- คุยกับ ‘ลิลลี่’ ระริน สถิตธนาสาร ที่หลายๆ คนให้ฉายาว่า ‘เกรตา ธุนเบิร์ก เมืองไทย’ แต่รู้ไหม ลิลลี่บอกว่า “อยากให้เรียกหนูด้วยชื่อหนูมากกว่า”
- การคุยครั้งนี้ คือการคุยถึงโลกอีกใบของเด็กหญิงวัย 12 ปีคนหนึ่ง ซึ่งบอกว่าตัวเองคือเด็กผู้หญิงธรรมดา ชอบแต่งหน้า เต้น และมักจะด่วนตัดสินคนอื่น ซึ่งไม่ดี และเธอก็ยอมรับ
- เร็วๆ นี้ลิลลี่วางแผนจะเรียนโฮมสคูลและออกเดินทางรอบโลก เพราะการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในโลก สำหรับเธอ คือสิ่งจำเป็น
เรื่อง: อรสา ศรีดาวเรือง
ภาพ: อนุชิต นิ่มตลุง
ใครๆ ก็ชอบเรียก ‘ลิลลี่’ ระริน สถิตธนาสาร ว่า เกรตา ธุนเบิร์ก เมืองไทย แต่ถามว่าชอบไหม อยากให้เรียกว่าอะไร ลิลลี่บอกว่า “อยากให้เรียกชื่อหนูมากกว่า”
คุณแม่ตะโกนมาว่าชื่อระริน มาจาก guardian ตนหนึ่งซึ่งอยู่ในป่า และคิดชื่อนี้มาตั้งแต่ลิลลี่ยังอยู่ในท้อง
จริงอยู่ ความสนใจใส่ใจสิ่งแวดล้อมในระดับฮาร์ดคอร์จะทำให้สปอตไลท์แทบทุกดวงส่องมาที่ลิลลี่แค่ด้านนี้ แต่ในความเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาวัย 12 ปีคนหนึ่ง ลิลลี่บอกว่าชอบเต้น เวลาว่างชอบแต่งหน้า อยากเรียนต่อด้านจิตวิทยา และเวลานั่งคุยก็ชอบนั่งเก้าอี้ที่หมุนได้มากกว่าตัวบุหนังนั่งสบาย
ลิลลี่บอกว่าหนูชอบคุยไป หมุนไป ไม่น่าเบื่อดี
ลิลลี่ไม่ชอบอยู่กับที่ และจะดีใจมากกว่าถ้าคนทั่วไปจะเรียกว่า ลิลลี่ ไม่ใช่ เกรตา ธุนเบิร์ก เมืองไทย
ที่ผ่านมาการทำงานรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบถึงการเรียนบ้างไหม
แน่นอนค่ะ แต่หนูพยายามเรียนให้หนักมากขึ้น ตามเพื่อนให้ทันเท่าที่จะทำได้
พยายามเรียนให้หนักมากขึ้น ลิลลี่ทำอย่างไรคะ
โดยปกติ ถ้าหนูโดดเรียนช่วงเช้า ก็จะขอตามจากเพื่อนๆ ให้ส่งเนื้อหามาให้ หรือไม่ก็อ่านเองมากขึ้น อ่านในสิ่งที่ไม่ได้เรียน พยายามตามให้ทันเพื่อนๆ
ใช้เวลาช่วงไหน
กลางคืนกับเสาร์อาทิตย์ค่ะ
วิชาไหนที่ลิลลี่ชอบมากที่สุด
วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภาษาอังกฤษ
ถามถึงวิชาวิทยาศาสตร์ ทำไมถึงชอบ ชอบมานานแค่ไหน
เอาจริงๆ เลยนะคะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หนูสนใจในสิ่งที่ different (แตกต่างกัน) ที่เกิดขึ้นในโลก
ที่พูดบนเวที Ted Talk ที่ผ่านมา ลิลลี่เล่าเรื่องความยากลำบากและอุปสรรคในการติดต่อผู้ใหญ่ในห้างร้าน องค์กรต่างๆ เรื่องรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม อยากให้อธิบายว่าเป็นอย่างไร
มีอุปสรรคเยอะมากเข้ามาขัดขวาง เวลาหนูโทรไป เขาก็จะถามกลับว่า นี่หนูกำลังทำการบ้านอยู่ใช่ไหม ทำไมหนูถึงเอาเวลามาทำเรื่องนี้ หนูควรอยู่ที่โรงเรียนและทำการบ้านมากกว่านะ
จากสิ่งที่เขาทำ มันทำให้หนูรู้สึกโง่และรู้สึกแย่
แต่หนูก็ยังทำต่อเพราะมันทำให้หนูรู้สึกดีขึ้นมาเวลาหนูได้พยายามมากขึ้น
หนูยังจำได้ ครั้งแรกที่หนูติดต่อ หนูกลัวมาก ตอนหนูเดินเข้าไปแล้วแนะนำตัวเอง แต่มันก็จัดการยากมากๆ เช่นกัน เวลาหนูคิดว่าทำดีไม่พอ หนูก็จะพยายามให้มากขึ้นในครั้งต่อไปจนหนูรู้สึกว่าโอเค
แนะนำตัวไปว่าอย่างไร (ทางโทรศัพท์)
ง่ายที่สุด ก็ สวัสดีค่ะ หนูชื่อลิลลี่ และหนูก็อธิบายเหตุผลที่ต้องโทรมาไป
หนูจะใช้วิธีสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ และคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่า “ถ้าเราทำผิด พูดผิด มันไม่สำคัญเพราะอย่างน้อย เราก็ได้สื่อในสิ่งที่ต้องการแล้ว และทุกคนก็จะบอกว่า โอเค ไม่ต้องเป็นห่วง ความผิดพลาดมันเป็นเรื่องปกติ
เคยท้อหรือล้มเลิกไหม
ตอนนี้มีปัญหาค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกิจกรรมต่างๆ ที่มันกดดันมากๆ เพราะหนูไม่ได้ไปโรงเรียน พลาดบทเรียน ไม่ได้สอบ อุปสรรคเหล่านี้มันทำให้หนูรู้สึกว่าไม่อยากทำต่อแล้ว แต่หนูก็ทำไม่ได้ เพราะมันคือความรับผิดชอบ มันคืองานของหนู
หนูคิดว่า ถ้าหนูไม่เสียสละบางอย่าง ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันอาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้หนูทำต่อไป
การเป็นที่รู้จัก ทำให้ลิลลี่กดดันมากขึ้น?
ใช่ค่ะ เพราะคนคาดหวัง โดยเฉพาะตอนหนูขึ้นพูดเพื่อชวนคนให้มาเห็นความสำคัญด้วยกัน หนูไม่อยากได้ความคาดหวัง หนูแค่อยากจะพยายามมากๆ เพื่อทำสิ่งนี้
มันหนักเกินไปสำหรับเด็กอายุ 12 ไหม
ใช่ค่ะ แต่หนูทำได้ มันยาก (พูดย้ำ) แต่แม่ก็สนับสนุนหนู แม่ช่วยทุกอย่าง เพื่อนๆ ก็ช่วย เราจะนัดประชุมกันเดือนละครั้ง ทุกวันพฤหัส เพื่อทำงานสิ่งแวดล้อมของเรา ในกลุ่มมี 6 คนก็แบ่งงานกันไป chief manager, chief information officer, chief connection officer ฯลฯ ส่วนแม่หนูเป็น CEO (หัวเราะ)
มีเวลาว่างบ้างไหม
มีค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงบ่าย ตอนกลางคืน วันอาทิตย์บ้าง หนูจะอาบน้ำ ดูทีวี (เสียงคุณแม่แทรกว่า ชอบดูคลิปสอนทำอาหารทางยูทูบ) หนูชอบแต่งหน้า บางครั้งก็เต้น เวลาว่างหนูทำหลายอย่างค่ะ (ยิ้ม)
ทำไมถึงชอบแต่งหน้ากับเต้น
หนูชอบแต่งหน้าเพราะไม่ชอบความสวยแบบทั่วไป (formal) แต่หนูสนใจการศิลปะ ระบายสี การแต่งหน้าของหนูมันคืออย่างนั้น ส่วนการเต้น มันคือการแสดงออกความรู้สึก และดึงตัวเองออกมา และการได้เต้นกับเพื่อนๆ มันสนุกมากๆ เลยค่ะ
ระหว่างการเต้นกับพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ลิลลี่คิดว่าทำแบบไหนได้ดีกว่ากัน
หนูคิดว่าทั้งคู่ค่ะ แต่คิดว่าการพูด น่าจะง่ายกว่า
ทำไมถึงชื่อลิลลี่
(คุณแม่) ระริน คือ น้ำเย็นของสรวงสวรรค์ ลิลลี่เป็นชื่อของ gardian ด้วยความตั้งใจที่ว่าทุกคนเกิดมาจากธรรมชาติ ไม่อยากให้เขาลืมว่าเขามาจากไหน
ลิลลี่: หนูไปค้นและเจอว่าเป็นนางฟ้าของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ด้วย มันเกี่ยวกับการสร้างและก่อเกิดธรรมชาติ
สำหรับลิลลี่การที่เรียนในห้อง กับ เรียนนอกห้อง ต่างกันอย่างไร
ในห้องเรียน เราก็ต้องนั่งเรียนในห้อง ฝึกการฟังและทบทวนเนื้อหาในห้อง แต่การเรียนนอกห้อง เราสามารถฝึกการใช้ชีวิตจริงๆ การอยู่ข้างนอกมันคือการทดลอง แต่ในโรงเรียนคือการสอนให้รู้ มันยังมีห้องให้พักผ่อน แต่ข้างนอกคุณได้พูด ได้ไป ได้ทำในเรื่องที่หลากหลาย
อย่างหนูไปเข้าค่าย พายเรือเก็บขยะ คุณเห็นการปนเปื้อน เห็นวิธีการจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่แตกต่างกันในหลายๆ ประเทศ หลายๆ หน่วยงาน เห็นวิธีที่เขารีไซเคิลพลาสติก
แต่หนูคิดว่าตอนนี้การเรียนในห้องก็ยังมีประโยชน์ เพราะครูเตรียมความรู้ให้เยอะมาก หนูรู้สึกดีกว่าถ้าได้เรียนเรื่องพื้นฐานให้แน่นก่อนในโรงเรียน
เวลามีคนเรียกหรือเปรียบเทียบกับเกรตา ธุนเบิร์ก ลิลลี่รู้สึกอย่างไร
หนูเจอคำถามนี้บ่อยมาก (หัวเราะ) เราเป็นคนละคนกันแต่เรามีเป้าหมายเหมือนกัน เกรตาคือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในโลกที่เป็นแอคทิวิสต์ เวลาที่คนเปรียบเทียบหนูกับเขา หนูชอบให้เรียกว่าลิลลี่มากกว่าเกรตา
เวลาลิลลี่ไปคุยกับผู้ใหญ่ เอาอะไรไปด้วยบ้าง
มันขึ้นกับว่าหนูไปที่ไหน สิ่งที่พกไปแน่ๆ คือความคิดและความเห็นของหนู ถ้าหนูไปกระทรวงฯ ก็จะไปคุยประมาณว่า หนูเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง และเราทำอะไรได้บ้าง
เซเว่นอีเลฟเว่น ประกาศไม่แจกถุงพลาสติกแล้ว สำหรับลิลลี่ มันพอหรือยัง
มันคือการเริ่มต้นที่ดี เพราะความสำเร็จยิ่งใหญ่ควรเริ่มจากการแบนถุงพลาสติก การที่คนไทยมีแคมเปญนี้หนูรู้สึกแฮปปี้
ทำไมเรื่องสิ่งแวดล้อมเด็กทำถึงดูเวิร์คกว่าผู้ใหญ่
หนูคิดว่าเพราะเด็กแสดงออกมากกว่า เราเปิดรับไอเดียใหม่ๆ ได้มากกว่า แต่เราก็ยังเป็นเด็ก เรากำลังเรียกร้องให้ผู้ใหญ่จัดการปัญหาใหญ่ๆ นี้ ที่เรายังทำเองไม่ได้
(แม่) มันจะเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กด้วย ผู้ใหญ่อาศัยอยู่ในโลกนานกว่า ควรจะรู้สึกผิด และเมื่อเด็ก (คนที่มาที่หลังและไม่ได้เป็นคนก่อ) พูด ผู้ใหญ่ควรฟัง พอเด็กมาพูดก็เลยรู้สึกว่ามันสำคัญ
ข่าวอะไรบ้างที่ทำให้ลิลลี่รู้สึกแย่
จริงๆ คือทุกเรื่องเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุด ไฟป่าในออสเตรเลีย ทำไมเราถึงทำให้สัตว์ป่าตายเยอะขนาดนี้ มันน่าเศร้ามาก (ทำเสียงเศร้าจริงๆ)
รู้สึกอย่างไรกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มันก็เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
เรามัวโฟกัสไปแต่ปัญหาเล็กๆ โดยไม่ได้มองภาพใหญ่ ซึ่งภาพใหญ่ มันกำลังจะตาย เราจึงต้องหยุดทำในสิ่งผิด ลด ละ เลิก ทั้งหมด ตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้ว แต่เราก็ต้องพยายามต่อไป
คิดหรือวางแผนอนาคตไว้หรือยัง
คิดแล้วค่ะ พอเรียนจบมัธยมต้น อายุ 15 หนูก็จะเรียนโฮมสคูล เดินทางไปทั่วโลกอย่างที่หนูฝันไว้ และเมื่อหนูเข้ามหาวิทยาลัย หนูอยากเรียนต่อด้านจิตวิทยา และตอนนี้หนูกำลังทำตามแผนนี้อยู่
ทำไมถึงอยากเดินทาง
หนูคิดว่าการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในโลกเป็นสิ่งจำเป็น หนูถึงอยากเรียนโฮมสคูล
หนูคิดว่าแม่ต้องการให้หนูเรียนรู้ว่ามีอะไรบ้างอยู่รอบๆ ตัวเรา และหนูก็อยากเรียนสิ่งที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และประวัติศาสตร์ทั่วโลก
แล้วเพราะอะไรถึงอยากเรียนต่อด้านจิตวิทยา
หนูอยากรู้ว่าคนคิดอย่างไร เพราะอะไรเขาถึงคิดแบบนี้ และมีวิธีไหนบ้างที่หนูจะช่วยเหลือคนอื่นได้ และเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่สับสน หนูก็พร้อมที่จะเข้าใจเขา
แล้วจิตวิทยาจะไปเกี่ยวข้องหรือช่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรบ้าง
หนูสนใจวิธีคิดของคนจริงๆ หนูคิดว่าวิวัฒนาการการคิดของมนุษย์ตั้งแต่สมัยมนุษย์ถ้ำมาจนถึงปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปมาก
โดยเฉพาะเรื่องมลพิษ หนูอยากรู้จริงๆ ว่าคนคิดและมีวิธีจัดการภายใต้แรงกดดันหรือแก้ปัญหาได้อย่างไร
อาชีพในฝันของลิลลี่
หนูคิดไว้มีนักจิตวิทยา นักเคลื่อนไหว ทำงานที่ยูนิเซฟหรือที่ไหนก็ได้ที่ได้ช่วยเหลือคน
ลิลลี่คิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา แล้วคนธรรมดาอย่างลิลลี่มีนิสัยไม่ดีอะไรบ้าง
หนูคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ชอบเล่นผมตัวเอง ชอบตัดสินคนอื่นเวลาทำอะไรแปลกๆ หนูจะถามไปทันทีเลยว่าเขาทำทำไม ซึ่งหนูคิดว่าไม่ดี หนูควรจะเปิดใจมากกว่านี้
เคยถูกบุลลี่ไหม
เคยค่ะ นานมาแล้ว ถูกเรียกว่าบ้า โง่ ซึ่งมันแย่มาก หนูจัดการด้วยการไม่สนใจ และบอกตัวเองว่า ไม่ต้องไปรู้สึกกับทุกเรื่องก็ได้