Skip to content
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
  • Creative Learning
    Life Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique TeacherCreative learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
Relationship
12 March 2021

จิตวิทยา ‘ของขวัญ’ : ให้อะไรถึงจะดีต่อใจคนรัก

เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • แม้การให้ของขวัญจะมีหลักการเรียบง่าย คือ ให้ของมีค่ากับอีกฝ่าย แต่เพราะสังคมที่ซับซ้อนทางสัญลักษณ์ ของขวัญที่คนรักถูกใจเลยไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตัวสิ่งของ การให้ของดี หายาก ราคาแพง ไม่ได้การันตีว่าคนรักจะพอใจ 
  • ของขวัญที่ดีคือของขวัญที่สื่อความรู้สึกของผู้ให้ว่าอยากเอาอกเอาใจ ใส่ใจ และไม่ลืมที่จะให้ของขวัญกันในโอกาสสำคัญ รวมถึงรู้ใจว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร ของขวัญเป็นเหมือนตัวแทนของความรู้สึกที่มีให้กันมากกว่าค่าของตัวสิ่งของเอง
  • งานวิจัยพบว่า คู่รักที่ความสัมพันธ์ง่อนแง่นอยู่แล้ว ของขวัญอาจจะเป็นคันเร่งที่ทำให้เลิกกันไวขึ้น เพราะของขวัญนั้นมันทำให้ความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นว่าจะไปด้วยกันรอดหรือไม่

ในช่วงเทศกาลแห่งความรักอย่างวันวาเลนไทน์ ไวท์เดย์ คริสต์มาส วันเกิดของคู่รัก หรือวันครบรอบวันแต่งงาน การให้ของขวัญกลายเป็นไฟต์บังคับที่คู่รักต้องจัดหาสิ่งที่พิเศษสุด ๆ มาให้อีกฝ่าย แต่บางครั้งการให้ของขวัญแก่คนรักกลายเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว เพราะไม่รู้ว่าให้อะไรถึงจะถูกใจอีกฝ่าย จนบางคู่ขัดใจกันเพราะเรื่องของขวัญนี่แหละครับ บทความนี้เลยชวนผู้อ่านทุกท่านมารู้จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังการให้ของขวัญ แล้วเรามาดูเคล็ดลับกันว่าให้ของขวัญแบบใดถึงจะถูกใจคนรัก และดีต่อความสัมพันธ์

การให้ของขวัญเพื่อเอาใจคู่รักนั้นเป็นกิจกรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากครับ เรียกได้ว่าเกิดขึ้นก่อนจะมีอารยธรรมด้วยซ้ำ เราต้องย้อนไปถึงลิงไร้หางซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ สมัยนั้นการให้ของขวัญอยู่ในรูปของการแบ่งปันอาหารกันในฝูงนั่นเอง แต่ถ้าจะให้ใกล้เคียงขึ้นไปอีกคือการที่ลิงตัวผู้ให้อาหารแก่ตัวเมียที่มันอยากมีลูกด้วย การมีลูกนั้นเป็นงานยากของเพศหญิง โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต้องตั้งครรภ์นาน ทั้งลำบากทั้งอันตราย ตัวผู้เลยวิวัฒนาการพฤติกรรมที่ทำให้ตัวเมียพอใจและเลือกตนเป็นคู่ นอกจากเป็นการเอาใจแล้วตัวผู้ที่แข็งแรงมียีนที่ดีก็น่าจะมีพละกำลัง ความสามารถ หาของขวัญหรืออาหารดี ๆ มาให้ตัวเมียเห็นว่าชายคนนี้แหละคือพ่อพันธุ์ชั้นยอด และนั่นคือต้นกำเนิดการให้ของขวัญในคู่รัก 

เวลาผ่านไป ลิงไร้หางวิวัฒนาการเป็นมนุษย์ และมนุษย์ก็พัฒนาสังคมให้ซับซ้อนมากขึ้น การให้ของขวัญพัฒนาเป็นสัญลักษณ์แทนการสานสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ตั้งแต่ระหว่างบุคคล ระหว่างครอบครัว ระหว่างเผ่า ไปจนถึงระหว่างอาณาจักร ส่วนของขวัญที่ให้คนรักก็ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายชายฝ่ายเดียวอีกต่อไป ผู้หญิงในสังคมสมัยใหม่ก็เป็นฝ่ายให้ของขวัญแก่ผู้ชายที่รักได้เช่นกัน การให้ของขวัญกลายเป็นวัฒนธรรมที่ปลูกฝังกันมานานว่า หากรักหรืออยากสานสัมพันธ์กับใคร ก็ต้องหาโอกาสให้ของขวัญคนนั้น

แม้การให้ของขวัญจะมีหลักการเรียบง่าย คือ ให้ของมีค่ากับอีกฝ่าย แต่เพราะสังคมที่ซับซ้อนทางสัญลักษณ์ ของขวัญที่คนรักถูกใจเลยไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตัวสิ่งของ การให้ของดี หายาก ราคาแพง ไม่ได้การันตีว่าคนรักจะพอใจ 

งานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่าของขวัญที่ดีขึ้นกับ “ค่าทางใจ” ที่ถูกตีความจากของขวัญที่ได้ ของขวัญที่ดีคือของขวัญที่สื่อความรู้สึกของผู้ให้ว่าอยากเอาอกเอาใจ ใส่ใจ และไม่ลืมที่จะให้ของขวัญกันในโอกาสสำคัญ รวมถึงรู้ใจว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร ของขวัญเป็นเหมือนตัวแทนของความรู้สึกที่มีให้กันมากกว่าค่าของตัวสิ่งของเอง คำถามคือแล้วจะให้อะไรดีล่ะ ถึงจะสื่อค่าทางใจที่ว่าได้ 

งานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า ของขวัญที่คนรักได้รับแล้วประทับใจมากๆ มักมีเรื่องราวซ่อนอยู่ในนั้น ไม่ได้แปลว่าต้องให้นิยายนะครับ ผมหมายถึงของขวัญที่พอเห็นปุ๊บ ก็นึกถึงประสบการณ์ดีๆ ที่เคยมีร่วมกันของทั้งสองคน อย่างเช่น วันวาเลนไทน์ฝ่ายชายให้ดอกดาวกระจายกับแฟน คนอื่นเห็นอาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่มันกลับทำให้แฟนเขาดีใจมาก เพราะตอนสมัยจีบกันใหม่ๆ ฝ่ายชายเก็บดอกดาวกระจายจากที่บ้านมาให้ประจำ พอฝ่ายหญิงเห็นก็เลยทั้งดีใจทั้งขำ ของแบบนี้ถ้าเอาไปให้คนอื่นเขาก็คงไม่อินไปด้วยหรอกครับ แต่มันเป็นของที่รู้กันสองคนว่ามันมีค่า เพราะมันไปโยงกับความหลังที่น่าจดจำ

แต่ถ้าคู่ไหนยังไม่มีอะไรที่น่าประทับใจในอดีตนัก เราใช้ของที่สื่อว่าจะสร้างประสบการณ์ในอนาคตที่น่าจดจำก็ช่วยให้คนรักประทับใจได้เช่นกัน เช่น การชวนกันไปเที่ยวก็ถือว่าเป็นของขวัญได้ แค่คำชวนเองก็มอบความรู้สึกดีที่จะได้เที่ยวด้วยกัน น่าตื่นเต้นที่จะได้ไปดูทิวทัศน์สวย ๆ กันสองคน หรือหากคู่ที่รักกันมานาน ของขวัญที่สื่อถึงการแต่งงานอย่างแหวนจึงเป็นสิ่งพิเศษมาก ๆ เพราะมันคือสื่อว่าต้องการใช้ชีวิตด้วยกันไปอีกนาน 

นอกจากนี้ ของใช้ที่ต้องใช้ทุกวันก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างปากกาที่ต้องพกติดตัว ผ้ากันเปื้อนตอนทำครัว ผ้าพันคอก็เข้าท่า แต่หาโอกาสใช้ในไทยยากนิด ของพวกนี้พอหยิบมาใช้แล้วหน้าของอีกฝ่ายก็ลอยมา ทำให้รู้สึกถึงความเอาใจใส่ได้เสมอ

ประสบการณ์อีกช่วงที่สำคัญคือ ประสบการณ์ตอนที่กำลังได้รับของขวัญตอนนั้นแหละครับ เทคนิคนี้จริงๆ ก็ไม่ใช่ของใหม่ วันเกิดแฟนทำเงียบๆ แต่จริงๆ แอบเอาของขวัญหย่อนใส่กระเป๋าไว้พร้อมการ์ด พออีกฝ่ายมาเจอก็เซอร์ไพรส์ยิ้มแก้มปริ หรือบางคนไปขอนักร้องในร้านอาหารร้องเพลงให้เป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานตอนไปกินข้าวด้วยกัน หรือถ้ามีทักษะหรือความกล้าพอจะขอขึ้นไปร้องเองก็น่าจะยิ่งเป็นเหตุการณ์น่าประทับใจ ถ้าแขกคนอื่นฟังแล้วไม่สำลักข้าวเสียก่อน การมีเรื่องราวนั้นมันจะไปผูกกับตัวสิ่งของ พอเห็นทีไรก็ทำให้นึกเรื่องดี ๆ ได้ทุกที

ของขวัญที่ดีนอกจากจะทำให้ผู้รับรู้สึกดีแล้ว นักจิตวิทยายังวิจัยเพิ่มว่าของขวัญแบบไหนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักยืนนาน และผลก็ออกมาน่าสนใจทีเดียว 

ของขวัญแบบหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะหลงลืมว่าให้แล้ว มันจะดีกับชีวิตคู่ คือ “การให้ของขวัญตัวเอง” แต่ไม่ใช่ว่าอยากได้อะไรก็ซื้อมาใช้ มีความสุขคนเดียวนะครับ ของขวัญให้ตัวเองในที่นี้คือซื้อแล้วเอาไปใช้เพื่อที่จะทำให้เราเป็นคนที่ดีพร้อมทำให้อีกฝ่ายหลงเรามากขึ้น 

งานวิจัยพบว่าการซื้อเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว คอร์สนวดหน้า หรืออื่นๆ ที่ทำให้เราดูสวยขึ้นในสายตาคนรักนั้นมีผลดีกับชีวิตรักโดยเฉพาะหากคนทำเป็นฝ่ายหญิง เหมือนเราซื้อของมาใช้เองก็จริง แต่สิ่งที่คนรักได้คือได้แฟนที่สวยวันสวยคืน โดยเฉพาะสวยตอนไปไหนมาไหนกับเขา อย่าสวยแค่ตอนไปชอปปิงกับเพื่อนแล้วกัน

ของขวัญอีกประเภทที่ได้ผลดีกับความสัมพันธ์คือ ของขวัญที่ให้แล้วชาวบ้านรับรู้ว่าทั้งสองคนยังรักกันดี อย่างเช่น เสื้อคู่ที่ใส่ไปไหนมาไหนด้วยกัน หรือตอนให้ของขวัญก็ต้องให้ต่อหน้าคนทั้งบริษัท หรือให้ของที่พอเจ้าตัวเอาไปด้วยก็รู้เลยว่านี่แหละแฟนให้ คนอื่นเห็นอาจจะหมั่นไส้นิดหน่อย แต่การใช้ของขวัญแบบนี้มีผลผูกมัดทางใจลึกๆ ทำให้คู่รักไม่เลิกกันง่ายๆ

ถึงการได้รับของขวัญจะเหมือนได้ของฟรี ซึ่งน่ายินดี แต่บางกรณีการให้ของขวัญก็ทำให้อีกฝ่ายอึดอัดแทนได้ โดยเฉพาะของที่แพงเกิน หรือมีค่าเกินที่อีกฝ่ายจะกล้ารับไว้ สมมติเพิ่งคบกันยังไม่ถึงเดือน เอาสร้อยเพชรมาให้ อีกฝ่ายจะคงเหวอเหมือนกัน ยิ่งคนที่ยังอยู่ในขั้นจีบกัน อยู่ ๆ เอาของราคาสี่ห้าหลักมาให้ ก็อาจจะมีคนชอบนะครับ แต่คนส่วนใหญ่น่าจะคิดว่ายังไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสม ความอึดอัดจากการรับของขวัญเองก็เป็นเรื่องที่ผู้ให้ต้องใส่ใจ ไม่ใช่รักมากก็ทุ่มมาก ตะบี้ตะบันให้ เพราะถ้าผู้รับอึดอัดมากไปนอกจากสุดท้ายเขาจะยืนกรานไม่รับแล้ว เขาจะรู้สึกไม่ดีกับคนให้แทน

กับคู่รักที่รักกันแล้ว บางครั้งค่านิยมในการให้ของขวัญก็ต่างกันครับ บางคนไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของขวัญ แต่อีกฝ่ายเห็นความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เลยให้มันอยู่ฝ่ายเดียวทุกโอกาส วันเกิด วาเลนไทน์ ไวท์เดย์ คริสต์มาส ครบรอบวันแต่งงาน ตรุษจีน สงกรานต์ วันเกิดพ่อแม่อีกฝ่ายก็ยังหาอะไรไปให้ ถึงผู้ให้จะไม่ถือว่าตนให้อยู่ฝ่ายเดียว ให้ของกับคนรักมันก็น่าอิ่มใจ แต่บางครั้งผู้รับรู้สึกไม่ดีที่จะต้องรับอยู่ฝ่ายเดียวครับ 

ความสัมพันธ์ที่ดีนั้นต้องเป็นทั้งฝ่ายรับและฝ่ายให้ ถ้าต้องให้ฝ่ายเดียวบางครั้งก็รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ แต่ถ้ารับฝ่ายเดียวก็รู้สึกไปเอาเปรียบเขา ทำให้เขารู้สึกผิดว่าเป็นคนรักที่ไม่ดี แถมมันยังเหมือนเพิ่มภาระให้เขาต้องหาของขวัญมาตอบแทนเราอีกถึงเขาจะไม่ชอบกิจกรรมให้ของขวัญเลยก็ตาม ถ้าสังเกตเห็นความอึดอัดเหล่านี้ก็ลองคุยกันดูนะครับ อย่าให้ฝ่ายไหนต้องเก็บไปคิดมากคนเดียว

ของขวัญอีกแบบที่สร้างความอึดอัดใจได้คือของขวัญที่เหมือนบังคับให้อีกฝ่ายต้องใช้ การให้ของใช้นั้นอย่างที่บอก คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีในอนาคตได้ แต่มันไม่ใช่ทุกครั้งที่คนรักอยากจะใช้ของขวัญที่เราให้  ถ้าเรารู้ใจคนรักพอ ให้ของที่เขาอยากใช้พอดี มันก็ลงตัว แต่ถ้าเราเดาพลาด เหมือนซื้อเสื้อมาให้ แล้วคนรักแทบจะน้ำตาร่วงเพราะดีไซน์ไม่ถูกใจเลย แต่ก็ต้องทนใส่ กลัวเสียน้ำใจ หรือบางคนไม่ได้ชอบทำอาหาร แต่คนรักซื้อเตาอบมาให้ ก็ต้องรับไป หัวเราะแห้งไป เพราะไม่รู้จะเอามาทำอะไรดี สมัยจีบกันเอาไปหมกไว้บ้านยังพอไหว เขาไม่รู้ แต่กับคู่ที่คบกันมานาน หรือสามีภรรยา ถ้าเจอแบบนี้จะรับเสร็จเก็บใส่ตู้ลืมก็ไม่ได้ เดี๋ยวอีกฝ่ายน้อยใจว่าทำไมให้แล้วไม่เห็นเอามาใช้ ของขวัญเลยมอบความอึดอัดใจให้แทน รักกันทั้งทีลองสังเกตดูดี ๆ ก่อนก็ดีครับว่าอีกฝ่ายเขาจะอยากใช้สิ่งที่เราให้ไหม

นอกจากนี้ งานวิจัยพบว่าคู่รักที่ความสัมพันธ์ง่อนแง่นอยู่แล้ว ของขวัญอาจจะเป็นคันเร่งที่ทำให้เลิกกันไวขึ้น เพราะของขวัญนั้นมันทำให้ความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นว่าจะไปด้วยกันรอดหรือไม่ บางคู่ตัดสินใจเลิกกันตอนอีกฝ่ายให้แหวนก็มี เพราะของขวัญทำให้ผู้รับต้องตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะเอาอย่างไร หรือหากฝ่ายไหนบอกว่าจะซื้อคอนโดแยกมาอยู่ด้วยกันสองคน อีกคนก็ต้องคิดแล้วว่าจะอยู่ต่อกันอีกยาวไหม 

กับคู่ที่แต่งงานกันสักระยะแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตคู่ พอได้รับของขวัญ อาจจะยิ่งทำให้ตนเองเห็นชัดเจนขึ้นว่าคบกันต่อคงไม่รอด บอกกี่ทีว่าไม่ชอบๆ ก็ซื้อมาให้อยู่นั่น หรือบางคนก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายให้ของขวัญพอเป็นพิธี พอเป็นหน้าที่ในวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน ถ้าลืมเดี๋ยวจะมีเรื่อง ของขวัญจะยิ่งทำให้ผู้รับรู้สึกชัดเจนขึ้นว่าคนนี้คงเข้ากับเราไม่ได้จริงๆ และอาจจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ฝ่ายรับของขวัญตัดสินใจเลิกกับคนรักได้เช่นกัน 

ดังนั้น ถ้าความสัมพันธ์เริ่มระหองระแหง แล้วคิดจะใช้ของสวยๆ แพงๆ หายาก ล้ำค่า มาเอาใจคนรักหวังให้ความสัมพันธ์นั้นดีขึ้น อาจจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามหากอีกฝ่ายไม่อินกับสิ่งที่ได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่แก้ไขความสัมพันธ์ให้เข้าใจกันมากขึ้น รู้ใจกันมากขึ้นก่อนอยู่ดี คนที่คบกันมานานบางครั้งมันดูออกครับ ว่าให้ด้วยใจหรือเปล่า 

พูดถึงคนให้มาเยอะ ผมขอพูดถึงคนรับของขวัญบ้าง หากจะรักกันให้นานๆ เมื่อคนรักให้ของขวัญก็ขอให้มองเจตนาดีของผู้ให้เป็นหลัก การให้ของขวัญนั้นไม่ใช่หน้าที่แบบลูกหนี้ที่ต้องจ่ายดอก ดังนั้นไม่ว่าจะให้อะไรมันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีทั้งนั้น ถ้าของถูกกฎหมาย และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็ควรยิ้มรับไว้ก่อน อย่างน้อยมันก็เป็นของมาจากคนรักของเราเอง และอีกฝ่ายเขาก็ต้องอุตส่าห์เลือกซื้อเลือกหาสิ่งนี้มาให้เรา หากรับมาแล้วไม่อยากใช้อย่างไร รอเวลาสักพักค่อยคุยกันตรง ๆ ก็ได้ครับ หรือลองใช้มันสักครั้งสองครั้งหากทำได้ ให้เขารู้ว่า เราก็เคยลองใช้มันแล้วนะ ถึงรู้ว่าไม่ชอบ อย่าลืมว่าฝ่ายให้ของขวัญก็มีความคาดหวังว่าจะได้เห็นฝ่ายที่รับของขวัญดีใจ การที่เราแสดงสีหน้าผิดหวัง หรือร้ายแรงกว่านั้นคือบ่น บอกว่าไม่ชอบไปตอนนั้น มันก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ กลายเป็นประสบการณ์เลวร้ายของชีวิตคู่ไป

ส่วนเทศกาลแห่งความรัก หรือวันสำคัญใดที่เราควรจะได้ของขวัญ แต่เรากลับไม่ได้ของอะไรจากใครเลยก็อย่าเพิ่งเศร้าไปครับ หากคนรักท่านยังอยู่ดี นั่นก็ถือว่าดีมากแล้วที่คนรักยังอยู่ให้เห็นหน้า ไม่ได้ตายจากกันไป ส่วนใครที่คนรักจากไปแล้วหรือยังไม่มีคู่รัก ท่านก็ยังมีตัวท่านเองที่ยังมีโอกาสหาความสุขเป็นของขวัญให้ชีวิตท่านต่อไป ให้ของขวัญเป็น “สิ่งเล็กน้อย” ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าได้ก็ดีใจ ได้ไม่ถูกใจก็ยังถือว่าได้น้ำใจ แล้วท่านจะยิ้มรับเทศกาลแห่งของขวัญได้มากขึ้นครับ

อ้างอิง
Branco-Illodo, I., & Heath, T. (2020). The ‘perfect gift’ and the ‘best gift ever’: An integrative framework for truly special gifts. Journal of Business Research, 120, 418-424.
Gleason, M. E., Iida, M., Bolger, N., & Shrout, P. E. (2003). Daily supportive equity in close relationships. Personality and Social Psychology Bulletin, 29(8), 1036-1045.
Huang, M. H., & Yu, S. (2000). Gifts in a romantic relationship: A survival analysis. Journal of Consumer Psychology, 9(3), 179-188.
Ruth, J. A., Otnes, C. C., & Brunel, F. F. (1999). Gift receipt and the reformulation of interpersonal relationships. Journal of consumer research, 25(4), 385-402.
Saad, G., & Gill, T. (2003). An evolutionary psychology perspective on gift giving among young adults. Psychology & Marketing, 20(9), 765-784.

Tags:

แบบแผนทางความสัมพันธ์ความรักการเลือกของขวัญ

Author:

illustrator

พงศ์มนัส บุศยประทีป

ตั้งแต่เรียนจบจิตวิทยา ก็ตั้งใจว่าอยากเป็นนักเขียน เพราะเราคิดความรู้หลายๆ อย่างที่เราได้จากอาจารย์ หนังสือเรียน หรืองานวิจัย มันมีประโยชน์กับคนทั่วไปจริงๆ และต้องมีคนที่เป็นสื่อที่ถ่ายทอดความรู้แบบหนักๆ ให้ดูง่ายขึ้น ให้คนทั่วไปสนใจ เข้าใจ และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่อยากให้มันอยู่แต่ในวงการการศึกษา เราเลยอยากทำหน้าที่นั้น แต่เพราะงานหลักก็เลยเว้นว่างจากงานเขียนไปพักใหญ่ๆ จนกระทั่ง The Potential ให้โอกาสมาทำงานเขียนในแบบที่เราอยากทำอีกครั้ง

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Relationship
    ทำไมต้องรักตัวเองให้ได้ก่อนจะรักคนอื่น

    เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Family Psychology
    การเข้าใจผิดเรื่องการเลี้ยงดู EP.3 ความรักที่ไม่เคยได้รับในวัยเยาว์ บาดแผลทางใจที่รอการเยียวยา

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Relationship
    สามเหลี่ยมความรัก : ตอนนี้เรารักกันแบบไหน

    เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Relationship
    เหมือนดูเย็นชา แต่ใช่ว่าไม่รัก

    เรื่อง พงศ์มนัส บุศยประทีป ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Social Issues
    แยกความรักออกจากการทำร้ายร่างกาย: คุยกับ เบส-SHero เรื่องการก้าวออกจากความรุนแรงในครอบครัว 

    เรื่อง เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษาณิชากร ศรีเพชรดี

  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel