Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    RelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/CrisisLife classroomHealing the trauma
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Education trend
20 October 2025

ห้องเรียน AI EP2: เตรียมเด็กให้เท่าทัน AI ปรับใช้เป็นติวเตอร์ส่วนตัว ฝึกฝนทักษะการคิดและพัฒนาตนเอง

เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • เอไอจะมาเป็นครูหรือติวเตอร์ส่วนตัวให้กับเด็ก เด็กทุกคนจะเข้าถึง ‘การเรียนรู้เฉพาะบุคคล’ (Personalized Learning) ได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่ครูหนึ่งคนสอนนักเรียนหลายๆ คนพร้อมกัน
  • การให้เด็กใช้เอไอทำงาน ไม่ใช่แค่การพิมพ์คำสั่ง (Prompt) แล้วจบ แต่คือการทดสอบอย่างหนึ่งว่าเด็กเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการให้เอไอสร้างออกมาหรือไม่ และเป็นการฝึกฝนทักษะ ‘การคิดเชิงวิพากษ์’ หรือ ‘การคิดอย่างมีวิจารณญาณ’ ไปด้วยในตัว
  • เด็กที่ใช้เอไออย่างเหมาะสมและมีจริยธรรมจะเพิ่มโอกาสการประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด พวกเขาจะเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้งผ่านการเรียนรู้ที่ปรับแต่งมาให้เหมาะกับตน

เอไอจะทำลายการศึกษาของเด็ก?

ตั้งแต่ปลายปี 2022 เป็นต้นมา เทคโนโลยี ‘เอไอ’ หรือ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ สามารถเข้าถึงเอไอได้ทุกที่ทุกเวลา การเปิดตัวเอไอนำมาสู่ข่าวที่สั่นคลอนวงการการศึกษา นั่นคือ ‘เด็กใช้เอไอทำงานให้’ ก่อให้เกิดความกังวลว่าเอไอคือสิ่งที่ทำลายการเรียนรู้ของเด็ก

ซัลมาน คาน (Salman Khan) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Khan Academy องค์การการศึกษาไม่แสวงหากำไร กล่าวว่า เทคโนโลยีจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ ‘วิธีการใช้’ เทคโนโลยีอย่างโซเชียลมีเดียทำให้เราเสียสุขภาพได้ผ่านการใช้หน้าจอมากเกินไปและละเลยคนรอบข้าง แต่เทคโนโลยีเดียวกันนี้ก็ทำให้เราติดต่อเพื่อนและครอบครัวได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งใช้สืบค้นข้อมูลเพื่อพัฒนาตัวเองได้ 

ดังนั้นเด็กที่ใช้เอไออย่างเหมาะสมและมีจริยธรรมจะเพิ่มโอกาสการประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด พวกเขาจะเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้งผ่านการเรียนรู้ที่ปรับแต่งมาให้เหมาะกับตน

เอไอจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของเด็กผ่านการเรียนรู้เฉพาะบุคคล

ลองคิดดูว่าถ้าหมอจ่ายยาให้กับคนไข้เหมือนกันทุกคนจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนไม่รอดแน่ เพราะคนไข้แต่ละคนมีสภาพร่างกายที่แตกต่างกันและมีอาการป่วยที่ต่างกันไป การศึกษาในปัจจุบันกำลังทำสิ่งเดียวกัน การเรียนการสอนในปัจจุบันดำเนินอยู่ภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า ‘One Size Fits All’ กล่าวคือ เด็กทุกคนเรียนด้วยวิธีเดียวกันเหมือนกันหมดทุกคน

เบนจามิน บลูม (Benjamin Bloom) นักจิตวิทยาการศึกษาและผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการศึกษา ได้เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม (ครู 1 คนต่อนักเรียน 30 คน) กับแบบกลุ่มย่อย (ครู 1 คนต่อนักเรียน 1 คน) พบว่า ในภาพรวมการเรียนการสอนแบบกลุ่มย่อยมีนักเรียนมากถึง 90% ทำคะแนนได้สูง ในขณะที่แบบดั้งเดิมมีนักเรียนแค่ 20% เท่านั้นที่ได้คะแนนสูง

เห็นได้ว่าการเรียนการสอนแบบกลุ่มย่อยที่มีครู 1 คนต่อนักเรียน 1 คน คือรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่เราจะโทษระบบการศึกษาที่เลือกการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมอย่างเต็มปากก็คงจะไม่ได้ เพราะการจัดหาครูส่วนตัวให้กับนักเรียนทุกคนต้องใช้งบประมาณมหาศาล ไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเสมือนครูส่วนตัวในลักษณะนี้แล้ว นั่นคือ ‘เอไอ’ เอไอจะมาเป็นครูหรือติวเตอร์ส่วนตัวให้กับเด็กได้ หรืออาจเรียกกว่าเป็น ‘ซูเปอร์ติวเตอร์’ ก็ว่าได้ เพราะเอไอสามารถประมวลผลและวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงตามความต้องการของผู้ใช้

เอไอจะช่วยทำให้เด็กทุกคนเข้าถึง ‘การเรียนรู้เฉพาะบุคคล’ (Personalized Learning) ได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่ครูหนึ่งคนสอนนักเรียนหลายๆ คนพร้อมกัน

เด็กแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ที่ต่างกัน บางคนเรียนรู้ช้า บางคนเรียนรู้เร็ว บางคนอธิบายนิดเดียวก็เข้าใจ บางคนต้องการตัวอย่างที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เอไอสามารถปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการเหล่านี้ได้ ช่วยทำให้เด็กเข้าใจบทเรียนได้เท่ากับเพื่อนคนอื่นๆ ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

นิโลบล สุภัทราธรรม หรือ ‘ครูแอม’ ครูคณิตศาสตร์จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ได้ใช้เอไอช่วยปรับแต่งเนื้อหาการสอนให้เข้ากับกลุ่มนักเรียนที่เป็นนักกีฬาฟุตบอล เช่น การออกแบบโจทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นฟุตบอล 

จากวิธีนี้พบว่า ก่อนหน้านี้นักเรียนกลุ่มนี้ดูเบื่อๆ แต่พอใช้เนื้อหาการสอนที่ปรับแต่งดังกล่าวก็ทำให้เกิดความกะตือรือร้นและเข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เด็กรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี จึงสามารถนำมาเชื่อมโยงได้ง่าย

เห็นได้ว่าการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับบุคคลช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้ไม่ยาก โดยการปรับแต่งในลักษณะนี้ไม่ได้จำกัดที่โรงเรียนเท่านั้น เพราะทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือครู ก็สามารถเข้าถึงเอไอได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นหากเด็กไม่เข้าใจเนื้อหาในห้องเรียนก็สามารถให้เอไอช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้เองที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถเรียนทันเพื่อนในห้องได้

เมื่อใช้อย่างเหมาะสม เอไอจะช่วยฝึกเด็กคิดวิเคราะห์ได้

เมื่อมีเอไอเข้ามาในระบบการศึกษา ครูหลายคนเกิดความกังวลว่าเด็กจะใช้เอไอทำงานให้ ทำให้เด็กไม่ได้คิดงานด้วยตัวเองและไม่เกิดการเรียนรู้ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่ควรดำเนินการไม่ใช่การห้ามเด็กใช้เอไอ แต่ควรพิจารณาเสียก่อนว่า ครูได้สอนให้เด็กใช้เอไออย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง

โรงเรียน Evangelisch Stiftische Gymnasium ในเยอรมัน อนุญาตให้เด็กใช้เอไอในการทำงานและรวมไปถึงการทำข้อสอบด้วย โดยในการทำข้อสอบปรากฏว่า ไม่มีนักเรียนคนไหนเลยคัดลอกข้อความที่เอไอสร้างขึ้นมาใส่เป็นคำตอบโดยตรง ทุกคนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและปรับแก้ข้อความเป็นในรูปแบบของตัวเอง

เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะนักเรียนได้เรียนรู้การใช้เอไอในคาบก่อนๆ แล้วและพบว่า การคัดลอกข้อความมาจากเอไอโดยตรงเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด เนื่องจากในบางครั้งเอไอแสดงมุมมองแบบเหมารวมมากเกินไป ใช้ข้อมูลที่ล้าสมัยหรือไม่ถูกต้อง ใช้ภาษาไม่เป็นธรรมชาติ และให้หลักฐานสนับสนุนที่ไม่ชัดเจนหรือไม่ตรงประเด็น

ดังนั้นการทำข้อสอบที่อนุญาตให้ใช้เอไอ นักเรียนจึงไม่ได้แค่ลอกข้อความจากเอไอ แต่ต้องวิเคราะห์ข้อความจากเอไอด้วยว่าถูกต้องและให้เหตุผลที่เหมาะสมหรือไม่ อีกทั้งยังต้องสืบค้นข้อมูลและหาหลักฐานเพิ่มเติมมาสนับสนุนเหตุผลของตัวเองด้วย ทั้งหมดนี้จึงเหมือนเป็นการฝึกฝนทักษะ ‘การคิดเชิงวิพากษ์’ หรือ ‘การคิดอย่างมีวิจารณญาณ’ ไปด้วยในตัว

จากหนังสือ Teaching with AI: A Practical Guide to a New Era of Human Learning กล่าวว่า ครูมักคิดว่านักเรียนรู้จักเทคโนโลยีดีอยู่แล้ว ซึ่งรวมไปถึงเอไอด้วย นักเรียนส่วนใหญ่จึงได้รับข้อความซ้ำๆ แค่ว่า ‘ห้ามใช้เอไอ’ แต่ไม่ได้เรียนรู้ถึงข้อดี-ข้อเสียอย่างจริงจัง ดังนั้นครูควรมอบหมายงานที่ส่งเสริมทักษะในด้านเอไอด้วย เพื่อให้เด็กได้รู้จักและเข้าใจเอไออย่างแท้จริง ซึ่งจะนำไปสู่การใช้งานอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ การให้เด็กใช้เอไอทำงาน ไม่ใช่แค่การพิมพ์คำสั่ง (Prompt) แล้วจบ แต่คือการทดสอบอย่างหนึ่งว่าเด็กเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการให้เอไอสร้างออกมาหรือไม่ การพิมพ์คำสั่งให้เอไออย่างเหมาะสมคือศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งก็ว่าได้ เรียกว่า ‘Prompt Engineering’ ถ้าคำสั่งของเราชัดเจน เราก็จะได้ผลลัพธ์ตรงตามที่เราต้องการ

โชคอำนวย เอี่ยมนเรพร หรือ ‘ครูแจ็ค’ ครูภาษาไทยจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย สั่งให้นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีเรื่องกาพย์พระไชยสุริยา โดยใช้เครื่องมือเอไอสร้างเป็นวิดีโอสั้นความยาวไม่เกิน 1.30 นาที

การทำงานลักษณะนี้เด็กจะต้องเข้าใจเนื้อหาที่เกิดขึ้นในเรื่องพระไชยสุริยาเสียก่อน ถึงจะสามารถสั่งเอไอได้อย่างถูกต้อง กล่าวคือ ในการสั่งให้เอไอสร้างภาพออกมา เด็กจะต้องบรรยายเรื่องราวอย่างละเอียดจากความเข้าใจของตน โดยผลลัพธ์จากเอไอดังกล่าวครูก็สามารถนำมาประเมินได้ว่าเด็กเข้าใจเนื้อหามากน้อยแค่ไหน

จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ทำให้เห็นได้ว่า การใช้เอไอในการศึกษา ครูมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าเอไอจะพัฒนาเด็กให้ดีขึ้นหรือแย่ลง หากครูห้ามเด็กใช้เอไอลูกเดียว เด็กก็จะไม่เข้าใจถึงความสามารถของเอไอและแอบใช้อยู่ดี แต่หากครูช่วยเด็กฝึกฝนการใช้เอไอ เด็กก็จะเข้าใจและใช้เอไออย่างเหมาะสม อีกทั้งยังสะท้อนได้ด้วยว่าเด็กเข้าใจเนื้อหาที่เรียนหรือไม่

ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับ ‘คู่มือการใช้ AI สำหรับครู นักเรียน โรงเรียนและผู้ปกครองในประเทศไทย พ.ศ. 2568’ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่นำเสนอแนวทางการใช้เอไออย่างเหมาะสมไว้ 6 ประการดังนี้

  1. ครูและโรงเรียนควรอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เอไอเป็นเครื่องมือเสริมไม่ใช่ตัวแทนของการเรียนรู้
  2. ครูและโรงเรียนควรส่งเสริมการใช้งานเอไอในการเรียนรู้ เช่น การให้คำแนะนำ การอธิบายเนื้อหา และการสร้างแบบฝึกหัดที่เหมาะสม
  3. ผู้ปกครองและครูควรติดตามการใช้งานเอไอของนักเรียน เพื่อป้องกันกันการพึ่งพาเอไอมากเกินไป
  4. นักเรียน ครู โรงเรียน และผู้ปกครองควรเลือกใช้แพลตฟอร์มเอไอที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
  5. ครูและโรงเรียนควรแจ้งให้นักเรียนและผู้ปกครองทราบว่า เอไอถูกใช้ในกระบวนการใด และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง
  6. ครูและโรงเรียนควรตรวจสอบผลลัพธ์จากเอไออย่างสม่ำเสมอ เพื่อมั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงสร้างกระบวนการทบทวนและปรับปรุงการใช้งานเอไอ เช่น การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการใช้เอไอและประเมินประสิทธิภาพของเอไอเป็นระยะ

สุดท้ายเทคโนโลยีจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับ ‘วิธีการใช้’ เมื่อเอไอถูกนำมาใช้อย่างเหมาะสมจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลในวงการการศึกษา แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ‘ครูที่เป็นมนุษย์’ ซึ่งคอยดูแลให้เด็กใช้เอไออย่างมีวิจารณญาณและทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกผ่านการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่าเอไอ

อ้างอิง

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา. (2568). การศึกษาแบบสั่งตัดเฉพาะบุคคล “Personalized Learning” : เทรนด์ใหม่การเรียนรู้ของ Gen Alpha ในบริบทสังคมและโลกการทำงานที่พลิกโฉม.

นงนภัส พัฒน์แช่ม. (2025). “ถ้าเป็นอะไรที่ไว เด็กจะคิดสั้น ๆ เลยว่าถาม ChatGPT” ครูไทยรับมืออย่างไรในยุคที่เอไอทำการบ้านแทนนักเรียน.

ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์. (2024). AI Literacy (2): ทักษะจำเป็นที่จะทำให้มนุษย์ไม่ถูกกลืนหายในโลกที่ AI ฉลาดขึ้นทุกที.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2568). คู่มือการใช้ AI สำหรับครู นักเรียน โรงเรียนและผู้ปกครองในประเทศไทย พ.ศ. 2568.

Bloom, B. S. (1984). The 2 Sigma Problem: The Search for Methods of Group Instruction as Effective as One-to-One Tutoring. Educational Researcher, 13(6), 4-16.

Bowen, J. A., & Watson, C. E. (2024). Teaching with AI: A Practical Guide to a New Era of Human Learning. Johns Hopkins University Press.

Khan, S. (2024). Brave New Words: How AI Will Revolutionize Education (and Why That’s a Good Thing). Viking.

Hendrik Haverkamp. (2022). A teacher allows AI tools in exams – here’s what he learned.

Tags:

Prompt Engineeringห้องเรียน AIการเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalized Learning)ครูการศึกษาการสอนการคิดวิเคราะห์

Author:

illustrator

ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Education trend
    ห้องเรียน AI EP1: ครูจะไม่ถูกแทนที่ด้วย AI หากใช้เป็น ‘ผู้ช่วย’ ยกระดับการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • teaching-nologo
    Learning Theory
    การสอนคือความยินดีที่จะมอบใจให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิตของเรา

    เรื่อง อรรถพล ประภาสโนบล ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Social Issues
    ไม่ยุบ ไม่ควบรวม แต่ร่วมกันพัฒนา ‘โรงเรียนขนาดเล็ก’ ของชุมชน เพื่อโอกาสทางการศึกษาของเด็กไทย

    เรื่อง นฤมล ทับปาน

  • Movie
    Vaathi: ครูดีอาจทำให้เด็กคนหนึ่งไปถึงฝัน แต่ระบบการศึกษาคุณภาพจะช่วยเด็กจำนวนมากเข้าถึงโอกาสในการมีชีวิตที่ดี

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์ ภาพ ภาณุพงศ์ สุวรรณจุฑามณี

  • Learning Theory
    Rethinking ‘คิดใหม่’ ในความ ‘เดิมๆ’ ของงานครู

    เรื่อง อรรถพล ประภาสโนบล ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel