Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Social Issues
27 March 2020

โรงเรียนอาจไม่เหมือนเดิม: 3 ประเด็นที่ต้องตาม โคโรน่าไวรัสทำให้การศึกษาเปลี่ยนไปอย่างไร

เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี ภาพ พิมพ์พาพ์

  • การระบาดของโคโรน่าไวรัสทั่วโลก กำลังเปลี่ยนวิธีการเรียนของเด็กนับล้านคนทั่วโลก
  • การต้องแก้ปัญหาในช่วงเร่งด่วน ยิ่งทำให้ ‘นวัตกรรมการเรียนรู้’ ใหม่ๆ ถูกคิดและทำ เราอาจได้เห็นการร่วมมือระหว่างเอกชน รัฐบาล และ… สถาบันอะไรก็ตามที่เราไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะร่วมมือกันคิดนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ ขึ้นมา
  • นวัตกรรมที่กำลังจะมาถึง มาจริงและถูกติดตั้งจริง แต่ไม่แน่ใจว่าการพัฒนาเทคโนโลยีที่ว่าจะทำให้ความเหลื่อมล้ำ ดีขึ้น หรือ แย่ลง?

แค่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่โคโรน่าไวรัส (โควิด-19) ระบาดหลายในประเทศ หลายทวีป ได้เปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของเด็กนับล้านคนทั่วโลกอย่างไม่เคยมีปรากฏการณ์ไหนทำได้มาก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นักการศึกษาต้องกลับมาคิด (กันอย่างเร่งด่วน) ว่า การเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะทำให้วิธีการเรียนของเด็กในระบบการศึกษา ‘ดีขึ้น’ หรือ ‘แย่ลง’ และนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ควรนำมาใช้เพื่อปรับตัวกับสถานการณ์ตอนนี้ (ที่ดูเหมือนจะยืดเยื้อออกไป) ควรเป็นอย่างไร

การระบาดอย่างรวดเร็วไล่ตั้งแต่เอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกา ทำให้ผู้กำหนดนโยบายทุกภาคส่วนต้องเร่งคิดและออกมาตรการยับยั้ง ยืดระยะ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้การแพร่ระบาดช้าลงอีกหน่อย แน่นอนว่ามาตรการนี้มีผลในระบบการศึกษาด้วย

13 มีนาคม 63 รายงานจาก UNESCO สรุปตัวเลขว่า มี 39 ประเทศที่รัฐบาลสั่งปิดโรงเรียนทั้งประเทศอย่างเป็นทางการ และอีก 22 ประเทศประกาศปิดบางส่วน โดยให้อำนาจท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจเอง อย่างไรก็ตาม UNESCO ประเมินว่ามีนักเรียนทั่วโลก 421 ล้านคนได้รับผลกระทบจากประกาศหยุดเรียน (อ่านประกาศ UNESCO ที่นี่)

จากทุกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้นักเรียนทั่วโลกต้องปรับไปเรียนที่บ้าน ทำให้ดีกรีของการจัดการเรียนรู้โดยครอบครัว (home-schooling) เข้มข้นขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง เช่น จีน เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน เป็นต้น รวมถึงมีมาตรการรองรับ และ ‘นวัตกรรมการเรียนรู้’ ที่หลากหลายและน่าสนใจหลายตัว

แม้เร็วไปที่จะตัดสินว่า ผลกระทบของโรคระบาดครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนของผู้คนอย่างถึงรากขนาดนั้นหรือไม่ แต่มันก็มีสัญญาณจริงๆ และเป็นสัญญาณที่ไม่ฟังไม่ได้ว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ต่อวงการการศึกษาจริง

และนี่คือ การคาดการณ์ 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเกี่ยวกับการศึกษา

หมายเหตุ: เรียบเรียงจากบทความเรื่อง 3 ways the coronavirus pandemic could reshape education*

1. ระบบการศึกษา: ถูกกระตุ้น-ถอง-ผลัก ให้เกิดนวัตกรรมการเรียนรู้แบบใหม่ที่ไม่เคยคาดคิด

การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาใหญ่ที่เคยก้าวเดินในอัตราเร่งระดับ ‘ช้า จนถูกวิจารณ์ว่าล้าหลังมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนแบบเลคเชอร์ มุ่งหน้าแข่งขันเข้าสถาบันที่มีชื่อเสียง รูปแบบการสอนที่ล้าหลัง และอื่นๆ แต่ตอนนี้ โควิด-19 กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาไปเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาทั่วโลกให้ปรับตัวและคิดนวัตกรรม และต้องทำได้ภายในเวลารวดเร็ว

  • ฮ่องกง: ประกาศให้เด็กหยุดเรียนและใช้การเรียนรู้ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน
  • จีน: นักเรียนกว่า 120 ล้านคน เรียนหนังสือผ่านถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
  • โรงเรียนหนึ่งในประเทศไนจีเรีย: ที่ปกติก็ใช้ทั้งการเรียนออนไลน์แบบ Synchronous Learning อยู่แล้ว วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้เรียนกับผู้สอนไม่ต้องนัดแนะพบกันตามตารางเวลา แต่ติดต่อกันได้ตลอดผ่านเครื่องมือสื่อสาร และจะเรียนที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ (Anywhere Anytime) ทั้งนี้ก็ได้เพิ่มการเรียนรู้แบบ Synchronous ที่ทำให้เด็กๆ ได้เรียนกันแบบตัวต่อตัวออนไลน์ ในช่วงการปิดโรงเรียนแบบนี้ด้วย
  • โรงเรียนหนึ่งในเลบานอน: เริ่มการเรียนออนไลน์ในวิชาทั่วไป และขยายไปยังวิชาที่ไม่ใช่การแลคเชอร์ เช่น วิชาพละศึกษา และจะมีการบ้านให้เด็กๆ ทำ คือ ให้เด็กๆ อัดคลิปวิดิโอขณะทำกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา การเทรนด์นิ่ง ส่งกลับมาด้วย ข้อดีของการเรียนออนไลน์นี้ เด็กๆ ได้ลงมือทดลองใช้เทคโนโลยีไม่ว่าจะอัด ตัดต่อ แก้ปัญหาเทคนิคระหว่างทำ

ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ออกมาตรการรับมือการปิดโรงเรียน อ่านที่นี่

ต้องพูดด้วยว่าการเรียนออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นจริงได้ในวันนี้ ก็เพราะเทคโนโลยีที่ถึงพร้อมโดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยี 5G อย่างทั่วถึงหลายประเทศเช่น จีน ญี่ปุ่น อเมริกา ยิ่งทำให้การเรียนออนไลน์แบบนี้เป็นจริง ง่าย และราคาถูกลง

ช่วงเวลานี้ที่หลายประเทศได้ทดลองการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและเป็นได้จริง

คาดการณ์ว่าการเรียนรู้ในห้องหลังจากนี้จะผสานการเรียนออนไลน์ผ่านเทคโนโลยี อาจดึง influencer ทางการศึกษาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ‘การเรียนรู้’ จะง่ายขึ้นและกลายเป็น ‘habit’ หรือเป็นสิ่งที่เราทำในเวลาว่างมากขึ้น คือมองมันในแง่สิ่งบันเทิงที่เข้าถึงได้ ผสานไปกับการเรียนรู้จริงจังในชีวิตประจำวัน

2. ภาคีพันธมิตรทางการศึกษาทั้ง รัฐ-เอกชน จับมือร่วมพัฒนาช่องทางการเรียนรู้แบบใหม่ อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

แค่ไม่กี่สัปดาห์ เราเห็นการร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล สำนักพิมพ์ องค์กรทางการศึกษา ผู้เชี่ยวชาญการศึกษา นักกำหนดนโยบาย ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี เครือข่ายการสื่อสาร และอื่นๆ ร่วมมือกันพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ น่าสนใจว่าในประเทศที่รัฐบาลเป็นผู้เล่นหลักในการจัดการศึกษา จะปรับเปลี่ยนโอบรับให้ทุกหน่วยงานเข้าช่วยเหลือและพัฒนาระบบการศึกษา เช่นในเวลาแบบนี้อย่างไร

ประเทศจีน: กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้ง รวบรวมหน่วยงานหลายองค์กรมาร่วมกันทำแพลตฟอร์มการเรียนทั้งแบบออนไลน์และถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ รวมทั้งพัฒนาระบบพื้นฐานที่เอื้อกับการเรียนรู้อื่นๆ เสริมเข้าไปด้วย

ฮ่องกง: เว็บไซต์ที่ชื่อ readtogether.hk/ คือองค์กรที่รวมหน่วยงานทางการศึกษากว่า 60 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์ สื่อมวลชน และ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบันเทิง ได้มอบสื่อการเรียนรู้กว่า 900 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ หนังสือ และเครื่องมืออีกมากมายเพื่อให้บริการฟรีแก่ประชาชน ซึ่งประกาศแล้วว่าจะสานต่อวิธีการเรียนรู้แบบนี้ต่อไปแม้วิกฤตโควิด-19 จะจบลงแล้ว

ผู้เขียนแสดงความเห็นว่า การร่วมมือกันระหว่างรัฐ เอกชน และคนที่ดูเหมือนอยู่นอกวงการศึกษา ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้เห็นว่า นี่คือการทำงานที่ก้าวไกลกว่าการลงทุนจากรัฐ หรือจากองค์กรไม่แสวงกำไรต่างๆ

หรืออย่างช่วงเวลาราวสิบปีก่อน เราได้เห็นการลงทุนสำคัญที่มาจากภาคเอกชนในสนามการศึกษา เช่น ไมโครซอร์ฟ กูเกิล ซัมซุง Tencent Ping An และแม้แต่ อะลีบาบา เองก็ตาม แต่หากคิดในภาพรวม การเข้ามาขององค์กรเอกชนเหล่านี้ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย (และประชาชนเองก็อาจไม่ได้มองว่าองค์กรเหล่านี้เข้ามาเล่นในสนามการศึกษา – กองบรรณาธิการ) แต่ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสเช่นนี้ การเข้ามาร่วมมือของเอกชนอาจขับเน้นให้เห็นความสำคัญของตัวละครเหล่านี้ และเห็นความร่วมมือข้ามสายพรมแดนงานของตัวเองมากขึ้น

3. ความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากโอกาสในการเข้าถึงสารสนเทศที่ไม่เท่าเทียม อาจกว้างขึ้น

การเรียนออนไลน์เป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาอย่างเร็วและทำได้จริงมากที่สุด แต่การทำเช่นนี้ได้ ประเทศนั้นต้องมีโครงการการสื่อสารและอินเทอร์เน็ตที่ดีและราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ ทำให้หลายๆ ประเทศได้เดินหน้าใช้เทคโนโลยีกับการศึกษาเรียบร้อยแล้ว เช่น ประเทศฮ่องกง ให้เด็กๆ ยากจนเข้าถึงการศึกษาและทำงานผ่านโปรแกรม WhatsApp หรือ อีเมล

แม้ตัวเลขจะยืนยันว่าประชากรโลกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและมีตัวตนบนโลกออนไลน์ แต่ต้องยอมรับว่าในประเทศที่ยังไม่พัฒนา และประเทศกำลังพัฒนา ที่ยังไม่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโอบรับเทคโนโลยีเหล่านี้ การเข้ามาของการเรียนออนไลน์ ยิ่งทำให้เด็กยากจนและผู้ที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ถูกละทิ้งและมองข้ามไป

การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดไม่ใช่การกลับไปพัฒนาเฉพาะที่สถาบันโรงเรียนอีกแล้ว แต่ทั่วโลกต้องทำให้เทคโนโลยีที่ถูกลงและคุณภาพดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำและช่องว่างเหล่านี้จึงจะถูกบีบให้แคบลง แต่ถ้าไม่ การเข้ามาของเทคโนโลยีในสนามการศึกษาอาจยิ่งทำให้สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนให้ความเห็นว่า การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ทักษะจำเป็นของคนรุ่นใหม่คือ ‘การยืดหยุ่นปรับตัว’ ไม่ใช่แค่โรคระบาด แต่รวมถึงประเด็นใหญ่อย่างเหตุการณ์ความรุนแรงทั่วโลก ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และ ใช่… รวมถึงประเด็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีด้วย ในความโหดร้ายของโควิด-19 คือโอกาสดีที่จะกลับมาทบทวนว่า ทักษะของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการในโลกข้างหน้าซึ่งควบคุมไม่ได้เลยนั้น เราต้องการทักษะอะไรบ้าง เช่น ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการปรับตัว เป็นต้น

แต่ในทักษะทั้งหมดที่กล่าวมา ผู้เขียนมองว่า ‘การปรับตัว’ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องถูกทำให้เป็นวาระในสนามการศึกษาต่อไป

อ้างอิง:
3 ways the coronavirus pandemic could reshape education

Tags:

ระบบการศึกษาDisruptionนวัตกรรมโซเชียลมีเดียschool closureไวรัสโคโรนา(โควิด-19)

Author:

illustrator

ณิชากร ศรีเพชรดี

แอดมิชชันเข้าคณะการเขียนและสิ่งพิมพ์เพราะคิดว่าเขาจะสอนให้เขียนนิยาย แทนที่จะได้เขียนจากจินตนาการ อาจารย์และทุกอย่างที่นั่นเคี่ยวกรำให้ทำ-คิด-เขียน-รู้สึกกับประเด็นสังคม ยังคงสนุก(มาก)กับงานสื่อสาร ฝันสูงสุดคือยังเข้มแข็งเขียนงานได้อย่างมีคุณภาพและฐานะดี

Illustrator:

illustrator

พิมพ์พาพ์

เป็นลูกคนเดียวจากแม่เลี้ยงเดี่ยว เรียกตัวเองว่านักวาดภาพประกอบที่ชอบวาดคนหน้าแมว เผลอเสียน้ำตาให้กับหนังครอบครัวอยู่บ่อยๆ

Related Posts

  • Social Issues
    จัดการเรียนการสอนอย่างไรในสถานการณ์โควิด-19: จากบทเรียนต่างประเทศสู่การจัดการเรียนรู้ของไทย

    เรื่อง ภาพ เพชรลัดดา แก้วจีน

  • Social Issues
    เลื่อนเปิดเทอม: โจทย์ วิธีรับมือ ของ 4 ครูไทยในพื้นที่และบริบทที่แตกต่าง

    เรื่อง เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา ภาพ นัฐพล ไก่แก้ว

  • Learning TheorySocial Issues
    โอกาสใน COVID-19: เปลี่ยนจากเรียนแบบเหมาโหล สู่บทเรียนส่วนตัวแบบเลือกได้

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Social Issues
    ปิดโรงเรียนแล้วอย่างไรต่อ? มาตรการรับมือ ‘หลัง’ ปิดโรงเรียน จากรัฐบาลทั่วโลก

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Learning TheorySocial Issues
    STUDY FROM HOME รวมคอร์สเรียนออนไลน์ในและต่างประเทศ และแพลตฟอร์มสร้างห้องเรียนสำหรับครู

    เรื่อง ชลิตา สุนันทาภรณ์ ภาพ ภาพพิมพ์ พิมมะรัตน์

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel