- ‘เด็กตงห่อ’ (忠厚) คุณลักษณะของเยาวชนที่คนภูเก็ตภูมิใจ ซึ่งในภาษาจีนหมายถึง ‘คนดีรอบด้าน’ ที่ครอบคลุมทั้งในมิติของความดี ความเก่ง และความสุข โดยมีบริบทของวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความหลากหลายทางอัตลักษณ์เป็นจุดตั้งต้นของการเรียนรู้
- ภาพรวมของคำนิยาม ‘เด็กตงห่อ’ คือต้องการให้เด็กๆ มีทักษะที่จำเป็นต่อโลกยุคใหม่ เป็นทั้งคนดีรอบด้าน เป็นพลเมืองและพลโลกที่มีสมรรถนะ สามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและธรรมชาติได้
- ในการพัฒนา ‘เด็กตงห่อ’ ให้มีทั้งความรู้ ทักษะ และคุณธรรมที่เหมาะสมกับโลกยุคใหม่ การดำเนินงานไม่เพียงแต่เน้นการจัดการเรียนรู้ภายในโรงเรียน แต่ยังครอบคลุมถึงการสร้างพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับภาคีเครือข่ายทุกฝ่าย เพื่อหนุนเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงภายใต้บริบทพื้นที่
“จุดเริ่มต้นคือ อยากให้เด็กทุกคนในพื้นที่ได้รับการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ”
อาจารย์แบงค์-สิทธิชัย อินทรมณเฑียร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดประสบการณ์โครงการ TSQM-A จังหวัดศรีสะเกษและภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 สะท้อนหลักคิดสำคัญของโครงการขับเคลื่อนโรงเรียนพัฒนาตนเองเชิงพื้นที่ TSQM-A (Transformative Self-Quality Management for Area-based Education)
สำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ภูเก็ต เริ่มจากการระดมความคิดร่วมกันของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อหาคำตอบว่าเด็กแบบไหนที่ภูเก็ตต้องการ และการศึกษาแบบใดที่จะเหมาะสมกับภูเก็ตในปัจจุบันและอนาคต
กระบวนการนี้นำไปสู่การออกแบบแนวทางการพัฒนาเยาวชนที่เชื่อมโยงกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมและค่านิยมดั้งเดิมของพื้นที่ กำหนดออกมาเป็นคุณลักษณะของเยาวชนที่คนภูเก็ตภูมิใจ นั่นคือ ‘เด็กตงห่อ’ (忠厚) ซึ่งในภาษาจีนหมายถึง ‘คนดีรอบด้าน’ ที่ครอบคลุมทั้งในมิติของความดี ความเก่ง และความสุข โดยมีบริบทของวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความหลากหลายทางอัตลักษณ์เป็นจุดตั้งต้นของการเรียนรู้
ความคาดหวังนี้เป็นแกนกลางที่เชื่อมโยงกระบวนการออกแบบหลักสูตร พัฒนาสมรรถนะ และสร้างการเรียนรู้ที่มีความหมายต่อชีวิต สะท้อนถึงความพยายามของภูเก็ตในการปรับการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางสังคมและเศรษฐกิจ รวมทั้งเผชิญกับความท้าทายที่มาจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและปัญหาการโยกย้ายบุคลากร เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และสร้างคนที่สามารถรับมือกับโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง

‘เด็กตงห่อ’ ความคาดหวังและอนาคตของภูเก็ต
เนื่องจากภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ภายใต้โครงการ TSQM-A จังหวัดจึงให้ความสำคัญกับการรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพเยาวชนเพื่อตอบโจทย์พื้นที่ โดยเลือกหยิบยกคาแรกเตอร์ ‘เด็กตงห่อ’ มาใช้ในการกำหนดทิศทางการออกแบบการเรียนรู้และขับเคลื่อนการศึกษาของจังหวัด
คำว่า ‘ตงห่อ’ มาจากภาษาจีน หมายถึง ‘คนดีรอบด้าน’ โดยคุณลักษณะของเด็กตงห่อสัมพันธ์กับคุณค่าหลักที่คนเชื้อสายจีนในภูเก็ตยึดถือมาตั้งแต่อดีต นั่นคือความกตัญญู รับผิดชอบ และซื่อสัตย์ ซึ่งเด็กตงห่อที่ถูกปัดฝุ่นมาเป็นภาพฝันของคนภูเก็ต คือเด็กที่เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีรอบด้าน และยังสามารถรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมไว้ได้แม้อยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
“ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมและสังคมรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป เป้าหมายของจังหวัดเราจึงอยู่ที่การทำอย่างไรให้เด็กๆ สามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้
โดยภาพรวมของคำนิยาม ‘เด็กตงห่อ’ คือเราต้องการให้เด็กๆ มีทักษะที่จำเป็นต่อโลกยุคใหม่ เป็นทั้งคนดีรอบด้าน เป็นพลเมืองและพลโลกที่มีสมรรถนะ สามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและธรรมชาติได้ ทำอย่างไรให้เด็กไม่หลงลืมอันตรายรอบตัว
และเราก็มีความเชื่อว่าหากภูเก็ตเติบโตงอกงามขึ้นในอนาคต และมีการลงทุนจากต่างชาติ เด็กๆ เหล่านี้ก็จะสามารถอยู่ได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แต่ยังคงไม่ลืมรากเหง้าและวิถีชีวิตเดิม ที่สำคัญคือ ไม่หลงลืมพื้นที่หรือถิ่นกำเนิดของตนเอง
ดังนั้น ในฐานะของคุณครูหรือผู้นำการศึกษาของจังหวัด เราจึงต้องกำหนดทิศทางอย่างชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง ‘กรอบสมรรถนะ’ สำหรับเด็กภูเก็ต ซึ่งเป็นแนวทางในระดับสากล (worldwide) และเป็นสมรรถนะที่เชื่อมั่นได้ว่า หากเด็กๆ คนหนึ่งสามารถสร้างและพัฒนาจิตใจตนเองได้ พวกเขาก็จะสามารถอยู่รอดได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และจังหวัดภูเก็ตเราเลยพยายามที่จะเอาคาแรกเตอร์เหล่านั้นมาใส่ให้เด็ก เพื่อให้เด็กสร้างสมรรถนะขึ้นมาครับ” อาจารย์แบงค์อธิบาย

กำหนดตัวชี้วัด ติดตั้งสมรรถนะ พัฒนาเด็กภูเก็ตเต็มศักยภาพ
จากโจทย์การสร้าง ‘เด็กตงห่อ’ จังหวัดภูเก็ตได้ระดมความคิดจากหลายภาคส่วน ทั้งบุคลากรทางการศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในการกำหนดตัวชี้วัดสมรรถนะอย่างชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้ครูสามารถนำไปใช้ขยายความ ออกแบบ และกำหนดเป้าหมายของโรงเรียน เพื่อพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของพื้นที่
“โจทย์แรกมาจากภาคเอกชน ที่ตั้งคำถามว่า เอกชนต้องการเด็กลักษณะแบบไหนบ้าง ซึ่งเราก็ได้นำความต้องการเหล่านี้มาผ่านกระบวนการ เพื่อให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้นจากความต้องการของคนในจังหวัด เพราะเรามีความเชื่อว่า หากเด็กๆ ได้รับการติดตั้งสมรรถนะเหล่านี้ พวกเขาจะสามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จได้”
โดยสมรรถนะในการเป็นเด็กตงห่อ มี 7 ประการ ได้แก่ สมรรถนะการคิดและการเรียนรู้, สมรรถนะทางวัฒนธรรม มีปฏิสัมพันธ์และการแสดงตัวตน, สมรรถนะการจัดการตนเองและดูแลผู้อื่น, ทักษะการสื่อสารรอบด้าน, สมรรถนะดิจิทัล, สมรรถนะการมีส่วนร่วม การมีบทบาทผลักดัน และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน,ทักษะชีวิตการทำงานและทักษะผู้ประกอบการ
จากนั้นจึงลงลึกให้กลายเป็นบุคลิกที่สำคัญ 12 เรื่องของ ‘เด็กตงห่อ’ ที่ทุกคนอยากให้เด็กมี ได้แก่
- Active Citizen + Self Directed การรู้ตัวว่าต้องทำอะไร รับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่น สังคม และสิ่งแวดล้อม
- Teamwork การทำงานเป็นทีมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
- เข้าใจรากเหง้าของจังหวัดภูเก็ต (สังคม วัฒนธรรม ภูมิปัญญา) มีความกตัญญู สามารถสื่อสารได้อย่างภาคภูมิใจและสืบทอดให้คงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน
- Multiliteracy ความสามารถในการใช้ภาษาในการสื่อสาร และทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ โดยสามารถเลือกใช้วิธีการสื่อสารได้เหมาะสม ผู้รับสาร (เช่น ภาษา วิธีการ แพลตฟอร์ม)
- ความสามารถในการปรับตัว ให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย
- Empathy เข้าใจมุมมอง หรือความรู้สึกผู้อื่น เอาใจใส่เพื่อช่วยเหลือหรือมีส่วนร่วม
- การเคารพ ยอมรับในความแตกต่าง และรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้อื่น
- Self Esteem มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง มีความกล้าในการคิดและแสดงออกได้อย่างเหมาะสม (กล้าคิด กล้าทำ)
- Higher Order Thinking สมรรถนะการคิดขั้นสูง การคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์
- Digital Literacy มีทักษะการเป็นผู้นำและการสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่สำคัญเชิงประจักษ์ในการวางแผน
- Learning How to Learn ทักษะการเรียนรู้ที่จะเรียนรู้ สามารถประเมินตัวเองได้ว่าอะไรไม่รู้ และรู้ว่าจะไปหาความรู้ได้อย่างไร
- Self-heart Honest มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
โดยกลไกหรือกระบวนการทำงานของภูเก็ต พยายามที่จะฝังระบบและกลไกเหล่านี้เข้าไปในการพัฒนาเด็ก หรือผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเน้นผู้เรียนควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
“เราจึงเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ฐานทุน ซึ่งจุดเด่นของภูเก็ตคือทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์ หน่วยงานสนับสนุนที่เข้มแข็ง และทีมงาน core team ด้านวิชาการที่มีความแข็งแกร่ง ดังนั้น เราจึงพยายามนำแผนของทุกหน่วยงานต้นสังกัดมาคลี่ออกและบูรณาการเข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ตัวเด็ก หรือการพัฒนาตัวเด็กเป็นเป้าหมายหลัก ส่วนการพัฒนาพื้นที่จะตามมาเอง” อาจารย์แบงค์ เล่า

กลไกขับเคลื่อน บูรณาการความร่วมมือ สู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
เพื่อพัฒนาเด็กในจังหวัดภูเก็ตให้เป็นคนดีรอบด้าน ภูเก็ตได้พัฒนากลไกและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนกระบวนการทำงานของภาคการศึกษา โดยการขับเคลื่อนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก คณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ
“เรามีโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น TSQP, TSQM หรือแม้กระทั่ง Core team ที่เกิดขึ้น รวมถึง บพท. (หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่) เอง ต่างก็ถือเป็นกลไกสำคัญที่ใช้กรอบวิจัยในการขับเคลื่อนหรือพัฒนาพื้นที่
ภูเก็ตมี ‘Phuket Education Sandbox’ พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่พยายามขับเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งโครงการและหน่วยงานต้นสังกัดต่างๆ ที่เราเชื่อมโยงกันนี้ ล้วนมุ่งเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือ ‘เด็ก’
และนอกจากนี้ยังมี โครงการครูรักษ์ถิ่น ซึ่งเป็นทรัพยากรคนหรือครูในพื้นที่ที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกัน ถือเป็นทุนเดิมของจังหวัดภูเก็ตที่เราพยายามขับเคลื่อนให้เกิดความเข้มแข็ง และต่อเนื่องไปยังการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมครับ”
การดำเนินงานเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในพื้นที่ภูเก็ต ถูกออกแบบและขับเคลื่อนในหลายระดับ โดยเฉพาะในระดับ Meso ซึ่งเป็นระดับที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วม เครื่องมือหลักที่ใช้ในการขับเคลื่อนคือ Developmental Evaluation (DE)
“เรามีการทบทวนแผน การวางแผน หรือการเชื่อมโยงวงของการปฏิบัติ กระบวนการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้คนในพื้นที่ เกิดเครือข่ายต่างๆ และความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งเวทีการสะท้อนความคิดเห็นและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดโจทย์หรือเจ้าของโจทย์ร่วมกันในการพัฒนาเด็ก หรือจังหวัดในด้านการศึกษา และที่สำคัญที่สุดคือ การเกิดขึ้นของ Core Team ซึ่งทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนกระบวนการทั้งหมด นี่คือบรรยากาศหรือองค์ประกอบที่เกิดขึ้นในวง DE ทั้งในระดับจังหวัดและโรงเรียน
อีกประเด็นหนึ่งคือ Education Forum ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยดึงการมีส่วนร่วมจากทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และผู้ปกครองที่เข้ามาร่วมดูแลบุตรหลานหรือเข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุน ซึ่งการมีส่วนร่วมนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ เป็นการบูรณาการกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
นอกจากนี้ยังมี Online PLC Coaching ซึ่งเป็นการพัฒนาผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมแบบออนไลน์ ทำให้เราได้เห็นมุมมองว่าพื้นที่ของเรามีความสามารถและทำอะไรได้ดีในมิติที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เป็นการถอดบทเรียนร่วมกัน ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ดังนั้นเราจะเห็นว่าในวงรอบนี้ กิจกรรมที่ดึงการมีส่วนร่วมของคนเกิดขึ้นได้เพราะเราอาศัยทั้งเครื่องมือสนับสนุน กิจกรรมจากโครงการต่างๆ รวมถึงการทำงานของ Core Team หรือบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ทำให้เกิดกลไกการทำงานร่วมกันที่ขยับไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง”
ในขณะที่ ระดับ Micro ได้มีการดำเนินงานโดยเริ่มต้นจากการใช้ TSQP ที่มุ่งเข้าไปทำงานภายในโรงเรียน พร้อมทั้งพยายามลดช่องว่างระหว่างโรงเรียนกับพื้นที่โดยรอบ กระบวนการในระดับนี้มุ่งเน้นการใช้เครื่องมือและแนวคิดที่ชัดเจนเพื่อพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ ตามหลักการ Whole School Approach ซึ่งครอบคลุมทั้งการพัฒนาโครงสร้างและกระบวนการเรียนรู้ รวมไปถึงการพัฒนาผู้เรียนให้เห็นคุณค่าในชีวิตจริง โรงเรียนในพื้นที่จึงไม่เพียงแค่เป็นสถานที่เรียนรู้ตามหลักสูตร แต่ยังเชื่อมโยงกับชุมชน ภาคีเครือข่าย และผู้ปกครอง
เครื่องมือหลักที่นำมาใช้ในระดับนี้ ได้แก่ Online PLC และ PLC-LS ซึ่งมุ่งเน้นการออกแบบบทเรียนที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงของผู้เรียน เปลี่ยนบทเรียนแบบเดิมให้กลายเป็น ‘ห้องเรียนมีชีวิต’ ตัวอย่างเช่น VASK-PBL ที่นำธีมของชุมชนเข้ามาออกแบบโจทย์การเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าในตนเองและสิ่งแวดล้อมรอบตัว พร้อมทั้งพัฒนาทักษะและสมรรถนะชีวิตที่จำเป็นสำหรับอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการใช้ระบบ Q-Info เป็นกลไกสำคัญในการดูแลและช่วยเหลือนักเรียน ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อย ได้แก่ Q-Goal, Q-PLC, Q-Info, Q-Classroom, และ Q-Network ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
ถอดบทเรียนที่ผ่านมา เดินหน้าต่อสู่การวัดประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ในจังหวัดภูเก็ตมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนา ‘เด็กตงห่อ’ ให้มีทั้งความรู้ ทักษะ และคุณธรรมที่เหมาะสมกับโลกยุคใหม่ การดำเนินงานไม่เพียงแต่เน้นการจัดการเรียนรู้ภายในโรงเรียน แต่ยังครอบคลุมถึงการสร้างพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับภาคีเครือข่ายทุกฝ่าย เพื่อหนุนเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงภายใต้บริบทพื้นที่
“สิ่งที่เรากำลังพยายามขับเคลื่อน และจะเดินหน้าต่อไปนั้น เกิดขึ้นจากการถอดบทเรียนและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างการมีส่วนร่วม การร่วมกันออกแบบบทเรียน ที่ส่งผลให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากรในพื้นที่ หรือแม้กระทั่งการเปิดพื้นที่ให้เด็กได้มีพื้นที่ในการแสดงออกและเรียนรู้อย่างแท้จริง รวมถึงการเรียนรู้ในลักษณะของวงจรปฏิบัติที่เกิดขึ้นผ่านเวทีการสะท้อนบทเรียนร่วมกันในพื้นที่
สิ่งสำคัญก็คือ เราเชื่อมั่นเหลือเกินว่ากระบวนการทั้งหมดที่เราใส่เข้าไปนั้น เด็กได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่สิ่งที่เรากำลังทำต่อ และอยู่ในกระบวนการก็คือ การวัดและประเมินผลลัพธ์ของผู้เรียนในตอนนี้ จังหวัดของเราได้เริ่มออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะของเด็กตงห่อ โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบต้นแบบ และต่อไปคุณครูหรือโรงเรียนจะได้สามารถนำไปปรับใช้และออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละโรงเรียนครับ” อาจารย์แบงค์ กล่าวถึงก้าวต่อไปของโครงการ