- เราอาจไม่สามารถเลือกชีวิตหรือเหตุการณ์ในชีวิตได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ในชีวิตอย่างไร หรือพูดได้ว่ามนุษย์สามารถสร้าง ‘ทางเลือก’ และ ‘ความหมาย’ ต่อสถานการณ์หนึ่งได้เสมอ
- การสร้างความหมายให้ชีวิตเป็นความตั้งใจส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบังคับได้ ไม่ใช่กระบวนการเร่งรัดให้ตัวเองมองถึงสิ่งที่ได้เรียน สิ่งที่มีความหมายของเหตุการณ์นั้น ทั้งที่ยังไม่พร้อม เราสามารถอยู่กับความรู้สึกแย่ได้
- การสร้างความหมายของชีวิตไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทุกข์ บางช่วงเราอาจจะทุกข์มากขึ้นด้วยซ้ำเมื่อตั้งคำถามกับชีวิต แต่เราจะเห็นคุณค่าของความทุกข์มากยิ่งขึ้น
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วิคเตอร์ อี ฟรังเคิล จิตแพทย์ชาวยิว ถูกกลุ่มนาซีจับตัวไปค่ายกักกันที่โหดร้ายทารุณ ที่นั่นชีวิตคนเป็นเพียงแค่ตัวเลขคล้ายเลขประจำตัวสัตว์และแรงงานเอาไว้ทำงาน เขาและคนอื่นต่างไม่รู้ว่าวันไหนคือวันสุดท้ายของชีวิต การเห็นคนเสียชีวิต โดนฆ่า ทารุณกรรมเป็นเรื่องปกติ ที่ทุกคนต่างชินชา คนบางกลุ่มทุกข์ทรมานอดอยากจนต้องกินชิ้นส่วนเนื้อมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น วิคเตอร์สูญเสียทั้งพ่อแม่น้องชาย และภรรยาที่ตั้งครรภ์ เวลานั้นเขาบรรยายว่าเหมือนตัวเองเป็นเด็กกำพร้าในโลกที่กว้างใหญ่
ถ้าเป็นผมคงรู้สึกเคว้งคว้างจนไม่รู้จะมีแรงใช้ชีวิตต่อบนโลกอย่างไร และคงไม่รู้ว่าชีวิตจะมีความหมายอะไรอีกแล้ว วิคเตอร์เขียนในหนังสือ ชีวิตไม่ไร้ความหมาย (man’s search for meaning) ว่ายิ่งเขาเข้าใจความหมายของความทุกข์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ็บปวดน้อยลง เขาเชื่อว่าความเจ็บปวดที่ถูกเข้าใจ จะสามารถเป็นพลังงานชั้นดีของชีวิต ในชีวิตของมนุษย์ แม้ในช่วงที่ชีวิตมืดมนที่สุด เราก็ยังสามารถหาความหมายและความหวังบางอย่างได้เสมอ
เราอาจไม่สามารถเลือกชีวิตหรือเหตุการณ์ในชีวิตได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ในชีวิตอย่างไร
หรือพูดได้ว่ามนุษย์สามารถสร้าง ‘ทางเลือก’ และ ‘ความหมาย’ ต่อสถานการณ์หนึ่งได้เสมอ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีใครพลัดพรากจากเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นความโหดร้ายของมนุษย์ หรือเหตุการณ์ที่ย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม
ตอนนี้ชีวิตต้องการอะไรจากเรา
เมื่อไหร่ก็ตามที่ทุกข์ใจแล้วคิดว่าสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย การมัวจมอยู่กับคำถามนั้น “ทำไมมันต้องเกิดขึ้นด้วย ทำไมต้องเป็นเรา” ถ้าคิดแล้วทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง หรือเห็นทางเลือกที่ดีในชีวิต ผมว่าก็เป็นเรื่องดีนะครับ แต่ถ้ามันไม่ได้ทำให้มีความสุขแม้แต่น้อย การเปลี่ยนคำถามเป็น “แล้วตอนนี้ชีวิตต้องการอะไรจากเรา”
เหมือนที่วิคเตอร์พูด หากเรามัวแต่ตั้งคำถามว่าเราต้องการอะไรจากชีวิต ทำไมต้องเป็นแบบนี้ แล้วทุกอย่างดีขึ้นก็คงดี แน่นอนว่าบางอย่างที่เกิดขึ้นมันก็แย่มาก แล้วมันก็ไม่มีความหมายหรือคำอธิบายอะไรได้เลย แต่ถ้าเราสามารถตอบตัวเองได้ว่า แล้วตอนนี้ชีวิตต้องการให้เราทำอะไร การตั้งคำถามแบบนี้ทำให้เรายอมรับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แล้วหันกลับมามองสิ่งที่ตัวเองควบคุมได้ นั่นคือ การสร้างความหมายและเลือกตอบสนองตอบสถานการณ์ วิคเตอร์รู้ดีว่าสิ่งที่เขาต้องการจากชีวิต เช่น การฟื้นชีวิตครอบครัวเขากลับมามันเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ชีวิตต้องการจากเขา อย่างการให้เขาได้เข้าใจการสร้างความหมายของชีวิตนั้นเป็นไปได้
สำหรับวิคเตอร์ ความหมายที่เขาให้กับเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ค่ายกักกันคือ การที่เขาได้เรียนรู้ความสำคัญของความทุกข์ และได้เข้าใจว่าอิสรภาพของมนุษย์ในการเลือกตอบสนองต่อสถานการณ์คือสิ่งที่ไม่มีใครพรากจากมนุษย์ไปได้
เราเลือกได้ว่าเราจะมีเมตตาต่อคนอื่น คงไว้ซึ่งคุณธรรม หรือปล่อยให้สัญชาตญาณของการทำลายคนอื่นทำงาน
ความเข้าใจนี้ทำให้เขาตั้งใจที่จะเขียนงานเผยแพร่ความรู้ และช่วยให้ผู้คนตามหาความหมายในชีวิตของตัวเอง
สำหรับผม หากวิคเตอร์จะก่นด่าโชคชะตา วนเวียนอยู่กับความโหดร้ายที่ต้องเจอมันก็เข้าใจได้ เพราะนั่นคือเหตุการณ์ที่เลวร้ายอย่างไม่มีคำอธิบาย สำหรับใครหลายคนที่รู้สึกหนักอึ้งกับปัญหาต่างๆ ก็เช่นกัน การสร้างความหมายให้ชีวิตเป็นความตั้งใจส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบังคับได้ ไม่ใช่กระบวนการเร่งรัดให้ตัวเองมองถึงสิ่งที่ได้เรียน สิ่งที่มีความหมายของเหตุการณ์นั้น ทั้งที่ยังไม่พร้อม เราสามารถอยู่กับความรู้สึกแย่ได้ อยู่ได้นานเท่าที่ต้องการ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจะสร้างความหมายให้เหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย มันใช้พลังมากเลยแหละ
มนุษย์ผู้สร้างความหมาย
การทำความเข้าใจความหมายของอดีตที่เกิดขึ้น แล้วเห็นประโยชน์ของความหมายต่อตัวเราในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ทำให้วิคเตอร์มีพลังชีวิตอยู่ต่อ วิคเตอร์เห็นชัดเลยว่า หลังจากออกจากค่ายกักกัน เขาตั้งใจจะแบ่งปันความเข้าใจลึกซึ้งที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้พบเห็นง่ายๆ เพื่อช่วยให้ผู้คนได้ตามหาความหมายของชีวิต นั่นทำให้เขาไม่ได้จมอยู่กับความทุกข์มากเกินไป เขาเข้าใจดีเลยว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่ใช่เพียงแค่อาหาร หรือจิตใจที่เข้มแข็ง แต่คือการสร้างความหมายบางอย่างให้กับชีวิต เขาเห็นความงดงามของคนในค่ายกักกันที่แทบจะไม่มีกิน แทบไม่มีแรงกายแรงใจ แต่ก็ยังคงออกเดินไปให้กำลังใจและแบ่งปันขนมชิ้นสุดท้ายที่สามารถประทังชีวิตเขาได้ให้ผู้อื่น การเห็นความหมายของเหตุการณ์ที่เจอแล้วมาเติมเต็มกับคุณค่าที่อยากจะทำในปัจจุบันของวิคเตอร์เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ชีวิตมีแรงเดินไปต่อ
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องดีเมื่อเราให้ความหมายต่อมัน และเรียนรู้ว่าสิ่งนั้นจะมีส่วนช่วยตัวเราในปัจจุบันอย่างไร ผมอยู่ในช่วงฝึกการเป็นนักจิตวิทยา การที่ผมให้ความหมายได้ว่าเรื่องเลวร้ายในอดีตที่เคยเกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่แค่เกิดขึ้น แต่มันเป็นความหมายลึกซึ้งที่ช่วยให้ปัจจุบันนี้ผมเข้าใจคนที่อยู่ตรงหน้าได้มากขึ้น แน่นอนว่าผมไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดอีก แต่ทำไงได้ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็เอามาใช้ดีกว่าเก็บมันไว้เป็นขยะให้รกเปล่าๆ
นอกจากนั้น เรายังสามารถมองหาความหมายของชีวิตจากการออกไปทำอะไรที่มีความหมายก็ได้ อะไรที่เรารู้สึกหลงใหล ชื่นชอบ ใช้ความรู้สึกนำทางถ้าใช่มันก็คือใช่ ยิ่งถ้าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นก็จะยิ่งดี เหมือนที่ ไอร์วิน ดี ยาลอม จิตแพทย์ชาวอเมริกัน เชื่อว่า คนที่มีเป้าหมายในชีวิตเพื่อสร้างประโยชน์ต่อคนอื่น มีแนวโน้มที่จะใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่ามากกว่า สำหรับบางคนอาจเป็นการทำงานที่มีคุณค่า ได้ช่วยเหลือผู้คน บางคนคือการได้รักใครสักคน
จากเรื่องราวของวิคเตอร์จะเห็นเลยว่า ความหมายของชีวิตเป็นทั้งพลังงานชั้นดีที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ต่ออย่างมีความหมาย ทำให้เขาไม่จมอยู่กับอดีตมากเกินไป แล้วมองกลับมาที่ปัจจุบันและอนาคตว่าเขาจะทำอะไรต่อไปได้บ้าง
อีกทั้งยังทำให้รู้สึกขอบคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นสิ่งสำคัญที่เป็นความหมายของชีวิต
ความตายกับความหมายของชีวิต
มีคนเคยบอกผมว่า “ในเมื่อยังไงเราก็ต้องตายอยู่แล้ว แล้วชีวิตตอนนี้จะมีความหมายอะไร ?” ฟังดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่สมเหตุสมผล แต่ถ้ายกตัวอย่างเหตุการณ์ ผมเป็นคนรักสุนัขมาก โดยเฉพาะพันธุ์โกลเดิ้ลรีทรีฟเวอร์ การที่รู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ 10 ปี หมายความว่าชีวิตตอนนี้ของเขาไม่มีความหมายหรือป่าว ? สำหรับผมไม่ใช่นะ ชีวิตของเขาก็ยังมีความหมายอยู่ ความตายไม่ได้ทำให้ความหมายของช่วงเวลาที่มีชีวิตหายไป ชีวิตมีความหมายเพราะ เขาเป็นและสร้างความหมายบางอย่างให้กับชีวิต
คนไข้ของไอร์วิน ดี ยาลอม เคยบอกเขาว่า “ความจริงว่าทุกคนต้องตายอาจทำร้ายเรา แต่ความคิดเกี่ยวกับการตายอาจช่วยเราได้” โดยธรรมชาติ เรามักจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงความตาย – การสูญเสีย หลายครอบครัวมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึง ทั้งที่จริง การคิดเรื่องความตายอาจทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้นก็ได้ และอาจทำให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายอย่างแท้จริง เราจะไม่เสียเวลาทำในสิ่งที่ไม่ได้มีความหมาย เราจะใช้ชีวิตด้วยการรู้ว่าเวลามีจำกัด
การตระหนักถึงความตายยิ่งทำให้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิต และคัดกรองเปลือกที่ไม่จำเป็นของชีวิตออกไป
การตระหนักถึงความตาย อาจเป็นคำถามว่า ถ้าชีวิตนี้เหลือเวลาอีก 1 เดือน คุณอยากจะทำอะไรบ้าง เพราะอะไรถึงเป็นสิ่งนั้น และคุณจะตัดอะไรออกจากชีวิตบ้างเพื่อทำสิ่งนั้น การเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองให้คุณค่าอาจทำให้บางคนรู้สึกดี และอาจทำให้บางคนรู้สึกแย่เมื่อรู้ว่าตัวเองเสียเวลาชีวิตไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองนานแค่ไหน หรือรู้สึกแย่ที่ตัวเองต้อง ‘รับผิดชอบ’ ชีวิตจริงตัวเอง แต่นั่นก็คงดีกว่าการมองไม่เห็นความต้องการที่แท้จริงของชีวิต
คนเราจำเป็นต้องมีความหมายของชีวิตไหม ? ผมไม่มีคำตอบเหมือนกัน มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของแต่ละคน ถ้าผมเดินไปบอกว่าคุณคนเก็บขยะว่าคุณควรมองหาความหมายของชีวิต ทั้งที่แค่การหาเงินประทังชีวิตในแต่ละวันยังยาก การจะมาครุ่นคิดเรื่องแบบนี้ก็อาจไม่ใช่ เรื่องนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรบอกว่า ควรมีหรือไม่มี เพราะเงื่อนไขชีวิตทุกคนต่างกัน เอาเข้าจริงคนนี้เขาอาจมีความหมายชีวิตก็ได้ เพียงแต่เขาไม่ได้ครุ่นคิดกับมัน เขาอาจไม่ได้ชอบการเก็บขยะ แต่การเก็บขยะคือการที่เขาจะได้มีเงินดูแลคนที่เขารัก
การสร้างความหมายของชีวิตไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทุกข์ บางช่วงเราอาจจะทุกข์มากขึ้นด้วยซ้ำเมื่อตั้งคำถามกับชีวิต แต่ผมมั่นใจว่า เราจะเห็นคุณค่าของความทุกข์มากยิ่งขึ้น – สิ่งที่มนุษย์พยายมหลีกหนี แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าเราหนีความทุกข์ไม่ได้
ความหมายของชีวิตเป็นหัวข้อที่ซับซ้อน ผมกลัวที่จะเขียนด้วยซ้ำ มีอีกหลายสิ่งที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์มีความหมาย มันเยอะจนยากจะพูดทั้งหมด บทความนี้จึงเต็มไปด้วยช่องว่างและความไม่สมบูรณ์แบบ รอให้คุณเข้ามาเติมเต็ม ‘คำตอบในแบบของคุณเอง’
ถึงจุดนี้สำหรับผม ชีวิตที่มีความหมายคือ ความรู้สึกเติมเต็ม หรือเห็นคุณค่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่
แล้วคุณล่ะ ?