Skip to content
การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    GritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed Mindset
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
Dek-Hoo-Jak-Kuam_nologo
Transformative learningSocial Issues
26 May 2025

‘เด็กฮู้จักควม’ คิดเป็น ทำเป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเชิงพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ    

เรื่อง นฤมล ทับปาน

  • ‘เด็กฮู้จักควม’ หรือ ‘เด็กรู้จักความ’ เป็นภาษาอีสาน หมายถึง เด็กที่รู้จักหน้าที่ มีมารยาทดี รู้กาลเทศะ เป็นคุณลักษณะ 6 ด้าน ที่มุ่งพัฒนาเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ
  • คุณลักษณะของ ‘เด็กฮู้จักควม’ จะเกิดขึ้นได้ โรงเรียน/ห้องเรียนต้องเปลี่ยนก่อน โดยต้องมีบริบทสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัยทั้งกายและใจ มีหลักสูตรที่ส่งเสริมผู้เรียนเต็มศักยภาพตามความชอบและความถนัด
  • ผอ.วิชุดา ชัยชาญ โรงเรียนตะดอบวิทยา กล่าวว่า “เราได้กระบวนการทำงานที่สร้างแผน DE เครือข่าย แล้วเราก็ได้ผู้เรียนที่ตอบโจทย์ ‘เด็กฮู้จักควม’ นั่นหมายถึงว่า เด็กเขาสามารถที่จะดึงเอาความรู้ ทักษะ คุณลักษณะต่างๆ มาสร้างคุณค่าของเขาจากเด็กที่อาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เขากลายเป็นเด็กที่ถูกยอมรับในด้านที่เขามีความสามารถ”

“เด็กทุกวันนี้เขาเจอสถานการณ์ต่างๆ ที่ทั้งยุ่งยากและท้าทาย เราจะต้องสร้างเด็กให้มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ แยกแยะได้ว่าสิ่งที่เขาเจอนั้นมีที่มาอย่างไร แล้วก็คิดสังเคราะห์ นำไปสู่การออกแบบสร้างสรรค์ แก้ปัญหา แล้วก็เลือกตัดสินได้อย่างถูกต้องเหมาะสม”

วิชุดา ชัยชาญ ผู้อำนวยการโรงเรียนตะดอบวิทยา จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมให้เด็กมีคุณลักษณะที่ดี มีทักษะสำคัญในการใช้ชีวิต พร้อมรับมือกับสถานการณ์ท้าทายในอนาคต หลอมรวมเป็น ‘เด็กฮู้จักควม’ เด็กศรีสะเกษ เป็นพลเมืองดี มีความคิด สื่อสารสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี เป็นนวัตกรประกอบการ บนฐานการใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข

ในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดประสบการณ์การขับเคลื่อนโครงการ TSQM-A จังหวัดศรีสะเกษ และภูเก็ต ช่วง ‘ถอดบทเรียนการสร้างการมีส่วนร่วม กรณีศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ’ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 อันเป็นกิจกรรมภายใต้ ‘โครงการขับเคลื่อนโรงเรียนพัฒนาตนเองเชิงพื้นที่ (TSQM-A)’ โดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ชวนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจังหวัด ผ่านการสนับสนุนให้โรงเรียนมีคุณภาพ โดยสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ตลอดจนสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของประเทศและโลก

ผอ.วิชุดา ชัยชาญ โรงเรียนตะดอบวิทยา จังหวัดศรีสะเกษ และ ศน.ศิริประภา ษรจันทร์ศรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ

ถอดคุณลักษณะ 6 ด้านของ ‘เด็กฮู้จักควม’ 

ผอ. วิชุดา อธิบายว่า คำว่า ‘เด็กฮู้จักควม’ หรือ ‘เด็กรู้จักความ’ เป็นภาษาอีสาน หมายถึง เด็กที่รู้จักหน้าที่ มีมารยาทดี รู้กาลเทศะ เป็นคำชมที่มักได้ยินกันบ่อยๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ผู้ใหญ่มักจะชมว่า “เด็กบ้านนี้ฮู้จักควม” คือเป็นเด็กที่รู้ประสีประสา รู้กาลเทศะ เป็นเด็กดี นั่นเอง

โดยการที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์ให้ ‘เด็กฮู้จักควม’ เติบโตขึ้นเป็นต้นกล้าที่แข็งแรงนั้น ประกอบไปด้วยคุณลักษณะ 6 ด้าน ได้แก่ ความเป็นพลเมืองดี (Active Citizen), มีทักษะในการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Skill: HOTS), ทักษะในการสื่อสาร (Communication), มีความฉลาดรู้ด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และ AI (Digital Literacy), มีความเป็นนวัตกรและผู้ประกอบการที่ดี (Innovative Entrepreneur) และมีสุขภาวะดีทั้งกายและใจ (Good Health and well-being) ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้มาจากดินและปุ๋ยที่ดี นั่นก็คือ ฐานทุนของจังหวัดศรีสะเกษ

“เรามีต้นทุนด้านเกษตรกรรม การแปรรูปทางการเกษตร เรามีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม มีภูมิปัญญาท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นการทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย มีปราชญ์ชาวบ้านในด้านต่างๆ”

“ดังนั้นการจะสร้างเด็กฮู้จักควม เราก็จะไปดูว่าเด็กที่เป็นพลเมืองดี เขาต้องจัดการตัวเองได้นะ เวลาเขาเจอสถานการณ์ที่ยุ่งยาก หรือท้าทาย เขาจะทำยังไงให้รับมือกับสถานการณ์ตรงนั้นได้ เขารับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาทำ 

ที่สำคัญเขาต้องถ่ายทอดวัฒนธรรมที่เป็นฐานทุนของศรีสะเกษ ทักษะการสื่อสารจึงสำคัญมากในการถ่ายทอดถึงความสำคัญ รู้ที่ไปที่มาของวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และภาษาถิ่นที่หลากหลาย เรามีทั้ง เขมร ลาว ส่วย กูย เยอ รวมไปถึงกระบวนการคิด การแก้ปัญหา 

คือเด็กทุกวันนี้เขาจะเจอสถานการณ์ต่างๆ ที่ทั้งยุ่งยากและท้าทาย เราจะต้องสร้างเด็กให้เขามีกระบวนการคิดวิเคราะห์ แยกแยะได้ว่าสิ่งที่เขาเจอนั้นมันมีที่มาอย่างไร แล้วก็คิดสังเคราะห์ นำไปสู่การคิดออกแบบสร้างสรรค์ แก้ปัญหา แล้วก็เลือกตัดสินได้อย่างถูกต้องเหมาะสม”

เพราะโลกหมุนไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของเรามากขึ้น การมีความฉลาดรู้ เท่าทันต่อเทคโนโลยี และสื่อสารเป็น จึงเป็นทักษะสำคัญที่ทั้งผอ.วิชุดา และภาคีเครือข่ายทางการศึกษาพื้นที่ศรีสะเกษต่างมองเห็นเป็นภาพเดียวกันว่าจำเป็นอย่างมาก

“ทำอย่างไรให้เด็กเราใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร แล้วก็ไปสร้างการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งศรีสะเกษมีของดีเยอะมาก มีทุเรียนภูเขาไฟ ทำยังไงที่เขาสามารถสร้างนวัตกรรม หรือมีการสื่อสาร มีการตลาดที่ทันสมัยที่โดนใจเข้าถึงกลุ่มผู้คน แล้วทำให้ชุมชนของเขามีความเจริญงอกงาม หลุดพ้นจากจังหวัดที่ยากจนที่สุด 

ที่สำคัญอีกอันคือเรื่องการจัดการการเงิน อันนี้ต้องสร้างให้เกิดกับเด็กศรีสะเกษให้ได้ และท้ายที่สุดคนศรีสะเกษ เด็กศรีสะเกษ ต้องมีความสุขทั้งกายและใจ เรื่องใจนี่สำคัญมากเลย ทำยังไงเด็กถึงจะมีความฉลาดทางอารมณ์ ความคิด สามารถที่จะป้องกันตนเอง ดูแลสุขภาพ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงสอดคล้องกับภูมิสังคมของเขา 

สิ่งเหล่านี้แหละถ้าเราสามารถที่จะสร้างเด็กฮู้จักควมได้เยอะๆ ต่อไปศรีสะเกษจะกลายเป็นจังหวัดที่มีความงอกงามทั้งด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม แแล้วก็เรื่องของการประกอบอาชีพ เทคโนโลยีต่างๆ จะต้องเข้ามา สิ่งเหล่านี้เป็นภาพฝัน 10 ข้างหน้าของพวกเรา” ผอ. วิชุดา พูดถึงเป้าหมายสำคัญในการสร้าง ‘เด็กฮู้จักควม’

โรงเรียนร่วมออกแบบการเรียนรู้ ตอบโจทย์ ‘เด็กฮู้จักควม’

การทำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาเชิงพื้นที่ในส่วนของสถานศึกษาหรือโรงเรียน ผอ.วิชุดา เล่าว่า ใช้กระบวนการห้องปฏิบัติการทางสังคม หรือ Social Lab และ Developmental Evaluation (DE) การประเมินเชิงพัฒนา โดยเน้น 3 ด้าน คือ เน้นการมีส่วนร่วม การเรียนรู้ และการเสริมพลังคนทำโครงการให้ใช้ข้อมูล เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานนี้

“DE เป็นการดึงการมีส่วนร่วมจริงๆ ร่วมตระหนัก ร่วมรับรู้ ร่วมรับผิดชอบ คือทุกคนรู้สึกร่วมกันว่าอะไรเป็น Red Zone (ตัวบ่งชี้สำคัญที่สถานศึกษาจะบกพร่องไม่ได้/ปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข) ดังนั้นพอทำงานขับเคลื่อนจึงเหมือนทุกคนเป็นเจ้าของปัญหานั้น มันทำให้การทำงานไม่เหนื่อย ไม่ใช่ผู้บริหารจะต้องไปชักจูงหรือไปคอยกำกับอย่างเดียว แต่เขากำกับตัวเองด้วย ในขณะเดียวกับเขาก็ร่วมประเมิน ร่วมสะท้อนว่าสิ่งที่ทำนั้นมันไปถึงไหน นั่นหมายถึงว่ามีเป้าที่ชัดเจน แล้วก็เป็นเป้าที่เกิดจากการคิดร่วมกัน แล้วก็มีแผนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่จริงๆ”

อย่างเช่นโรงเรียนบ้านตะดอบวิทยา ของ ผอ. วิชุดา พบปัญหาเรื่อง การอ่านออกเขียนได้ เนื่องจากเด็กๆ ในพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ภาษาส่วยในการสื่อสาร เมื่อทุกฝ่ายต่างตระหนักถึงปัญหานี้ จึงเกิดเป็น KPI หรือตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้และสะท้อนประสิทธิภาพของโรงเรียนในการบรรลุเป้าหมาย 

“ปัญหาจริงๆ ก็คือเรื่องการอ่านออกเขียนได้เลย ผู้ปกครองเองก็ตระหนัก ครูเองก็ตระหนัก ตัวผู้บริหารเองก็ตระหนัก มันจึงเกิด KPI (ตัวชี้วัด) ที่ชัดเลยว่า แล้วต่อไปนี้นักเรียนต้องเป็นยังไง ผอ.ต้องเป็นยังไง ครูต้องเป็นยังไง ผู้ปกครองต้องทำยังไงจึงจะแก้ปัญหานี้ได้ สุดท้ายจริงๆ มันเกิดผลลัพธ์กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 

ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนเราได้กระบวนการทำงานที่สร้างแผน DE เครือข่าย แล้วเราก็ได้ผู้เรียนที่ตอบโจทย์ ‘เด็กฮู้จักควม’ นั่นหมายถึงว่า เด็กเขาสามารถที่จะดึงเอาความรู้ ทักษะ คุณลักษณะต่างๆ มาสร้างคุณค่าของเขาจากเด็กที่อาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เขากลายเป็นเด็กที่ถูกยอมรับในด้านที่เขามีความสามารถ”

ศึกษานิเทศก์เป็นเพื่อนคู่คิด วางแผนและพัฒนาการศึกษาเชิงพื้นที่

นอกจาก ‘เด็กฮู้จักควม’ จะมาจากความคาดหวังที่จะเห็นเด็กศรีสะเกษเติบโตเป็นต้นกล้าที่เข้มแข็งพร้อมเผชิญกับโลกกว้างแล้ว คุณลักษณะนี้ส่วนหนึ่งมาจากเสียงของเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษเองด้วย 

ศน.ศิริประภา ษรจันทร์ศรี ศึกษานิเทศก์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ เล่าว่า เสียงของเด็กๆ มาจากกระบวนการ Focus group ฟังเสียงจากตัวแทนเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้ตอบโจทย์คนในพื้นที่

“เด็กและเยาวชนในพื้นที่ของศรีสะเกษเองก็มีความหลากหลาย ของเราเป็นความหลากหลายทางเชื้อชาติ มีทั้งเขมร ส่วย กูย ลาว แล้วก็เยอ แล้วก็นำข้อมูลจากกลุ่มเด็กๆ มารวมกลุ่มกับผู้ใหญ่ในพื้นที่ ใช้การมีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ พี่เลี้ยงเวทีมิสแกรนด์จังหวัด ก็มาทำ Social Lab วางแผน DE ของจังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นก็มาสังเคราะห์ข้อมูลเป็นกระบวนการ DE ต้นน้ำทำแผน 1 ปี แล้วเราก็มาช่วยกันออกแบบ Motto หรือสโลแกนเก๋ๆ ของพวกเรา”

“จากนั้นเราเอาทุกความคิด ทุกเสียงที่มีความหมาย มาหลอมรวมเกิดเป็น Sisaket City ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราก็ขยับรวมมาได้ 4 มิติ ก็คือในเรื่อง ต้องเป็นเมืองปลอดภัยและน่าอยู่ (Safe City) ต้องเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) ต้องเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และต้องเป็นเมืองเศรษฐกิจก้าวหน้า (Innovative and Economic City)” 

จากข้อมูลที่ ศน. ศิริประภา กล่าวข้างต้น นำไปสู่คุณลักษณะของ ‘เด็กฮู้จักควม’ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ โรงเรียน/ห้องเรียนต้องเปลี่ยนก่อน โดยบริบทสภาพแวดล้อม บรรยากาศในโรงเรียนต้องสะอาด ปลอดภัย มีสีสัน น่าเรียนรู้ มีแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกห้องเรียน มีความปลอดภัยด้านร่างกายจิตใจทรัพย์สินสารเสพติดและอบายมุข ปลอดความรุนแรงด้านคำพูดการลงโทษ มีห้องปฏิบัติการ/สื่อที่พร้อม เช่น สระว่ายน้ำ สนามกีฬา ห้องสมุด ห้องทดลองหนังสือ อุปกรณ์ ทีวี อินเทอร์เน็ต มีพลังงานสะอาดน้ำแสงสว่างในห้องเรียนเพียงพอ 

นอกจากนี้ มีการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ มีลานแสดงความสามารถของนักเรียน มี Makerspace พื้นที่เรียนรู้ด้วยการลงมือสร้างสรรค์ มีเมนูอาหารกลางวันที่มีคุณภาพถูกหลักโภชนาการ รวมถึงด้านหลักสูตรและการจัดการการเรียนรู้ที่ทันยุคทันสมัย มุ่งเน้นสมรรถนะ สอดคล้องกับบริบทของนักเรียน โรงเรียน ผู้ปกครอง/ชุมชน และ DOE: Desired Outcomes of Education ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาของชาติ และจังหวัด คือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกประสบการณ์อาชีพ ส่งเสริมความสามารถพิเศษ เช่น ด้านร้องเพลง ศิลปะการแสดง กีฬา เป็นต้น 

ด้านหลักสูตรต้องมีการบริหารจัดการพัฒนาให้ทันสมัย ส่งเสริมผู้เรียนเต็มศักยภาพ ตามความชอบและความถนัด เปิดรายวิชา ชุมนุม ชมรม วิชาเลือกอิสระที่หลากหลาย มีการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนทั้ง Online และ Onsite มีการวัดและประเมินผลสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้และหลากหลาย 

ที่สำคัญบุคลากร จำเป็นต้องมีความรู้ในการใช้จิตวิทยาเชิงบวก การสร้างพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่ภายนอก โรงเรียน ที่ควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักเรียนด้วย จึงจะนำไปสู่ ‘เด็กฮู้จักควม’ ได้ในอนาคต 

Tags:

ศน.ศิริประภา ษรจันทร์ศรีผอ.วิชุดา ชัยชาญศรีสะเกษDE (Developmental Evaluation)เด็กฮู้จักควมโรงเรียนพัฒนาตนเองเชิงพื้นที่ (TSQM-A)การพัฒนาคุณภาพการศึกษาคุณลักษณะ 6 ด้านการกำหนดเป้าหมาย

Author:

illustrator

นฤมล ทับปาน

Related Posts

  • ผ้าสบงและป้ายรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ การลุกขึ้นมาจัดการป่าของเยาวชนบ้านหนองสะมอน

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Creative learning
    สืบสานพิธีกรรมนางออ มนต์ขลังเสียงแคนที่เชื่อว่าช่วยขจัดปัดเป่าโรคได้

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา ภาพ The Potential

  • Voice of New Gen
    ปิยะธิดา อินทะนัย: จากนักเรียนสู่นักวิจัยรุ่นเยาว์ ผ่านโครงการทำอาหารกุ้งฝอยจากเบต้ากลูแคน

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี ภาพ The Potential

  • Creative learning
    โรงเรียนบ้านโนนแสนคำฯ พลิกคุณภาพโรงเรียนด้วยการสอนคิดและฝึกฝีมือคุณครู

    เรื่อง เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา ภาพ ศรุตยา ทองขะโชค

  • Everyone can be an Educator
    ‘ครูแอ๊ด’ ผู้ร้อยเด็กๆ เข้ากับผ้าไหมชาวกวย

    เรื่องและภาพ The Potential

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel