- ‘แอนโตนิดา ทาราเซวิเชฟ’ ผู้ที่ถูกญาติหวังทรัพย์สมบัติหลังจากที่เธอเสียชีวิต แต่เมื่อเธอรู้ทัน จึงประกาศกร้าวว่าคนเหล่านั้นจะไม่มีใครได้ทรัพย์สินของเธอแม้แต่แดงเดียว และหลังจากนั้นเธอก็ถูกครอบงำด้วยการพนัน จนเสียเงินไปครั้งแล้วครั้งเล่า ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ ราวกับไล่ตามความสูญเสีย
- การไล่ตามความสูญเสียที่สืบค้นโลกภายในได้เช่นกัน เช่น การไล่ตามคน ‘รัก’ ที่ไม่ต้องการจะสัมพันธ์กับตนอีกต่อไปแล้ว ภายใต้ตัวตนที่แตกสลายซึ่ง ยอมทุกอย่างขอเพียงให้เขาหรือเธอคืนกลับมาหา
- อีกด้านของการไล่ตามความสูญเสียคือการไม่รู้จักหยุดลงทุน แม้มันได้ส่งสัญญาณความล่มสลายมาตลอด แต่บางทีคนเราก็ยอมรับความล้มเหลวพ่ายแพ้ หรือความรู้สึกที่ว่า ‘เรายังพยายามไม่มากพอ’ ได้ยาก
1.
นายพลรัสเซียและครอบครัวพร้อมด้วยคุณครูประจำบ้าน อยู่กันพร้อมหน้าที่โรงแรมหรูในเมืองตากอากาศเยอรมัน แม้ท่านนายพลมีภาพลักษณ์อันทรงศักดิ์และร่ำรวยทว่าที่แท้แล้วสถานภาพทางการเงินกำลังง่อนแง่น เขากู้ยืมเงินจากชาวฝรั่งเศส เดอ กริเยอซ์ มาจำนวนหนึ่งและจำนองทรัพย์ไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ด้วย เพราะเหตุนี้เอง เขาก็แอบวาดหวังให้ แอนโตนิดา ทาราเซวิเชฟ เจ้าที่ดินแห่งมอสโควซึ่งเป็นญาติที่เหมือนจะป่วยอยู่นั้นวางวาย แล้วเขาก็จะมีสิทธิ์ในทรัพย์มรดกของผู้วายชนม์ และด้วยการคาดการณ์ความมั่งคั่งในอนาคตนั้นก็ทำให้สาวฝรั่งเศส มาดมัวแซล บลังช์ เข้ามาหว่านเสน่ห์ติดพันเขาอยู่ไม่ห่าง
ในระหว่างที่นายพลและชาวฝรั่งเศสทั้งสองรอคอยความตายของแอนโตนิดา สตรีสูงศักดิ์วัย 75 ปี ผู้มีน้ำเสียงดังดุดัน สายตาว่องไวและความรู้เต็มอกว่ามีคนหวังให้ตัวเองมอดม้วยก็สร้างความประหลาดใจด้วยการเดินทางมาปรากฏตัวในเมืองพักตากอากาศอย่างน่าเกรงขามวางอำนาจ เธอได้พบกับทุกคนที่หวังสมบัติของเธอและประกาศเจตนาชัดเจนว่า “ฉันจะไม่ให้เงินเธอแม้แต่นิดเดียว”
แม่เฒ่าผู้โผงผางขอให้ครูประจำบ้านของนายพลพาเธอไปที่บ่อนพนันซึ่งนับว่าขึ้นชื่อในถิ่นนั้น แล้วเธอก็ชนะพนันมาด้วยความน่าหวาดเสียว แต่แล้วเธอก็หวนไปหามันอีกอย่างบ้าระห่ำ เธอถูกการพนันครอบงำและหลังจากเสียพนันไปสิบสองครั้ง สตรีผู้ฉุนเฉียวไล่ตามความสูญเสียจนได้เงินคืนมาบ้าง แต่แล้วก็เสียพนันไปอีกมากโข เธอเกรี้ยวกราดและลงเงินพนันจำนวนมากเพิ่มลงไปอีก โดยเมื่อถูกทักท้วงก็ตอกกลับว่า “ฉันจะเอากลับมาให้หมด” “เหมือนที่หวังจะมีชีวิตอยู่” เธอเสีย ได้และก็เสีย และเมื่อสูญสิ้นเงินไปหมดแล้ว เธอก็ยังคิดจะใช้ตั๋วแลกเงินที่มี “ฉันจะชนะคืนมาทั้งหมด!”
ครั้งแล้วครั้งเล่าในการไล่ตามความสูญเสีย “ก็อย่างที่ฉันหวังจะมีชีวิตอยู่ ฉันจะชนะคืนมาให้หมด” เธอก็สูญเสียอีก
2.
ระหว่างแค่ไม่ชนะ กับ การต้องสูญเสียอย่างเจ็บปวด คุณกลัวเสียมากกว่าใช่หรือไม่? พฤติกรรมวิ่งตามการสูญเสียของแม่เฒ่าแอนโตนิดา สอดคล้องกับการอธิบายของ Noel Bell นักจิตบำบัดแห่งนครลอนดอนว่า นักพนันที่มีปัญหาจะเพิ่มเงินเดิมพันหลังจากเผชิญความสูญเสีย ด้วยวาดหวังจะกอบกู้สิ่งที่เสียไปและเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการสูญเสีย
พวกเขาจึงกล้าวางเงินก้อนโตที่มีแนวโน้มจะสูญไปในชั่วพริบตา
การฝึกยับยั้งชั่งใจสามารถเป็นทางเลือกในการช่วยหยุดความพยายามกอบกู้สิ่งที่สูญเสียไปผ่านการเดิมพันจนหมดหน้าตักและสูญเปล่า แต่การอดกลั้นต่อแรงขับก็ไม่ง่ายสำหรับผู้คนในบางภาวะ ดังนั้น สิ่งที่ทำได้อีกอย่างคือการสืบค้นโลกภายในของผู้ไล่ตามความสูญเสีย
ในการวางเงินเดิมพันจำนวนมากครั้งแล้วครั้งเล่าของแอนโตนิดาที่หวัง “จะชนะคืนมาให้หมด” มีสิ่งที่น่าสืบสาวต่อ นั่นคือประโยคที่ว่า “เหมือนที่ฉันหวังว่าจะมีชีวิตอยู่” (เงื่อนไขที่หนึ่ง)
ซึ่งเชื่อมโยงกับผลที่ว่า พวกที่หวังสมบัติของเธอจะไม่ได้เงินของเธอแม้แต่นิดเดียวอย่างที่เธอประกาศ (ผล)
ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าอีกแรงขับเบื้องลึกในการเล่นพนันอย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้เป็นการได้ทรัพย์ แต่คือความต้องการจะเสียทรัพย์ อันเป็นการสร้างเงือนไขที่สองขึ้นมาเพื่อประกันผลลัพธ์เดียวกันนั้นว่า ต่อให้กูตาย (ไม่เข้าเงื่อนไขที่หนึ่ง ในการมีชีวิต) ก็แทบไม่เหลือทรัพย์มรดกให้พวกมึงอีกต่อไปแล้ว
ลองสืบค้นจิตใจของนักพนันคนอื่น ซึ่งเมื่อได้เงินจากการพนันมาก้อนหนึ่งแล้วก็เล่นต่อและก็เสียเงินไป จากนั้นก็หยุดเล่นไม่ได้ เพราะหวังว่าอย่างน้อยก็จะได้คืนทุนและเอากำไรส่วนที่ต้องได้นั้นกลับคืนมา ซึ่งบ้างก็เชื่อมโยงกับความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น การให้โชคของสิ่งมีชีวิตในภพภูมิอื่น อีกทั้งสามารถสืบถึงความปรารถนาในเรื่องอื่นๆ เช่น ต้องการนำเงินนี้ไปให้คนที่รัก สืบโยงไปถึงความรู้สึกได้รับการยอมรับจากคนที่ตนรัก หนีความรู้สึกผิด ต้องการความรู้สึกมีค่า ฯลฯ (แต่ละคนสามารถปรารถนาแตกต่างกันไป)อีกการไล่ตามความสูญเสียที่สืบค้นโลกภายในได้เช่นกัน เช่น การไล่ตามคน ‘รัก’ ที่ไม่ต้องการจะสัมพันธ์กับตนอีกต่อไปแล้ว ภายใต้ตัวตนที่แตกสลายซึ่ง ยอมทุกอย่างขอเพียงให้เขาหรือเธอคืนกลับมาหา มีความปรารถนาอื่นใดหรือความต้องการหนีจากอะไร และมีอดีตลักษณะไหนซ้อนอยู่ในนั้นอีกบ้าง? โปรดรับรู้ความรู้สึกอย่างซื่อตรง มีขุมทรัพย์แห่งพลังชีวิตรอคอยให้เราค้นพบอยู่ภายในใจแล้ว
3.
อีกด้านของการไล่ตามความสูญเสียคือการไม่รู้จักหยุด เมื่อได้ลงเวลา พลังงาน อารมณ์ความรู้สึก ฯลฯ ไปในสิ่งใดก็ตามแล้ว แม้มันได้ส่งสัญญาณความล่มสลายหรือทำร้ายมาตลอด แต่บางทีคนเราก็ยอมรับความล้มเหลว หรือความรู้สึกว่าเรายังพยายามไม่มากพอได้ยาก รวมไปถึงอาจมีความกลัวผีที่ไม่รู้จักด้วย นั่นทำให้เราไม่ค่อยกล้าโอบรับรูปประสบการณ์สดใหม่ที่กำลังรอคอยอยู่ตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น
พยายามอีก พยายามอีก และพยายามอีก
และเราก็สูญเสียสุขภาวะหรือแม้แต่สูญเสียตัวเองไปในความพยายามอัน ‘ไม่รู้จบ’ ในซากปรักหักพังนั้น..
แน่นอนว่าที่นั่นไม่จำเป็นต้องดีกว่าที่นี่ มันอาจจะแย่กว่าก็ได้ ไม่มีอะไรเคยสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พาเราหรือที่เราพาคนอื่นมาถึงจุดนี้ก็อาจไม่สามารถพาพวกเราไปล่องไปอย่างไหลลื่นหรือยั่งยืนได้แล้ว แม้เราไม่ได้มองหารางวัลจากความพยายามระยะสั้น แต่การ ‘ถอยออกมามอง’ ภาพใหญ่ก็สามารถทำให้เราประเมินได้เหมือนกันว่า เรายังควรทุ่มเทกับสิ่งนั้นๆ อยู่หรือไม่ และแม้เรายังยืนกรานที่จะทุ่มเทกับสิ่งเดิมต่อไป เราอาจลืมตระหนักรู้ถึงการเปลี่ยนไหลไปเป็นรูปภาวะใหม่ของทั้งเราเอง และสิ่งเก่าที่เราพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้เราไม่สามารถปฏิสัมพันธ์ด้วยรูปแบบเก่าได้อีก
เราสามารถฉุกคิดได้ว่า เมื่อไหร่ที่ควร ‘หยุด’ ก่อน
กลับมาสำรวจตัวเองก่อนว่ามีหลุมดำในใจเราหรือไม่? ในนั้นมีอะไรบ้าง? อีกทั้งกลับมารับรู้ว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นของเดิมในกระแสการรับรู้ กำลังมีสิ่งใหม่อะไรผุดเกิดขึ้นมาบ้าง?
อ้างอิง
นักพนัน (Gambler) โดย ดอสโตเยฟสกี้ แปลโดย ร.จันเสน