- ยิ่งเขียนบันทึกขอบคุณสิ่งที่ต่างๆ ยิ่งทำให้คุณรู้สึกเอื้อเฟื้อมากขึ้น
- ยิ่งกว่านั้น งานวิจัยยังชี้ว่า การเขียนบันทึกได้ช่วยปรับลดความเห็นแก่ตัวในระบบประสาทให้น้อยลง
- ปลายทางก็คือ ความรู้สึกขอบคุณยินดีอันเกิดจากการลดลงของความเห็นแก่ตัวและความเอื้อเฟื้อที่มากขึ้น ทำให้เกิดสิ่งดีๆ อีกมากมาย
- อย่าช้าเลย เขียนไดอารีกันเถอะ ใครไม่ถนัด พิมพ์เอาก็ได้
คุณเคยเขียนหรือกำลังเขียนไดอารีกันไหม
ไดอารีอาจมีไว้เพื่อระบายสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่รู้ไหมว่า ตั้งแต่ตัวอักษรแรกที่คุณจรดปากกาหรือเริ่มกดแป้นพิมพ์ร่ายยาวถึงสิ่งที่พบเจอกำลังบ่มเพาะมุมมองทำให้คุณมองคนรอบข้างเป็นได้ทั้ง ‘เพื่อนร่วมโลก’ หรือ ‘คนแปลกหน้า’
พูดง่ายๆ ว่า ยิ่งเขียนบันทึกขอบคุณสิ่งที่ต่างๆ ยิ่งทำให้คุณรู้สึกเอื้อเฟื้อมากขึ้น เพราะจากผลงานวิจัยล่าสุดพบว่า การเขียนบันทึกถึงสิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในสมองอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มจะมีความสุขหากเงินหรือค่าตอบแทนจะถูกมอบให้การกุศล เช่น ธนาคารอาหารอย่าง Food for Lane County มากกว่าจะไหลเข้ากระเป๋าตัวเอง
ความไม่เห็นแก่ตัวในสมอง
ในการวิจัยครั้งนี้ นักวิจัยได้พบหลักฐานจากการสแกน MRI สมองของหญิงสาว 16 คนที่เขียนบันทึกออนไลน์โดยเน้นความรู้สึกขอบคุณ เช่นเดียวกับหญิงสาวอีก 17 คนที่เขียนบันทึกเรื่องทั่วไป ไม่เน้นความรู้สึกเหมือนกลุ่มแรก โดยได้สแกนตั้งแต่เริ่มวิจัยและสแกนอีกครั้งหลังเขียนบันทึกไปแล้วสามสัปดาห์
การสแกนนั้นเพื่อจับความเปลี่ยนแปลงของกระบวนการเผาผลาญที่ใช้ออกซิเจนในเซลล์ภายในคอร์เท็กซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า – พื้นที่ส่วนลึกในสมองของเรา คอยควบคุมความยับยั้งชั่งใจและการตัดสินใจต่างๆ
อัลริค ไมเยอร์ (Ulrich Mayr) ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยในครั้งนี้กล่าวว่า เมื่อคนกลุ่มนี้อายุมากขึ้น ความเห็นแก่ตัว (pure altruism) ก็จะลดน้อยลง ส่วน คริสตินา คาร์นส (Christina Karns) หัวหน้าทีมนักวิจัยจากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโอเรกอน กล่าวว่า การเขียนบันทึกได้ช่วยปรับลดความเห็นแก่ตัวในระบบประสาทให้น้อยลง
“ตอนที่เรากำลังกล่าวขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต สมองส่วนนี้ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบประสาทที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มใจมากขึ้น” คาร์นสกล่าว เธอยังเป็นหัวหน้าโครงการด้านอารมณ์และระบบประสาทในคณะของเธอด้วย
“การหมุนเวียนในระบบประสาทนี้ ทำให้คุณสามารถ ‘ให้’ ด้วยหัวใจที่ยินดี และรู้สึกตื้นตันในสิ่งที่คนอื่นๆ ทำให้คุณ”
วารสารพรมแดนด้านประสาทวิทยาของมนุษย์ (Frontiers in Human Neuroscience) ทีมนักวิจัยได้ตั้งเป้าหมายการวิจัยนี้ไว้ว่า การเขียนบันทึกถึงความรู้สึกขอบคุณจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาวต่อการให้คุณค่ากับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ภายในจิตใจของคน
“แม้จะยังไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ แต่ประเด็นนี้ก็คุ้มพอที่จะทำวิจัยเพิ่มเติม” คาร์นสบอก
สำหรับเงินทุนจากการวิจัยนี้ มาจากโครงการเพื่อการขยายวิทยาศาสตร์และแนวทางปฏิบัติสู่ความรู้สึกขอบคุณ (Expanding the Science and Practice of Gratitude Project) ของศูนย์วิทยาศาสตร์เกรทเตอร์ กู๊ด (Greater Good Science Center) ร่วมกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและกองทุนเทมเพิลตันที่สนับสนุนเงินผ่านทางสถาบันมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโอกลาโฮมา
ความเอื้อเฟื้อคือการให้รางวัลตัวเอง
เพื่อเป็นการลดตัวแปรลง ในการทดสอบช่วงแรก ทีมนักวิจัยกำหนดผู้เข้าร่วมเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 18-27 ปีเท่านั้น โดยเริ่มต้นประเมินผู้หญิงทั้งหมดผ่านการสแกนสมอง และการตอบคำถามเพื่อจัดกลุ่มตามคุณสมบัติของความไม่เห็นแก่ตัวในระหว่างที่พวกเธอดูเงินที่จะมอบให้ธนาคารอาหารหรือมอบไว้ให้กับพวกเธอเอง
จากจุดนี้ สมองผู้เข้าร่วมที่มีคุณสมบัติของความไม่เห็นแก่ตัวมากกว่า จะมีปฏิกิริยาตอบสนองในแง่ดีเมื่อธนาคารอาหารได้รับเงินมากกว่าที่พวกเธอจะได้รับ จึงเกิดคำถามขึ้นว่า การฝึกฝนความรู้สึกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สามารถเปลี่ยนผลการตอบสนองในสมองของพวกเธอได้ไหม
ทีมนักวิจัยได้สุ่มแยกผู้หญิงออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้เขียนบันทึกทุกวันโดยเน้นที่ความรู้สึกขอบคุณสิ่งที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ส่วนอีกกลุ่มให้เขียนเรื่องทั่วไป ไม่เน้นความรู้สึกขอบคุณ
สามสัปดาห์ต่อมา ผู้เข้าร่วมวิจัยได้กลับมาที่ศูนย์ลูอิสเพื่อการตรวจทางรังสีวินิจฉัยด้านระบบประสาท (Lewis Center for Neuroimaging) เพื่อทำแบบสอบถามและรับการสแกนสมองอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์เดิม คือการมองดูเงินถูกมอบให้ธนาคารอาหาร และเงินที่มอบให้เธอเอง
“ไม่ว่าคุณสมบัติการไม่เห็นแก่ตัวจะสูงหรือไม่ในตอนแรก แต่การเขียนบันทึกทำให้กลุ่มที่เขียนเน้นความรู้สึกขอบคุณต่างก็มีคุณสมบัตินี้เพิ่มขึ้น การมอบเงินให้การกุศลทำให้เกิดปฏิกิริยาในสมองของพวกเธอมากกว่าการเห็นเงินไหลเข้ากระเป๋าตัวเอง” คาร์นสบอก “ราวกับ พวกเธอใจกว้างและเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง”
การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า สมองมีส่วนทำให้ความรู้สึกเรื่องการให้รางวัลกับตัวเองยืดหยุ่นได้ ทำให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ก็เป็นการให้รางวัลตัวเองได้เช่นกัน
“การค้นพบของเราบ่งบอกว่า ความรู้สึกขอบคุณยินดี ทำให้เกิดสิ่งดีๆ อีกมากมาย” คาร์นสว่าอย่างนั้น
เพราะการเขียนมีพลังเสมอ วันนี้ลองชวนเด็กๆ เขียนไดอารีถึงเรื่องดีๆ ของเขาดูสิ