- ปี 2017 วัยรุ่นในรัฐมิสซิสซิปปีกว่า 62 เปอร์เซ็นต์อยู่ในภาวะซึมเศร้า จำนวนนั้นกว่า 13,000 คนไม่ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
- “รอคิวก่อน” คือคำตอบที่แม่ลูกสี่คนหนึ่งได้รับหลังจากแจ้งว่าลูกสาวมีความคิดฆ่าตัวตาย
- คำถามที่น่าสนใจคือ การดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และภาวะซึมเศร้า แท้จริงแล้วเป็นของใคร
Her daughter was suicidal, but this mother was told the soonest she could get help was in six months – ลูกของเธออยากฆ่าตัวตาย แต่คนเป็นแม่ถูกบอกให้รออย่างน้อย 6 เดือนจึงจะถึงคิวได้รับการรักษา
คือพาดหัวบทความใน The Hechinger Report องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ติดตามประเด็นความเท่าเทียมและการศึกษา เผยแพร่ครั้งแรกเดือนมิถุนายน 2018 โดยแจ็คกี้ เมเดอร์ (Jackie Mader) นักข่าวประเด็นผู้หญิงและการศึกษา
เรื่องของเด็กผู้หญิงที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตายแล้วถูกบอกให้รอคิวก่อน เป็นเพียงประเด็นย่อยในบทความชิ้นนี้ แต่หลักใหญ่ใจความทั้งหมด เมเดอร์ต้องการเสนอประเด็น ‘เด็กที่ประสบภาวะซึมเศร้าในชนบท น้อยรายที่ได้เข้ารับการรักษา หรือได้รับคำปรึกษาอย่างจริงจัง’
ประชากรโลกที่ป่วยด้วยปัญหาทางจิตปี 2016 คือ ปัญหาทางจิตทั่วไป, ซึมเศร้า, วิตกกังวล, ไบโพลาร์, การกินผิดปกติ, จิตเภท, จิตเวชจากการดื่มสุรา, การใช้สารเสพติด – ที่มา: ourworldindata.org
จากการเก็บข้อมูลของ ourworldindata.org เรื่องประชากรโลกที่ป่วยด้วยปัญหาทางจิตปี 2016 ได้แก่ ปัญหาทางจิตทั่วไป, ซึมเศร้า, วิตกกังวล, ไบโพลาร์, การกินผิดปกติ, จิตเภท, จิตเวชจากการดื่มสุรา, การใช้สารเสพติด พบ 5 อันดับแรกคือ
- กรีนแลนด์ 22.14%
- ออสเตรเลีย 21.63%
- สหรัฐอเมริกา 21.56%
- นิวซีแลนด์ 21.28%
- อิหร่าน 19.936%
เมเดอร์ยกตัวอย่างของคุณแม่ลูกสี่ที่อาศัยในย่านชานเมืองของรัฐมิสซิสซิปปี เจนนิเฟอร์ ทาวน์เซน (Jennifer Townsend) เธอพบจดหมายของลูกสาวคนเล็กวัย 14 ปี วางแผนจะฆ่าตัวตาย ทาวน์เซนต้องการให้ลูกสาวเธอได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยโทรสายด่วนเข้าไปที่สำนักงานเทศบาลที่ทำงานด้านจิตวิทยาและได้รับคำตอบว่า อย่างเร็วที่สุด ลูกสาวของเธอจะต้องรอคิวรักษาราว 6 เดือน และถึงแม้เธอจะมีชื่อในรายการคนไข้แล้ว เธอจะได้พบคุณหมอเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
“ฉันไม่คิดว่าการรักษาเดือนละครั้งจะเพียงพอ (…) ลูกสาวของฉัน เธอมีความคิดอยากฆ่าตัวตายแล้วนะ” ทาวน์เซนกล่าว อย่างไรก็ตาม โชคดีเป็นของครอบครัวทาวน์เซน เพราะเธอสมัครเข้ากลุ่มบำบัดอิสระซึ่งมีนักจิตวิทยาทำงานกับลูกสาววัย 14 ปีของเธอได้อย่างทันท่วงทีและทำได้สม่ำเสมอ
เมเดอร์ให้ข้อมูลว่ามิสซิสซิปปีคือหนึ่งในรัฐที่มีบริการด้านจิตเวชและบุคลากรด้านจิตเวชของรัฐ น้อยและเข้าถึงยากที่สุดของประเทศ รายงานจาก Mental Health America ปี 2017 ระบุว่า วัยรุ่นในรัฐมิสซิสซิปปีกว่า 62 เปอร์เซ็นต์อยู่ในภาวะซึมเศร้า จำนวนนั้นกว่า 13,000 คนไม่ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากคนไข้รายใดต้องการเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ ต้องเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อเข้ารับคำปรึกษาจากสถาบันด้านจิตเวชเอกชน แน่นอนว่านั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้กับผู้มีรายได้น้อย แรงงานที่มีเวลาทำงานไม่ยืดหยุ่น หรือคิดหยาบๆ แค่เหตุผลว่า ‘ไม่มีรถ’ ทางเลือกนี้จึงต้องตัดทิ้งไป
นอกจากคำอธิบายที่ว่าบุคลากรและคลินิกด้านจิตเวชของรัฐมิซซิสซิปปี้มีน้อยและเข้าถึงยาก ยังรวมถึงเหตุผลจากกระทรวงสาธารณสุขลดงบประมาณด้านทรัพยากรบุคคลจิตเวชและเพิกถอนบริการด้านจิตเวชบางประการ หนึ่งในนั้นคือบริการให้คำปรึกษาด้านจิตเวชกับวัยรุ่นกลุ่มเสี่ยงไปด้วย
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ปกครองถึงรายงานว่า ‘พวกเขาโทรไปที่คลินิกรัฐแล้ว แต่พวกเขาช่วยเหลือเราไม่ได้’ ” จอย ฮอจจ์ (Joy Hogge) ผู้อำนวยการบริหาร Families as Allies องค์กรไม่แสดงผลกำไรด้านจิตเวชแห่งรัฐมิสซิสซิปปี้
เป็นที่ทราบกันดีว่าความน่ากลัวของผู้ที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าหรือเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าซึ่งไม่ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญมีความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความเศร้าที่ไม่มีทางออก มีปัญหาที่โรงเรียน เสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษากลางคัน ท้ายที่สุด มีความคิดเรื่องการฆ่าตัวตาย ทั้งเริ่มลงมือทดลอง และกระทำการจริงๆ ที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือครอบครัวที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีงานทำ – ซึ่งไม่ใช่เรื่องมีความเสี่ยง แต่พวกเขาไม่แม้แต่จะเข้าสู่ระบบการรักษาได้
อย่างไรก็ตาม เมเดอร์พยายามสร้างทางเลือกและทำงานสื่อสารเพื่อผลักดันให้เกิดกลุ่มบำบัด กลุ่มให้ความช่วยเหลืออิสระ รวมทั้งสร้างองค์ความรู้เพื่อให้ครูและผู้ปกครอง ‘อ่าน’ เด็กๆ และหรือให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นได้เหมาะสม
หนึ่งในความเห็นที่น่าสนใจคือ ลาเบลลา เพลสตัน (Labella Preston) นักจิตวิทยาโรงเรียนของสถาบันด้านจิตวิทยา LifeHelp ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า ที่ครูไม่รู้ว่านักเรียนที่อยู่ในภาวะซึมเศร้ากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เป็นเพราะครูมักคิดว่านักเรียนแค่เงียบขรึม อาจเป็นบุคลิกที่ไม่สุงสิงกับใคร และขาดทักษะในการสังเกตว่าลักษณะแบบไหนที่เข้าข่ายซึมเศร้าแล้ว
ทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่คำถามที่น่าสนใจว่า การดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และภาวะซึมเศร้า แท้จริงแล้วเป็นของใคร แค่นักจิตวิทยาหรือคนที่อยู่รอบๆ โดยเฉพาะหน่วยงานทางสังคมที่เข้ามาช่วยจัดการ ประคับประคองภาวะป่วยไข้ทางจิตใจของเด็กและวัยรุ่นเป็นเรื่องสำคัญ
Fun Fact หน่วยงานรัฐและเอกชนที่ให้บริการปรึกษาในไทย สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 ทั้งหมด 12 คู่สาย ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง โดยนักจิตวิทยาประมาณสามสิบคนสับเปลี่ยนกันมาทำหน้าที่ บริการทางเฟซบุ๊ก 1323 เพื่อให้คำปรึกษาทางแชต ให้บริการตั้งแต่เวลา 6.30 – 22.30 น. ไม่มีวันหยุด สายด่วนสุขภาพจิต 1667 โดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงสายด่วนให้คำปรึกษาสะมาริตันส์ 02 713 6793 เวลา 12.00 – 22.00 โดยอาสาสมัครราวสามสิบคนหมุนเวียนให้บริการ เวลา 12.00 – 22.00 น. เว็บไซต์ istrong.co ปรึกษาส่วนตัวกับนักจิตวิทยา / โค้ช ทางทางโทรศัพท์และพบเจอตัว (มีค่าบริการ) หน่วยงานให้บริการทางสุขภาพจิตและจิตเวชในสังกัดกรมสุขภาพจิต https://www.dmh.go.th/service/ |