Skip to content
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย
  • Creative Learning
    Life Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique TeacherCreative learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย
Character building
12 July 2019

ENTREPRENEURSHIP: ไม่ใช่พ่อรวยสอนลูก แต่คือหลักสูตรผู้ประกอบการที่สอนให้ทำได้ ทำเป็น

เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • สิ่งที่เราเรียนรู้ในโรงเรียนส่วนใหญ่ต่อไม่ติดกับโลกที่เราต้องทำงานจริง ทั้งๆ ที่เรียนมาหมดแล้วไม่ว่าจะเลข ภาษาอังกฤษ สังคม วิทยาศาสตร์ แต่สุดท้ายกลับไม่รู้ว่าโตไปแล้วจะทำอะไรดี
  • อย่างมีเป้าหมายทางธุรกิจอาชีพ มี mindset ที่ไม่กลัวปัญหา มองเห็นโอกาส มีไอเดียแปลกใหม่และรู้วิธีว่าจะนำไอเดียนั้นมาสร้างนวัตกรรมหรือบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ได้อย่างไร
  • แนวคิดพื้นฐานของหลักสูตรนี้ ไม่ยัดเยียดทัศนคติอายุน้อยร้อยล้าน เน้นให้เป็นผู้ประกอบการ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เงินมาเป็นอันดับหนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์ก็มักจะตีบตันทันที

เพียงระยะไม่กี่ปีนี้ เกิดธุรกิจ startup ทั้งแอพพลิเคชั่นหรือสินค้าบริการหลากหลายต่างๆ ขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงธุรกิจเหล่านั้นเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ยังส่งอิทธิพลถึงโครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างรวดเร็วด้วย ผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ทั้งเจ๋งและน่าสนใจก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Grab, Wongnai, Airbnb, Lazada พวกเขามองเห็นโอกาสและสามารถผสมผสานไอเดียเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ มาสร้างความสะดวกสบายให้ชีวิตง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ยิ่งการเติบโตของธุรกิจแนวนี้กำลังสร้างเม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำและยังมีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจบ้านเรา ผู้คนยิ่งกระตือรือร้นที่จะหาโอกาสทางธุรกิจเป็นของตัวเองกันมากขึ้นเช่นกัน เราจึงเริ่มเห็นภาคการศึกษาตอบรับกระแสความตื่นตัวนี้อย่างจริงจังด้วยการเปิดหลักสูตรเน้นด้าน ‘ความเป็นผู้ประกอบการ’ (Entrepreneurship) โดยเฉพาะ

เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพก่อตั้งภาควิชาที่เรียกว่า School of Entrepreneurship and Management หรือ BUSEM มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีหลักสูตรการพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการในคณะศึกษาศาสตร์ และหลักสูตร Innovative Entrepreneurship ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น

ทำไมโรงเรียนต้องสอนความเป็นผู้ประกอบการ?

แต่ไหนแต่ไรมา สิ่งที่เราเรียนรู้ในโรงเรียนส่วนใหญ่ต่อไม่ติดกับโลกที่เราต้องทำงานประกอบอาชีพจริง ทั้งๆ ที่เรียนมาหมดแล้วไม่ว่าจะเลข ภาษาอังกฤษ สังคม วิทยาศาสตร์ แต่สุดท้ายหลายคนกลับไม่รู้ว่าโตไปแล้วจะทำอะไรดี พวกเขาไม่รู้ว่าจะแปลงทักษะความรู้เหล่านั้นให้เป็นงานหรืออาชีพใดที่เป็นความต้องการของตัวเองจริงๆ

เราคาดหวังว่าโรงเรียนจะสอนให้สันทัดต่อโลกที่ไม่หยุดนิ่งและสอนวิทยาการให้เราสามารถรับมือกับโลกทั้งใบด้วย passion บางอย่าง อาชีพในอนาคตที่จะกลายส่วนหนึ่งของตัวตน คุณค่า และความพอใจในตัวเองจะเปิดอ้ารอรับเรา แต่แล้วทำไมจนบัดนี้จึงยังมีคนมากมายที่ใช้เวลามากกว่าสิบปีในรั้วการศึกษาแต่กลับยังไม่เคยได้รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองเก่งทางไหนและควรทำอะไรดี

สาเหตุก็เป็นเพราะนอกจากเรียนรู้แบบเลื่อนลอย การศึกษาไม่ให้โอกาสเราได้ลองประสบการณ์ทำงานจริงแบบมีเป้าหมายในตัวเองมาก่อนเลย

คอนเซ็ปต์การพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการคือ การศึกษาเรียนรู้อย่างมีเป้าหมายทางธุรกิจอาชีพ เปิดโลกทัศน์ให้เรามีทางเลือกในอนาคตว่าจะสามารถสร้างงานหรืออาชีพสำหรับตนเองได้เมื่อมีทักษะประสบการณ์จากการทำงานจริง มี mindset ที่ไม่กลัวปัญหา สามารถมองเห็นโอกาส มีไอเดียแปลกใหม่และรู้วิธีว่าจะนำไอเดียนั้นมาสร้างนวัตกรรมหรือบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ได้อย่างไร

ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่สอนแบบให้รู้ แต่คือสอนให้ทำได้ ทำเป็น และนำไปสู่เส้นทางอาชีพที่มาจากการเลือกอย่างเข้าใจรู้จักตัวเอง

หลักสูตรพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการควรสอนอะไรบ้าง?

รายละเอียดปลีกย่อยของหลักสูตรผู้ประกอบการในสถาบันและบริบทสังคมเศรษฐกิจของแต่ละแห่ง อาจมีจุดเด่นแตกต่างกัน แต่จำเป็นต้องเป็นแบบพหุวิทยาการ (Multidisciplinary) ฝึกให้ผู้เรียนคิดและทำจริงโดยเชื่อมโยงความรู้จากสาขาวิชาต่างๆเช่น การสื่อสาร การตลาด เศรษฐศาสตร์การเงิน การบริหาร หรือกระทั่งบริบทสังคมมาประสานสอดคล้องกันเป็นภาพใหญ่ได้

สำหรับหลักพื้นฐานทั่วไปที่โรงเรียนต้องใส่ใจ ยูจีน ลุชคิฟ (Eugene Luczkiw) ที่ปรึกษาพิเศษและวิทยากรด้านผู้ประกอบการคณะบริหารธุรกิจแห่ง Brock University แคนาดาชี้ว่าต้องประกอบไปด้วยหลัก 5E นี้เสมอคือ

Environment – กระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจสิ่งแวดล้อม ความเป็นไปรอบตัวหรือชุมชนที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมความเป็นอยู่ หรือในทางกลับกันวัฒนธรรมการใช้ชีวิตส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร พร้อมๆ กับกระตุ้นให้พวกเขาตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านั้น ว่า “ทำอะไร” “ทำอย่างไร” “ทำเมื่อไร” “เพราะอะไรจึงทำ”

Economy – ฝึกผู้เรียนให้สังเกตความเป็นไปทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นผ่านการเรียนรู้ด้วยตนเอง ธุรกิจใดกำลังรุ่ง ธุรกิจใดกำลังร่วง และกลุ่มธุรกิจใดบ้างอิงอิทธิพลซึ่งกันและกัน ธุรกิจเหล่านั้นดำเนินการอย่างไร

Entrepreneurs – สร้างแรงจูงใจด้านความสำเร็จจากวิสัยทัศน์และประสบการณ์ตรงของผู้ประกอบการหลากหลายประเภท เขามีอะไรเป็นแรงจูงใจในการค้นหาโอกาสธุรกิจ มองปัญหาเป็นไอเดียต้นทางไปสู่นวัตกรรมสร้างสรรค์หรือทางออกที่ช่วยแก้ปัญหาในชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้อย่างไร

Enterprise – (สำคัญสุดๆ ข้อนี้) ห้องเรียนต้องเปิดโอกาสและเป็นพื้นที่ให้ผู้เรียนสร้างและค้นหาตัวตน passion ความถนัด จุดแข็งจุดอ่อน ความสามารถพิเศษ เป้าหมายชีวิต ความใฝ่ฝัน ลักษณะนิสัยเมื่อต้องทำงานกับคนอื่น จริตในการเรียนรู้เข้าใจ ไปจนกระทั่ง จิตสำนึกต่อเพื่อนมนุษย์ สิ่งแวดล้อมหรือโลกใบนี้

Entreplexity – ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนได้นำความรู้แต่ละด้าน และศักยภาพเฉพาะของตนทั้งหมดมาผสมผสานผ่านการลงมือทำจริง (active learning)

นอกจากนี้ คุณสมบัติด้านอื่นๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ความคิดยืดหยุ่น ความมานะอุตสาหะ ความเป็นผู้นำ และจริยธรรมก็จำเป็นต้องได้รับการขัดเกลาปลูกฝังพร้อมกันไปด้วย กว่าจะแข็งแกร่งทางทักษะ มีความมั่นใจจากประสบการณ์ กลไกการเรียนรู้เติบโตทั้งปวงใช้เวลา ดังนั้นจะยิ่งได้เปรียบมากหากเด็กได้รับความรู้ด้านผู้ประกอบการจากพ่อแม่และโรงเรียนตั้งแต่ยังเล็ก (Shikati, 2018)

ในชั้นเรียนครูทำหน้าที่ผู้แนะแนว (mentor) หรือกระบวนกร (facilitator) โฟกัสที่กระบวนการการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตนเอง (experiential learning) ของนักเรียน มากกว่าการสอนแบบขึ้นกระดานเรียนและเรียนแต่ละวิชาแบบแยกย่อย โดยรู้แค่หลักการแต่ปะติดปะต่อให้เกิดเป็นแนวทางธุรกิจจริงๆ ไม่เป็น

ด้านล่างนี้คือตารางสรุปเปรียบเทียบวิธีสอนแบบดั้งเดิมที่ไม่ได้ผล กับวิธีที่ครูควรนำมาใช้

วิธีสอนที่ตกยุคและไม่ได้ผลวิธีสอนที่มีประสิทธิภาพ
สอนตามตำราออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้หลากหลายและเปลี่ยนแปลงได้
เน้นทฤษฎีเป๊ะๆเน้นลงมือปฏิบัติ และถอดบทเรียนจากประสบการณ์
เน้นการท่องจำเน้นให้เข้าใจที่มาที่ไป และต้องดำเนินการอย่างไร
เน้นการเรียนแบบแยกรายวิชาเน้นการเรียนแบบองค์รวมและการแก้ปัญหา
ครูคือผู้ควบคุมการเรียนรู้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างเสรีด้วยตนเอง
ครูบอกคำตอบและวิธีการครูร่วมเรียนรู้และส่งเสริมการเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้เรียน
ผู้เรียนเป็นผู้รับข้อมูลความรู้ที่ครูสอนผู้เรียนสร้างความเข้าใจความรู้นั้นด้วยตนเอง
เนื้อหาความรู้เป็นแบบตายตัวตามที่กำหนดไว้เนื้อหาความรู้ปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นตามความต้องการผู้เรียน
จุดประสงค์การเรียนรู้เป็นข้อบังคับที่ต้องทำตามจุดประสงค์การเรียนรู้ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
จาก Teaching Teachers in Effectual Entrepreneurship p.1 โดย Ruud Koopman

แรงบันดาลใจ vs ความล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติหรือพลังสำคัญอย่างหนึ่งอันเป็นจุดกำเนิดของภาพความเป็นผู้ประกอบทั้งหมดซึ่งหาได้ยาก และยังสามารถสร้างอิทธิพลแรงกล้าต่อความเชื่อมั่นในตนเอง และความสำเร็จของผู้ที่ใฝ่ฝันจะสร้างธุรกิจให้เกิดขึ้นได้ก็คือ inspiration

แรงบันดาลใจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน กับทั้งไม่ใช่เครื่องการันตีความสำเร็จเสียทีเดียว มันเป็นแรงผลักที่ปลุกความเชื่อมั่นให้กล้าทำตามฝัน เหมือนกับมีใครสักคนคอยยืนยันกับเราว่า “เธอทำไอเดียนั้นให้เกิดขึ้นจริงได้แน่!” โรเบิร์ต กริน (Robert Gryn) ประธานบริษัท Codewise ซึ่ง Financial Times ยกย่องให้เป็นบริษัทเจ้าแรกในอุตสาหกรรมการตลาดดิจิตอลที่ใช้ AI ในการวัดผลโฆษณาออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรป ยืนยันว่า ‘แรงบันดาลใจ’ คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างที่ทำให้เขาก้าวข้ามปมด้อยด้านการศึกษาและเงินสนับสนุน ทำให้เขาตัดสินใจลองตั้งบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรกในโปแลนด์ขณะที่สภาพเศรษฐกิจไม่ได้เอื้ออำนวย ทั้งยังโดนสบประมาทอย่างหนักจากพ่อว่า “อย่าหวังว่าแกจะรันบริษัทสำเร็จ ถ้ายังไม่มีประสบการณ์อย่างน้อยก่อนสักสิบปี”

ไม่กี่เดือนต่อมาเขาพบว่าพ่อพูดถูก บริษัทเจ๊งไม่เป็นท่า แต่เขาก็ยักไหล่เฉยๆ กับมันทั้งยังคงไว้ซึ่งแรงบันดาลใจและความกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อความล้มเหลว

ก็แล้วคนเราจะเก่งได้อย่างไรล่ะถ้าไม่ได้ล้มเหลวผิดพลาดเลย? คือมุมมองหนึ่งที่จะต่อยอดแรงบันดาลใจของนักฝันได้ แต่อย่างไรก็ตาม กรินก็ยอมรับว่าทัศนคติต่อความล้มเหลวของพ่อแม่และครูสำคัญมากสำหรับการปั้นผู้ประกอบการให้เป็นนักสู้อย่างเขา เพราะสำหรับคนส่วนใหญ่ แรงบันดาลใจมักมอดดับไปจากความกลัวการล้มเหลวผิดพลาด

มุมมองนี้ของกรินยังสอนเราอีกด้วยว่าเมื่อโรงเรียนและครอบครัวอยากสอนให้เด็กๆ เอาตัวรอดในโลกนี้ให้เป็น ก็จงอย่ายึดติดกับ comfort zone หรือศักดิ์ศรี และอย่ารีรอที่จะเริ่มบางอย่างเพราะเอาแต่มองความล้มเหลวเป็นเรื่องผิด ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งที่แสนธรรมดาของชีวิต และเป็นเส้นทางบังคับที่ทุกคนต้องผ่านไปสู่ความสำเร็จ

ผู้ประกอบการหรือพ่อค้าหน้าเงิน?

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะบอกว่าการสอนความรู้ผู้ประกอบการโดยผิวเผินแล้วก็คือการสอนให้เด็กๆ คิดแบบหัวการค้าดีๆ นี่เอง เห็นอะไรเป็นเงินเป็นทอง ทำยังไงจะได้กำไร? ทำยังไงจึงจะรวย? เหล่านี้ก็อาจถูกเพียงบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ไมค์ สเติร์ม (Mike Sturm) บรรณาธิการ The Junction และ The Understanding Project ใน MEDIUM Startups มองว่าแนวทางที่ยัดเยียดให้ผู้เรียนเอาความรวยเป็นจุดหมาย ไขว้เขวจากแนวทางความเป็นผู้ประกอบการที่ถูกต้อง ผลที่ตามมาเมื่อผู้คนหวังแต่จะรวยเพียงอย่างเดียวจากการสร้างธุรกิจอะไรสักอย่าง

เราจะเห็นธุรกิจเลียนแบบซ้ำกันไปมาเกิดขึ้นเต็มไปหมด คนหนึ่งคิดไอเดียได้ อีกคนอยากรวยบ้างก็รีบทำตามทันทีจนกลายเป็นเฝือ (คล้ายๆ กับปรากฏการณ์ชานมไข่มุกในตอนนี้) แก่นแท้ของผู้ประกอบการที่ทุกคนต้องมีจริงๆ และโรงเรียนต้องปั้นให้เกิดกับผู้เรียนให้ได้ จึงเป็น อัตลักษณ์ทางความคิดสร้างสรรค์และการยกระดับพัฒนาบริการ และนวัตกรรมขึ้นมาใหม่เป็นของตนเอง

สเติร์มไม่ได้โลกสวย ใครทำธุรกิจก็อยากรวยทั้งนั้น ต้องแคร์ด้วยหรือว่าจะซ้ำกับใครถ้าขายแล้วได้เงิน แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เงินมาเป็นอันดับหนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์ก็มักจะตีบตันลงทันที ไอเดียเจ๋งๆ มักแว้บขึ้นมาตอนเรารู้สึกอิสระ ไร้กรอบกำหนดหรือปราศจากความกลัวว่าจะเป็นไปไม่ได้หรือล้มเหลวขาดทุน ดังนั้นในโรงเรียนที่เริ่มสอนเรื่องเป้าหมายการทำธุรกิจหรือสร้างอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย จึงจำเป็นต้องพุ่งเป้าไปที่การสอนคิดสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันเด็กๆ ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสมวัย สามารถเล่นสนุกเสรีตามวัยของเขาด้วย ไม่ยัดเยียดทัศนคติอายุน้อยร้อยล้านแต่อย่างเดียว หรือผูกขาดความคาดหวังการเป็นผู้ประกอบการด้วยความรวย

มิเช่นนั้นแล้ว สังคมก็จะเต็มไปด้วยธุรกิจของพ่อค้าหน้าเลือดที่หวังแต่จะฟันกำไร ส่วนหนึ่งของผู้บริโภคจะกระเหี้ยนกระหือรือสร้างอาชีพด้วยเป้าหมายแบบเดียวกัน วนลูปกันจนเป็นงูกินหางในที่สุด

อ้างอิง:

Should children be taught entrepreneurship?

Teaching Teachers in Effectual Entrepreneurship. 

The Problem With Teaching Entrepreneurship. 

Why entrepreneur should start at shool. 

Why are there so few entrepreneur?

Entrepreneurship and Higher Education

Tags:

คาแรกเตอร์(character building)เทคนิคการสอน21st Century skillsผู้ประกอบการ(entrepreneurship)ครูระบบการศึกษา

Author:

illustrator

บุญชนก ธรรมวงศา

จบภาษาและการสื่อสาร เคยผ่านงานบริษัทออแกไนซ์ เปิดคลินิก ไปจนเป็นเลขาซีอีโอ หลังค้นพบและติดใจโลกนอกระบบตอกบัตร จึงแปลงร่างเป็นนักเขียน นักแปลและนักพยากรณ์ไพ่ ขี้โวยวายเป็นนิสัยที่อยากแก้ไขแต่ทำยังไงก็ไม่หาย ปัจจุบันกำลังเข้าใกล้ Midlife Crisis และหวังจะข้ามผ่านได้ด้วยวิถี “ช่างแม่ง”

Related Posts

  • Character building
    ฝันให้ ‘โรงเรียน’ เปลี่ยนจากโรงงานปลากระป๋อง สู่โรงสอนคิดและสร้างคาแรคเตอร์

    เรื่อง The Potential ภาพ PHAR

  • Education trend
    การศึกษาไม่ได้ล้มเหลวแค่ล้าหลัง: PASSION และ PURPOSE หัวใจสำคัญของการศึกษาใน INNOVATION ERA

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี

  • 21st Century skills
    ในห้องเรียน ‘ความคิดสร้างสรรค์’ วัดกันได้ และไม่ต้องใช้คะแนนหรือเกรดเฉลี่ย

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • Character building
    PROJECT-BASED LEARNING ทักษะมาก่อน คะแนนจะตามไป

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • Creative learning
    โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง เปลี่ยนเด็กด้วยลานกว้างและดนตรี

    เรื่อง The Potential

  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel