- Skip and loafer เป็นแอนิเมชันอบอุ่นหัวใจ เกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นของ ‘มิทสึมิจัง’ เด็กสาวผู้มองโลกในแง่ดี ที่เดินทางจากบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดมาเรียนมัธยมปลายที่โตเกียว โดยมีความฝันว่าจะรับราชการเพื่อกลับไปพัฒนาจังหวัดที่ตัวเองเติบโตมา
- แอนิเมชันเรื่องนี้ เล่าเรื่องราวที่ทำให้ได้ย้อนกลับไปคิดถึงความทรงจำน่ารักๆ ในช่วงวัยรุ่น ทั้งเรื่องครอบครัว ความฝัน ตัวตน และความเจ็บปวดจากการเติบโตได้อย่างนุ่มนวล
- การมีแผนในชีวิตเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่การยืดหยุ่นกับเรื่องราวใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เหมือนกับชีวิตของ ‘มิทสึมิจัง’ ที่แม้จะไม่ได้เป็นไปตามแผนการที่เคยวางไว้ แต่เธอก็มีความสุขกับเส้นทางและเรื่องราวปัจจุบันตรงหน้าได้เสมอ
Skip and loafer คือแอนิเมชันเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่น เรื่องราวการเติบโตของ ‘มิทสึมิจัง’ และเพื่อนๆ ของเธอ
มิทสึมิจัง คือ เด็กสาวที่เดินทางจากบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดมาเรียนม.ปลายที่โตเกียว โดยมีความฝันว่าจะรับราชการเพื่อกลับไปพัฒนาจังหวัดที่ตัวเองเติบโตมา แต่ระหว่างทางนั้นเธอเผลอปล่อยใจปล่อยอารมณ์ไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ตามประสาวัยรุ่น
มิทสึมิจังได้เจอเพื่อนๆ ที่พาเธอไปสนุกกับชีวิต ได้มีความรู้สึกใหม่ที่ไม่แน่ใจในคำนิยามของมัน ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ทำให้เธอเติบโตขึ้นทีละนิด แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นไปตามแผนการการมุ่งสู่ความฝันที่เธอเคยวาดไว้เลย แต่เธอก็มีความสุขกับเส้นทางและเรื่องราวปัจจุบันตรงหน้าได้เสมอ เหมือนทำให้รู้ว่าการมีแผนในชีวิตเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่การยืดหยุ่นกับเรื่องราวใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกอเมซิ่งกับความคิดของมิทสึมิจัง คือตอนเรียนมัธยมเราไม่เคยมีความฝันจริงจังเลยว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร ไม่เคยเห็นภาพว่าตัวเองจะไปอยู่ตรงไหนทำอะไรมาก่อน ต่างกับมิทสึมิจังที่มีภาพชัดเจนกับอนาคตของเธอ ตั้งแต่การตั้งใจเรียนมากๆ เพื่อสอบเข้ามหาลัย เรียนจบแล้วจะทำงานที่ไหน ไปจนถึงตอนเกษียณแล้วจะจากโลกนี้ไปอย่างไร เธอได้วางแผนทั้งหมดไว้แล้วเป็นฉากๆ
เรานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่ามิทสึมิจังเติบโตมาด้วยการเรียนรู้แบบไหน ส่วนตัวเท่าที่จำได้เราคิดว่าตัวเองรู้จักและเข้าใจตัวเองน้อยมาก เราโตในยุคที่มีค่านิยมจากพ่อแม่และสังคมว่าโตขึ้นลูกควรเป็นหมอ วิศวะ หรืออย่างน้อยก็นักบัญชี ถูกคาดหวังให้เรียนต่อสายวิทย์-คณิต เพราะมีทางเลือกในอาชีพมากกว่า ทั้งที่ทุกครั้งที่เข้าสอบวิชาเลข เราเลือกที่จะวาดรูปเล่นในกระดาษทด
เราเคยถูกถามว่าชอบวิชาอะไรแต่เมื่อเราตอบว่าศิลปะ เราก็ไม่ได้รับการสนับสนุนอะไรที่มากขึ้นจากโรงเรียน
ทุกๆ วันเราไปเรียนเพื่อเรียนวิชาที่เราก็ไม่ได้สนใจอยากรู้ซักเท่าไหร่ เรียนเพราะเขาบอกว่าเป็นเด็กต้องตั้งใจเรียน ไม่ได้เรียนเพราะรู้สึกว่าฉันชอบการเรียนรู้จังเลย เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเรียนไปมันเอาใช้ในชีวิตต่อแบบไหน เป็นเพียงเด็กคนนึงที่ไหลไปตามสังคมโดยไม่รู้ว่าความสนใจของตัวเองนั้นมีคุณค่ายังไง เพราะไม่มีใครเคยบอก
แม้แต่ในคาบศิลปะ(ซึ่งมีหน่วยกิตเพียงน้อยนิดต่อเทอม) ครูส่วนใหญ่ก็มีแต่จะตามหาคนที่วาดรูปเหมือนที่สุด ระบายสีอยู่ในกรอบที่สุด แน่นอนว่าเราไม่ได้กล้ามากพอจะเป็นคนที่แตกต่าง ซึ่งนั่นทำให้เรายังคงพยายามทำความรู้จักตัวเองไม่จบไม่สิ้น แม้จะเรียนจบมาแล้วเกือบสิบปี
อีกอย่างที่เราประทับใจคือมิทสึมิจังเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง เธอมักจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเสมอ บางคนอาจจะคิดว่าเธอคือคนที่มองโลกในแง่ดีเกินไป แต่สำหรับเราแล้วมิทสึมิจังไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น เธอแค่มีวิธีมองโลกในมุมที่ใจดีกับตัวเองและคนอื่น
ยกตัวอย่างตอนที่เธอและเพื่อนกำลังฝึกวอลเลย์บอลกันอยู่ ก็มีกลุ่มพี่ ม.5 มาชนเพื่อนของเธออย่างแรงจนแทบล้ม มิทสึมิจังเป็นคนที่กล้าตะโกนออกไปว่าพวกรุ่นพี่ไม่ควรทำแบบนี้ จนมีรุ่นพี่อีกคนมาช่วยทั้งสองไว้
‘มิกะจัง’ เพื่อนของมิทสึมิจังที่ฝึกวอลเลย์บอลด้วยกัน เธอรู้สึกโกรธและแค้นรุ่นพี่ที่มาชนเธอ เธอคิดในใจว่าจะจดจำชื่อของรุ่นพี่กลุ่มนี้ไว้ในสมุดเดธโน้ตส่วนตัว (Death note คือ สมุดบันทึกที่เอาไว้จดชื่อคนที่เราโกรธเกลียดถึงขั้นอยากให้เขาตาย) กลับกันทางด้านมิทสึมิจัง เธอกลับเลือกที่จะจำชื่อของรุ่นพี่ที่มาช่วยพวกเธอไว้
ซึ่งเรารู้สึกว้าวกับมุมมองนี้ของมิทสึมิ เพราะเราคงเป็นสาวน้อยแบบมิกะจังมากกว่ามิทสึมิจัง
การจดจำสิ่งที่ดี มุมที่ดีกับชีวิตมันคงทำให้ใจของเราเบาได้มากกว่าหรือเปล่านะ
ต้องออกตัวว่าเราไม่ได้อยากให้ทุกคนเป็นแบบมิทสึมิจัง แค่คิดว่าการที่ได้เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็นและภูมิใจในตัวของตัวเองต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญ ไม่ต้องพยายามเป็นคนที่คนอื่นรัก ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนแบบที่สังคมบอกให้เราเป็น ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสินอย่างไร การกล้าเป็นตัวเองนี่แหละที่เจ๋งสุด มิทสึมิจังกับผองเพื่อนมาสอนเราให้เห็นและเข้าใจในเรื่องนี้ อาจบอกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ ที่ทำให้เราเข้าใจในตัวเองและโลกใบนี้ก็คงได้
เรารู้สึกว่า แอนิเมชันเรื่อง Skip and loafer เป็นแอนิเมชันที่อบอุ่นใจมาก ทั้งลายเส้น สีสัน และเนื้อเรื่อง แม้จะเป็นการ์ตูนแนวผู้หญิงหน่อย แต่ก็ไม่หวานเลี่ยน หรือดราม่าจนขนลุก เราว่ามันเป็นแอนิเมชันที่ทำให้ได้ย้อนกลับไปคิดถึงความทรงจำน่ารักๆ ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นวัยเรียนที่ไม่ได้มีแค่เรื่องความรัก แต่ยังพูดถึงมิตรภาพกับแก๊งเพื่อน ครอบครัว ความฝัน ตัวตน ความเจ็บปวดจากการเติบโตได้อย่างนุ่มนวลที่สุดเรื่องหนึ่ง