Skip to content
ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)
  • Creative Learning
    Creative learningLife Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique Teacher
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Transformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent Brain
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)
Early childhoodFamily Psychology
13 October 2022

เข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไป EP.9 บาดแผลของการทำผิดพลาดแล้วถูกประจานให้อับอาย

เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • บาดแผลจากการถูกประจานนั้นร้ายแรง เพราะแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ความรู้สึกไม่ดียังชัดเจนในใจของเด็กเสมอ เด็กบางคนอาจจะเสียความมั่นใจในตัวเองไป และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับโลกใบนี้
  • การสอนให้เด็ก ‘ขอโทษ’ ‘รับผิดชอบต่อการกระทำ’ และ ‘ไม่ทำผิดซ้ำสอง’ เป็นสิ่งที่ควรทำกว่า ‘การประจาน’ ที่นอกจากจะไม่ได้สอนที่ทำให้เด็กเรียนรู้แล้ว ยังทำร้ายจิตใจและละเมิดความเป็นมนุษย์ของเด็กอีกด้วย
  • เด็กทุกคนมีชีวิตและจิตใจ และการเป็นเด็กไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกน้อยกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นอย่ามองข้ามและเหยียบย่ำความรู้สึกของพวกเขา เพราะเด็กทุกคนต้องการความรักและโอกาสในการเรียนรู้

‘ในวันที่ถูกประจานให้อับอาย’

ครั้งหนึ่งในวันที่เรียนลูกเสือ 

แม้เด็กหญิงจะจัดตารางสอนและมีการเตรียมพร้อมที่ดีมากแล้ว แต่ก็ดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจนได้ในมื้อกลางวันก่อนคาบเรียนลูกเสือ

เด็กหญิงดันทำอาหารหกเลอะตัวเอง ผ้าพันคอชุ่มไปด้วยแกงสีเข้มและกลิ่นแรง เพื่อนชวนให้เด็กหญิงถอดผ้าพันคอนั้นไปซักแล้วตากไว้หลังห้องเรียน พอถึงคาบเรียนลูกเสือ คุณครูเข้ามาตรวจทีละนักเรียนทีละหมู่ว่าใครลืมใส่อะไรมา เพื่อนบางคนไม่มีหมวก บางคนไม่มีเข็มกลัด บางคนก็ทำวอกเกิ้ลหาย ส่วนเด็กหญิงคิดว่าถ้าตนเองมีเหตุผลเพียงพอ คุณครูคงไม่ลงโทษอะไร เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นน้ัน คุณครูไม่ฟังเหตุผลใดๆ แล้วให้ออกไปที่หน้ากองเฉกเช่น เพื่อนคนอื่นๆ ที่ลืมใส่บางอย่างมา 

“นี่คือคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทุกคนอย่าทำตาม” คุณครูชี้มาที่เด็กทุกคนที่ยืนอยู่ ซึ่งในใจของเด็กหญิงตอนนั้นรู้สึกอับอายมากและรู้สึกผิดที่ตนเองไม่สามารถดูแลผ้าพันคอผืนนั้นได้ดี 

ในความเป็นจริงแล้ว เด็กแต่ละคนอาจจะมีเหตุผลที่แตกต่างกันที่ไม่ได้ใส่ชุดมาตรงวันหรือใส่ชุดมาไม่ครบ บางคนอาจจะลืมจัดตารางสอนจนลืมจริงๆ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่รับผิดชอบ หรือตั้งใจลืม เพราะบางคนอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้ไม่มีใส่ และที่แย่ไปกว่านั้นบางคนอาจจะไม่มีทุนทรัพย์พอที่จะซื้อของหรือชุดเหล่านั้น 

แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ความรู้สึกไม่ดียังชัดเจนในใจของเด็กเสมอ

ผู้ใหญ่ควรหันกลับมาทบทวน 5 บทเรียนสำคัญ

บทเรียนที่ 1 ‘บาดแผลของการทำผิดพลาดแล้วถูกประจานให้อับอาย’ 

บาดแผลจากการถูกประจานนั้นร้ายแรง เด็กบางคนอาจจะเสียความมั่นใจในตัวเองไป และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับโลกใบนี้

ทุกคนแตกต่างกัน แต่ละคนเติบโตมาด้วยต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การรับมือกับปัญหาและความไวต่อความรู้สึกไม่เท่ากัน

บางคนรู้สึกมาก เพราะเขาอาจจะรับเรื่องราวมามากพอแล้ว

บางคนรู้สึกน้อย เพราะเขาอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้น

บางคนข้ามผ่านความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นไปไม่ได้

แต่บางคนยังมีความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นติดตัวมาจนถึงวันนี้ 

ดังนั้นดีที่สุดคือการไม่สร้างบาดแผลให้กับใครโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับเด็กๆ เพราะพวกเขาควรจะมีโอกาสใช้ชีวิตบนโลกใบนี้อีกนาน 

บทเรียนที่ 2 สิ่งที่เด็กทำนั้นเป็น ‘สิ่งที่ผิด’ หรือ ‘แค่ไม่ตรงใจเรา’

กฎกติกาคือสิ่งที่ทุกสถานที่ควรมี และทุกคนควรปฏิบัติตาม ซึ่งกฎกติกาที่ดีควรเป็นไปเพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขบนพื้นฐานความเป็นมนุษย์ ด้วยการความเคารพซึ่งกันและกัน

ดังนั้นกฎที่ดีทุกคนควรทำตามได้ เช่น กฎ 3 ข้อ ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำลายข้าวของ แต่ถ้ากฎกติกานั้นถูกตั้งขึ้นมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะต้องกลับมาทบทวนว่าควรปรับเปลี่ยนอย่างไรให้เหมาะสมต่อไป 

การแต่งกายให้ตรงตามวันหรือการแต่งเครื่องแบบครบส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่? 

หากไม่ได้กระทบขนาดนั้น เรายังควรมองว่าเด็กทำผิดร้ายแรงหรือ? ในทางกลับกัน หากเด็กทำผิด ผู้ใหญ่ควรให้ความช่วยเหลือก่อนจะสอนเขา เพราะการสอนรอได้เสมอ 

บทเรียนที่ 3 โรงเรียนควรเป็นบ้านหลังที่สองที่เด็กๆ อยากมาเรียนรู้ ไม่ใช่หวาดกลัวที่จะมา ที่สำคัญโรงเรียนและบ้านควรสื่อสารและเป็นทีมเดียวกัน 

โรงเรียนควรเป็นที่จุดประกายให้เด็กอยากเรียนรู้และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ที่สำคัญเพื่อจำลองการใช้ชีวิตในสังคมให้กับเด็กๆ ก่อนก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในวัยทำงาน

ดังนั้นผู้ใหญ่ควรตั้งเป้าหมายให้ตรงกันเสียก่อนว่า ‘เราควรทำให้เด็กอยากมาโรงเรียน ไม่ใช่หวาดกลัวโรงเรียน’ 

‘โรงเรียน’ ควรสื่อสารกับ ‘บ้าน’ 

การสื่อสารที่ดีคือเครื่องมือที่ทรงพลัง หากบ้านและโรงเรียนมีการสื่อสารกันเสมอ 

พ่อแม่และคุณครูจะเข้าใจกันมากขึ้น เราสามารถแบ่งเบาภาระทางใจกัน 

เมื่อเกิดปัญหา เราจะเลือกที่จะหันหน้ามาคุยกันเพื่อหาทางออก ไม่ใช่ใส่อารมณ์กันและกัน เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบและกลายเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ของผู้ใหญ่ทุกคน คือ ‘เด็ก’ 

การแก้ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อทุกฝ่ายช่วยกัน

ความเห็นอกเห็นใจคือหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างพ่อแม่และคุณครู

บทเรียนที่ 4 วินัยสร้างได้ แม้จะไม่ได้แต่งกายเหมือนกัน เพราะวินัยอยู่ในวิถีชีวิต 

คำถาม 1 : วินัยคืออะไร?

คำตอบ 1 : วินัย คือ สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี กล่าวคือ มีสุขภาพกายท่ีแข็งแรง มีสุขภาพใจที่ดี ซึ่งวินัยมีส่วนช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าและความหมายทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น 

คำถามที่ 2 : วินัยที่สำคัญสำหรับเด็กคืออะไร? 

คำตอบที่ 2 : วินัยที่สำคัญสำหรับเด็ก คือ การฝึกฝนดูแลตัวเองและรับผิดชอบตนเองตามวัย เพื่อพัฒนาไปสู่การดูแลและรับผิดชอบสิ่งที่มากขึ้นในอนาคต เช่น สำหรับเด็กปฐมวัย งานที่ต้องทำคือ การฝึกช่วยช่วยเหลือตัวเองและดูแลของที่ตัวเอง ใช้ เช่น เก็บของเล่น เช็ดโต๊ะหลังกินข้าวเสร็จ ล้างจานของตัวเอง และอื่น ๆ

สำหรับเด็กโต งานที่ต้องทำคือ กิจวัตรประจำวันอย่างการช่วยเหลือตัวเองและงานที่ได้รับมอบหมาย เช่น การบ้าน งานบ้าน เวรทำความสะอาดในห้องเรียน และอื่น ๆ

เมื่อดูแลตัวเองได้ ตัวเองก็จะไม่เป็นภาระต่อสังคม และค่อยๆ แผ่ขยายไปสู่การดูแล หน้าที่ของตัวเองในสังคมต่อไป 

คำถาม 3 : ต้องสอนอย่างไร? 

คำตอบ 3 : ทำให้ดู ทำด้วยกันและให้ทำด้วยตนเอง โดยมีเราทำอยู่เคียงข้าง ที่สำคัญต้องใช้เวลาในการสร้างวินัยไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงข้ามคืน ช่วงแรกแม้จะเหนื่อยหน่อย แต่เมื่อวินัยเกิดในตัวของเด็ก ๆ แล้วจะเกิดขึ้นไปตลอดชีวิต เพราะวินัยกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของเด็กๆ แล้ว

‘วินัย’ เป็นเรื่องของคนทุกคน 

สภาพแวดล้อมมีผลกับเด็กเป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่ทำเช่นไร เด็กๆ มีแนวโน้มจะเลียนแบบการกระทำของเรา ดังนั้นหากต้องการให้เด็กๆ มีวินัย เราควรทำให้เขาเห็น เป็นให้เขาดู และลงมือทำไปด้วยกัน 

บทเรียนที่ 5 ถ้าสิ่งที่เด็กทำนั้นผิดจริง ผู้ใหญ่ควรสอนเขา ไม่ใช่ลงโทษให้อับอายหรือหวาดกลัว 

การประจานไม่ใช่การสอนที่ทำให้เด็กเรียนรู้ แต่การประจานทำร้ายจิตใจและละเมิดความเป็นมนุษย์ของเด็กเสียด้วยซ้ำ บาดแผลที่ผู้ใหญ่สร้างในหัวใจเด็กในวันนั้นไม่เคยจางหายไปไหน ดังนั้นอย่าทำเช่นนั้นเลย 

เมื่อเด็กทำผิดพลาด แล้วทำให้ผู้ใหญ่มีอารมณ์โกรธ เราควรถอยออกตั้งสติ ขอเวลานอกให้ตัวเองก่อนจะกลับไปสอนเด็กอีกครั้ง 

ยกตัวอย่าง เมื่อเด็กทำผิดต่อผู้อื่น เราควรสอนให้เด็ก ‘ขอโทษ’ ‘รับผิดชอบต่อการกระทำ’ และ ‘ไม่ทำผิดซ้ำสอง’ 

‘การขอโทษ’ คือขั้นแรกของการรับรู้ว่า ‘สิ่งที่ทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ผิด’ แต่ ‘การรับผิดชอบต่อการกระทำ’ คือการรู้สึกสำนึกผิดและพยายามชดเชยอย่างสุดความสามารถเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แม้การรับผิดชอบต่อการกระทำด้วยการทำอะไรบางอย่างเพื่อชดเชยในสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ทำลงไปแล้วได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ความรู้สึกผิดในใจเราและความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นของอีกฝ่ายเบาบางลงไปบ้างเท่าน้ันเอง 

ขั้นสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของการสำนึกผิดอย่างแท้จริงคือ ‘การไม่ทำผิดซ้ำสอง’ นั่นเอง 

คำถาม : ทำไมเราไม่ควรลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อให้เด็กหยุดทำสิ่งที่ผิด

คำตอบ : แม้การลงโทษที่รุนแรงจะทำให้เด็กหยุดทำพฤติกรรมในทันที แต่เด็กไม่ได้หยุดเพราะเรียนรู้ เขาหยุดด้วยความกลัวถูกลงโทษ ดังนั้นการลงโทษที่รุนแรงทำได้ เพียงหยุดไว้ชั่วคราว เขาอาจจะไม่ทำพฤติกรรมนั้นต่อหน้าเรา พอไม่มีเราอยู่ตรงนั้น ลับหลังเขาอาจจะแอบทำเมื่อมีโอกาส ที่สำคัญการลงโทษที่รุนแรงนำไปสู่การเลียนแบบพฤติกรรมที่รุนแรง เด็กอาจจะนำไปใช้กับเพื่อนหรือคนที่มีอำนาจน้อยกว่าเขาได้

สิ่งที่ดีที่สุดคือการสอนเด็กให้ทำพฤติกรรมที่เหมาะสม

ทำให้ดู 

พาเขาทำ 

ทำด้วยกัน 

ปล่อยเขาทำเอง 

ฝึกฝนเป็นประจำ

ทำได้ด้วยตัวเองแล้วอย่าลืมชื่นชมเขา 

(6) ทางเลือกที่ดีกว่าการลงโทษให้เด็กฟัง คือการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับเขาตั้งแต่ต้น

การสอนเด็กที่ดีที่สุดคือการสร้างความสัมพันธ์กับเขา 

สายสัมพันธ์ที่มีอยู่จริง ทำให้เขามองเห็นตัวเขาเองและตัวผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนั้น เด็กจะ อยากฟังเพราะเขารับรู้ได้ว่า ‘เสียงของเรามีอยู่จริง’ และเขาอยากจะทำตาม เพราะ ‘เขารู้สึกรักและผูกพันกับเรา’ 

ที่สำคัญอยากให้เด็กเป็นเช่นไร เราควรเป็นเช่นนั้นก่อน 

อยากให้เขาเคารพเรา เราควรเคารพเขาเช่นกัน 

อยากให้เขาฟังเรา เราก็ควรฟังเขาด้วย 

ไม่ใช่ให้ตามใจหรือปล่อยปละละเลย แต่ให้เป็นแบบอย่าง ทำไปกับเขา และสอนเขาเมื่อทำผิด

เด็กเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยมั่นคง 

 

เด็กทุกคนมีชีวิตและจิตใจ การเป็นเด็กไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกน้อยกว่าผู้ใหญ่ 

ดังนั้นอย่ามองข้ามและเหยียบย่ำความรู้สึกของพวกเขา เพราะเด็กทุกคนต้องการความรักและโอกาสในการเรียนรู้

ผู้ใหญ่ทุกคนควรช่วยกันปกป้องหัวใจของเด็กทุกคน

Tags:

การเรียนรู้บาดแผลทางจิตใจเข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไปความผิดพลาดสุขภาพจิตตามใจนักจิตวิทยาพัฒนาการพ่อแม่เมริษา ยอดมณฑป

Author:

illustrator

เมริษา ยอดมณฑป

นักจิตวิทยาเจ้าของเพจ ‘ตามใจนักจิตวิทยา’ เพจที่อยากให้ทุกคนเข้าถึง ‘นักจิตวิทยา’ ได้มากขึ้นในฐานะเพื่อนแปลกหน้าผู้เคียงข้าง ปัจจุบันเป็นนักจิตวิทยาที่ห้องเรียนครอบครัว เป็น "ครูเม" ของเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ ความฝันต่อไปคือการเป็นนักเล่นบำบัด วิทยากร นักเขียน และการเปิดร้านหนังสือเล็กๆ เป็นของตัวเอง

Illustrator:

illustrator

ninaiscat

ทิพยา ทิพย์พันธ์ (ninaiscat) เป็นนักวาดภาพประกอบและนักออกแบบกราฟิกอิสระ ชอบแมว (เป็นชีวิตจิตใจ) ชอบทำกับข้าว กินกาแฟทุกวันและมีความฝันว่าอยากมีบ้านสักหลังที่เชียงใหม่

Related Posts

  • Early childhoodFamily Psychology
    เข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไป EP.10 ในวันที่ลูกใจร้อน พ่อแม่มีหน้าที่ต้องช้าลง

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Early childhoodFamily Psychology
    เข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไป EP.8 ‘Perfectionism’ เมื่อลูกคาดหวังว่าตัวเองต้องสมบูรณ์แบบ

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Movie
    Precious: แม้พ่อแม่จะสร้างแผลใจที่ไม่อาจลบเลือน แต่เราเติบโตและงดงามได้ในแบบของตัวเอง

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์ ภาพ ภาณุพงศ์ สุวรรณจุฑามณี

  • Early childhoodFamily Psychology
    เข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไป EP.7 ความทรงจำเลวร้ายในวัยเยาว์ที่ตามมาหลอกหลอน

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Early childhood
    Play with your heart ‘เล่นอย่างอิสระ’ เรียนรู้และเติบโตอย่างมีคุณภาพ: ครูมอส- อนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel