Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    RelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/CrisisLife classroomHealing the trauma
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Book
23 October 2025

หินของซิซีฟัส : โลกที่ไร้เหตุผลที่กับความหมายที่ไม่ต้องรอให้ใครกำหนด

เรื่อง เจษฎา อิงคภัทรางกูร

  • หนังสือ ‘ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล’ เขียนโดย อาจารย์พินิจ รัตนกุลหยิบแนวคิดจากผลงาน ‘The Myth of Sisyphus’ ของอัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) มาตีความ เพื่อชวนผู้อ่านทำความเข้าใจกับความไร้เหตุผลของชีวิตและการดำรงอยู่ในโลกที่ไม่อาจอธิบายได้
  • ถ่ายทอดสารสำคัญที่มองว่าความทุกข์และการดิ้นรนของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งสูญเปล่า หากเป็นโอกาสให้เราได้ตระหนักรู้ถึงอิสรภาพ และคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
  • แม้ว่าชีวิตจะไม่ได้มีความหมายในตัวของมันเอง แต่ก็ไม่ได้แปลว่า มนุษย์จะไม่สามารถสร้างความหมาย และทำให้เป็นชีวิตของตนเอง เป็นชีวิตที่คู่ควรแก่การมีอยู่ และใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อไป

ซิซีฟัส (Sisyphus) คือชื่อของอดีตกษัตริย์แห่งเมืองโครินธ์ ในตำนานปกรณัมกรีกโบราณ ผู้ที่ใช้สติปัญญาของตนเอง ท้าทายอำนาจของเทพและเทพีซ้ำแล้วซ้ำอีก กระทั่งสุดท้าย ถูกบรรดาเทพเจ้าตัดสินลงทัณฑ์ โดยการสาปให้เขาต้องเข็นก้อนหินขึ้นสู่ยอดเขา และเมื่อถึงแล้วก็ต้องตกลงมาใหม่ เวียนวนอย่างนี้ซ้ำไปตลอดกาล เพราะเหล่าเทพมองว่าไม่มีการลงโทษใดที่จะร้ายกาจเท่ากับการลงแรงที่สิ้นหวัง ไร้ผลตอบแทน และไร้ที่สิ้นสุดเช่นนี้อีกแล้ว

เรื่องเล่านั้นจบลงเพียงเท่านั้น คงเหลือไว้แต่เพียงพื้นที่ให้จินตนาการของผู้อ่านได้เติมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองเข้าไปแทน ว่าซิซีฟัสจะรู้สึกอย่างไร ที่ต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี มาทำสิ่งที่ถูกนิยามว่า ‘ไร้เหตุผล’ ไปตลอดกาล แรงทั้งหมดถูกใช้เพื่อเข็นก้อนหินขึ้นสู่ยอดเขา และเมื่อมันไปถึงแล้ว หินก็จะกลิ้งย้อนกลับมาสู่เบื้องล่างเสมอ ผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวของซิซีฟัส มีแนวโน้มที่จะคิดว่าเขาคงรู้สึกท้อแท้ หดหู่ และพลันคิดไปว่าชีวิตของซิซีฟัส ฟังดูเป็นชีวิตที่ไม่ควรค่าแก่การมีอยู่เอาเสียเลย

อย่างไรก็ตาม อัลแบร์ กามูส์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส – แอลจีเรีย เป็นคนที่ตั้งคำถามชวนคิด ผ่านงานเขียน ‘The Myth of Sisyphus’ ว่าซิซีฟัสนับว่าเป็นคนที่น่าสนใจ เพราะในเวลาที่เขาพาเจ้าก้อนหินขึ้นไปสู่ยอดเขาได้สำเร็จ ได้หยุดพัก และในจังหวะที่เดินกลับลงมาที่ปลายเขาเพื่อเข็นก้อนหินขึ้นไปใหม่นี้เอง ที่เขารู้สภาพของตนเองอย่างทะลุปรุโปร่ง ซึ่งการรู้สภาพของตนเองนี้ ทั้งที่มันควรจะเป็นเครื่องทรมานเขา แต่มันกลับเป็นชัยชนะของเขาในขณะเดียวกัน เพราะเขาไม่ได้เปรียบเทียบก้อนหินกับความทุกข์ทรมาน หรือเทียบกับความสุขที่เคยมีสมัยเป็นมนุษย์ เขากลับมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนประกอบของชีวิตของเขา และล้วนเป็นสิ่งที่ดีแล้ว และยังคงผลักก้อนหินนั้นอยู่เรื่อยไป ชะตากรรมของเขา จึงเปลี่ยนจากชะตากรรมที่ถูกกำหนดโดยเทพเจ้า เป็นโลกที่ชะตากรรมถูกกำหนดขึ้นด้วยตัวเขาเอง กามูส์ทิ้งท้ายว่า ที่สุดแล้ว ทุกอณูของก้อนหิน ภูเขา ได้รวมเข้ามาเป็นโลกของเขา และการดิ้นรนให้บรรลุเป้าหมายนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจเต็มเปี่ยม และเราควรจินตนาการให้เห็นภาพว่าซิซีฟัสกำลังมีความสุข

สิ่งนี้เชื่อมโยงกับ ‘ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล’ (Absurdism) ของกามูส์เอง ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปรัชญาของสามัญชนคนธรรมดา ที่ต้องพยายามต่อสู้และใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไร้เหตุผล และไร้ความหมายในตัวของมันเอง เมื่อมนุษย์ต้องการเหตุผลที่มาอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่สามารถอธิบายได้ หรือขัดแย้งกับความเป็นจริง จึงเกิดเป็นความทุกข์ เช่น เมื่อเราทำบุญคุณแก่ใคร เรามักคาดหวังว่าผู้นั้นจะตอบแทนบุญคุณหรือทำดีต่อเรา แต่ในหลาย ๆ ครั้งกลับไม่เป็นเช่นนั้น หรือคิดว่าคนทำดีควรได้ดี และคนทำชั่วควรได้ชั่ว แต่ก็ไม่ตรงกับความจริงที่เราเห็นในสังคมเช่นกัน 

เพราะโลกเองไม่เคยสนใจว่ามนุษย์ต้องการอะไร มันเพียงแต่เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างไม่มีเป้าหมายอะไรเท่านั้น

ภายใต้แนวคิดนี้ ไม่ใช่แค่โลกที่ไร้เหตุผล แต่ชีวิตเองก็เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลเช่นเดียวกัน มนุษย์ไม่รู้เหตุผลอย่างแท้จริงว่าชีวิตมีอยู่เพื่ออะไร มีอยู่เพื่อทำตามเป้าหมายหรือ Passion? มีอยู่เพื่อไล่ตามความสำเร็จด้านการเงินหรือชื่อเสียง? มีอยู่เพื่อทำงานเสมือนฟันเฟืองในเครื่องจักรที่เรียกว่าระบบเศรษฐกิจ? และการต่อสู้ดิ้นรนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่จะมีความหมายอะไร ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ความตายก็จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาหมดความหมายลงทันที

ถ้าหากเราเชื่อว่าชีวิตและโลกไร้เหตุผล และไร้ความหมายตามแนวคิดนี้แล้ว การใช้ชีวิตอย่างไม่มีความหมายอยู่ในโลกที่ไร้เหตุผล ฟังดูห่างไกลจากการมีความสุขเหลือเกิน เราควรจะต้องทำอย่างไร ซึ่งหนังสือของ อ.พินิจ รัตนกุล ก็ได้เสนอทางออก 3 รูปแบบ คือ

  1. ยอมรับความจริงและใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ อย่างหดหู่ ไม่สนใจใครหรือสิ่งใด
  2. การเลือกจากโลกนี้ไปด้วยตนเอง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา หรือทำให้ชีวิตมีความหมายขึ้นมาแต่อย่างใด เพราคนที่ยอมรับความจริงว่าชีวิตคือความทุกข์ ย่อมไม่จากไปเพื่อหนีความทุกข์
  3. ทางออกสุดท้ายคือการอยู่กับความจริงที่ไม่สวยงามนี้ให้ได้ เพราะแม้ชีวิตจะเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีความหมายอยู่ในตัว เปรียบเสมือนก้อนดินเหนียว ที่อาจไม่ได้มีคุณค่าในตัวเอง แต่การเติบโต งาน ความสัมพันธ์ และประสบการณ์ต่างๆ ก็เป็นเหมือนมือของศิลปิน ช่างปั้น ที่เปลี่ยนดินเหนียวแต่ละก้อน ให้มีความสวยงาม และมีคุณค่าที่พิเศษในตัวของมันเอง

ดังนั้นแล้ว แม้ว่าโลกนี้อาจไร้เหตุผล และชีวิตอาจไม่ได้มีความหมายอะไรในตัวของมันเอง แต่มนุษย์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเบื่อชีวิตและจมอยู่กับความทุกข์อยู่ตลอดเวลา โดยอาจลองท้าทายตนเองผ่าน 2 วิธีการ คือ

  1. ยอมรับความจริงว่าโลกในทุกวันนี้ไร้เหตุผล และไม่คาดหวังให้สังคม เหตุการณ์ หรือคนรอบๆ ตัวเป็นไปอย่างที่เราคาดหวังตลอดเวลา และไม่ต้องพยายามคิดหาคำตอบ คำอธิบายในทุกๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว หรืออยู่ตรงหน้า เช่น ทำไมเราถึงไม่เป็นอย่างคนนั้น ทำไมเราถึงไม่เกิดมาในครอบครัวอย่างเขา หรือทำไมเหตุการณ์แบบนี้ต้องมาเกิดแต่กับเรา เพียงแต่พยายามแก้ไข และทำออกมาให้ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ จะทำให้มนุษย์อยู่อย่างมีความสุขมากขึ้น
  2. สร้างความหมายให้ชีวิตด้วยตัวของเราเอง แม้ว่าชีวิตจะไม่มีความหมายในตัวของมัน แต่เราไม่จำเป็นต้องรอให้ชีวิตมีความหมายมาก่อนแล้วจึงค่อยมีความสุข แต่ความสุขเกิดขึ้นได้ในทุกเวลาที่เราทำให้ชีวิตมีความหมาย และความหมายนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามมาตรฐานหรือความคาดหวังของคนอื่นเลย

เราอาจเคยหรือกำลังเผชิญกับสิ่งที่ทำให้เราตั้งคำถามกับวัฏจักรในชีวิตและการทำงาน ที่ในบางครั้งอาจดูเหมือนไร้ความหมาย ไม่มีที่สิ้นสุด และเรื่องราวของซิซีฟัส ได้เป็นตัวอย่างของผู้ที่เป็นเจ้าของชะตากรรมของตนเองอย่างแท้จริง ผู้เปลี่ยนสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นชะตากรรม ที่ถูกกำหนดโดยทวยเทพ ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและโอบรับมันไว้ ผู้เปลี่ยนก้อนหิน จากบทลงโทษ ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และในโลกที่ไร้เหตุผล ที่ถึงแม้ว่าชีวิตจะไม่ได้มีความหมายในตัวของมันเอง แต่ก็ไม่ได้แปลว่า มนุษย์จะไม่สามารถสร้างความหมาย และทำให้เป็นชีวิตของตนเอง เป็นชีวิตที่คู่ควรแก่การมีอยู่ และใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อไป

Tags:

ความหมายของชีวิตปรัชญาแห่งความไร้เหตุผลThe Myth of Sisyphusอาจารย์พินิจ รัตนกุลหนังสือ

Author:

illustrator

เจษฎา อิงคภัทรางกูร

ชอบมองหาความพิเศษในตัวคนทุกคน ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินหรือนิยามใครด้วยมุมมองเพียงมิติเดียว เชื่อในพลังที่เกิดจากการร่วมมือกันของมนุษย์ และพยายามปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอกัน

Related Posts

  • Book
    เพื่อนยาก: ความผูกพัน ความฝัน ความรับผิดชอบและการจากลาชั่วนิรันด์ในนาม ‘มิตรภาพ’

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Book
    The Catcher in the Rye : ไม่ต้องมีใครโอบรับใคร ถ้าไม่มีผู้ใดร่วงหล่นจากท้องทุ่ง

    เรื่อง ฌานันท์ อุรุวาทิน

  • Book
    ‘อย่าเป็นคนฉลาดที่สุดในห้อง’ นักวิทย์โนเบลแนะวิธีเรียนให้รุ่ง

    เรื่อง

  • Everyone can be an Educator
    วิธีสมุดบันทึก: การเรียนรู้บนสมุดไร้เส้น ชวนเด็กคิด อ่าน เขียนอย่างอิสระกับครูใหญ่สำนักพิมพ์ผีเสื้อ ‘มกุฏ อรฤดี’

    เรื่อง นฤมล ทับปาน ภาพ ปริสุทธิ์

  • BookHow to enjoy life
    DESIGNING YOUR LIFE: ปัญหาที่แก้ไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นสถานการณ์ไม่ต่างกับ ‘แรงโน้มถ่วง’

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี

  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel