- After the storm เป็นภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่น กำกับโดย โคเรเอดะ (Hirokazu Kore-eda) ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวและสังคมญี่ปุ่นได้อย่างอบอุ่นและสะเทือนภายในใจ
- หนังเรื่องนี้เล่าถึง ‘เรียวตะ’ หนุ่มนักเขียนที่ถูกมองว่าหัวดี แต่ด้วยนิสัยติดการพนัน ทำให้สภาวะทางการเงินและความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
- เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าในชีวิตจริงไม่ใช่ว่าทุกๆ เรื่องจะจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง ทุกอย่างไม่อาจเป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ และต้องยอมรับว่าต่างคนก็ต่างดำเนินชีวิตกันต่อไป
หนังของผู้กำกับ โคเรเอดะ (Hirokazu Kore-eda) เจ้าเก่าที่ชอบหยิบเอาประเด็นของครอบครัวและสังคมญี่ปุ่นมาเล่า ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พูดเรื่องราวซับซ้อนเหล่านี้ออกมาได้อย่างอบอุ่นและสะเทือนภายในใจ
หนังเล่าถึง ‘เรียวตะ’ ชายหนุ่มนักเขียนผู้เคยได้รับรางวัลเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ทำงานเป็นนักสืบเอกชนเพราะต้องการหาข้อมูลไปเขียนวรรณกรรมและต้องการเงินไปใช้ เขาเป็นชายหนุ่มที่คนรอบข้างมองว่าเป็นคนหัวดี มีความสามารถแต่ด้วยนิสัยติดการพนันทำให้เขาไม่ค่อยมั่นคงและกำลังอยู่ในกระบวนหย่า เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายคนเดียวของตัวเองได้ แม้จะรักษาสัญญากับภรรยาเก่าหลายต่อหลายครั้งว่าจะเอาเงินค่าเลี้ยงดูมาให้แลกกับการได้เจอกับลูกชายอาทิตย์ละครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยทำสำเร็จ
พ่อของเรียวตะเองก็เป็นนักการพนัน พ่อมักจะเอาเงินที่แม่ซ่อนไว้ไปใช้ รวมถึงเอาของในบ้านไปจำนำบ่อยครั้ง เขาเคยพูดกับตัวเองหลายครั้งว่าไม่อยากเป็นแบบพ่อแต่สุดท้ายเขากลับกลายมาเป็นแบบพ่อจนได้
‘เคียวโกะ’ ภรรยาของเรียวตะ เธอไม่อาจทนอยู่กับเขาต่อได้ เธอบอกกับเรียวตะว่า
“พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอ”
เรียวตะซึ่งยังมูฟออนจากคนรักไม่ได้ จึงแอบคอยแอบติดตามชีวิตของเคียวโกะและลูก แล้วก็ได้พบว่าเคียวโกะมีแฟนใหม่แล้ว แต่ลูกชายของเขาดูไม่ได้แฮปปี้เท่าไหร่เวลาอยู่กับแฟนใหม่ของแม่ ทำให้เรียวตะมีความหวังว่าอาจจะได้กลับไปอยู่ตรงนั้น ได้กลับไปเป็นพ่อของลูกและสามีของเคียวโกะอีกครั้ง
แล้วคืนหนึ่งที่มีไต้ฝุ่นขนาดใหญ่พัดเข้ามา พวกเขาทั้งสามคนได้มีโอกาสกลับมาใช้เวลาสั้นๆ ร่วมกันในห้องอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของคุณย่า(แม่ของเรียวตะ) เพราะไม่สามารถออกไปไหนได้
แวบแรกโอกาสนี้ถือว่าเป็นความหวังของครอบครัวที่อาจจะได้กลับมาคืนดีกัน ทั้งคุณย่าและ ‘ชินโกะ’ (ลูกชายของเรียวตะ) ต่างมีท่าทีที่อยากให้เรียวตะและเคียวโกะรักกันเหมือนเดิม มีบทสนทนาเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่ทำให้เห็นถึงความห่วงใยของแม่สามีที่มีต่อลูกสะใภ้ และความรักความผูกพันของพ่อลูกที่มีให้กัน
แต่ก็ทำให้เห็นด้วยว่าเพราะอะไรเรียวตะกับเคียวโกะจำเป็นที่จะต้องเลิกกัน
และเมื่อรุ่งเช้ามาถึง หลังพายุสงบทั้งคู่ก็แยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง เรียวตะต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าตัวเองไม่สามารถดูแลใครได้จริงๆ
เขาต้องยอมปล่อยวางเพื่อให้ทุกคนได้ไปต่อ และเพื่อปลดปล่อยตัวเองให้ได้เริ่มต้นใหม่เช่นกัน
การที่พวกเขามีพื้นที่ที่ให้เปิดใจคุยกันอีกครั้ง ทำให้ทั้งคู่ได้มาทบทวนกันว่าเพราะอะไรครอบครัวของพวกเขาถึงต้องหยุดแค่เท่านี้ และเป็นส่วนนึงที่ทำให้เรียวตะได้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
เรารู้สึกว่าการที่เรียวตะกล้ายอมรับความจริงว่าไม่สามารถช่วยรับผิดชอบครอบครัวต่อไปได้อีกแล้ว ทำให้เรียวตะและพ่อนั้นต่างกัน เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวของเรียวตะเองก็ไม่ได้มีความสุขที่มีพ่อเป็นนักการพนันแต่พวกเขาก็อดทนอยู่ด้วยกันมาจนพ่อของเขาตายไป
มีช่วงหนึ่งที่เราชอบมากคือตอนที่เรียวตะนั่งคุยกับแม่ของเขากลางดึก เรื่องความตายไปจนถึงเรื่องใช้ชีวิตลึกซึ้งหลายอย่าง เช่น เรียวตะสงสัยว่าพ่อต้องการอะไรกันแน่ ตอนเขามีชีวิตอยู่เพราะหลายอย่างในชีวิตดูไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด แม่บอกว่า “การคิดถึงคนที่จากไปแล้วไม่ทำให้เขากลับมาหรอกนะ เราควรทำดีกับคนตรงหน้าที่ยังมีชีวิตอยู่”
หนังเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าในชีวิตจริงไม่ใช่ว่าทุกๆ เรื่องจะจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง ทุกอย่างไม่อาจเป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ
เราชอบที่ได้เห็นการเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ไม่มา Romanticize ว่าถ้าหากมีความรักให้กันก็จะอยู่ด้วยกันต่อไปได้
ครอบครัวบางครอบครัวก็ไม่อาจกลับมาอยู่ด้วยกันได้จริงๆ สุดท้ายมันคือการยอมรับว่าเราอาจต้องต่างคนต่างดำเนินชีวิตต่อไป
เราเองก็เคยนึกถึงว่าชีวิตจะเป็นยังไงถ้าหากตอนนี้เรายังมีพ่ออยู่ด้วยกัน ไม่ได้มีแม่ที่เป็นคนเลี้ยงดูเราเพียงคนเดียว แต่มันก็เหมือนคิดถึงคนที่ตายไปแล้วอย่างที่คุณย่าพูดนั่นแหละ สุดท้ายชีวิตที่เราควรโฟกัสก็คือชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเราและคนที่ยังอยู่กับเราตรงนี้ต่างหาก