Skip to content
ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    อ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear ParentsEarly childhoodHow to get along with teenager
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Myth/Life/CrisisLife classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy life
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)
How to enjoy life
9 October 2025

ทำไมบางคนจึง ‘หิวแสง’ เพราะป่วย หรือปมในใจ?

เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • ‘หิวแสง’ คือคำนิยามของคนที่เรียกร้องหรือเรียกหาความสนใจจากคนอื่น ทำตัวอยากให้คนอื่นสนใจด้วยวิธีการต่างๆ บ่อยครั้งก็เป็นแบบมากจนเกินงาม แต่ตามวิวัฒนาการแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคมจึงมีธรรมชาติที่จะต้องเรียกร้องความสนใจ เพื่อประโยชน์บางอย่างและเพื่อความอยู่รอด
  • หากพฤติกรรมที่แสดงออกนั้น ทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือรำคาญใจทั้งกับตัวคนทำเองและผู้คนรอบข้าง ทำบ่อยอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทำอย่างผิดกาลเทศะ หรือมีระดับการแสดงออกที่มากจนเกินควร ก็น่าจะถือได้ว่าเป็น ‘คนหิวแสง’
  • หากเจอคนหิวแสง คุณอาจจะเปลี่ยนจากความรู้สึกรำคาญใจเป็นความเห็นอกเห็นใจ เพราะคนเหล่านี้อาจป่วยหรือปมในจิตใจที่ต้องการการเยียวยาแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่ง หากช่วยเหลืออะไรได้ก็ควรทำ

คำว่า ‘หิวแสง’ น่าจะถือว่าเป็นศัพท์ค่อนข้างสมัยใหม่ เมื่อค้นดูบทความออนไลน์ก็พบว่า หากเป็นบทความภาษาไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ที่ราวปลายปี พ.ศ. 2563 นี่เอง คำนี้มีความหมายอย่างง่ายๆ คือ เป็นคนที่เรียกร้องหรือเรียกหาความสนใจจากคนอื่น ทำตัวอยากให้คนอื่นสนใจด้วยวิธีการต่างๆ บ่อยครั้งก็เป็นแบบมากจนเกินงาม เกินความพอเหมาะพอดีในสายตาคนทั่วไป 

ทำไมคนบางคนจึง ‘หิวแสง’?

ในทางวิวัฒนาการ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมโดยพื้นฐาน จึงมีธรรมชาติที่จะต้องเรียกร้องความสนใจ เพื่อประโยชน์บางอย่างและเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะในตอนที่อายุยังน้อย ไม่สามารถดูแลตนเองได้อย่างดีนัก กระนั้นเมื่อโตขึ้นแล้วก็มีแรงขับดันให้ต้องเรียกร้องความสนใจในด้านเพศเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง เพื่อให้สามารถถ่ายทอดพันธุกรรมของตนต่อไปได้ 

นี่เป็นแรงขับทางสรีรวิทยาที่ยากปฏิเสธและต่อต้าน และเป็นกลไกสำคัญของการอยู่รอดของทั้งตนเองและเผ่าพันธุ์ [1] 

ในสมัยโบราณหรือแม้แต่ปัจจุบันก็ตาม ‘การถือพรหมจรรย์’ ของนักบวชในหลายลัทธิและศาสนาจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก (ซึ่งสวนทางกับแรงขับตามธรรมชาติ) และการละเมิดข้อห้ามนี้ถือเป็นการทำผิดร้ายแรงจนต้องโดนขับออกจากบทบาทและหน้าที่สำคัญในลัทธิและศาสนานั้น ไม่ได้รับยอมรับนับถือและเชื่อใจว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมและทรงคุณธรรมวิเศษของศาสนานั้นอีกต่อไป 

แต่คนเราเกิดมาโดยมีพันธุกรรมแตกต่างกัน และเติบโตมาภายใต้วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ทั้งรูปร่างหน้าตา บุคลิกลักษณะ และความสามารถต่างๆ จึงแตกต่างกันไปด้วย และโอกาสที่จะได้รับการยอมรับและเอาใจใส่จากบุคคลรอบข้างจึงมีไม่เท่ากัน  

ในเด็กเล็กที่ยังสื่อสารได้ไม่ดี อาจมีปัญหาเรื่องนี้มาก การร้องไห้หรือแม้แต่การแผดเสียงดังก็เป็นการเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่และบุคคลใกล้ชิดแบบหนึ่ง เมื่ออายุมากขึ้น เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ก็พัฒนาวิธีการเรียกร้องความสนใจที่แตกต่างออกไป คือมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น รวมทั้งไม่ได้เป็นการเรียกร้องสิ่งที่ตรงไปตรงมาและเฉพาะหน้าหรือเร่งด่วนแบบในเด็กเล็กๆ อีกต่อไป 

การทำความเข้าใจการเรียกร้องความสนใจหรืออาการ ‘หิวแสง’ จึงไม่ง่ายนัก  [1]

ถือเป็นเรื่องยากที่จะระบุให้แน่ชัดว่า ใครเป็นคนหิวแสงหรือไม่ เพราะพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นมี ‘สเปกตรัม’ กว้างขวางมาก จากนิสัยตามธรรมชาติที่ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดกับคนไปจนถึงอาการเจ็บป่วยแบบสุดขั้ว 

แต่อาจกล่าวได้คร่าวๆ ว่า หากพฤติกรรมที่แสดงออกนั้น ทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือรำคาญใจทั้งกับตัวคนทำเองและผู้คนรอบข้าง ทำบ่อยอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทำอย่างผิดกาลเทศะ หรือมีระดับการแสดงออกที่มากจนเกินควร ก็น่าจะถือได้ว่าเป็น ‘คนหิวแสง’ 

การจัดแบบนี้อิงกับพฤติกรรมหรือนิสัยที่แสดงออกมา [1]

บางคนจัดโดยใช้ตัวชี้วัดว่า พฤติกรรมนั้นๆ เกิดจากอารมณ์ใด หากเป็น ‘อารมณ์ลบ’ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การขาดความภูมิใจในตัวเอง ความโดดเดี่ยว ความอิจฉาริษยา หรืออาการป่วยทางจิตบางอย่าง เช่นนี้แล้วก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่หิวแสงทั้งสิ้น [2, 3]  

มีบ้างที่มองว่าอาการหิวแสงอาจเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ร้ายๆ ในอดีตบางอย่าง เช่น การโดนทอดทิ้ง การโดนทำร้าย การเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่ และอารมณ์ไม่มั่นคงหรือรู้สึก ‘ต่อไม่ติด’ กับคนรอบข้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงถึงเป็นสัญญาณทางลบทั้งสิ้น [3]   

ในผู้ใหญ่ ตัวอย่างของอาการหรือพฤติกรรมที่อาจจัดว่าหิวแสงได้แก่ การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเรียกร้องความสนใจ เมื่อมีคนไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์ก็จะรู้สึกว่าได้รับการเติมเต็ม เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็จะไม่ชอบใจ บางคนเป็นดราม่าควีนหรือดราม่าคิงชอบก่อดราม่าหรือไม่ก็ชอบสร้างเรื่องกระตุ้นอารมณ์ในที่สาธารณะหรือบนออนไลน์ การแสดงความไม่พอใจหากไม่ได้เป็นศูนย์กลางความสนใจ 

บางคนก็เรียกร้องอยากให้คนชมและจะไม่พอใจหากไม่ได้ พูดวนๆ แต่เรื่องตัวเอง บ้างก็แกล้งทำอะไรหรือเป็นอะไรสักอย่าง (เช่น ป่วย) เพื่อให้คนหันมาสนใจ และมีอีกหลายคนที่ชอบถกเถียงหรือโต้แย้งเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจ โดยไม่ได้สนใจในประเด็นที่อภิปรายกันอยู่นั้นเลย [3] 

บางคนก็ออกไปในแนวชอบอวดร่ำอวดรวย ไม่ว่าจะรวยจริงหรือรวยเฟกก็ตาม บ้างถึงกับต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เช่ารถหรูราคาแพงมาถ่ายรูปด้วยเพื่ออวด บ้างก็อวดเรือนร่าง ซิกแพ็ก เอวเอส หรืออวดความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่จบ งานที่ทำ รางวัลที่ได้ คนดังที่รู้จัก [2]

ในรายที่สุดขั้วมากๆ ที่หากยากหน่อย อาจถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้และมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปกลายเป็นพฤติกรรมชอบวิวาท ตบตีชกต่อย ทำร้ายผู้อื่น โกหกซ้ำซาก ขโมย หรือชอบแหกกฎหรือทำผิดกฎหมายเพื่อเรียกร้องความสนใจก็มีเช่นกัน [3]  

แน่นอนว่าคนทั่วไปก็อาจทำพฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามานี้บ้าง เพียงแต่ทำด้วยเจตนาและความถี่ที่ไม่เกินเลยไปอย่างพวกคนหิวแสง 

สำหรับคนที่พอรู้ตัวเองว่ามีอาการหิวแสงและต้องการเปลี่ยนแปลง อาจปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขพฤติกรรมต่างๆ ได้หลายแบบดังนี้ [1] 

เริ่มจากตั้งสติและสังเกตสังกาว่า ตัวเองกำลัง ‘ตกร่อง’ เริ่มทำนิสัยเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า หากสังเกตเห็นว่ามีสถานการณ์ซ้ำๆ บางอย่างที่เป็นตัวกระตุ้น ก็อาจหาทางหลีกเลี่ยงการตกไปอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้น 

พยายามหาวิธีสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง หากทำได้ก็จะลดความต้องการความสนใจจากคนอี่นไปเอง นึกถึงความสำเร็จ คุณค่า และความน่าภาคภูมิใจต่างๆ ที่คุณมีและทำได้บ่อยๆ ให้บ่อยๆ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกตัวเอง (แต่ไม่ต้องแสดงออกให้คนอื่นมาชื่นชมด้วย) 

เปิดใจ สร้างความสัมพันธ์แบบใหม่กับคนอื่น ความสัมพันธ์แบบที่ไม่ต้องมีคุณเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจก็ช่วยได้เช่นกัน  

หากทำเรื่องเหล่านี้ได้สำเร็จคุณก็อาจช่วยเหลือคนอื่นที่คุณเห็นว่าน่าจะเป็นอย่างที่คุณเคยเป็น อย่างไรก็ตาม หากลองทำแบบต่างๆ ที่ว่ามาแล้ว แต่ยังรู้สึกว่า ‘เกินมือ’ ก็คงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เพื่อบำบัดอาการเหล่านี้ต่อไป 

ในกรณีที่มีคนใกล้ตัวที่คุณรู้สึกว่าเป็นคนหิวแสงอยู่ คุณอาจสะท้อนข้อเท็จจริงที่คุณเห็น และเสนอความช่วยเหลือในแง่มุมที่ทำได้ (แน่นอนว่าต้องทำด้วยความนุ่มนวลและเห็นอกเห็นใจ) ย้ำกับพวกเขาว่าคุณรักและพร้อมสนับสนุนให้หายจากอาการนี้ ในบางกรณีความรู้สึกว่ามีคนใส่ใจก็เพียงพอจะทำให้คนหิวแสงรู้สึกมั่นคงมากขึ้น จนลดการแสดงออกทางลบได้ แต่ในกรณีที่คนผู้นั้นมีอาการป่วยเกินกว่าจะช่วยเหลือได้ ก็อาจแนะนำให้เข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป [2]

คราวหน้า หากเจอคนหิวแสง คุณอาจจะเปลี่ยนจากความรู้สึกรำคาญใจเป็นความเห็นอกเห็นใจ เพราะคนเหล่านี้อาจป่วยหรือปมในจิตใจที่ต้องการการเยียวยาแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่ง หากช่วยเหลืออะไรได้ก็ควรทำ 

ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็แค่หลีกเลี่ยงให้ห่างไว้ก็น่าจะพอ

เอกสารอ้างอิง

[1] Alisa Harvey. The Need to be noticed: what drives a person to be an attention-seeker. Psychology Now, 2024, Vol. 9, 30-33  

[2] https://www.verywellmind.com/attention-seeking-behavior-causes-traits-treatment-5213790 เข้าถึงข้อมูลวันที่ 16 ก.ย. 2025

[3] https://www.medicalnewstoday.com/articles/attention-seeking-behavior เข้าถึงข้อมูลวันที่ 16 ก.ย. 2025

Tags:

จิตวิทยาความสัมพันธ์มนุษย์สังคมหิวแสง

Author:

illustrator

นำชัย ชีววิวรรธน์

นักอณูชีววิทยา นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ นักเขียน นักแปล และนักอ่าน ผู้มีความสนใจอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาขับเคลื่อนสังคม

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Curse Child Star-nologo
    Healing the trauma
    จิตวิทยาของ ‘เด็กดัง’: ทำไมดาวดวงน้อยถึงดิ่งลงเหวเมื่อพวกเขาเติบโต?

    เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Cover
    Book
    The Wild Robot: ชีวิตที่ลิขิตเอง ไม่ต้องรอโปรแกรมคำสั่ง

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Relationship
    Asexual ชีวิตที่อยู่นอกกรอบเรื่องรักใคร่

    เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ กรองพร ทององอาจ

  • How to enjoy life
    ได้ยินทีไรหูผึ่งทุกที: จิตวิทยาของการซุบซิบ

    เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • MovieDear Parents
    Atypical: มุมมองครอบครัวที่ลูกมีภาวะออทิสติก แต่สมาชิกทุกคน (ต้อง) สำคัญเท่ากัน

    เรื่องและภาพ พิมพ์พาพ์

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel