- Eighth Grade คือภาพยนตร์อเมริกันแนว Coming Of Age ในปี 2018 ที่ถ่ายทอดช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์สุดท้ายของ ‘เคย์ลา’ เด็กหญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งในชั้นเกรด 8 (มัธยมต้น) ก่อนจะก้าวสู่มัธยมปลาย
- ภาพยนตร์สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กสู่วัยรุ่นได้อย่างละเมียดละไม ผ่านชีวิตของเคย์ลาที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในการปรับตัวเข้ากับสังคม
- แม้เด็กจะแสวงหาการยอมรับจากเพื่อนหรือคนรอบตัว แต่ลึกๆ แล้วการยอมรับจากพ่อแม่คือรากฐานที่สำคัญที่สุดของการเห็นคุณค่าในตัวเอง
สำหรับวัยรุ่นตอนต้น การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจนั้นแจ่มชัดพอที่จะทำให้ ‘ภาพลักษณ์’ กลายเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต เด็กในวัยนี้เริ่มหันมากับความคิดเห็นและปฏิกิริยาของผู้อื่น และมักคิดว่าโลกทั้งใบกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แน่แปลกใจที่เคย์ลา เด็กสาวเกรด 8 จากภาพยนตร์เรื่อง Eighth Grade จะต้องเผชิญกับปัญหาการปรับตัวเข้าสังคม
ภาพยนตร์เล่าถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนของเคย์ลา สาวน้อยขี้อายที่โดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อนสนิท จนถูกเพื่อนในรุ่นโหวตให้คว้าตำแหน่ง ‘คนที่เงียบที่สุดในรุ่น’ อย่างไม่เต็มใจ เธอพยายามค้นหาตัวเอง และคิดว่าการเป็น Somebody จะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เป็นอยู่ แม้สิ่งที่พยายามแสดงออกจะขัดแย้งกับความรู้สึกที่แท้จริงก็ตาม
ความน่าสนใจคือ ภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ ‘โซเชียลมีเดีย’ ที่กลายเป็นพื้นที่สำหรับการสร้างภาพลักษณ์ที่เราอยากให้คนอื่นจดจำ แม้มันจะไม่ได้สะท้อนตัวตนที่แท้จริงของผู้โพสต์
ในหลายๆ ฉาก ผมสัมผัสได้ถึงความย้อนแย้งของเคย์ลาที่พยายามปิดบังจุดอ่อนของตัวเอง ผ่านการโพสต์คลิปวิดีโอราวกับตนเป็นไลฟ์โค้ช เช่น การสอนคนอื่นเกี่ยวกับการเป็นตัวของตัวเองอย่างมั่นใจ…ทั้งที่ในชีวิตจริงตัวเธอเองหวั่นไหวเสียงวิจารณ์กว่าใคร หรือคลิปที่เธอพูดถึงข้อดีของการเข้าสังคม…แต่เมื่อเผชิญเหตุการณ์จริงในงานปาร์ตี้ เธอกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนและวิตกกังวลตลอดเวลาจนต้องโทรเรียกพ่อมารับกลับบ้าน
ไม่เพียงเท่านั้น เวลาอยู่บ้าน เคย์ลามักเลือกจมอยู่กับโลกออนไลน์มากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อของเธอ โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่ร่วมโต๊ะกินข้าว พ่อพยายามเริ่มบทสนทนาด้วยความห่วงใย แต่เคย์ลากลับจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์โดยไม่แม้แต่จะสบตา หรือหากคุยกันเธอก็จะเป็นคนประเภทถามคำตอบคำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด (ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการที่เธอส่องโซเชียลของเพื่อนเพื่อเปรียบเทียบกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา)
แม้ภาพยนตร์จะไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของความขี้อายและความวิตกกังวลโดยตรง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือเคย์ลาน่าจะเป็นคนที่มี Self-Esteem ต่ำ เธอมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับการยอมรับ แม้ต้องแลกมาด้วยการฝืนความรู้สึก เช่น การพยายามไปตีสนิทกับดาวประจำรุ่นที่มักทำตัวไม่น่ารักหรือเชิดใส่เธอ โดยเคย์ลาอาจหวังเพียงว่าการได้เป็นเพื่อนกับสาวป๊อบจะช่วยให้เธอได้รับเศษเสี้ยวของแสงสว่างมายกระดับภาพลักษณ์ของตัวเองให้พิเศษขึ้นในสายตาของคนรอบข้าง
หรือตอนที่เคย์ลารู้ว่าหนุ่มฮอตที่เธอชอบมีรสนิยมชอบดูภาพเปลือยของสาวๆ เธอถึงกับไปบอกหนุ่มคนนั้นว่าเธอเองก็มีรูปแบบนั้นเยอะแยะไปหมดในโทรศัพท์ เพราะหากได้หนุ่มคนนี้เป็นแฟน ทุกคนในโรงเรียนคงหันมามองเธอด้วยความอิจฉา
ถึงอย่างนั้น จุดที่น่าเจ็บปวดแทนเคย์ลามากที่สุด คือฉากที่เธอเกือบโดนรุ่นพี่ม.ปลายล่วงละเมิดบนรถ แม้เธอจะรอดพ้นจากเหตุการณ์นั้น แต่กลับกลายเป็นเธอที่เอ่ยปากขอโทษรุ่นพี่คนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องไม่ให้รุ่นพี่เล่าเรื่องดังกล่าวให้คนอื่นฟัง ซึ่งในมุมมองของคนทั่วไป สิ่งนี้อาจดูไม่สมเหตุสมผล แต่หากมองผ่านเลนส์ของคนที่มี Self-Esteem ต่ำ เคย์ลาน่าจะจมอยู่กับความกลัวว่าคนอื่นจะมองตัวเองไม่ดี เพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอมาตลอดชีวิต เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้น กลไกการโทษตัวเองของเธอก็จะตอบสนองโดยอัตโนมัติว่า “ฉันเป็นสาเหตุของปัญหา” ส่งผลให้เธอยอมจำนนต่อการคุกคาม กลั่นแกล้งรังแก หรือการเอารัดเอาเปรียบในรูปแบบต่างๆ โดยไม่กล้าลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง
อย่างไรก็ดี ผู้กำกับไม่ได้ปล่อยให้นางเอกต้องเผชิญกับโลกนี้เพียงลำพัง ในตอนท้ายเรื่อง เคย์ลาได้คลี่คลายปมภายในใจตัวเอง ผ่านการเปิดใจคุยกับพ่อว่าถ้าเธอมีลูกแบบตัวเอง เธอคงเป็นแม่ที่เศร้ามากๆ ซึ่งคำพูดนี้แสดงให้เห็นว่าแม้เด็กจะแสวงหาการยอมรับจากเพื่อนหรือคนรอบตัว แต่ลึกๆ แล้วการยอมรับจากพ่อแม่คือรากฐานที่สำคัญที่สุดของการเห็นคุณค่าในตัวเอง
เมื่อได้ยินความในใจของลูกสาว ผมชมปฏิกิริยาของพ่อที่รับฟังเคย์ลาอย่างตั้งใจ ไม่ขัดจังหวะหรือบีบคั้น ทั้งยังจับไหล่ สบตา และอธิบายช้าๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่าเขารู้สึกภูมิใจในตัวเธอมากแค่ไหน ซึ่งสิ่งนี้เป็นเหมือนกุญแจที่สามารถปลดล็อกความรู้สึกไม่ดีพอของเคย์ลา และเป็นบันไดก้าวแรกที่ทำให้เธอมีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเธอรู้ว่าพ่อใส่ใจและเห็นคุณค่าของสิ่งที่เธอทำมาตลอดชีวิต
“ลูกคิดผิด เคย์ลา มองหน้าพ่อ ลูกคิดผิด ถ้าโตขึ้นลูกมีลูกสาวแบบลูก เธอจะทำให้ลูกมีความสุขที่สุด
พ่อมีความสุขที่ได้เป็นพ่อของลูก ลูกไม่รู้หรอกว่าลูกทำให้พ่อมีความสุขแค่ไหน มันง่ายมากที่จะรักลูก ง่ายมากที่จะภูมิใจในตัวลูก
ที่พ่อพูดไม่ใช่เพื่อจะปลอบลูก พ่อสาบานได้ พ่อหมายความตามนั้น จริงอยู่ เวลาเห็นลูกไม่สบายใจ หรือเจอเรื่องแย่ๆ พ่ออาจเศร้า แต่มันก็เป็นแค่ความเศร้าที่เกิดในวันนั้น
เคย์ลา ข้างในลึกๆ แล้ว พ่อมีความสุขเหลือล้นที่ได้เป็นพ่อของลูก ตอนแม่ทิ้งเราไปพ่อกลัวมาก กลัวอย่างไม่เคยกลัวมาก่อน กลัวว่าลูกจะขาดความอบอุ่น จากนั้นพอลูกเริ่มโตขึ้น พอลูกเดินก้าวแรก หัดพูดคำแรก และมีเพื่อนคนแรก ทุกอย่างที่พ่อคิดว่าจะต้องสอนลูก หัดมีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน เห็นอกเห็นใจคนอื่น ลูกกลับเรียนรู้ทั้งหมดด้วยตัวเอง
บรรดาคุณครูชอบบอกพ่อว่า “ลูกสาวคุณเป็นเด็กน่ารักมาก คุณสอนเธอมาดีจริงๆ” แต่พ่อไม่ต้องสอนลูกเลย จริงๆ นะ พ่อไม่ได้ทำอะไร แค่เฝ้าดูลูก และยิ่งเฝ้าดูมากเท่าไหร่ พ่อก็ยิ่งหมดห่วง เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม พ่อเลิกกลัวว่าโตขึ้นลูกจะเป็นไรไหมมานานมากแล้ว ลูกรู้ไหมทำไม ก็เพราะลูก ลูกมอบความกล้าให้พ่อ ถ้าลูกได้เห็นตัวเองแบบที่พ่อเห็น ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของลูกมาตลอด สาบานกับพระเจ้าได้ ลูกก็จะไม่กลัว”
ช่วงเวลานี้จึงไม่ใช่แค่ฉากชวนซาบซึ้งระหว่างพ่อกับลูกสาวเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนทางจิตใจที่สำคัญที่สุดในเรื่อง เพราะหัวใจของเคย์ลาได้รับการโอบอุ้มอย่างเต็มที่จากพ่อ…คนที่เธอรักที่สุด และนั่นทำให้เธอหันกลับมารักตัวเอง เลิกพยายามไขว่คว้าหาการยอมรับจากคนที่ไม่ให้คุณค่า และเปิดใจกับมิตรภาพที่แท้จริงแทน โดยสิ่งที่ยืนยันว่าเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ คือการอัดคลิปวิดีโอล่วงหน้าเพื่อฝากถึงตัวเองในวันที่จบชั้นมัธยมปลายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจว่าเธอไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ทำทุกๆ วันให้เป็นวันที่ดีที่สุด
“เฮ้ เคย์ลา นี่เธอเองตอนอยู่เกรดแปด ยินดีด้วยที่จบม.ปลาย ฉันภูมิใจในตัวเธอจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าเธอใกล้จะสิบแปดแล้ว…ฉันรู้ว่าเธอคงไม่อยากได้คำแนะนำจากเด็กม.ต้นโง่ๆ แต่ถ้าชีวิตม.ปลายเธอห่วยแตก ฉันเสียใจด้วย เซ็งแย่เลย แต่ช่างมันเถอะ ฉันหมายความว่าชีวิตม.ต้น ฉันก็ขรุขระ แต่ฉันก็ผ่านมาได้ และเดินหน้าต่อ เธอเองก็ต้องทำเหมือนกัน
ถ้าชีวิตม.ปลายห่วยแตก ตอนนี้ชีวิตเธออาจไม่ลงตัว ไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปตลอด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ เราไม่มีทางรู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นไง นั่นทำให้ชีวิตน่าตื่นเต้น น่ากลัว และน่าสนุก ฉะนั้นทำใจให้สบาย และอยากเป็นเธอเร็วๆ จัง รักนะ เคย์ลา”