- ‘ฤดูร้อนเมื่อครั้งประถม ผมได้เป็นอัศวิน’ เป็นวรรณกรรมเด็กที่เขียนโดย ‘นาโอกิ ฮยาคุตะ’ เล่าเรื่องราวของ ‘ฮิโรชิ’ เด็กชายวัยประถมที่พยายามเอาชนะความขี้ขลาดของตัวเองพร้อมกันกับเพื่อนๆ โดยการตั้ง ‘หน่วยอัศวิน’ ขึ้นมา
- ความกล้าหาญไม่ได้หมายถึงการต่อสู้กับอันตรายเสมอไป แต่อาจเป็นการลุกขึ้นทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่สำเร็จหรือถูกหัวเราะเยาะก็ตาม
- การยืนหยัดเพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง ทั้งที่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับความอับอาย พึงนับเป็นความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้การที่อัศวินคนหนึ่ง จะหยิบดาบลุกขึ้นสู้กับนักรบทั้งกองทัพ
อริสโตเติล (Aristotle) ปรัชญาเมธีชาวกรีกโบราณ เคยกล่าวไว้ว่า ‘ความกล้าหาญ’ คือหนึ่งในคุณธรรมสำคัญของมนุษย์ โดยอธิบายว่า ความกล้าหาญ คือคุณสมบัติที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างความบ้าบิ่น และความขลาดกลัว
นอกจากนี้ เรามักจะพบว่าความกล้าหาญคือหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่ง กลายเป็นมนุษย์ที่ได้รับการเชิดชูว่า ‘วีรบุรุษ’ หรือ ‘วีรสตรี’
แล้วความกล้าหาญคืออะไร
หากดูตามนิยามอย่างเป็นทางการแล้ว ความกล้าหาญ คือความสามารถในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัว สิ่งที่ทำให้เจ็บปวด ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ และยังรวมไปถึงความอดทนในการทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องพบกับการข่มขู่ คัดค้าน หรือบั่นทอนกำลังใจกำลังกายก็ตาม
ไม่อาจบอกได้ว่า ความกล้าหาญจะยังคงเป็นคุณธรรมสำคัญในโลกยุคปัจจุบันหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่า ความกล้าหาญ คือหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้
ความกล้าหาญที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร ไม่จำเป็นจะต้องกล้าเผชิญหน้ากับภยันตรายอันน่ากลัว หรือไปชกต่อยกับพวกอันธพาล แต่อาจเป็นแค่ความกล้าหาญในการปกป้องสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ ‘ควร’ ทำ แม้ว่าทำแล้วอาจไม่สำเร็จ หรือถูกหัวเราะเยาะ แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะทำ แค่นั้นก็นับเป็นความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่แล้ว
ในบางแง่มุม ความกล้าหาญ มีความคล้ายคลึงกับความเชื่อมั่นในตัวเอง ในบางแง่มุม กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกล้าหาญและความเชื่อมั่นในตัวเอง ก็มีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด และช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างยิ่งยวด
ผมเพิ่งได้อ่านวรรณกรรมเด็กเล่มหนึ่ง ที่หยิบเอาเรื่องราวของความกล้าหาญมาเล่าได้อย่างตรงใจที่สุด หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า ‘ฤดูร้อนเมื่อครั้งประถม ผมได้เป็นอัศวิน’ ซึ่งเขียนโดย นาโอกิ ฮยาคุตะ แปลเป็นภาษาไทยโดย ธนัญ พลแสน
ในคำโปรยด้านหลังปกหนังสือ เขียนไว้ว่า ความกล้าหาญ คือดาบแผ้วถางหนทางชีวิต และตบท้ายว่า ทุกคนต่างมีเมล็ดพันธุ์แห่งความกล้าหาญอยู่ และคนที่จะดูแลเมล็ดพันธุ์นั้นให้เติบโตขึ้นได้ก็คือตัวเราเอง
ครับ เพียงแต่คำโปรยไม่กี่ประโยค ก็ทำให้ผมเกิดความกล้าหาญที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นจากชั้น และตรงไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน แม้ว่าจะไม่เคยคุ้นชื่อทั้งคนเขียนและคนแปล
หนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องราวของเด็กประถมอายุสิบสองปี ชื่อ ‘เอ็นโด ฮิโรชิ’ ซึ่งเจ้าตัวบรรยายลักษณะตัวเองว่า เป็นเด็กไม่ได้เรื่อง ทั้งการเรียนและกีฬา นิสัยออกจะขี้ขลาด ฮิโรชิ หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า ฮิโระ มีเพื่อนสนิทสองคน คือ คิจิมะ โยสุเกะ เด็กอ้วน ตัวใหญ่ แต่ใจเสาะ ขี้แย แถมยังสมองทึบ เรียนไม่เก่ง และ ทาคาโต้ เคนตะ เด็กชายผู้อ่อนไหว พูดจาติดอ่าง ซึ่งอาจเป็นเพราะปมด้อยที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ ด้วยความที่ไม่ได้เป็นเด็กอัจฉริยะเหมือนพี่ชาย
เด็กชายสามคนคือตัวแทนของเด็กปลายแถวของห้อง และเป็นเด็กที่มักจะถูกเด็กคนอื่นในห้องกลั่นแกล้งอยู่เสมอ
ลึกๆ แล้ว ฮิโระ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เป็นเพราะความขี้ขลาดของพวกเขา โดยเฉพาะตัวเขาเองซึ่งคิดว่า นิสัยขี้ขลาดนั้นเป็นพันธุกรรมที่ได้มาจากพ่อ
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะในช่วงวัยเด็กก่อนหน้านั้น ฮิโระอยู่ในเหตุการณ์ที่พ่อของเขาทะเลาะวิวาทกับเด็กชั้นมัธยมต้นคนหนึ่ง ถึงขั้นชกต่อยกัน สุดท้ายพ่อของเขาถูกเด็กเกเรคนนั้นทำร้ายจนบอบช้ำ ทั้งเลือดและน้ำตาไหลกลบหน้า
ความทรงจำอันเลวร้ายและน่าอับอายครั้งนั้น ทำให้ฮิโระหวาดกลัวการทะเลาะเบาะแว้งกับเด็กคนอื่น จนฝังใจว่าตัวเองเป็นเด็กขี้ขลาดคนหนึ่ง ถึงอย่างนั้น ฮิโระเชื่อว่านิสัยนี้สามารถแก้ไขได้ หากเขาปลุกความกล้าหาญในตัวให้ตื่นขึ้นมาได้
ฮิโระ ชักชวนโยสุเกะและเคนตะตั้งหน่วยอัศวินขึ้น โดยเหตุผลแท้จริงซึ่งเขาไม่กล้าบอกเพื่อนก็คือ การเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยอัศวินน่าจะช่วยให้ตัวเองมีความกล้าหาญขึ้นมาได้
หน่วยอัศวินของฮิโระและผองเพื่อน มีบทบัญญัติ 5 ข้อ คือ 1 อัศวินต้องเข้มแข็ง 2 อัศวินต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง 3 อัศวินต้องช่วยเหลือพวกพ้องไม่ว่าเวลาไหน 4 อัศวินต้องมีความกล้าหาญอยู่เสมอ และ 5 อัศวินต้องรักและปกป้องเลดี้
เลดี้ที่พวกเขาจะต้องปกป้อง คือ อาริมุระ ยูโกะ เด็กนักเรียนหญิงเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งมีภาพลักษณ์เหมือนเลดี้ผู้สูงศักดิ์ เป็นเด็กสาวหน้าตาดี เรียนดี พูดจาไพเราะ
ตรงกันข้ามกับ มิบุ โนริโกะ เด็กหญิงเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกเหมือนทอมบอย ไม่มีใครคบ เพราะความที่เธอปากร้าย ชอบพูดคำหยาบด่าเพื่อน และนิสัยกร้าวแกร่งไม่กลัวใคร ราวกับเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ไม่มีใครรู้หรอกว่า แท้ที่จริงแล้ว มิบุทำตัวก้าวร้าว เพราะเธอถูกคนอื่นกลั่นแกล้งก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่ชอบมาว่าแม่ของเธอว่าเป็นคนบ้า มิบุจะตอบโต้กลับด้วยคำด่าที่แสนเจ็บปวดจนเด็กคนนั้นต้องร้องไห้กลับไปทุกที
ฮิโระรวบรวมความกล้าเดินไปบอกกับอาริมุระว่า พวกเขาเลือกให้เธอเป็นเลดี้ ที่หน่วยอัศวินสาบานจะจงรักภักดี ขณะที่เพื่อนคนอื่นในห้องพากันหัวเราะเยาะ แต่อาริมุระกลับยิ้มขอบคุณและยื่นมือให้อัศวินฮิโระจับ
วันหนึ่ง อาริมุระเอ่ยปากอยากให้หน่วยอัศวินทำอะไรบางอย่างเพื่อเธอ สิ่งนั้นก็คือการลงสมัครสอบวัดความรู้ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยากพอๆ กับการสอบเข้าโรงเรียนมัธยม แม้ว่าฮิโระและเพื่อนจะเรียนไม่เอาไหน แต่พวกเขาก็ยินดีรับปาก พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำคะแนนสอบให้อยู่ในระดับที่ไม่ทำให้เลดี้ต้องอับอายอย่างแน่นอน
“คิดว่าฉันอยากให้พวกเธอสอบเพราะหวังแค่นั้นงั้นเหรอ” อาริมุระ พูดสวนกลับมาด้วยเสียงเรียบๆ ก่อนจะเสริมว่า “ฉันอยากให้หน่วยอัศวิน สอบติดหนึ่งร้อยอันดับแรกของจังหวัด”
ฮิโระ เชื่อ (หรือหวังอย่างลมๆแล้งๆ) ว่าหากตั้งใจจริงพวกเขาจะต้องดึงพลังแฝงที่อยู่ในตัวออก และสามารถทำได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะเหลือเวลาเตรียมตัวแค่ไม่ถึงสองเดือน ทว่า มิบุเด็กหญิงทอมบอย คู่กัดของฮิโระกลับพูดว่า อาริมุระตั้งใจหลอกให้หน่วยอัศวินลงสมัครสอบ เพราะหวังจะทำให้พวกเขาขายหน้าต่างหาก
“ถ้าทำก็ทำได้น่ะ เป็นคำพูดที่ใช้กับเด็กที่ทำได้แล้วต่างหาก ที่ผ่านมาพวกนายทำอะไรไม่ได้สักอย่างไม่ใช่เหรอ แล้วพลังแฝงอะไร เคยดึงพลังที่ว่าออกมาสักครั้งหรือยัง” มิบุ พูดพร้อมหัวเราะเยาะ
แต่ที่เจ็บแสบกว่านั้น มิบุแสดงความปากร้ายออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยคำพูดว่า “ลูกหมูสามตัวรวมกัน ยังมีปัญญาประหนึ่งพระโพธิสัตว์ผู้มีปัญญาเป็นเลิศ แต่อย่างพวกนายสามคนรวมกัน คะแนนก็ยังไม่ถึงค่าเฉลี่ยเลยมั้ง”
แม้ว่ามิบุจะเป็นเด็กปากร้าย แต่เธอไม่ใช่คนใจร้าย ตรงกันข้ามมิบุมีหัวใจที่ดีงาม อ่อนโยน และกล้าหาญ มีอยู่วันหนึ่ง ฮิโระถูกรังแกโดยเด็กอันธพาลที่เคยทำร้ายพ่อของเขา เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในสวนสาธารณะที่ปราศจากคนให้พึ่งพา แต่สุดท้าย ฮิโระก็รอดพ้นจากการเจ็บตัว เพราะมิบุซึ่งแอบตามมาตะโกนเรียกตำรวจจนเด็กอันธพาลวิ่งหนีไป
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฮิโระมองมิบุด้วยสายตาและความคิดที่เปลี่ยนไป เขาไม่รู้ว่าทำไมมิบุถึงยอมเสี่ยงอันตรายด้วยการส่งเสียงดังเพื่อช่วยเขา และไม่รู้ด้วยว่าเหตุการณ์ในวันนั้นคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของทั้งคู่
ไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่โรงเรียนเริ่มเตรียมจัดงานเทศกาลประจำปี และมีการคัดเลือกตัวนักแสดงละครเวทีเรื่อง ‘เจ้าหญิงออโรรา’ โดยการยกมือโหวตของเด็กนักเรียนในห้อง สิ่งที่น่าประหลาดใจได้เกิดขึ้น เมื่อเสียงส่วนใหญ่ในห้อง โหวตให้มิบุ เด็กหญิงทอมบอยที่นุ่งกางเกงไปเรียนทุกวัน ได้แสดงเป็นเจ้าหญิง เฉือนชนะอาริมุระไปอย่างเหลือเชื่อ
ฮิโระครุ่นคิดและได้ข้อสรุปว่า เด็กในห้องโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ตั้งใจโหวตให้มิบุแสดงเป็นเจ้าหญิง เพื่อต้องการทำให้เธออับอายในการแสดงละครเวที ดังนั้น สิ่งที่เขาควรจะทำ ไม่ว่าจะในฐานะอัศวิน หรือในฐานะคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากมิบุ ก็คือ แสดงความกล้าหาญอะไรสักอย่าง เพื่อทำให้มิบุรอดพ้นจากความอับอายครั้งนี้
สิ่งที่ฮิโระทำ ก็คือการยกมือเสนอชื่อตัวเองเพื่อแสดงละครในบท ‘เจ้าชายฟิลลิป’ พระเอกคู่กับเจ้าหญิงออโรรา เขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่า ทำไมถึงตัดสินใจทำเช่นนั้น อาจจะเพราะไม่อยากให้มิบุรู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป อย่างน้อยเธอก็มีเขาที่ร่วมอับอายเป็นเพื่อน
นี่อาจไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่ อาจไม่ใช่วีรกรรมที่โลกต้องเชิดชู แต่มันก็คือความกล้าหาญอย่างที่สุด ที่เด็กชายวัยสิบสองปีคนหนึ่งจะสามารถทำได้ และมันจะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจของเขาและเธอไปตลอด
หลังจากนั้น มิบุเสนอตัวช่วยติวข้อสอบให้กับฮิโระ โยสุเกะ และเคนตะ จนทำให้ทั้งสามคนได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว มิบุ นอกจากจะเป็นคนดีแล้ว ยังเป็นเด็กหัวดีเอามากๆ อีกด้วย และกว่าที่ทุกคนจะรู้ตัว ทั้งฮิโระ โยสุเกะ เคนตะ และมิบุ ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่วรรณกรรมที่ซับซ้อนหรือหักมุม เรื่องราวจึงจบลงอย่างสวยงามและแฮปปี้เอนดิ้ง ผลการสอบวัดความรู้ออกมาอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคนในโรงเรียน เคนตะ เด็กชายติดอ่าง ผู้มีปมด้วยเรื่องพี่ชายอัจฉริยะ ได้คะแนนติดอันดับ 62 ของจังหวัด ส่วนฮิโระเอง ก็ได้คะแนนสูงเหลือเชื่อ แม้จะไม่ติดหนึ่งในร้อยคนแรก แต่ก็ได้ที่ 548 และคนได้ที่หนึ่งของจังหวัดก็คือ มิบุ
ส่วนการแสดงละครเวทีในงานประจำปีก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยเฉพาะฉากเต้นรำคู่ระหว่างเจ้าหญิงและเจ้าชาย ทำให้ทุกคนได้พบความจริงว่า มิบุคือเด็กหญิงที่สวยงามน่ารักไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะในสายตาของฮิโระ
อันที่จริง ยังมีเรื่องราวต่อหลังจากนั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในเมือง และทำให้ฮิโระได้แสดงความกล้าหาญออกมาอีกครั้ง แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องราวตรงนั้นแทบไม่มีส่วนสำคัญกับเรื่องเลย เพราะฮิโระได้ค้นพบและปลุกความกล้าหาญในตัวให้ตื่นขึ้นแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจตั้งหน่วยอัศวิน การเดินไปบอกอาริมุระว่า เธอคือเลดี้ของพวกเขา (แม้ว่าในภายหลังเขาจะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว มิบุต่างหากที่เป็นเลดี้ของพวกเขา) หรือแม้แต่การประกาศยุบหน่วยอัศวิน หลังจากที่พวกเขาทำภารกิจสอบวัดความรู้ ได้ตามที่เลดี้ต้องการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัดสินใจลงสมัครสอบวัดความรู้ของหน่วยอัศวิน และการที่ฮิโระเสนอชื่อตัวเองรับบทเจ้าชายฟิลลิป คือ ความกล้าหาญที่น่าประทับใจที่สุด
การตัดสินใจทำสิ่งที่ควรทำ แม้รู้ว่าโอกาสสำเร็จมีน้อยยิ่งกว่าน้อย แสดงให้เห็นว่า บางครั้ง ‘ความกล้าหาญ’ อาจไม่ได้มาพร้อมกับความเชื่อมั่นเลย เราอาจไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะทำได้ แต่เราก็ยังตัดสินใจทำด้วยความกล้าหาญ
หรือการยืนหยัดเพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง ทั้งที่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับความอับอาย พึงนับเป็นความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้การที่อัศวินคนหนึ่ง จะหยิบดาบลุกขึ้นสู้กับนักรบทั้งกองทัพ