- ‘ลากอม’ คือศัพท์ที่มาจากเรื่องเล่าของชาวไวกิ้งที่อยู่ในสวีเดนสมัยโบราณ โดยมีรากความคิดในการแบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดถึงการกระทำของตัวเองที่จะไปส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอีกที
- นอกจากความหมายอันเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งแล้ว อาจอยู่ที่ความหลากหลายในการนำไปใช้ โดยไม่เกี่ยงเพศ อายุ ฐานะ อาชีพ รสนิยม ซึ่งเรานำลากอมไปประยุกต์ใช้ได้ ‘ทุกเรื่อง’ ในชีวิตของคนเรา
- ในโลกที่เต็มไปด้วยการไขว่คว้าไม่สิ้นสุด ลากอมจะมาแตะไหล่เตือนสติให้เราหยุดเบรกและซาบซึ้งกับสิ่งที่มี พอใจกับความพอดีที่มีอยู่แล้ว
เคยไหม? หลายครั้งที่เราทำอะไรแบบไม่มากจนเกินเบอร์และก็ไม่น้อยจนเกินไป ไม่ว่าจะทำงานแบบบาลานซ์หรือกินให้อิ่มแต่พอเหมาะ…มันกลับให้ความรู้สึกที่ดีที่ช่างลงตัวเสียจริงๆ ความรู้สึกที่ช่างพอดีลงตัวนี้คือหัวใจของ ‘ลากอม’ (Lagom) แนวคิดการใช้ชีวิตในแบบ ‘พอดี๊พอดี’ ของชาวสวีเดน ที่ถ้าเราเข้าใจถึงแก่นแล้ว…สามารถปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตเลยก็ยังได้!!
การยื่นส่งไวน์ที่นำมาสู่ลากอม
รากศัพท์ของ ‘ลากอม’ มาจากเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ของสวีเดน ในสมัยโบราณที่มีชาวไวกิ้งเป็นผู้ที่ตั้งรกรากอยู่อาศัยในดินแดนที่ครอบคลุมถึงประเทศสวีเดนในปัจจุบัน ชาวไวกิ้งเหล่านั้นจะพูดคำว่า ‘ลากอม’ เวลา ‘ยื่นส่งไวน์’ ขนาดใหญ่ให้สมาชิกดื่มกินกันรอบวงโต๊ะอาหาร โดยแต่ละคนจะดื่มในปริมาณพอดีเพื่อให้ ‘พอเหลือ’ สำหรับคนอื่น
ลากอมจึงมีรากความคิดในการแบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดถึงการกระทำของตัวเองที่จะไปส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอีกที
นอกจากนี้ เพราะความพอดี แต่ละคนจึงดื่มไวน์ในปริมาณที่ไม่เยอะจนเกินไปทำให้ไม่เมา กลายเป็นแค่อาการ ‘กรึ่มๆ’ ทุกคนยังสามารถพูดคุยสนทนากันอย่างมีสติได้ เพราะแนวคิดลากอม…ทุกอย่างจึงดูเหมือน วิน-วิน กับทุกฝ่าย
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาถึงยุคปัจจุบัน ลากอมก็ได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดและวัฒนธรรมชาวสวีเดนส่วนใหญ่ไปแล้ว ถึงกับมีวลีสั้นๆ ที่พูดว่า ‘Lagom är bäst’ (The right amount is best) ซึ่งหมายถึงว่า “ความพอดีนั้นดีที่สุด”
คาแรกเตอร์ที่น่าสนใจของลากอม
เมื่อมาถึงยุคปัจจุบัน ความหมายของลากอมไม่ได้จำกัดแค่การยื่นส่งไวน์ในวงโต๊ะอาหารอีกต่อไป แต่คำๆ นี้แผ่ขยายความงดงามไปสู่ ‘ความพอดี’ ที่ช่างลงตัว ถ้าเราพิจารณาจะพบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม ล้วนดีที่สุดเมื่อมันมีความพอดี
มันคือความรู้สึกเชิงอารมณ์ที่ยากจะพรรณาออกมาเป็นคำพูด แต่เราอาจอุทานในใจทำนองว่า “…เพราะพอดีจึงดีต่อใจ”
ลากอมจะไม่มุ่งหาความสุดโต่ง ไม่ดันแท่นบาร์จนถึงลิมิต แต่จะแสวงหาการประนีประนอม มีทั้งการเหยียบคันเร่งและแตะเบรคผ่อนสลับกันไป จะว่าไปแล้ว มีความคล้ายกับแนวคิด ‘ทางสายกลาง’ ของพุทธศาสนาไม่น้อย ไม่หย่อนเกินไป และ ไม่ตึงเกินไป
ถ้าใครกำลังหาคีย์เวิร์ดจำขึ้นใจให้กับความเป็นลากอม ขอให้จำ 3 คำนี้ง่ายๆ
- ดีพอแล้ว (Good enough)
- ความพอดีเหมาะสม (Just right) ไม่มากไป-ไม่น้อยไป
- ความสมดุลบาลานซ์ (Balance) ระหว่างหลายสิ่ง ไม่เทน้ำหนักไปสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
สะท้อนไปยังสถาปัตยกรรมบ้านเมืองของสวีเดน แทบทุกเมืองมีความสวยน่ารัก แต่ไม่ภูมิฐานโอ่อ่าเว่อร์วัง หรือวัฒนธรรมการทานอาหารที่เน้นความเรียบง่ายและโภชนาการโดยไม่ซีเรียสกับความหรูหราของจานชามภาชนะและพิธีรีตองอันชวนประหม่า หรืองานสังคมเวลาชวนเพื่อนฝูงมาปาร์ตี้ทำอาหารกินกันที่บ้าน เจ้าภาพจะไม่ได้จัดงานที่มีแต่ของแพงหรูหรา ทั้งกังวลว่าอีกฝ่ายจะเก้อเขินรึเปล่า ป้องกันอาการอิจฉาริษยา และคิดเผื่อล่วงหน้า ว่าถ้าโอกาสหน้าอีกฝ่ายเป็นคนชวนไปบ้างล่ะ? อาจจะกังวลใจรึเปล่าที่จัดได้ไม่หรูพอ? ซึ่งนำไปสู่ความฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ ลากอมมีอิทธิพลต่อความคิดชาวสวีเดนขนาดนี้เลยนะ!
ชาวสวีเดนมีรสนิยมไม่หรูหราจนเกินไป เรียบหรูแต่พองาม สังเกตได้ว่าชาวสวีเดนเป็นหนึ่งในชาติที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เวลาเราพูดถึงความหรูหรา-มั่งคั่ง-โออ่า ชาวสวีเดนจะไม่ได้เด้งขึ้นมาในหัวแรกๆ หรืออาจไม่ได้ติดโผเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่พวกเขามีศักยภาพในการซื้อหาครอบครองของแพงๆ ได้มากกว่าหลายชาติในโลกด้วยซ้ำ
ทั้งนี้เราต้องเข้าใจบริบทสังคมสวีเดนด้วยว่าเป็น ‘สังคมแห่งความเท่าเทียม’ ทั้งในด้านเพศหรือฐานะความเป็นอยู่ ซึ่งหล่อหลอมจนเกิดแนวคิดลากอมขึ้นมาได้ ส่วนหนึ่งผู้คนส่วนใหญ่อยู่ดีกินมากพอ ส่วนหนึ่งรัฐต้องมีสวัสดิการรองรับ
เมื่อชีวิตคนหนึ่งคนมีความมั่นคง มีความสงบทางจิตใจมากพอเป็นพื้นฐานแล้ว ลากอมจึงเกิดขึ้นได้ในสเกลระดับทั้งสังคม
โอบกอดลากอมเข้ามาในชีวิต
ความน่าสนใจที่สุดของแนวคิดลากอม นอกจากความหมายอันเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งแล้ว อาจอยู่ที่ความหลากหลายในการนำไปใช้ โดยไม่เกี่ยงเพศ อายุ ฐานะ อาชีพ รสนิยม จะว่าไปแล้ว เรานำลากอมไปประยุกต์ใช้ได้ ‘ทุกเรื่อง’ ในชีวิตของคนเราจริงๆ
ศิลปะการจัดบ้าน
ลากอมนำพาความไฮบริดของหลากหลายสไตล์การแต่งบ้านเข้าไว้ด้วยกัน มันไม่ใช่ความมินิมอลอันราบเรียบว่างเปล่า และก็ไม่ใช่ความแม็กซิมอลอันหรูหรารุงรัง แต่จะอยู่กึ่งกลาง จัดวางวัสดุหลบเข้ามุมไม่เกะกะ แต่ก็เผื่อให้มีพื้นที่โล่งอยู่บ้าง หรือจัดแสงแดดให้บ้านสว่าง แต่ก็ใช้ผ้าม่านกรองแสงไม่ให้สว่างจ้าจนเกินไปเพราะแสงยูวีเข้ามาทำร้ายผิวพรรณได้
การออกกำลังกาย
เรานำลากอมมาใช้ออกกำลังกายแบบทางสายกลางได้โดยตรง ตั้งแต่การเลือกรูปแบบประเภทกีฬาที่ไม่หักโหมอันตรายจนเกินไปและไม่ซอฟต์จนเกินไป เราสามารถวิ่งคาร์ดิโอให้เหนื่อยแบบกำลังดีเพื่อให้หัวใจแข็งแรง ยกเวทให้ปวดเมื่อยกำลังดีเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ และใช้เวลาออกแบบกำลังดีเพื่อไม่ให้กระทบการดำเนินชีวิตเรื่องอื่น
การทำงานหาเงิน
เรื่องนี้ชัดเจนมากๆ ชาวสวีเดนให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างงาน-ชีวิต (Work-Life Balance) สูงมาก ใครที่อยู่ออฟฟิศถึงดึกดื่น ไม่ได้ถูกมองอย่างชื่นชม แต่จะถูกตั้งข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารจัดการเวลาว่าไม่ดีพอรึเปล่า
ลากอมไม่ได้ปฏิเสธการแข่งขัน แต่แข่งเท่าที่จำเป็น เท่าที่สุขภาพร่างกายเราไหว โดยจะไม่แลกสุขภาพกับเงิน ในมุมกลับกัน ถ้าทำงานน้อยลง ได้เงินน้อยลง แต่ได้สุขภาพคืนมา พร้อมกับความเครียดความกดดันที่ลดลงและมีเวลากับคนรักมากขึ้น…คุณจะโอเครึเปล่า? ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง เพราะแต่ละคนมีบริบทต่างกัน จึงมีจุดที่รู้สึกพอดีต่างกันไป
เวลาเราคิดถึงความพอดี มันจุดประกายให้คิดถึงความ ‘จำเป็น’ ตามมาด้วยแบบเลี่ยงไม่ได้ เราอาจตั้งคำถามว่าสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา มันจำเป็นต้องมากไปกว่าเดิมอย่างงั้นเหรอ? หรือเราสามารถมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่โดยไม่ต้องมีมากขึ้นได้รึเปล่าถ้าสิ่งที่มีมันดีพอหรือมากพอแล้ว?
ความมั่งคั่งร่ำรวย
ลากอมเหมาะเจาะกับยุคบริโภคนิยม (Consumerism) ที่อาจจะสุดโต่งไปหน่อย ไม่เคยตั้งคำถามถึงความอยาก ไม่เคยหยุดคิดว่าแค่ไหนถึงพอ และเพิกเฉยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนดังที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ในสังคมที่คนส่วนใหญ่อยากร่ำรวยมีเงินทอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เราใช้ลากอมจี้ถามต่อไปได้ว่า แล้วต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงเรียกว่า ‘รวย’? ในทางการเงินไม่มีเพดานของความมั่งคั่งร่ำรวยเพราะมันไต่ระดับขึ้นไปได้เรื่อยๆ โอเคไม่เป็นไร แล้วในแง่ค่าใช้จ่ายในชีวิตหรือทางจิตใจของเราล่ะ? แค่ไหนที่ตัวเรารู้สึกว่ามันดีมากพอ-มากพอแล้ว-สุขพอแล้ว? นี่เป็นคำถามสำคัญในชีวิตที่ไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวของพวกเราเองแต่ละคน
ในโลกที่เต็มไปด้วยสปีด การไขว่คว้าไม่สิ้นสุด และการตักตวงที่ต้องมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น …ดูเหมือนว่าลากอมจะมาแตะไหล่เตือนสติให้เราหยุดเบรกและซาบซึ้งกับสิ่งที่มี พอใจกับความพอดีที่มีพออยู่แล้วโดยไม่ต้องดิ้นรนอะไรไปมากกว่านี้อีก อาจจะไม่มียุคไหนอีกแล้วที่ลากอมจะทรงพลังกับมนุษย์เรามากเท่ายุคนี้
อ้างอิง
https://scandification.com/what-is-lagom-the-meaning-of-swedish-lagom/
https://www.health.com/condition/stress/swedish-lagom-tips-for-balanced-happy-life
https://bigthink.com/thinking/swedish-philosophy-lagom-just-enough/