- Modern love เป็นซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากบทความออนไลน์เกี่ยวกับความรักของ New York Times ที่จะเล่าถึงความรักในรูปแบบต่างๆ
- ‘สเตฟานี’ คุณหมอแม่ลูกสอง ผู้ที่ตัดใจขายรถสปอร์ตคันเก่าไม่ได้เสียที เพราะเบื้องหลังแล้วมันเป็นมากกว่าแค่พาหนะ แต่เสมือนกล่องเก็บความทรงจำระหว่างสามีเก่าที่เสียชีวิตไป
- ‘ไนออล’ สามีคนปัจจุบันของสเตฟานีก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวางมาก เขาสามารถเปิดรับความเป็นมนุษย์ที่เปราะบางของคนอื่นได้อย่างเต็มใจและไม่ตัดสินซึ่งเป็นสิ่งที่งดงามมาก
Modern love เป็นซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากบทความออนไลน์เกี่ยวกับความรักของ New York Times มีฉากหลังเป็นเมืองใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อย่างนิวยอร์ก ซีรีส์ในแต่ละอีพีก็จะเล่าถึงความรักในรูปแบบต่างๆ ส่วนในอีพีที่เราหยิบมาเล่าในครั้งนี้นั้นได้พาเราออกไปจากเมืองนิวยอร์ก แวะไปชมเมืองที่มีถนนทอดยาวขนาบคู่ไปกับวิวธรรมชาติที่กว้างไกลอย่างเมืองดับลินในประเทศไอร์แลนด์
ที่นั่นมี ‘สเตฟานี’ คุณหมอผู้ใจดี และเป็นคุณแม่ลูกสอง เธอมีรถสปอร์ตคันนึงที่เก่าเกินจะขับ แต่ก็ใหม่เกินกว่าจะเป็นรถคลาสสิก ซึ่งเธอไม่สามารถตัดใจขายมันลงซักที
รถสปอร์ตเปิดประทุนสีฟ้าสด Triumph Stag ของคุณหมอสเตฟานีมีอายุกว่า 40 ปี ซึ่งในอายุขัยของรถก็ถือว่าเป็นรถที่แก่มากควรจะต้องปลดระวางเต็มที และแม้ว่าช่างซ่อมรถประจำตัวของเธอจะบ่นว่ารถคันนี้ควรไปอยู่ในกองเศษเหล็กได้แล้วเพราะไม่คุ้มกับค่าซ่อมที่ต้องจ่ายเป็นพันเหรียญ แต่สเตฟานีก็ยังคงดื้อ ไม่อยากขายและยืนยันจะซ่อมมันต่อไป ช่างเลยบอกว่า “คุณต้องถอดใจกับรถคันนี้ได้แล้ว มันไม่ใช่คนไข้ของคุณนะ”
แล้วยิ่งพอเธอกลับมาที่บ้านแล้วได้คุยกับ ‘ไนออล’ สามีของเธอ ก็บอกเธอว่าครอบครัวกำลังต้องเซฟรายจ่ายและค่าซ่อมรถของเธอในปีนี้สูงมาก เลยทำให้สเตฟานีคิดว่าครั้งนี้น่าจะถึงเวลาที่ต้องขายรถได้ซักที หลังจากเคยตัดสินใจจะขายมาหลายครั้งแล้วแต่ก็สุดท้ายก็ตัดใจไม่ลง
เมื่อ ‘แชนนอน’ ลูกสาวคนโตของเธอซึ่งกำลังเรียนมหาวิทยาลัยรู้เรื่องเข้าก็มีอาการไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่ก็บอกกับแม่ว่าเธอเข้าใจ ด้านสเตฟานีเมื่อเห็นลูกไม่พอใจก็พาลไปโทษสามีว่าเค้าบังคับให้เธอต้องขายรถแล้วทำให้ลูกสาวของเธอรู้สึกไม่โอเค
หลังจากนั้นซีรีส์ก็เริ่มเล่าว่าทำไม สเตฟานีกับแชนนอนถึงได้ผูกพันถึงขั้นยึดติดกับรถสปอร์ตเปิดประทุนคันนี้
สามีคนแรกของสเตฟานีได้เก็บเงินซื้อรถมาสมัยที่เค้าและสเตฟานียังเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัย มันร่วมทุกข์ร่วมสุขกับครอบครัวของสเตฟานีมาอย่างยาวนาน ทั้งตอนที่ตัดสินใจแต่งงาน มีลูก จนลูกโตพอจะเลือกเพลงที่เปิดฟังด้วยกันบนรถได้ และจนกระทั่งสามีป่วยหนักและเสียชีวิตไป ทั้งสองจึงมีทั้งความรู้สึกรักและผูกพันกับรถคันนี้มากเพราะมันเปรียบเหมือนกล่องบรรจุความทรงจำเกี่ยวกับสามีคนแรกหรือพ่อของแชนนอนที่เสียชีวิตไป
และอีกเหตุผลนึงที่ทำให้สเตฟานีไม่สามารถปล่อยวางรถได้คือทุกครั้งที่เธอออกไปขับรถบนนถนนคนเดียว เธอจะได้มีโอกาสพูดคุยระบายเรื่องราวชีวิตกับสามีเก่าที่จากไปเสมือนว่าเค้ายังนั่งอยู่ข้างๆ เธอ ด้วยความรักและระลึกถึงเขาไม่เคยเปลี่ยน เธอกลัวว่าหากขายรถคันนี้ไป เธออาจไม่มีพื้นที่ที่ได้ระลึกถึงเขาแบบนี้อีกแล้วรึเปล่า
แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะขายรถเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว
หลังจากขายรถไปสเตฟานีพูดกับไนออลว่า “ฉันทำถูกแล้วที่ขายรถ มันเป็นสิ่งที่คนโตแล้วควรจะทำ ฉันไม่น่าโกรธคุณที่บังคับให้ฉันทำ ฉันควรขอบคุณที่คุณพยายามดูแลครอบครัวของเรา” หลังจากนั้นเธอก็เริ่มสารภาพว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับรถคันนั้น เธอบอกว่า “รถคันนั้นถ่วงให้ฉันอยู่ในอดีต” ไนออลถามต่อว่าเธอหมายความว่ายังไง สเตฟานีพูดว่า “รถคันนั้นเหมือนไทม์แมชชีนที่ส่งฉันย้อนกลับไปในอดีต ฉันยังคุยกับสามีเก่าบนรถคันนั้นเหมือนเค้ายังคงอยู่ข้างๆ” และนั่นทำให้เธอรู้สึกเสียใจต่อไนออล สามีคนปัจจุบัน
ไนออลถามว่าทำไมถึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้เลย สเตฟานีบอกว่า “ฉันกลัวว่าคุณจะคิดว่าฉันเป็นบ้าที่คุยกับรถคนเดียว หรือคิดว่าฉันหมกมุ่นกับอดีตมากเกินไป” เธอยังบอกอีกว่า เธอเก็บเสื้อหนาวของสามีเก่าเอาไว้ในถุงพลาสติกเพื่อบางครั้งเธอจะนำมันออกมาสูดกลิ่นและสัมผัสมันเหมือนว่าสามีเก่ายังคงกอดเธอไว้ เธอถามไนออลว่า “แบบนี้มันผิดมั้ย คุณอยากทิ้งฉันรึเปล่า”
ไนออลครุ่นคิดก่อนจะนั่งลงข้างสเตฟานีแล้วพูดว่า “คนที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป บางคนอาจทำใจได้เร็วแล้วใช้ชีวิตต่อ แต่ก็รู้สึกผิดที่มันเป็นแบบนั้น สำหรับบางคนการปล่อยให้คนที่รักไปนั้นยากมาก เขาอาจลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ แต่นี่แหละคือความรักและความเศร้า มันไม่มีกฎเกณฑ์”
สเตฟานีถามต่อว่า “มันกวนใจคุณมั้ยที่ไมเคิล (สามีเก่า) ยังมีความสำคัญกับชีวิตฉันขนาดนี้” ไนออลตอบกลับมาว่า
“ผมรู้ว่าคุณรักเขามากแค่ไหนตอนที่ผมแต่งงานกับคุณ แต่ก็รู้ด้วยว่ายังมีที่ว่างในนั้นอีกมากแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดผมมาหาคุณ หัวใจคุณเป็นสถานที่ที่กว้างที่สุดที่ผมเคยอยู่มา
ผมรู้จากท่าทีของคุณที่มีต่อผู้คน กับพ่อแม่ผม คนไข้ ลูกๆ แล้วถ้าผมได้ครอบครองพื้นที่เล็กๆ ในนั้น นั่นก็มากมายกว่าที่ผมเคยคาดหวังไว้ในชีวิตแล้ว”
ต่อจากนั้นไนออลยังเล่าให้สเตฟานีฟังอีกว่าเค้าเองก็มีของชิ้นนึงที่สภาพไม่ได้ดีเหมือนกันแต่เค้าก็เก็บมันไว้ไม่ยอมทิ้ง เพราะมันทำให้เค้านึกถึงแม่ที่จากไป ซึ่งหมายความว่าเขาก็เข้าใจความรู้สึกของเธอที่มีต่อรถคันนั้นมากมายทีเดียว
สิ่งที่ไนออลตอบกลับมานั้นเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน เขาทำให้เราเห็นภาพว่าในหัวใจของคนเรานั้นมีพื้นที่ที่สามารถรักคนได้มากกว่า 1 คน เราเคยเข้าใจว่าเวลาที่เรามอบความรักให้คนนึงแล้ว พอมีคนเข้ามาใหม่คือเราจะต้องแบ่งความรักจากคนหนึ่งไปให้อีกคน
ที่เป็นอย่างนั้นอาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ เราถือเป็นพี่คนโตในแก๊งค์ลูกพี่ลูกน้องแล้วมักจะถูกแม่บอกว่า “ต่อไปจะไม่มีใครรักเราเพราะทุกคนจะรักน้องคนใหม่” ความคิดนี้น่าจะถูกปลูกฝังอยู่กับเรามาตั้งแต่นั้น และทุกครั้งที่เรามีความรักเราจะกลัวที่จะถูกแย่งความรักไปตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้วความรักมันไม่ได้ถูกแบ่งจากคนหนึ่งไปให้อีกคนได้ง่ายๆ อย่างนั้น
เราคิดว่าไม่ใช่แค่สเตฟานีเท่านั้นที่มีหัวใจที่จะมอบความรักให้กับคนได้มากมาย แต่ไนออลเองก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวางมาก เขาสามารถเปิดรับความเป็นมนุษย์ที่เปราะบางของคนอื่นได้อย่างเต็มใจและไม่ตัดสินซึ่งเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่งดงามมาก
ในซีรีส์สเตฟานีบอกไนออลว่า “เธอโชคดีถึงสองครั้งในชีวิต” ครั้งแรกคือการได้เจอกับสามีเก่าและอีกครั้งคือการมีไนออลเป็นสามี ผู้ซึ่งเข้าใจเธออย่างลึกซึ้ง
เราเองก็รู้สึกโชคดีที่ได้รับรู้เรื่องนี้เพราะมันทำให้เรายังมีความหวังที่จะมองเห็นหัวใจของตัวเองกำลังค่อยๆ กว้างขึ้นจากที่เป็นอยู่ และทำให้เรารู้ว่าต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครมาพรากความรักไปได้อีก