนแรกคิดว่าจะทำอะไรที่เกี่ยวกับขยะเฉยๆ พอดีตอนนั้นมีขยะอยู่กองหนึ่งที่เก็บไว้ในร้านค้าก็คิดว่าจะจัดการอย่างไรดี เลยไปหาข้อมูลในยูทูบ เจอไอเดียการทำถังขยะรีไซเคิลจากไม้ไผ่ ก็ปิ๊งไอเดียว่าขยะพลาสติกน่าจะทำเป็นถังขยะได้ ประกอบกับที่ศูนย์ตาดีกามีถังขยะน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการ งบประมาณก็มีไม่มาก เลยคิดว่าในเมื่อมาทำโครงการตรงนี้แล้ว ทำถังขยะเพิ่มจะดีไหม? เลยชวนเด็กๆ มาร่วมกิจกรรม ถือเป็นการให้ความรู้และปลูกฝังเรื่องการจัดการขยะไปในตัว ก็เลยเริ่มคุยเรื่องนี้ในแชทกลุ่ม เช่น กลุ่มแกนนำเยาวชน กลุ่มทีมนักฟุตบอล”

‘การทำงาน’ กับ ‘อุปสรรคปัญหา’ ย่อมเป็นของคู่กัน เวลาที่ไม่ตรงกันของเพื่อนๆ ในทีมกลายเป็นชนวนความขัดแย้งให้โครงการเกือบไปไม่ถึงฝั่งที่ฝันไว้ 

“ช่วงหลังๆ เพื่อนไม่ค่อยมีเวลา งานจึงหนักอยู่ที่หนูคนเดียว เพราะบางคนต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย บางคนไปเรียนที่อื่น เขาจะให้เราตัดสินใจเองเพราะคิดว่าหนูทำได้ แต่จริงๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น หนูเจอปัญหาเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องการจัดงาน ยิ่งวันที่ต้องไปนำเสนอโครงการ เพื่อนกลุ่มอื่นมากันเป็น 10 คน แต่กลุ่มเรามีหนูคนเดียว รู้สึกกดดันมากว่าทำไมเราต้องแบกรับภาระอยู่คนเดียว เดินร้องไห้ไปหาบังปิง (อับดุลอาสีด หยีเหม โค้ชจากศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดสตูล) บอกว่าหนูไม่อยากทำแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้ว” ฮัสนาเล่าความคับข้องใจในขณะนั้น

‘ไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำ’ คือคำพูดที่บังปิงบอกกับฮัสนาในตอนนี้ เนื่องจากรู้นิสัยกันดีว่า ถ้าถูกท้าทายเช่นนี้ เขาจะกลับมาทำงานและต้องทำให้ดี ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่บังปิงคิดไว้ ในที่สุดฮัสนาก็มีพลังใจกลับมาทำงานเหมือนเดิม

นอกจากความรู้สึกโดดเดี่ยว การต้องเผชิญกับปัญหากิจกรรมสร้างถังขยะรีไซเคิลซึ่งเป็นงานที่ใหญ่และยากรุมเร้าถาโถมเข้ามา ยิ่งทำให้ฮัสนาอยากถอดใจ แต่ด้วยแรงหนุนจากพี่เลี้ยงที่คอยชี้แนะและช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง คือพลังสำคัญที่ทำให้เขาผ่านบททดสอบที่ยากนี้มาได้ 

“หลังจากที่แชทบอกเพื่อนให้มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน ผลตอบรับคือ เพื่อนอ่านแต่ไม่ตอบอะไรกันเลย แต่หนูคิดแผนไว้ให้หมดแล้ว เพราะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าเขาไม่ค่อยชอบมานั่งคิดอะไรเยอะๆ แต่ไม่ใช่หนูจะเอาความคิดตัวเองเป็นหลักนะ ในที่ประชุมถ้าเพื่อนไม่เห็นด้วยหรืออยากเสนอให้แก้ไขอะไรหนูก็ยอมรับได้ แต่ปัญหาที่หนูหนักใจมากกว่าคือ ไม่มั่นใจว่าจะมีชาวบ้านเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยหรือไม่ คิดกังวลจนเครียดไปหมด ไม่มั่นใจเลย” อัสนาเล่าความรู้สึก

ศักรินทร์ สีหมะ ที่ปรึกษาโครงการ เล่าว่า ตลอดการทำโครงการ เราพยายามเปิดกว้างที่สุด เพื่อให้เขารู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่ข้างหลังเขา เขาต้องกล้าชนกับทุกปัญหาที่พบเจอ เพื่อให้เด็กหลุดพ้นจากการถูกครอบงำของความกลัว ให้เด็กกล้าเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเอง เราจะช่วยเมื่อถึงที่สุด บางกิจกรรมที่เด็กๆ เอาชาวบ้านไม่อยู่ เราจะคุยกันว่า ลองให้น้องสู้ดูก่อนสักตั้งหนึ่ง

“ตอนที่ทำถังขยะ เป็นงานยากมาก เขาทำคนเดียวไม่ได้เพราะว่าต้องเอาลวดมาขึงขวด ทำเป็นถังขยะ เราก็แกล้งทำเฉยๆ ดูว่าเขาจะทำยังไง ซึ่งเขาต้องพยายามดึงผู้ปกครอง ดึงรุ่นพี่ ดึงเด็กๆ ทีมฟุตบอลมาช่วย เขาจะใช้วิธีไหน เขานั่งรอเด็กๆ รอคนในชุมชนไม่ได้ แค่ทำโปสเตอร์ โพสต์ในเฟซบุ๊คเชิญชวนไม่พอ ต้องไปเคาะประตูบ้าน ไปดึงคนมา”

“จริงๆ แล้ว สำหรับเรามันง่ายมากที่จะนัดชาวบ้านมารวมกัน เพราะว่านัดเจอกันทุกวันเสาร์อยู่แล้ว เราก็ปล่อยให้เขาคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จนเหลือหนึ่งวันก่อนเริ่มงาน เขาก็มาหาเราที่บ้าน คุยกับเขาตรงๆ เลยว่า ‘มันตันแล้วจริงๆ ใช่ไหม’ แล้วก็สอนเขาตรงนั้นเลย ชี้ให้เขาเห็นถึงปัญหาเรื่องการทำงานที่ต้องให้เขาพยายามแก้ไข พออีกวันเราก็แอบประสานงานทุกอย่างในพื้นที่ให้เขา นี่คือสิ่งที่เราพยายามช่วย แต่ไม่ช่วยโดยตรง ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่เราช่วยเขา เราปล่อยให้เขาผ่านความผิดพลาด ความล้มเหลวมาบ้างแล้ว แม้ข้างนอกเราจะแสดงออกว่าไม่ช่วยเขาง่ายๆ หรอก แต่เอาเข้าจริงๆ เราก็ต้องช่วย พอเห็นว่าเขาไม่ไหวแล้วก็ต้องช่วย” ศักรินทร์อธิบายแนวทางสร้างการเรียนรู้ให้เด็กและเยาวชน

ผลจากการชี้แนะแนวทางการทำงาน และการช่วยประสานงานของทีมพี่เลี้ยงโครงการทำให้กิจกรรมสร้างถังขยะรีไซเคิลเพื่อช่วยลดขยะในศูนย์ตาดีกาและในชุมชนสำเร็จด้วยดี มีถังขยะที่เป็นผลผลิตจากความร่วมแรงร่วมใจของเยาวชนและชาวบ้านให้ได้ใช้งานจริงหลายใบ

ผลงานที่เกิดขึ้นไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจกับผู้ใหญ่ในชุมชนอย่างมาก อุปสรรคที่ฝ่าฟันมายังเป็นบทเรียนสำคัญในการพัฒนาตนเองให้กับพวกเขาด้วย 

“อุปสรรคที่เข้ามา สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้ ทำให้เวลามีปัญหาใหม่ๆ หนูก็จะคิดได้ว่าขนาดครั้งแรกยังผ่านมาได้ ทำไมครั้งนี้จะผ่านไปไม่ได้ โครงการนี้ช่วยพัฒนาทั้งตัวเราและเด็กๆ เยอะมาก ทั้งกระบวนการคิดวิเคราะห์ ได้ทำงาน จากที่เรียนอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม พอมีโครงการนี้เหมือนมาเปิดโลกกว้างให้กับเด็ก ที่สำคัญคือความกล้าแสดงออก ปกติเมื่อก่อนเราเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าที่จะพูด กลัวไมค์ การทำโครงการนี้ผลักให้เราต้องยืนพูดคนเดียว แรกๆ ก็สั่น แต่พอพูดไปเยอะๆ ก็คิดว่าไม่ได้มีอะไรน่ากลัว เราพูดให้คนอื่นฟัง รู้สึกดีมากกว่า ไม่ได้รู้สึกน่ากลัวหรือรู้สึกอายอะไรเลย จนตอนนี้กลายเป็นว่ามีงานอะไรที่ต้องนำเสนอหน้าห้อง หนูจะต้องออกไปนำเสนอ อีกอย่างโครงการทำให้ได้เจอคนหลายๆ แบบ อันไหนเป็นสิ่งดีก็เอามาปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่าง”

ขณะเดียวกันพี่เลี้ยงที่คอยชี้นำต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า มาถึงวันนี้เด็กๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก รู้สึกภูมิใจ และคิดว่านี่คือ ‘ความสำเร็จ’  

“เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เช่น การพูดคุยต่อหน้าคนเยอะๆ นำเสนอสิ่งที่เขาอยากทำหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ นี่คือความสำเร็จแล้ว เพราะเราเชื่อว่าศักยภาพของคนแสดงให้เห็นชัดเจนคือ 

  1. การนำเสนอ ถ้าเราทำเป็นแต่นำเสนอไม่เป็นก็จบ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีทั้งสองอย่าง

     2. การก้าวข้ามปัญหาของเขา จากตอนแรกที่เขาคิดว่าทำไม่ได้ เขาท้อ เขาเดินเข้ามาหา บอกไม่ไหวแล้ว เหนื่อย ทำไม่ถูกแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้ 

     3. มีกลุ่มเด็กเยาวชนผุดขึ้นมาหลังจากการทำโครงการมากมาย เพื่อที่จะมาเติมรุ่นนี้ต่อหรือว่ารับไม้ต่อจากทีมนี้ต่อไป” ศักรินทร์เล่าถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ

สำหรับการดำเนินงานต่อจากนี้ เยาวชนคลองโต๊ะเหล็ม บอกว่า พวกเขายังอยากทำถังขยะเพิ่ม รวมถึงพาเด็กๆ ไปศึกษาดูงาน

“อยากให้มีถังขยะในหลายที่หลักๆ จะไปวางไว้ที่ร้านค้าและร้านที่เด็กๆ ชอบไป เพราะอยากให้คนอื่นเห็นว่านี่คือฝีมือของเด็กในหมู่บ้านเรา ส่วนขยะที่ถูกทิ้งไว้จะนำมาช่วยกันแยกประเภท เช่น อันไหนสามารถใช้ซ้ำได้ หรืออันไหนสามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งเราก็มีทฤษฎีที่จะกำจัดขยะคือ 7R (Refuse-Refill-Return-Repair-Reuse-Recycle-Reduce) และขยะบางส่วนสามารถนำไปขายเป็นเงินได้ นอกจากนี้ก็ตั้งใจพาเด็กๆ ไปดูงานที่บ้านนางพญาเพราะมีที่เก็บขยะอยู่ เสร็จแล้วจะทำแบบสอบถามว่าเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมกับเราได้ความรู้อะไร และอยากทำอะไรต่อบ้าง” ฮัสนาเล่าแผนการทำงานในอนาคต

การจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมในศูนย์ตาดีกา นับเป็นจุดเริ่มต้นของพลังการขับเคลื่อนที่นำไปสู่การแก้ปัญหาขยะในระดับชุมชน ไม่เพียงเท่านี้ การเติบโตที่เด็กๆ ได้รับจากการลงมือทำ การฝึกวางแผนและแก้ปัญหา รวมถึงการทำงานร่วมกับพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาในชุมชนจะเป็นแรงผลักให้เขาอยากจะพัฒนาตนเอง และพัฒนาชุมชนบ้านเกิดต่อไป

Tags:

active citizenproject based learningสิ่งแวดล้อมสตูลวัยรุ่น

Author & Photographer:

illustrator

The Potential

กองบรรณาธิการ The Potential

Related Posts

  • Voice of New Gen
    สวนกง…เพราะหาดคือชีวิต

    เรื่องและภาพ The Potential

  • Creative learningCharacter building
    เดินเท้าแกะรอยเมล็ดพันธุ์ เพื่อพบ ‘มะตาด’ ต้นสุดท้ายในบ้านควน

    เรื่องและภาพ The Potential

  • Creative learningCharacter building
    ปันจักสีลัตแห่งบ้านทุ่ง จังหวัดสตูล กระบวนเรียนรู้ที่มาจากสถานการณ์จริง

    เรื่องและภาพ potential-test-user

  • Creative learning
    ชวน ‘ราชาน้ำท่อม’ ไปปลูกป่าด้วยวิถีวิจัย การศึกษาที่ชุมชนออกแบบเอง

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี ภาพ สิทธิกร ขุนนราศัย

  • Creative learningCharacter building
    วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าเลน เจอคุณปู่โกงกางและสัตว์น้ำตัวเล็กๆ

    เรื่อง The Potential

3 เทคนิคชวนพ่อแม่ตั้งหลัก จัดการอารมณ์ขั้วลบก่อนปรี๊ดแตกใส่ลูก
Family Psychology
4 June 2019

3 เทคนิคชวนพ่อแม่ตั้งหลัก จัดการอารมณ์ขั้วลบก่อนปรี๊ดแตกใส่ลูก

เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • พ่อแม่ทุกคนน่าจะเคยหลุดปรี๊ดแตก เมื่อโลกการทำงานข้างนอกก็รุมเร้า กลับเข้าบ้านมาเจอลูกโยนระเบิดลูกใหญ่ใส่ (ถึงจะไม่ตั้งใจก็เถอะ)
  • หลายคนอาจใช้วิธีสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ปากก็ว่า พุท-โธ หรือไม่ก็เดินหนีไป หายฉุนเฉียวได้สักพักก็กลับมาอาละวาดใหม่เพราะลูกยังป่วนไม่ยั้ง
  • ลองดู 3 เทคนิคนี้ ตั้งแกน-ปล่อยพลัง-สร้างเกราะ ถ้อยคำที่ไม่คุ้นอาจดูเหมือนยาก แต่จริงๆ ไม่ คล้ายๆ กับการดึงสมาธิตัวเองให้กลับมา โฟกัสและผ่อนคลาย

คุณก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยสะสมจากการเลี้ยงลูกอยู่ใช่ไหม?

ในหนึ่งวันเหมือนทั้งเวลากับพลังงานที่มีไม่เคยพอกับภารกิจที่ไหนจะต้องทำกับข้าว ดูแลพวกเขาให้อยู่ในร่องในรอย แล้วยังต้องรับมือสารพันปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อพวกเขาดื้อ ซน ไม่เชื่อฟังหรือทะเลาะกันแย่งของ

โดยเฉพาะบ้านไหนที่คุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านควบคู่ไปกับการดูแลลูกๆ ด้วยแล้วอาจมีวันใดวันหนึ่งที่อ่อนแรงกับภาระหน้าที่มาทั้งวัน พลังกายพลังใจเหมือนแบตเตอรีที่กะพริบเตือนว่าเหลือไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อกลับถึงบ้านกลับเจอแจ๊คพอตที่ลูกๆ ต้อนรับเราด้วยการละเลงสีทาบ้านลงบนโซฟาชุดใหม่ในห้องรับแขก

ทั้งๆ ที่เหน็ดเหนื่อยปานนั้น แต่จู่ๆ ในร่างกายก็กลับมีพลังงานร้อนวูบวาบที่แผ่ซ่านอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนพร้อมจะระเบิดตูมออกมา ในวินาทีนั้นคุณแม่ก็แสดงอภินิหารแปลงร่างเป็นนางยักษ์ที่ไม่แค่หน้าตาเกรี้ยวกราด แต่อะไรที่อยู่ใกล้มือก็หยิบฉวยมาหวดลูกๆ แทนไม้เรียวระบายความโมโหผสมความเครียดที่สะสมมาทั้งวัน 

ครั้นพอได้ปลดปล่อยพลังลบกับลูกไปแล้ว ไม่เพียงต้องมานั่งเสียใจทีหลังเพราะสงสารลูก ปัญหาความดื้อเหล่านั้นก็ยังคงอยู่เช่นเดิมเพราะมันคือธรรมชาติความอยากรู้อยากลองของเขา ที่เลวร้ายไปอีกคือลูกก็ซึมซับการแสดงออกจากความโมโหเหล่านั้น และนำไปทำตามบ้างเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

ในฝั่งตะวันตกมีแนวทางในการจัดการกับอารมณ์หรือพลังงานลบที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอยู่หลากหลายแบบ วิธีจัดการและควบคุมอารมณ์ที่น่าสนใจซึ่ง แพตตี ไวกิงตัน (Patti Wigington) หนึ่งในกลุ่มเผยแพร่ศรัทธาความเชื่อและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจทางธรรมชาติที่เรียกว่า Wicca ในสหรัฐอเมริกาแนะนำไว้ในบทความ ‘Magical Grounding, Centering, and Shielding Techniques’ ถึงวิธีการควบคุมจัดการพลังงานทั้งด้านบวกและลบที่ขาดความสมดุล สะสมทับถมอยู่ในตัวเรามากเกินไปบ้าง น้อยเกินไปบ้าง 

เทคนิคการจัดการพลังงานนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพ่อแม่ และถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ควรสอดแทรกลงในชีวิตประจำวันเพื่อฟื้นฟูสมดุลสภาวะจิตใจและอารมณ์ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเลี้ยงลูกให้กลับมาสงบนิ่งและมั่นคง

เทคนิคที่1: ตั้งแกน (Centering)

เทคนิคนี้คือการเติมพลังงานที่แห้งเหือด ยุ่งเหยิง กระจัดกระจาย หรือถูกดูดกลืนด้วยความเครียดจากปัญหาที่เข้ามากระทบจนเกิดความเหนื่อยล้า ความโมโห ให้กลับมาเต็มเปี่ยมทรงพลัง

อันดับแรก หาที่เงียบสงบ อาจเป็นม้านั่งร่มรื่นในสวน หรือห้องที่อากาศโปร่งเย็นสบาย ปิดประตูลงกลอน ปิดสัญญาณโทรศัพท์ หรือตัดความวุ่นวายจากเสียงรบกวนต่างๆ นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้มีพนัก ปิดเปลือกตาลงเบาๆ สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ 5-10 ลมหายใจ หรือจนลมหายใจสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายผ่อนคลาย หากยังฟุ้งซ่านลองนับเลขหรือท่อง ‘พุทโธ’ ในใจร่วมกับการหายใจไปด้วยก็ได้

เมื่อร่างกายสงบผ่อนคลายเต็มที่และลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอให้จินตนาการว่ามีพลังงานดีๆ อยู่รอบตัวเรา ถ้าเพิ่งเริ่มฝึกใหม่สามารถฝึกให้รู้สึกถึงพลังงานโดยการถูฝ่ามือทั้งสองถี่ๆ จนเกิดความอุ่น แยกฝ่ามือออกจากกันเล็กน้อยแล้วโฟกัสไปที่ความรู้สึกถึงกระแสพลังงานซ่าๆ เล็กน้อยที่วิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างฝ่ามือทั้งสอง 

ช่วงฝึกแรกๆ อาจไม่รู้สึกถึงพลังงานระหว่างฝ่ามือนี้ก็ได้ หรือบางคนอาจรู้สึกได้เพียงแค่แรงต้านตุบๆ เมื่อเอาฝ่ามือเลื่อนเข้าออกหากัน

เมื่อฝึกให้ร่างกายผ่อนคลายและจดจ่อไปยังพลังงาน(จากการถูฝ่ามือหรือที่อยู่รอบตัว) จนคุ้นเคยกับมันสักพักแล้ว ให้จินตนาการต่อไปว่าพลังงานเหล่านั้นเป็นพลังงานความสุข เบา เย็นสบายพลังงานนั้นกำลังค่อยๆ ห่อหุ้มตัวเราไว้พร้อมกับพองและหดตัวเหมือนบอลลูนประสานกับลมหายใจเข้าออก บอลลูนนั้นขยายใหญ่ขึ้นๆ ทุกที จนคลุมร่างกายได้ทั้งตัว เมื่อบอลลูนแห่งความสุขคลุมทั่วร่างให้วักฝ่ามือนำพลังงานนั้นเข้าสู่ร่างกาย พลังงานที่ว่าก็คือออร่าที่เราเคยได้ยินกันนั่นเอง

ขั้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าเรากำลังพยายามสร้างอิทธิฤทธิ์พลังวิเศษเหมือนในละครจักรๆ วงศ์ๆ แต่เป็นการที่เรากำลังนำพลังธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวอยู่แล้ว มาเติมพละกำลังภายในที่ร่อยหรอเหือดแห้งไปให้กลับคืนมา

จุดสำคัญของขั้นตอนนี้อยู่ที่การเก็บพลังความสุขที่รับเข้าสู่ร่างกายไว้ในจุดที่เรารู้สึกสบายและปลอดโปร่งที่สุด ส่วนมากมักกำหนดพลังงานไว้ที่กระบังลม (จุดที่เรียกว่า polar plexus) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของร่างกายเป็นหลัก หรือบางคนหากรู้สึกว่าการเก็บพลังไว้ที่กึ่งกลางหน้าอก (heart chakra) เป็นจุดที่รู้สึกสบายกว่าก็ทำได้

เมื่อฝึกบ่อยๆ จนคุ้นกับการผ่อนคลาย จดจ่อลมหายใจ พร้อมกับเปิดรับพลังงานได้เก่งขึ้น สามารถทำเทคนิคนี้ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ในกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าขณะนั่งรถไฟฟ้า ไปทำงาน หรือรอคิวในธนาคาร การฝึกดึงพลังงานดีๆ เข้าสู่ร่างกายนี้จะช่วยพัฒนาความสงบนิ่งมั่นคงของจิตใจและกระตุ้นพลังชีวิตให้สดชื่นแจ่มใสขึ้น

เทคนิคที่2: ปล่อยพลังลบลงพื้นดิน (Grounding)

เทคนิคนี้ใช้บรรเทาพลังงานลบที่ท่วมท้นจนเกินพอดี พลังงานลบคือพลังที่กระตุ้นให้รู้สึกตาสว่าง กระสับกระส่าย แม้เวลาจะล่วงเข้าสองยามแล้ว หรือขณะที่ร่างกายต้องการการพักผ่อนเต็มทีแต่กลับนอนไม่หลับ ภายในเต็มไปด้วยความขุ่นมัวที่ตกค้างมาจากความวุ่นวายทั้งวัน

ไวกิงตันอธิบายว่าบางครั้งการที่พลังงานลบภายในร่างกายเราอยู่ในระดับที่มากเกินพอดีจนรู้สึกท่วมท้น ก็เพราะในทุกวันเรารับเอาพลังลบจากภายนอกเข้ามาไว้ในร่างกายมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นต้องมีวิธีจัดการให้ระดับพลังงานส่วนเกินเหล่านั้นกลับไปอยู่ในจุดสมดุลอีกครั้ง

ขั้นตอนของเทคนิคนี้คือทำตรงกันข้ามกับการดึงพลังเข้าร่างกาย คือแทนที่จะวักพลังงานภายนอกเข้าสู่ร่างกายคราวนี้ให้เราจินตนาการว่ากำลังผลักพลังงานลบ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า และความตึงเครียดออกจากร่างกายแทน

ขั้นตอนแรกทำเหมือนเดิมคือ ปิดเปลือกตาให้สนิทและจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ โฟกัสไปที่พลังงานลบความรู้สึกกระสับกระส่ายอึดอัดนั้นให้เต็มที่ แล้วใช้ฝ่ามือผลักพลังงานส่วนเกินเหล่านั้นผ่านลงไปตามขาจนถึงเท้าและปล่อยให้พลังงานนั้นซึมลงสู่พื้นดิน (หากนั่งในห้องจินตนาการให้พลังซึมลงไปที่พื้นห้อง) จินตนาการอย่างแจ่มชัดให้เห็นว่าพลังงานเหล่านั้นไหลผ่านขาและฝ่าเท้าของเราลงไปสู่พื้นดินที่เป็นฟองน้ำดูดซับพลังงานส่วนเกินของเราอย่างสม่ำเสมอ

หรืออีกวิธีเก๋ๆ ที่สามารถเสริมควบคู่ไปกับการฝึกนี้คือการใช้หินสีหรือคริสตัลเข้ามาช่วยดูดซับพลังงาน หรือลองหากระถางขนาดพอเหมาะใส่ดินไว้เป็น ‘กระถางรองรับอารมณ์’ ตั้งในมุมสงบและสะดวกใช้ 

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ามีพลังงานลบเอ่อท้นจนเก็บไม่ไหว การงานก็รุมเร้า ลูกก็ดื้อมากเหลือเกินให้หาเวลาอยู่ตามลำพังสักครู่ เอาปลายนิ้วจิ้มลงไปบนดินในกระถางแล้วปล่อยพลังงานลบให้ไหลผ่านนิ้วลงสู่ดิน 

เมื่อทำขั้นตอนนี้เสร็จให้กล่าวคำปิดท้ายที่แสดงถึงการปลดปล่อยพลังทุกครั้งอาจเป็นประโยคง่ายๆ เช่น “และแล้วมันก็หายไปเสียที!” หรืออาจแค่ร้อง ‘เฮ้ออออออออ’ ออกมาดังๆ

เทคนิคที่3: สร้างเกราะคุ้มกัน (Shielding)

เทคนิคนี้เหมือนกับ ‘การกั้นเขตแดน’ ในโลกเวทมนตร์ การสร้างเกราะคุ้มกันในที่นี้หมายถึงการป้องกันตนเองจากพลังงานลบที่ส่งมาจากผู้อื่นไม่ให้ผ่านเข้ามาถึงเรา เช่น เมื่อต้องตกอยู่ในเหตุการณ์สมาคมกับแก๊งแม่ๆ คนอื่นที่เปรียบเทียบเกรดเฉลี่ยของลูกตัวเองกับลูกเราและแสดงความเป็นห่วงว่าลูกเราอาจสอบไม่ติด

แตกต่างจากสองเทคนิคแรกที่โฟกัสไปยังการจัดสมดุลพลังงานในร่างกายด้วยการดึงพลังงานดีๆ เข้ามาและถ่ายเทพลังงานแย่ๆ ออกไป เทคนิคนี้คือ สร้างเป็นเกราะป้องกันขึ้นจากพลังงานที่อยู่รอบตัวเราโดยจดจ่อไปที่ลมหายใจ และจินตนาการให้พลังงานนั้นแผ่ขยายคลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเหมือนมีเกราะวิเศษห่อหุ้มตัวเราไว้ 

พื้นผิวของเกราะที่ห่อหุ้มเราอยู่นั้นเปรียบเสมือนเพชรที่แข็งแรง ทนทาน สามารถป้องกันพลังงานแย่ๆ ที่เข้ามาตกกระทบให้สะท้อนออกไป สิ่งกวนใจใดๆ หรือใครก็ตามที่มีแนวโน้มจะส่งพลังงานลบหรืออารมณ์บูดบึ้งให้แก่เรา พลังงานลบเหล่านั้นจะผ่านเข้ามาทำให้เราขุ่นมัวไม่ได้

เมื่อเราฝึกสร้างเกราะคุ้มกันจนเคยชิน คำวิจารณ์ร้ายๆ หรือข้อความเป็นห่วงเป็นใยที่นำพาแต่ความวิตกมาให้ ก็จะไม่ระคายอารมณ์เราได้สักนิด

สามเทคนิคการจัดการพลังงานนี้ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองฝึกฝนบ่อยๆ จนชำนาญ จะพบว่าสามารถรู้ทันตนเองได้ว่าเรากำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ใด และสามารถควบคุมอารมณ์หรือพลังงานที่ไม่สมดุลนั้นให้กลับมาสงบนิ่งได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น ลองนำไปฝึกร่วมกับหากิจกรรมนันทนาการที่ชอบ หรือช่วยกระตุ้นความสดชื่นและพลังงานบวกอื่นๆ เช่น ออกกำลังกายเบาๆ ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ แช่น้ำอุ่น หรือพบปะเพื่อนที่มีทัศนคติเชิงบวก ก็จะช่วยเติมพลังงานและความชื่นบานได้อีกครั้ง

อ้างอิง
เรียบเรียงจากบทความเรื่อง Magical Grounding, Centering, and Shielding Techniques โดย Patti Wigington
https://www.learnreligions.com/

Tags:

จิตวิทยาวินัยเชิงบวกการตั้งแกน(Centering)

Author:

illustrator

บุญชนก ธรรมวงศา

จบภาษาและการสื่อสาร เคยผ่านงานบริษัทออแกไนซ์ เปิดคลินิก ไปจนเป็นเลขาซีอีโอ หลังค้นพบและติดใจโลกนอกระบบตอกบัตร จึงแปลงร่างเป็นนักเขียน นักแปลและนักพยากรณ์ไพ่ ขี้โวยวายเป็นนิสัยที่อยากแก้ไขแต่ทำยังไงก็ไม่หาย ปัจจุบันกำลังเข้าใกล้ Midlife Crisis และหวังจะข้ามผ่านได้ด้วยวิถี “ช่างแม่ง”

Related Posts

  • Family Psychology
    3 ขั้น ตัดตอน ก่อนปรี๊ดใส่ลูก

    เรื่อง The Potential

  • Early childhood
    หมอโอ๋: พ่อแม่ที่ไม่สร้างบาดแผลให้ลูก คือพ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูก

    เรื่องและภาพ The Potential

  • Early childhood
    ยังตีอยู่ไหม เมื่อตีลูกให้จำ ทำลายความผูกพันและเพิ่มพฤติกรรมเสี่ยง

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Family Psychology
    “ไม่ต้องมีพ่อแม่ที่ดี มีแค่พ่อแม่ที่ธรรมดา” หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน

    เรื่อง รชนีกร ศรีฟ้าวัฒนาทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ ภาพ สิทธิกร ขุนนราศัย

  • How to enjoy life
    ใช้ ‘สติ’ ค้นหา ‘ความหลงใหล’ ไปสู่สิ่งที่ใช่โดยไม่หลงทาง

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

HOW WE POST โกรธแต่กดเลิฟ
Social Issues
3 June 2019

HOW WE POST โกรธแต่กดเลิฟ

เรื่อง ภาพ SHHHH

“ถ้าอยากเข้าใจวัยรุ่น ให้ไปลองเล่นทวิตเตอร์นะครับ แต่ให้เล่นสักพักหนึ่งแล้วคุณจะเห็นเลย ที่ชัดที่สุดคือ เคยมีคนกล่าวไว้ว่า เฟซบุ๊ค คือ ‘คนรู้จัก ที่คุยกันไม่รู้เรื่อง’ ส่วนทวิตเตอร์ คือ ‘คนไม่รู้จัก ที่คุยกันรู้เรื่อง’ ”

อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร Blognone กล่าวไว้ช่วงหนึ่งในเวทีเสวนา WHY WE POST: เข้าใจโลกใหม่ของวัยรุ่นยุควุ่นเน็ต 

ประเด็นสำคัญของเวทีนี้คือทำความเข้าใจการใช้โซเชียลมีเดียของวัยรุ่น เช่น ทำไมโซเชียลมีเดียถึงมีพลังแห่งการสร้างตัวตน ทำไม IG’s story ที่ทำลายตัวเองภายใน 24 ชั่วโมงถึงยอดนิยม

“ผมพยายามทำความเข้าใจ แต่ย้อนคิดตอนที่เราเรียน เวลาเบื่อๆ เราก็วาดรูปใส่กระดาษแล้วปาใส่เพื่อน เพื่อนก็วาดแล้วปากลับมา เสร็จแล้วเราจะเก็บกระดาษเหล่านั้นไว้ไหม? นี่อาจเป็นคำอธิบาย Snapchat หรือ IG’s story ก็คือการสื่อตัวตนโดยไม่ต้องการให้มันคงอยู่ถาวร”

นอกจากนี้ อิสริยะอธิบายเรื่องการใช้แพลตฟอร์มของวัยรุ่นสมัยนี้ว่าแต่ละคนไม่ได้ใช้แค่แพลตฟอร์มเดียว และแต่ละแพลตฟอร์ม ก็ยังมีได้ตั้งหลายแอคเคาท์ เช่น แอคเคาท์หลุม กรุ๊ปไลน์ย่อย

ไม่แปลกที่วัยรุ่นคนเดียวจะมีหลายแอคเคาท์ เอาไว้แสดงออกต่างกันแม้ในเรื่องเดียวกัน เช่น ถ้าเป็นแอคเคาท์แบบเปิดเผยตัวตนก็พร้อมจะกดรักให้กับทุกเรื่อง เลิฟทุกคนรอบข้าง แต่ถ้าเป็นแอคหลุมแบบ anonymous ก็พร้อมจะตั้งการ์ด ฟาดฟัน พลาดปุ๊บเหยียบซ้ำ ขุดด้านมืดของตัวเองมาถล่มด่าไม่ยั้ง  – ไม่เป็นไรนี่ ไม่มีใครรู้จักฉัน

แต่นั่นแหละ…โลกใบที่สอง (หรือสาม สี่ ห้า) ของฉัน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ WHY WE POST: เพราะโซเชียลมีเดียฉาบฉวยหรือช่องว่างระหว่างวัยทำให้ไม่เข้าใจกัน

Tags:

วัยรุ่นโซเชียลมีเดีย

Author:

Illustrator:

illustrator

SHHHH

Related Posts

  • Voice of New Gen
    จากติ่งเกาหลีสู่ Active Citizen: ลำโพงขนาดใหญ่ผู้ขับเคลื่อนประเด็นสังคมและการเมือง

    เรื่อง ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • How to get along with teenager
    SEXTING คือ SEX+TEXT ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์ แต่คือพัฒนาการ

    เรื่อง The Potential ภาพ KHAE

  • How to get along with teenager
    ทำไมลูกหายใจเข้าออกเป็น ‘IG’ (INSTAGRAM)

    เรื่อง The Potential ภาพ บัว คำดี

  • How to get along with teenager
    อินสตาแกรม 101: รู้ไว้ให้ ‘ลูก’ ใช้เป็น

    เรื่อง กนกอร แซ่เบ๊

  • How to get along with teenager
    วัยรุ่นยุคก้มหน้า “ถ้าเราเงยขึ้นมา พ่อแม่จะคุยกับเราไหมล่ะ”

    เรื่อง กนกอร แซ่เบ๊

Posts navigation

Newer posts

Recent Posts

  • Lilo & Stitch: ‘โอฮาน่า’ ไม่ใช่แค่ครอบครัว แต่หมายถึงใครสักคนที่เห็นคุณค่าและยอมรับตัวตนในแบบที่เราเป็น
  • ขับเคลื่อนการศึกษาคุณภาพ ปั้นสมรรถนะ ‘เด็กตงห่อ’ สานต่ออนาคตของภูเก็ต
  • ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP2 ‘พัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัย’
  • The Edge of Seventeen: เราต่างต้องการเป็นที่รักและมีค่าเสมอสำหรับใครบางคน
  • คนตัวจิ๋ว: หัวใจที่อ่อนโยน การสื่อสารโดยไม่ตัดสิน คือสะพานที่พาเราก้าวข้ามความแตกต่างไปสู่มิตรภาพที่แท้จริง

Recent Comments

  • Existential crisis: วิกฤตชีวิตที่มาพร้อมกับคำถาม “แล้วฉันอยู่เพื่ออะไร” – EducationNet on Midlife Crisis: เมื่อเป็นผู้ใหญ่ ทำไมใจถึงวิกฤต
  • The Psychological Wounds of Winnie the Pooh and His Friends: Exploring Characters from a Classic Literary Work - World Today News on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • Exploring the Psychological Wounds of Winnie the Pooh and Friends: A Fascinating Analysis - Archyde on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • 6 วิธีฝึกสอนให้ลูกเป็นเด็กมี Critical Thinking ทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในอนาคต – โรงเรียนมารีวิทยา ป on CRITICAL THINKING: สอนเด็กให้รู้คิด ผิดหรือถูกก็ใช้วิจารณญาณเป็น
  • Best รูป พลเมือง ดี Update New – Haiduongcompany.com on สอนและสร้างพลเมืองประชาธิปไตย เรื่องไม่ง่ายที่ครูทำได้

Archives

  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025
  • February 2025
  • January 2025
  • December 2024
  • November 2024
  • October 2024
  • September 2024
  • August 2024
  • July 2024
  • June 2024
  • May 2024
  • April 2024
  • March 2024
  • February 2024
  • January 2024
  • December 2023
  • November 2023
  • October 2023
  • September 2023
  • August 2023
  • July 2023
  • June 2023
  • May 2023
  • April 2023
  • March 2023
  • February 2023
  • January 2023
  • December 2022
  • November 2022
  • October 2022
  • September 2022
  • August 2022
  • July 2022
  • June 2022
  • May 2022
  • April 2022
  • March 2022
  • February 2022
  • January 2022
  • December 2021
  • November 2021
  • October 2021
  • September 2021
  • August 2021
  • July 2021
  • June 2021
  • May 2021
  • April 2021
  • March 2021
  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • July 2018
  • June 2018
  • May 2018
  • April 2018
  • March 2018
  • February 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017

Categories

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Uncategorized
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel