Skip to content
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย
  • Creative Learning
    Life Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique TeacherCreative learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
วัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัย

Month: February 2019

THEY ARE WHAT YOU TEACH ลูกพ่อแม่ชอบสั่ง ไม่ชอบสอน
Family Psychology
1 February 2019

THEY ARE WHAT YOU TEACH ลูกพ่อแม่ชอบสั่ง ไม่ชอบสอน

เรื่องและภาพ SHHHH

“ช่วงปีของวัยเด็กไม่ได้สูญหายไปไหนเลย แต่เป็นเหมือนรอยเท้าของเด็กที่เหยียบลงบนซีเมนต์เปียก ซึ่งแปลว่ามันถูกประทับไปตลอดชีวิต” ประโยคหนึ่งจากหนังสือ Childhood Disrupted : How Your Biography Becomes Your Biology, and How You Can Heal (บาดแผลทางใจที่เราประสบในวัยเด็ก ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยและโรคเรื้อรังเมื่อเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร และเราจะเยียวยามันด้วยวิธีใด)

ใจความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ คือ ประสบการณ์ในวัยเด็กทำให้เรากลายเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่เราเป็นอยู่ได้อย่างไร แม้เราจะผ่านวิกฤติต่างๆ ในชีวิตมากมายจนเราเข้มแข็ง และเรียนรู้ที่จะอยู่รอดอย่างปลอดภัย แต่ความจริงอีกด้าน เราก็ค้นพบว่า ความเครียด การสูญเสียและประสบการณ์เลวร้ายในวัยเด็กที่เราต้องเผชิญช้ำๆ ได้ส่งผลทางชีวภาพในแบบที่ก่อปัญหาสุขภาพให้เราในตอนโตด้วย

ผลทางชีวภาพที่สั่งสมมาทำให้มีแนวโน้มจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างเช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคภูมิต้านตนเอง โรคปวดกล้ามเนื้อและโรคซึมเศร้า นอกจากนั้นอดีตยังเป็นตัวกำหนดรูปแบบของความสัมพันธ์รัก หรือรูปแบบการเลี้ยงดูลูกๆ ให้เติบโต

ถ้าวันนี้คุณกำลังเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังต่างๆ หรือมีความรู้สึกปั่นป่วนต่อบทบาทต่างๆ ในชีวิต เช่น เป็นพ่อแม่ที่มักมีอารมณ์รุนแรงเสมอเวลาที่ลูกของคุณทำอะไรผิดพลาดบ่อยๆ เป็นเจ้านายที่ไม่ค่อยพอใจกับลูกน้องที่ไม่ค่อยกระตือรือร้น หรือมีความสัมพันธ์กับคู่ครองด้วยความระแวงว่าจะถูกทอดทิ้ง ไม่รู้สึกถึงความมั่นคงในความสัมพันธ์

หนังสือ Childhood Disrupted เล่มนี้จะพาเราล้วงและค้นจิตใจตัวเองได้ลึกและไกล เพื่อจะไปพบว่าที่สุดแล้วเราจะเจอ ‘ทางออก’ ไม่ใช่ทางตัน

Tags:

จิตวิทยาปม(trauma)การเติบโตAdverse Childhood Experiences(ACE)

Author & Illustrator:

illustrator

SHHHH

Related Posts

  • Relationship
    ทำไมเราถึงชอบเป็นผู้ให้และลำบากใจที่จะเป็นผู้รับ? ชวนมอง “การให้” ที่อนุญาตให้ผู้อื่นเป็นผู้ให้บ้าง

    เรื่อง ภัทรารัตน์ สุวรรณวัฒนา ภาพ MACKCHA

  • Healing the trauma
    ปมฝังลึกที่หลงลืมไป อาจไม่เคยสูญหายและยังมีผลกับเราอยู่?

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี ภาพ พรภวิษย์ โพธิ์สว่าง

  • Adolescent Brain
    พรากลูกจากพ่อแม่ สร้าง ‘ความเครียดที่เป็นพิษ’ และทำลายสมองตลอดชีวิต

    เรื่อง ลีน่าร์ กาซอ

  • Relationship
    TOP 5 ครูพูดอะไรที่ทำให้หัวใจเราพองโตที่สุด

    เรื่อง The Potential ภาพ บัว คำดี

  • Family Psychology
    สอบตกไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำยังไงให้เด็กไว้ใจเล่าให้ฟัง

    เรื่อง The Potential ภาพ KHAE

ความสิ้นหวังการศึกษาในกราฟิกดีไซน์: ศิลปะต้องสร้างอนาคต
Everyone can be an Educator
1 February 2019

ความสิ้นหวังการศึกษาในกราฟิกดีไซน์: ศิลปะต้องสร้างอนาคต

เรื่อง รชนีกร ศรีฟ้าวัฒนา ภาพ ณัฐชานันท์ กล้าหาญ

  • ThaiGA คือ สมาคมนักออกแบบเรขศิลป์ไทย ชื่อเต็มๆ ว่า Thai Graphic Designers Association มีภารกิจหลักคือการส่งเสริมวิชาชีพกราฟิกและหนึ่งในนั้นคือการจัดทำนิทรรศการ ในรูปแบบ Poster Exhibition ภายใต้หัวข้อ ‘อนาคตการศึกษาไทย?’
  • แต่ผลงานที่ส่งเข้ามาส่วนใหญ่ กลับสะท้อนสภาพปัญหาเดิมของระบบการศึกษาไทย เช่น พูดถึงความล้าหลังของวิชาเรียน การขังเด็กอยู่ในกรอบ เด็กไม่รู้จักตัวเอง
  • จี๊ด-พิชิต วีรังคบุตร นายกสมาคม บอกว่า โจทย์ต่อไปคือการผลักดันให้นักกราฟิกเข้าไปช่วยพัฒนาสังคม ใช้มิติของศิลปะทำประโยชน์ต่อสังคมให้ได้

‘ไปให้ถูกทาง (Go the right way)’ คือชื่อผลงานของ ธัญฤดี สุผล

ผลงานชิ้นนี้มีแนวคิดสำคัญที่สะท้อนการศึกษาไทย นั่นคือ “การศึกษาไทยที่ทุกวันนี้ได้แต่สงสัยว่าจะไปทางไหน แม้ว่าปัจจุบันจะปรับหลายต่อหลายอย่างก็ดูจะยังไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที เด็กสมัยนี้ก็เลยต้องปรับตัวตามหลักสูตรที่เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนมาโดยตลอด ผลงานชิ้นนี้อยากสื่อถึงการศึกษาจะไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับเราทุกคนว่าจะป้อนจุดหมายปลายทางอย่างไร ถ้าเราไม่คิดถึงการพัฒนาร่วมกันเราก็คงไปไม่ถึงปลายทางที่เป็นประโยชน์กับเด็กไทยในอนาคต การศึกษาไทยก็คงหลงทางอยู่อย่างนั้น”

Race for the prize คือผลงานของชินธิป เอกก้านตรง

“ชอบอะไร ชอบแบบไหน ยังไม่รู้ แย่งๆ กันเข้าไปก่อน ลองใช้เวลาในนั้นซัก 4 ปีดู โชคดีก็จะได้รู้ โชคร้ายก็เคว้งกันต่อไป”

ชินธิปเจ้าของเฟซบุ๊คเพจ Shhhh อธิบายเพิ่มเติมว่า รู้สึกว่าตัวเองต้องแข่งขันกับคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่สอบเข้า ม.1 สอบเลือกสายตอน ม.4 แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย

“ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้นะว่าที่เลือกไปมันดีมั้ย แต่เค้าบอกให้เลือกก็เอา แต่ที่คิดว่าแย่กว่าคือแข่งไปโดยไม่รู้ว่าเราชอบทางนี้จริงๆ มั้ย” ถ้าเป็นไปได้อยากให้เด็กๆ ได้รู้จักตัวเอง อย่างช้าที่สุดก็ก่อนจบชั้นมัธยมปลาย

“จะได้เลือกเรียนที่ชอบ อยากให้น้องๆ ได้เรียนที่ชอบจริงๆ แล้วก็… รักษาสุขภาพจิตกันด้วยครับ”

เป็น 2 ใน 36 ผลงานที่จะจัดแสดงภายในงาน ThaiGa Creative Showcase 2019 จัดขึ้นในรูปแบบ Poster Exhibition ภายใต้หัวข้อ ‘อนาคตการศึกษาไทย?’ แสดงวันที่ 26 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ 

The Potential สนทนากับ จี๊ด-พิชิต วีรังคบุตร ผู้ซื่อตรงกับศิลปะ สำหรับเขาศิลปะคือ comfort zone จึงทำให้มั่นใจและกล้าเดินไปข้างหน้ากับเส้นทางนี้ จนได้ขึ้นมาเป็นนายกสมาคมนักออกแบบเรขศิลป์ไทย หรือกลุ่ม ThaiGa ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการจัดนิทรรศการครั้งนี้

ThaiGA คือใคร ThaiGA ทำอะไร

กลุ่ม ThaiGA คือ สมาคมนักออกแบบเรขศิลป์ไทย ชื่อเต็มๆ ว่า Thai Graphic Designers Association เริ่มก่อตั้งมาประมาณ 20 ปีที่แล้ว ในยุคที่กราฟิกดีไซน์เริ่มเติบโต งานออกแบบเริ่มเเยกออกจากโรงพิมพ์ และเริ่มมีคนสนใจงานกราฟิกเฉพาะทางมากขึ้น ในช่วงสิบปีเเรก สมาคมฯ พยายามจะทำความรู้จักนักออกแบบกราฟิกก่อน เพราะเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ณ ตอนนั้น กลุ่มที่ทำงานกราฟฟิกมีจำนวนน้อย ไม่มีการเรียนการสอนโดยตรง หลังจากนั้นก็ขยับขยายขึ้นมาเรื่อยๆ สมาคมฯ พยายามเข้าไปผูกวิชาชีพของนักออกแบบกราฟิกให้แข็งแรงขึ้น ให้เห็นถึงความสำคัญของงานกราฟิกดีไซน์ต่างๆ จุดประสงค์สำคัญคือ ขับเคลื่อนกราฟิกดีไซน์ไทยให้เป็นมากกว่านักออกแบบ

“โดยเริ่มจากการตั้งคำถามว่า กราฟิกดีไซน์ สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ไหม?”

เพราะปัจจุบันงาน Communication Design มีความเเข็งเเรงมากขึ้น มีโอกาสมากขึ้น และภารกิจสำคัญอีกอย่าง คือ บ่มเพาะนักออกแบบกราฟิก เพื่อให้พร้อมในการเเข่งขัน เพราะในปัจจุบันอาชีพกราฟิกดีไซน์ คล้ายจะยังไม่ติดอันดับในสายงานออกแบบ

ThaiGA คือหน่วยที่ขับเคลื่อนเรื่องงานออกแบบและดูเเลนักกราฟิก

“ถ้าพูดโดยรวม เราเหมือนทำหน้าที่ส่งเสริมวิชาชีพมากกว่า แต่พอบอกว่าส่งเสริมวิชาชีพมันทำได้หลายอย่าง เรามองว่าสมาคมจะเป็นเหมือนประตูสำหรับงานที่อยู่ภายใต้อุตสาหกรรม communication design เพื่อการเชื่อมต่อกับนักออกแบบ ให้มีโอกาสใช้วิชาชีพเขาสร้างการเปลี่ยนแปลง

โดยที่ผ่านมาสมาคมเราเองไปร่วมมือทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ หรือว่าแม้กระทั่งทำโปรเจ็คต์ขึ้นมาเอง งาน Poster Exhibition หัวข้อ ‘อนาคตการศึกษาไทย?’ ในครั้งนี้ ก็เป็นโปรเจ็คต์ที่สมาคมเห็นตรงกันว่า เข้ากับยุทธศาสตร์ที่เราพยายามทำ

ต้องย้อนให้ฟังก่อนว่าทางสมาคมฯ เคยจัดกิจกรรมร่วมกับ Bangkok Design Week มาก่อนแล้ว ซึ่งในปี 2019 นี้ ก็ยังคงสานต่อ ภายในงานจะมี 2 ส่วนที่จัดทำโดย ThaiGa นั่นคือ ThaiGa Creative Market 2019 และ ThaiGa Creative Showcase 2019 ซึ่งนิทรรศการแสดงภาพโปสเตอร์จะอยู่ในส่วนของงาน Creative Showcase

ทำไมกราฟิกดีไซน์ทำโปรเจ็คต์เกี่ยวกับการศึกษา

เราก็คุยกันในวงว่า มันมีเรื่องอะไรบ้างที่น่าสนใจและเหมาะสมกับงานออกแบบ แล้วถ้าอยากทำให้งานออกแบบมันเวิร์คจริงๆ มันก็ต้องไปช่วยเขย่าหรือแก้ปัญหา เราจึงพยายามมองว่าปัญหาพื้นฐานของประเทศมันมีอะไรบ้าง และมีอะไรบ้างที่กราฟิกดีไซน์สามารถเข้าไปกระพือมันได้เเละหนึ่งในนั้นก็คือ เรื่องของการศึกษา และเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจโดยส่วนตัวอยู่แล้ว

เราคิดว่าการศึกษาของบ้านเรามันยังมีโอกาสอื่นๆ ที่จะพัฒนาต่อได้ มองในเเง่บวกนะ ก็คือมันมีโอกาสอื่นๆ ที่มันจะปรับตัว และทำให้มันสมบูรณ์ เพราะเราก็มั่นใจว่าตอนนี้สิ่งเเวดล้อมของเมือง ของคน ของสังคม มันเปลี่ยนไปหมดเเล้ว การศึกษาอาจจะยังปรับตัวไม่ทัน คือถ้ามันได้อะไรมากระทุ้งแบบเปิดบทสนทนา ก็อาจจะทำให้สิ่งนั้นกว่าแบบไปถึงได้เร็วขึ้น

หรือคิดว่าประเด็นการศึกษายังเป็น pain point?

ด้วยความที่เรามีลูก การศึกษาจึงเป็นเรื่องที่เราสนใจ แทบทุกปัญหาในสังคมตอนนี้ มันวกกลับมาที่จุดเริ่มต้นทั้งหมดนั้นคือในเรื่องของการศึกษาล้วนๆ เพราะมันเป็นสิ่งตั้งต้นที่มันจะปลูกฝังให้คนแต่ละวัย

ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนสังคม คุณอยากจะเปลี่ยนเมืองจริง มันต้องใช้เวลานานมาก แล้วจะทำอย่างไรก็ได้ให้มัน short cut ให้ได้มากที่สุด อยากสร้างค่านิยมใหม่ๆ แต่ถ้ามันไม่มีปัจจัยอะไรมากระทุ้ง ไม่มีอะไรที่มันมากระเเทก มันเลยเดินเส้นเดิม เราจึงคิดว่าเรื่องการศึกษา จึงเป็นเรื่องสำคัญในเมืองของเรา ในสังคมของเราควรจะพูดถึง

ช่วยเล่าถึงกระบวนการของ Exhibition  

งานนี้ใช้เวลาทั้งหมดทำ 2 เดือน กระบวนการทั้งหมดคือ หลังจากเรากำหนดโจทย์ ให้ออกแบบ ‘อนาคตของการศึกษา’ โดยอยู่ในรูปแบบโปสเตอร์ จากนั้นก็ประชาสัมพันธ์ แล้วก็คัดเลือก จัดตั้งคณะกรรมการเข้ามาช่วย ว่าผลงานใครเข้าเป้าบ้าง

เราเปิดให้นักออกแบบนำเสนอผลงาน ผ่านการสร้างสรรค์หลายประเภทต่างๆ เช่น ภาพประกอบ งานออกแบบหนังสือ งานออกแบบกราฟิก งานออกแบบตัวอักษร งานออกแบบผลิตภัณฑ์ ภาพเคลื่อนไหว สื่อผสม ฯลฯ แต่ถ้าถามว่าทำไมต้องโปสเตอร์?

เราคิดว่าโปสเตอร์มันมีความ powerful บางอย่างซ่อนอยู่ เป็นหนึ่งในสื่อที่ทำงานได้ ถึงแม้จะเป็นภาพแบนๆ

ใช้เกณฑ์อะไร ในการตัดสินผลงาน

จริงๆ ในการคัดเลือกผลงานที่ส่งมานั้น ผ่านการตัดสินจากคณะกรรมการหลายๆ คน แต่หลักเกณฑ์ที่ต้องพิจารณาร่วมกันนั้นก็คือ ผลงานชิ้นนั้นสามารถพูดในประเด็นการศึกษาจนเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาได้ไหม ไม่ว่าจะแรงน้อย แรงมาก แต่อย่างน้อยขอให้งานชิ้นนั้นส่งเสียงออกมาได้ นี่คือสิ่งหลักที่เราต้องคำนึงส่วนอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ ลีลาในการนำเสนอ เมื่อไอเดียดีแล้ว จะเล่าเรื่องได้ไหม สื่อสารได้หรือไม่ นี่คือสองหัวข้อใหญ่ๆ ที่เราใช้เป็นเกณฑ์คัดเลือกนั้นก็จัดเตรียมงานเเสดง

ผลงานส่วนใหญ่เป็นอย่างไร

คือโจทย์จริงๆ เราพยายามมองไปข้างหน้า ‘อนาคตกับการศึกษาไทย’ ดูว่ามันเป็นอย่างไร แต่ว่ามันอาจจะมองไม่เห็นจริงๆ (มั้ง) เพราะผลงานที่ส่งเข้ามาส่วนใหญ่มักสะท้อนสภาพปัญหาที่มันมีอยู่เดิม เช่น พูดถึงความล้าหลังของวิชาเรียน การขังเด็กอยู่ในกรอบ เด็กไม่รู้จักตัวเอง ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจนะ ว่าสุดท้ายเเล้วสังคมเรามันสิ้นหวังกับเรื่องการศึกษาขนาดนี้เลยหรอ ทำไมเราจึงไม่เคยเห็น process ที่ออกแบบว่ามันจะไปทางไหนต่อ แต่มักจะพยายามพูดในสิ่งที่มันเป็นอยู่เดิมมากกว่า ซึ่งก็เป็นข้อค้นพบใหม่ที่เราไม่ได้คาดว่ามันจะเกิดขึ้น

สำหรับ Exhibition นี้ มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงแค่ไหน

เราว่าอย่างน้อยมันก็คงสร้าง conversation หรือบทสนทนาอะไรบางอย่างได้เหมือนกัน เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ทั้งนั้น เช่น การเริ่มพูดคุยในประเด็นการศึกษา เริ่มตั้งคำถาม เริ่มคิดตาม ก็โอเคแล้ว

ในฐานะนักออกแบบ อะไรที่เราจะช่วยสื่อสารในเรื่องการศึกษาได้มากที่สุด

หน้าที่ของนักออกแบบ มันจะสะท้อนใน 2 มิติ อันแรกคือความสนใจของเขาในเรื่องประเด็นนั้นๆ อย่างที่สองคือ การนำวิชาชีพเขามาสร้างความสนใจให้ประเด็นมันขับเคลื่อน เช่น คุณมีสคริปต์หนังดีๆ สักเรื่อง แต่มันยังไม่ถูกทำเป็นหนัง เป็นแค่ตัวหนังสือล้วนๆ ซึ่งอาจจะเรียกความสนใจได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้ามันถูกทำให้ผ่าน special effect ที่ดีบางอย่าง โดยงานดีไซน์ มันก็จะสร้างความสนใจให้มันมากขึ้นไปอีก สิ่งนั้นมันจะถูกนำพาไปสู่มวลชนที่กว้างขึ้น

คือบางครั้ง เนื้อดี-แต่ออกแบบเเย่ เรื่องก็หาย บางครั้งเนื้อแย่-แต่ออกแบบดี มันก็ไปได้ ดังนั้นนักออกแบบจึงมีส่วนช่วยสร้างภาพจำ สร้างความน่าสนใจ มันก็จะเป็นหนึ่งในวิธีการที่นักออกแบบควรจะ contribute ให้กับอุตสาหกรรมตัวเองมีความเชี่ยวชาญอยู่

กำลังจะบอกว่าศิลปะ ช่วยสนับสนุนสังคมได้

ใช่ ซึ่งเป็นโจทย์ต่อไปที่สมาคมต้องใช้กราฟิกเข้าไปช่วยพัฒนาสังคม อาจจะพูดแล้วดูเล่นใหญ่ (หัวเราะ) แต่มันมีพื้นที่ที่เอื้อให้ทำได้จริงๆ

ศิลปะมักไม่เคยถูกมองในแง่นี้มาก่อน แต่มันใช้งานในเชิงยุทธศาสตร์ได้ และน่าจะช่วยเปลี่ยนคุณภาพชีวิต การเป็นอยู่ของคนในสังคมได้

ยกตัวอย่าง เช่น ?

เช่น เราพาแม่ไปโรงพยาบาล เราต้องเจอกับข้อมูลสุขภาพที่ล้นมหาศาล และเราว่านักออกแบบหรือนักกราฟิกเอง ก็พอจะมีความสามารถที่จะทำให้ข้อมูลเข้าใจได้ง่ายขึ้น และเกิดประโยชน์บางอย่างขึ้นได้  

กราฟิกดีไซน์ มันมีอิทธิพลนะ เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาเราอาจจะไปให้ความสำคัญกับมิติของความสวยงามเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง มันมีจุดสำคัญอื่นๆ ที่ทำให้มันไปไกลมากกว่านั้น และมันก็สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ

ส่วนเรื่องความสวยงามก็จำเป็นอยู่ เพราะมันเป็นส่วนช่วยสร้างแรงดึงดูดจากคนมาได้ดีที่สุด ถ้าใครยังนึกไม่ออก ขอยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น การออกแบบซองยา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อชีวิตคนมาก ถ้าการออกแบบมันดี จนสามารถเข้าไปแตะถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้ มิติของการสื่อสารก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เราชื่อว่าเรื่องการออกแบบให้สวย คนไทยเก่งอยู่แล้ว แต่มันควรจะไปให้ลึกกว่านั้น ถ้าเกิดกราฟฟิกไปให้ถึงระดับ strategy เราว่า มันน่าจะสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงให้เกิดมากขึ้นได้”

โอกาสต่อไป ThaiGa อยากสร้างโปรเจ็คต์อะไรเพิ่มอีก

เราก็จะพยายามเอาความเป็นกราฟิก ความเป็นศิลปะ เข้าไปผสมผสานกับประเด็นสังคม social issue ต่างๆ ให้มากขึ้น

ถ้ามองไปที่ปลายทางในอนาคต เราอยากเห็นภาพของนักออกแบบมีบทบาทและหน้าที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง ผลดีก็คือมันจะทำให้เกิดการว่าจ้างงานดีไซน์มากขึ้น

ถ้าสาธารณะมองเห็นว่าพวกเราสามารถก็คิดและสร้างสิ่งต่างๆ ที่เกิดประโยชน์ได้ มองว่าศิลปะกลายเป็นกระบอกเสียง มองว่าศิลปะทำให้ชิ้นงานนั้นเป็นที่รู้จัก ทำให้ขายได้  ก็จะเริ่มเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น สุดท้ายระหว่างภาคธุรกิจและศิลปะมันก็จะโตไปพร้อมๆ กัน

อย่างที่ผ่านมา ประเด็นบัตรเลือกตั้ง เราก็คิดๆ เหมือนกันว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างกับมัน เวลาไม่นานก็มีคนออกมาทำ ซึ่งก็ทำให้เห็นว่า ‘เออ มันมีคนคิดเหมือนเรา’

วงการออกแบบมันเริ่มตื่นตัวกับประเด็นสังคมแล้ว

Tags:

ระบบการศึกษานวัตกรรมศิลปะนักออกแบบพิชิต วีรังคบุตร

Author:

illustrator

รชนีกร ศรีฟ้าวัฒนา

หลงใหลถุงผ้ากับกระบอกน้ำ เริ่มต้นอาชีพด้วยการฝึกปรือและอยู่กับผู้คนในประเด็นการศึกษา สนุกจะคุยกับเด็ก ชอบฟังเรื่องเล่าในห้องเรียน ที่สนใจการเรียนรู้ก็เพราะเชื่อว่านี่เป็นใบเบิกทางให้ขยายขอบขีดความสามารถตัวเอง ฝันสูงสุดคืออยากเห็นตัวเองทำงานสื่อสารที่มีคุณภาพและคุณค่าต่อไป

Photographer:

illustrator

ณัฐชานันท์ กล้าหาญ

ศิลปศาสตร์บัณฑิต และมนุษย์ฟรีแลนซ์ที่ทำงานเขียน ถ่ายรูป สัมภาษณ์ แปลงาน ล่าม ไปจนถึงครูสอนพิเศษเด็กชั้นประถม ของสะสมที่ชอบมากๆ คือถุงเท้าและผ้าลายดอก เขียนเรื่องเหนือจริงด้วยความรู้สึกจริงๆ ออกเป็นหนังสือ 'Sad at first sight' ซึ่งขายหมดแล้ว ผลงานล่าสุดคือ I Eat You Up Inside My Head รับประทานสารตกค้างในกลีบดอกปอกเปิก

Related Posts

  • Social Issues
    โรงเรียนอาจไม่เหมือนเดิม: 3 ประเด็นที่ต้องตาม โคโรน่าไวรัสทำให้การศึกษาเปลี่ยนไปอย่างไร

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี ภาพ พิมพ์พาพ์

  • Voice of New Gen
    สอน CODING อย่างไรให้ง่าย สนุกเหมือนสนามเด็กเล่น: ภูมิปรินทร์ มะโน

    เรื่อง ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ ภาพ ณัฐชานันท์ กล้าหาญ

  • Education trend
    เป้าหมายและหลักสูตร CODING ป.1 – ป.6

    เรื่องและภาพ The Potential

  • Voice of New Gen
    CONNEXT KLONGTOEY : เรื่องจริงของ ‘เด็กคลองเตย’ ผ่านแฟชั่น แร็ป ภาพถ่ายและลายสัก

    เรื่อง รชนีกร ศรีฟ้าวัฒนา ภาพ สิทธิกร ขุนนราศัย

  • Voice of New Gen
    VISUALIZATION: ในโลกของ BIG DATA เราต้องการนักสร้างภาพจากมหาสมุทรข้อมูล

    เรื่อง กนกอร แซ่เบ๊antizeptic ภาพ ณัฐชานันท์ กล้าหาญ

Posts navigation

Newer posts

Recent Posts

  • ‘นิทานปากเปล่า’ เล่าความรักให้ลูกฟัง สร้างจินตนาการ สานสัมพันธ์ในครอบครัว: แม่จาว – วัชราวรรณ เพชรบุล
  • ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP4: การซึมซับและปรับตัว 
  • เปลี่ยนระบบนิเวศโรงเรียนเป็นสนามพลังบวก ยกระดับเด็กด้อยโอกาสสู่เด็กได้โอกาส: ผอ.วรรณรักษ์ หงษ์ทอง
  • F1 The Movie: ชัยชนะที่ดีที่สุดคือการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากการเป็นที่หนึ่ง
  • Myth Universe : จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สู่ Edutainment ความรู้นอกห้องเรียนที่เริ่มต้นจากคำถามและการเชื่อมโยงสู่ชีวิตจริง

Recent Comments

  • Existential crisis: วิกฤตชีวิตที่มาพร้อมกับคำถาม “แล้วฉันอยู่เพื่ออะไร” – EducationNet on Midlife Crisis: เมื่อเป็นผู้ใหญ่ ทำไมใจถึงวิกฤต
  • The Psychological Wounds of Winnie the Pooh and His Friends: Exploring Characters from a Classic Literary Work - World Today News on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • Exploring the Psychological Wounds of Winnie the Pooh and Friends: A Fascinating Analysis - Archyde on วินนีเดอะพูห์ : ด้วยหัวใจอันแหว่งวิ่น และความลับในป่าลึก
  • 6 วิธีฝึกสอนให้ลูกเป็นเด็กมี Critical Thinking ทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในอนาคต – โรงเรียนมารีวิทยา ป on CRITICAL THINKING: สอนเด็กให้รู้คิด ผิดหรือถูกก็ใช้วิจารณญาณเป็น
  • Best รูป พลเมือง ดี Update New – Haiduongcompany.com on สอนและสร้างพลเมืองประชาธิปไตย เรื่องไม่ง่ายที่ครูทำได้

Archives

  • July 2025
  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025
  • February 2025
  • January 2025
  • December 2024
  • November 2024
  • October 2024
  • September 2024
  • August 2024
  • July 2024
  • June 2024
  • May 2024
  • April 2024
  • March 2024
  • February 2024
  • January 2024
  • December 2023
  • November 2023
  • October 2023
  • September 2023
  • August 2023
  • July 2023
  • June 2023
  • May 2023
  • April 2023
  • March 2023
  • February 2023
  • January 2023
  • December 2022
  • November 2022
  • October 2022
  • September 2022
  • August 2022
  • July 2022
  • June 2022
  • May 2022
  • April 2022
  • March 2022
  • February 2022
  • January 2022
  • December 2021
  • November 2021
  • October 2021
  • September 2021
  • August 2021
  • July 2021
  • June 2021
  • May 2021
  • April 2021
  • March 2021
  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • July 2018
  • June 2018
  • May 2018
  • April 2018
  • March 2018
  • February 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017

Categories

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Uncategorized
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel