Skip to content
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Learning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trend
  • Life
    Healing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/CrisisLife classroom
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย
อ่านความรู้จากบ้านอื่น
13 October 2025

เลี้ยงลูกอย่างมีเป้าหมาย สอนให้เขาแพ้เป็น เปลี่ยนเด็กไฮเปอร์เป็นนักกอล์ฟรุ่นจิ๋ว: คุยกับ ‘พ่อขงจื้อ-แม่น้อง’

เรื่อง นฤมล ทับปาน ภาพ ปริสุทธิ์

  • The Potential ชวนคุยกับครอบครัว ‘น้องเนตั้น’ ที่มองเห็นพลังซนและความไฮเปอร์ของลูกเป็นโอกาสมากกว่าปัญหา พ่อขงจื้อกับแม่น้องเลือกใช้ ‘กอล์ฟ’ เป็นสื่อในการช่วยให้ลูกได้ปลดปล่อยพลัง ฝึกสมาธิ และสร้างวินัย จนกลายเป็นสิ่งที่น้องรักและทำได้ดี พร้อมพัฒนาสู่เส้นทางนักกอล์ฟรุ่นจิ๋ว
  • ‘พ่อขงจื้อ’ และ ‘แม่น้อง’ ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องต่อการแข่งขัน ไม่เน้นแค่การชนะ แต่สอนให้รู้จักแพ้เป็น เข้าใจว่าความผิดพลาดคือบทเรียน และใช้ประสบการณ์แต่ละครั้งเป็นแรงผลักดันให้พยายามมากขึ้น
  • ‘รักและเข้าใจลูกในแบบที่เขาเป็น เปลี่ยนพลังส่วนเกินให้เป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ’ คือหัวใจการเลี้ยงดูที่ทำให้น้องเนตั้นก้าวข้ามข้อจำกัด และใช้กอล์ฟเป็นเครื่องมือพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ และทักษะชีวิต

จากเด็กที่ซนเป็นพิเศษ เรียกได้ว่า ‘นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นวิ่ง’ พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดได้เป็นชั่วโมงๆ จนอาจเรียกได้ว่ามีภาวะไฮเปอร์ในระยะเริ่มต้น  วันนี้ ‘น้องเนตั้น’ ฉัตรนวัฒน์ กลางเสนา ในวัย 7 ปี สามารถคว้าแชมป์ TGA – SINGHA Junior Golf Ranking ภาคตะวันออก สนามที่ 6 โดยสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย และล่าสุดในการแข่งขัน Thailand STEP-UP Kids Golf Tournament สนาม 9 น้องเนตั้นคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่น E-Boy Championship มายืนยันว่า ความแตกต่างไม่ใช่ปัญหา หากได้รับการดูแลด้วยความรักและความเข้าใจ

“ผมปลูกฝังกอล์ฟให้เขาตั้งแต่เล็กๆ เลย เสาร์อาทิตย์ ทีวีก็เปิดกอล์ฟทิ้งไว้ทั้งวัน ของเล่นมีเป็นไม้กับลูกกอล์ฟด้วย เขาก็จะหยิบมาตีเล่น มาเขี่ยๆ ตั้งแต่ช่วง 1-2 ขวบเลย แล้วก็ไม่มีหลุมนะ แต่เขาจะพยายามตีเข้าช่องเก้าอี้ แล้วพอเข้าก็…เย่ ดีใจ รู้สึกว่าเขาชนะ เขาเลียนแบบจากทีวีที่เราเปิดให้ดู เราก็อยากสร้างสิ่งแวดล้อมแบบนี้ให้เขาค่อยๆ ซึมซับไป ไม่ได้บังคับให้เขาต้องชอบ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาชอบและถนัดไปแล้ว” ‘พ่อขงจื้อ’ ปฏิวัติ กลางเสนา เล่าถึงเนตั้นในวัย 1 ขวบ

‘แม่น้อง’ ยุคลฉัตร อนาวงศ์ เสริมว่า “เขาเริ่มมาจริงจังช่วง 4-5 ขวบ เริ่มแข่งตอนอยู่อนุบาล 3 เป็นพ่อกับแม่เองนี่แหละค่ะที่สรรหาอยากให้ลูกได้ลอง เอาจริงๆ เด็กไม่รู้หรอกว่าอะไรยังไง ตอนนั้นเขาก็เล่นไปแบบสนุกสนานของเขา สำหรับเนตั้นเวลาไปแข่ง เขาก็เหมือนไปเล่นสนุกมากกว่า”

ด้วยความเป็นครอบครัวสายกิจกรรมและกีฬา แถมคุณพ่อยังเป็นครูสอนกอล์ฟ ทำให้ทั้งครอบครัวซึ่งรวมถึงน้องณดา ลูกสาวคนเล็ก มีโอกาสไปสนามกอล์ฟเป็นประจำอยู่แล้ว การเลือกใช้กีฬากอล์ฟมาสร้างสมาธิจดจ่อให้กับน้องเนตั้น จึงเป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุด 

ถึงอย่างนั้นการฝึกเด็กที่มีภาวะไฮเปอร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งในสภาพการแข่งขันที่มีความกดดันสำหรับเด็กทั่วไปก็ถือว่ายากมากแล้ว แต่น้องเนตั้นสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของตนเองได้ ซึ่งคนที่ภูมิใจที่สุดย่อมเป็นพ่อขงจื้อและแม่น้อง 

The Potential ชวนทั้งสองคนมาแชร์แนวคิดในการเลี้ยงดูลูก วิธีรับมือกับพลังเหลือล้นและเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดันสู่เส้นทางนักกอล์ฟรุ่นจิ๋วการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการแข่งขัน การเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นการในดำเนินชีวิต ที่สำคัญคือการสอนให้เขารับมือกับความพ่ายแพ้เมื่อต้องลงสนามจริง

แมตซ์แรกเฟลเป็นเรื่องธรรมดา สอนลูกให้ยอมรับและรับมือกับความผิดหวัง

หลังสังเกตว่าลูกชายตัวจิ๋วเริ่มหลงเสน่ห์ของกอล์ฟ พ่อขงจื้อก็เริ่มพาเขาไปที่สนามกอล์ฟด้วยกัน เพื่อให้สัมผัสกับบรรยากาศจริง จนในที่สุดน้องเนตั้นก็ได้บอกลาการเขี่ยลูกกอล์ฟด้วยไม้พลาสติกมาเป็นการหวดวงสวิงด้วยไม้กอล์ฟจริง โดยมีพ่อขงจื้อเฝ้าประกบอยู่ข้างๆ เป็นเวลาหลายเดือน ก่อนตัดสินใจลงแข่งขันและได้ลิ้มรสของความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก

“หลังจากแมตซ์แรกเขาก็กลับมาซ้อมจริงจังเลย ครั้งแรกแข่ง 11 คน เขาได้ที่ 8 เขาก็ไปยืนดูเพื่อนที่ได้รางวัล แล้วก็กลับมาถามพ่อว่า ทำไมเนตั้นไม่ได้ เราก็บอกเขาว่า เนตั้นซ้อมมาน้อย วันนี้เรามาแข่งขันเก็บประสบการณ์ แล้วก็มาออกกำลังกายด้วย แล้วเขาก็ถามอีกว่า ทำยังไงเนตั้นถึงจะได้ถ้วยแบบเพื่อน เนตั้นก็ต้องซ้อมมากกว่าเดิม แล้วถ้าป่าป๊าสอน เนตั้นต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจดู ตั้งใจทำ อันนี้เป็น 3 อย่างที่จะบอกเขาเสมอ แล้วพอรอบสองเขาก็ขยับอันดับขึ้นมาได้ที่สองที่สามอยู่ราวๆ นี้ ติด 1 ใน 5 ตลอด”

พ่อขงจื้อเสริมอีกว่า “คนที่เขาเล่นแล้วก็เล่นเก่งเลย เล่นครั้งแรกได้ที่ 1 ที่ 2 แล้วหลังจากนั้นพอเขาไม่ได้เหรียญไม่ได้ถ้วยจะรู้สึกเฟล แล้วก็อาจจะไม่ชอบละ หรือบางทีก็กลายเป็นปมในใจ แล้วแสดงออกรุนแรงเลยก็มี แบบยอมรับไม่ได้ที่ตัวเองไม่ได้ถ้วยเหมือนเดิม 

แล้วก็เล่าเรื่องตัวเองให้เขาฟังว่า เมื่อก่อนป่าป๊าก็ไม่ค่อยได้แชมป์นะ ก็มีแพ้บ้างชนะบ้าง เมื่อก่อนผมเป็นนักกีฬาเทควันโด ก่อนจะผันมาเล่นกอล์ฟ ถ้าเราชนะบ้างแพ้บ้าง ชัยชนะมันก็สำคัญ แต่มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น หรือแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้แล้วเรากลับมาทบทวน เราจะได้รู้ว่าเราแพ้เพราะอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้กลับมามีความหวัง กลับมาซ้อมเพื่อที่จะกลับไปแข่งชนะได้ แต่ถ้าเราคิดแต่ว่าเราต้องชนะๆ พอเราแพ้เราจะรู้สึกเฟล ใจมันจะหดหู่มากกว่า เราแพ้เราเสียใจได้ เสียดายได้ แต่มันทำให้เรามีความหวังที่จะซ้อมๆๆ ให้ดีขึ้น”

“แล้วในการฝึกซ้อมให้ลูกเราจะไม่ได้ฟิกซ์เวลาแบบจัดเป็นตารางการซ้อมในแต่ละวันขนาดนั้น แต่เราดูความสะดวกของพ่อแม่เป็นหลักด้วยนะ เพราะแม่ก็ทำงานพยาบาล เข้างานเป็นกะ เวรเช้าเวรบ่าย บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ซ้อม หรือบางทีจะพาลูกไปซ้อมที่สนามฝนก็ตก แต่เฉลี่ยอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 วัน ขั้นต่ำ 1 ชม. ถึง 1.30 อันนี้ก็แล้วแต่บ้าน แล้วแต่การฝึกของแต่ละคน” แม่น้องเสริม

บทเรียนจาก TGA  ไม่มีใครชนะตลอดไป แต่ทุกการแข่งขันต้องจริงจัง

แม่น้องเล่าว่า “แมตซ์ TGA จะแข่งกัน 2 วัน ที่ปราจีนบุรี ซึ่งมีกฎว่าต้องใช้แคดดี้สนามเท่านั้น ซึ่งบางสนามจะให้พ่อแม่เป็นแคดดี้เองได้ เราก็เตรียมตัวกันมาดี ซ้อมกันมาดีเหมือนที่ไปแข่งทุกรอบ แต่ว่าวันแรกไปเจอแคดดี้พาร์ทไทม์อายุน้อยด้วย 15 ปี เอง เป็นพี่สาวเลย เด็กเจอเด็กก็เล่นกันสนุกเลย แต่เนตั้นก็แฮปปี้ทุกรอบที่ได้ไปแข่งนะ ยิ่งไม่มีพ่อยิ่งแฮปปี้ เพราะรู้สึกว่าไม่กดดัน วันแรกก็เลยสนุกเกินคะแนนไปไกลเลย 90 กว่า หลังจากที่ไม่ได้เจอแบบนี้ตั้งแต่แมตซ์แรกที่แข่ง”

พ่อขงจื้อถึงขั้นกุมขมับ ที่ลูกชายหลุดโฟกัสไปไกลมาก พอจบการแข่งขันวันแรกไป จึงมีการเรียกสติกันหน่อย 

“พ่อก็คุยกับเขาว่า ป่าป๊าก็ไม่ได้อยากจะดุหนูนะ แต่หนูดูเล่นเกินไป หนูมาทำอะไร วันนี้เรามาแข่งนะ เรามาไกลนะ แล้วเรามาเราไม่ได้มาฟรีนะลูก เรามีค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันรถ ค่าเดินทาง ค่าโรงแรม ค่ากิน ถ้าหนูเล่นๆ แบบนี้เราไม่ต้องมาแข่งก็ได้ ตีแถวบ้านก็ได้ ถ้าตีสนุกๆ แต่นี่เรามาแข่งขัน เราต้องจริงจัง ถ้าหนูไม่ชอบ อยากจะเลิกแข่งแล้วหนูก็ไม่ต้องแข่ง เราเลิกได้เลย แต่ตอนนี้หนูมีโอกาสแล้วนะ เราก็ต้องทำให้ดี

พอวันที่ 2 ก็ดีขึ้น เขาตั้งใจขึ้น ผลคะแนนรวมทั้ง 2 วัน ก็เลยทำให้ได้แชมป์ แต่จริงๆ วันนั้นพ่อกับแม่ไม่ได้คิดว่าจะชนะเลย เพราะหลังจากเห็นผลวันแรกแล้วก็ปล่อยละ เพราะตามที่ 1 ที่ 2 เป็น 10 เลย แต่วันที่ 2 เราได้แคดดี้ดีที่มีประสบการณ์ ที่เขาช่วยไกด์ให้ด้วย ผลก็เลยออกมาดี”

“กอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องอยู่กับตัวเอง มีสมาธิมากๆ ในการตีแต่ละหลุมๆ แล้วถ้าตีไม่ดี รู้สึกเฟลก็ต้องรับมือให้ได้ ใจเย็น มีสติ มั่นใจ แล้วกลับมาให้ได้  เพราะถ้าใจร้อนหรือลังเลก็จะพลาดได้ง่ายๆ สำคัญเลยคือมายด์เซ็ต ความคิดที่ดีต่อการเล่น การวางแผน และแก้ไขสถานการณ์”

แม่น้องเสริมว่า “อย่างเนตั้นไม่ใช่เด็กที่เก็บมาคิดขนาดนั้น ไม่ได้เครียด แต่เด็กบางคนที่เราเห็นคือพอไม่ได้แชมป์ร้องไห้หนักเลย จนพ่อเค้าไปถามกรรมการว่ามีถ้วยรางวัลสองถ้วยไหมครับ เขาอยากให้ลูกเขาได้ ลูกเขาเฟลมาก เพราะลูกเขาได้แชมป์ตลอด แชมป์ของสนามนั้นตลอด ที่หนึ่งตลอด พอครั้งนั้นไม่ได้ก็เลยเฟลหนัก เนตั้นก็งงว่าเพื่อนร้องไห้ทำไม 

เราไม่เคยสอนลูกว่าการแข่งขันต้องได้แชมป์ตลอดไป ห้ามแพ้นะ แค่บอกว่าทำให้ดีเหมือนตอนซ้อมนะ แล้วถ้าทำเหมือนซ้อมมาแล้วแต่ยังไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากลับไปดูกันว่าผิดพลาดตรงไหน ต้องแก้ไขจุดไหน”

พ่อขงจื้อเองก็มองว่า ในบริบทการแข่งขันต้องสอนให้ลูกจริงจัง แต่ไม่ถึงขั้นเอาจริงเอาจังจนแพ้ไม่ได้

“เราใช้วิธีการเลี้ยงลูกแบบเดินทางสายกลาง แบบยืดหยุ่น จริงจังในเวลาที่ควรจะจริงจัง และผ่อนคลายในเวลาที่ควรผ่อนคลาย 

อย่างจะแข่งแล้วถ้าไม่ซ้อมเลย หรือซ้อมนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้ หรือจะอวยลูกเกินไป ลูกตีไม่ลงหลุมเลยแล้วอวยลูกว่า ‘ไม่เป็นไรลูก ดีแล้วลูก’ อันนี้ก็สปอยเกินไปหน่อย แต่ถ้าเขาทำได้ดี แล้วพลาดนิดหน่อย ก็อย่าเพิ่งโมโห หรืออารมณ์เสียใส่เขา อันนี้ก็เคร่งเครียดไปหน่อย เราก็ต้องบอกเขาว่า ‘ดีนะ อย่างน้อยก็ลง หนูลองใหม่อีกทีไหม เดี๋ยวเรามาดูสิผิดพลาดตรงไหน จะได้แก้ให้ดีขึ้น’

อย่างเนตั้นจุดแข็งเลยคือตีหลุมไกลๆ เนตั้นทำได้ดี พัตต์กอล์ฟ (Putting) น้อย มีการกะระยะการตีได้ดี เพราะเขาซ้อมพัตต์ทุกวัน แล้วเขาสามารถมีสมาธิกับการซ้อม”

รักและเข้าใจลูกในแบบที่เขาเป็น เปลี่ยนพลังส่วนเกินให้เป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

นอกจากได้เล่นสนุก ใช้พลังงานอันล้นเหลือหมดไปกับการฝึกซ้อมและออกรอบ กีฬากอล์ฟยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย รวมถึงพัฒนาการทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เนื่องจากเป็นกีฬาที่ต้องจดจ่อกับเป้าหมาย ทำให้ได้ฝึกสมาธิ รวมถึงฝึกกระบวนการคิดและวางแผน ซึ่งทักษะนี้สามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนและการทำกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้ ที่สำคัญคือการแข่งขันจะสอนให้เขารู้จักแพ้เป็น และมีน้ำใจนักกีฬา

พ่อขงจื้อกับแม่น้องแนะนำพ่อแม่ที่อยากจะหากิจกรรมให้ลูกทำเพื่อฝึกสมาธิ ได้เคลื่อนไหวร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ว่ากีฬากอล์ฟเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่มีภาวะไฮเปอร์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองต้องการจะพัฒนาศักยภาพเด็กในด้านใด สิ่งสำคัญคือการสังเกตพฤติกรรมของเขา เข้าใจและยอมรับในตัวเขา เชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนสามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

“แม่ว่าเราจะต้องสังเกตพฤติกรรมลูกเราก่อน เราถึงจะได้รู้ว่าลูกเรามีอาการใช่ไหม ก็คืออาจจะยังไม่ถึงขั้นไปหาหมอก็ได้ อันนี้มันก็วิเคราะห์ได้โดยพฤติกรรมของลูกเรา ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ได้ ดูอันที่น่าเชื่อถือหน่อย อ้างอิงจากกรมการแพทย์หรือโรงพยาบาลต่างๆ ลองเอามาอ่านแล้วเอามาวิเคราะห์ดูว่าพฤติกรรมของลูกเรามันเข้าข่ายหรือเปล่า แต่ระดับความรุนแรงเราจะไม่วินิจฉัยเอง เพราะเราไม่ใช่หมอ 

ถ้าเข้าข่ายแล้วดูท่าว่าจะรุนแรงก็ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเรารู้ว่าลูกเรามีพฤติกรรมแบบนี้อาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ ดูแลตัวเองไม่ได้ อันนี้ควรจะไปปรึกษาแพทย์ เพราะว่ามันจะเป็นเรื่องของการรักษา แต่ถ้าเกิดคิดว่าดื้อซน ดื้อบ้าง เล่นบ้าง แต่บอกยังฟัง ใช้ชีวิตประจำวันเองได้ ไม่มีผลกระทบอะไร เราก็พยายามจัดสรรกิจกรรมที่มันเข้ากับลูกเรา เพื่อช่วยให้เขามีสมาธิมากขึ้น

อย่างกอล์ฟก็จะช่วยให้เขามีสมาธิ เป็นกีฬาที่ดี แนะนำสำหรับเด็กที่อยู่ไม่ค่อยนิ่ง เพราะว่ามันจะมีมุมที่ช่วยให้เขามีสมาธิ โฟกัส กับการซ้อม ซึ่งก็ต้องใช้เวลา”

ท้ายที่สุดแล้ว แม่น้องมองว่า “แม้ในอนาคตจะอยากให้ลูกทำอาชีพเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ แต่มันก็เป็นเรื่องของอนาคต เราแค่คาดหวัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วลูกจะเป็นอย่างนั้นไหม แต่ถามว่าเนตั้นอยากทำอาชีพอะไร ณ ตอนนี้ลูกก็ตอบว่า อยากเป็นโปรกอล์ฟ ถ้าโตขึ้นเขาจะอยากเป็นยูทูบเบอร์ อยากเป็นนักร้อง หรืออะไรก็แล้วแต่เขา สุดท้ายพ่อแม่ก็พร้อมสนับสนุน”

Tags:

กอล์ฟน้องเนตั้นภาวะไฮเปอร์อ่านความรู้จากบ้านอื่นการเลี้ยงดูเยาวชน

Author:

illustrator

นฤมล ทับปาน

Photographer:

illustrator

ปริสุทธิ์

Related Posts

  • Everyone can be an Educator
    ‘ครูอ้อย-สุธิวา บุญวัง’ ครูที่ไม่มีห้องเรียน แต่มี ‘ห้องสมุด’ ไว้ให้เด็กเปิดใจเลือกเส้นทางเดินใหม่โดยไม่ถูกตัดสิน

    เรื่อง กนกพิชญ์ อุ่นคง

  • Book
    บ้านเล็กในป่าใหญ่: ที่พักพิงแสนปลอดภัยในโลกอันน่าหวาดหวั่นคือ ‘ครอบครัว’

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Extended family-no logo
    Family Psychology
    ‘It takes a village to raise a child.’ เพราะมนุษย์ไม่ได้วิวัฒนาการไปในทิศทางที่ให้ ‘พ่อแม่’ เลี้ยงลูกเพียงลำพัง

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Book
    พ่อแม่ไม่ใช่อรหันต์ ปล่อยวางความคาดหวังแล้วหันมา ‘ใจดีกับตัวเอง’ 

    เรื่อง อัฒภาค

  • Early childhoodFamily Psychology
    เข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไป EP.8 ‘Perfectionism’ เมื่อลูกคาดหวังว่าตัวเองต้องสมบูรณ์แบบ

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel