- คุณชอบทำงานต่างๆ ให้เสร็จ เพราะอึดอัดกับความรู้สึกค้างคา หรือคุณมักจะทำงานแบบไฟลนก้น เสร็จนาทีสุดท้าย เพราะจะรู้สึกถูกกระตุ้นให้ลงมือด้วยกำหนดส่งงานที่กระชั้นเข้ามา
- ชวนเช็คตัวเองว่าเราใช้ชีวิตแบบวางแผนชี้ขาดหรือมีความยืดหยุ่น ผ่านแบบทดสอบ 10 ข้อ
คนเราแต่ละคนมีแนวทางการดำเนินชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบดำเนินชีวิตในลักษณะที่ต้องมีการวางแผนชี้ขาด แต่บางคนก็ชอบปล่อยสบายๆ ไม่ต้องรีบตัดสินใจ ซึ่งถือว่ามีความยืดหยุ่นและพร้อมด้นสดได้มากกว่า โดยปรกติทุกคนก็ใช้ชีวิตทั้งสองลักษณะผสมผสานกันอยู่แล้ว แค่ว่าชอบหรือถนัดแบบไหนมากกว่ากัน เหมือนที่คนเราใช้มือทั้งสองข้างแต่มักจะถนัดข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าเท่านั้นเอง
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวคุณเองชอบใช้ชีวิตในลักษณะไหนมากกว่ากัน? วันนี้ เรามีแบบทดสอบเพื่อสำรวจตัวเอง 10 ข้อมาให้คุณได้ทำสนุกๆ โดยคุณสามารถตอบคำถามแค่ว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” และถ้าใช่ก็ให้เปอร์เซ็นต์เองได้ด้วยว่า ใช่ กี่เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ หากต้องการจะให้สนุกและได้เรียนรู้ความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น อยากให้ลองชวนคนที่เรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ พี่น้อง แฟน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท ฯลฯ มาร่วมตอบแบบทดสอบด้วย เพราะนอกจากเราจะได้เรียนรู้ความชอบของกันและกัน เราก็อาจ เห็นรูปแบบบางอย่างโผล่ขึ้นมาในวงความสัมพันธ์ ด้วย เช่น ครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่ชอบวางแผนชีวิตอย่างเคร่งครัดและไม่ค่อยยืดหยุ่นเลย ก็อาจทำให้คนเป็นลูกคุ้นชินกับวิถีแบบนั้นและกลายเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบนั้นไปด้วย หรือคนที่ชอบวางแผนชีวิตมาก อาจพบว่าตัวเองมีเพื่อนสนิทส่วนใหญ่เป็นคนค่อนข้างยืดหยุ่น ซึ่งก็สามารถไปวิเคราะห์ต่อยอดได้ว่า เอ๊ะ ลึกๆ แล้ว คนคนนั้นต้องการสมดุลใช่หรือไม่
หากว่าพร้อมกันแล้ว ก็มาลุยแบบทดสอบกันเลยดีกว่า
- คุณชอบตัดสินใจชี้ขาดให้แน่นอนไปเลย ยกตัวอย่างที่เห็นชัดคือ คนบางคน แม้แต่เวลาไปเที่ยวก็ยังชอบวางแผนเป็นตารางล่วงหน้าเลยว่าวันไหนจะไปสถานที่ใดบ้าง ต้องนั่งรถไฟสายไหนบ้าง แล้วจัดกลุ่มข้อมูลเพื่อเตรียมตัวเดินทาง นอกจากนี้ก็อาจซื้อตั๋วเดินทางท้องถิ่นของประเทศปลายทางนั้นๆ แบบเหมาจ่ายไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยซ้ำ
- คุณสนุกและได้รับพลังงานจากสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจ
- ในปริมาณงานพอดีๆ คุณมักจะทำงานเสร็จก่อนกำหนดส่ง
- คุณมักจะทำงานแบบไฟลนก้น เสร็จนาทีสุดท้าย รู้สึกถูกกระตุ้นให้ลงมือด้วยกำหนดส่งงานที่กระชั้นเข้ามา
วิธีการทำงานของคุณมีแนวโน้มจะมีหน้าตาแบบนี้
- คุณชอบวิถีชีวิตที่มีการจัดระบบระเบียบและควบคุมได้ จึงมักวางแผนสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าโดยใช้สมุดบันทึก ปฏิทิน digital planner ฯลฯ คุณมักจะวางแผนรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมายชีวิตระยะยาวอีกที
วิธีการทำงานของคุณมีแนวโน้มจะมีหน้าตาแบบนี้
ไทม์ไลน์ด้านบนหมายความว่าถ้างานมันจบได้ในวันนี้ ต่อให้ต้องทำเลยเวลางานจริงอีกหน่อย ก็อยากทำให้มันจบๆ ไปเลย ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ใช่กำหนดส่งก็ตาม
- คุณชอบชอบวิถีชีวิตที่ยืดหยุ่น สนุกกับอิสระที่จะได้สำรวจสิ่งต่างๆ อย่างปราศจากข้อจำกัด คุณจึงอึดอัดในการทำตามตารางกิจวัตรอันซ้ำซาก
- คุณชอบทำงานและโครงการต่างๆ ให้เสร็จสิ้นไป คุณอึดอัดกับความรู้สึกค้างคา
- คุณรู้สึกผ่อนคลายกับสถานการณ์ที่ยังไม่ตัดสินใจแน่นอน ยังเป็นปลายเปิดอยู่
- คุณอาจจะดูเข้มงวด ตายตัว ไม่ยืดหยุ่น หรือเรียกร้องมากไป ในสายตาของคนที่ชอบความยืดหยุ่นมากกว่านั้น
- คุณอาจจะดูไม่มีระบบ ยุ่งเหยิง หรือดูไม่ค่อยรับผิดชอบ ในสายตาคนที่ชอบชีวิตที่มีระเบียบและการวางแผนมากกว่านั้น
หากคุณทำแบบทดสอบแล้ว ตอบเลขคี่มากกว่า (1, 3, 5, 7, 9) นั่นหมายถึงคุณมีแนวโน้มชอบใช้ชีวิตโดยมีการวางแผนชี้ขาดมากกว่า แต่หากคุณตอบเลขคู่มากกว่า (2, 4, 6, 8, 10) นั่นหมายถึงคุณมีแนวโน้มชอบใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่นมากกว่า* หรือคุณอาจจะอยู่กลางๆ ก็ได้ คือทั้งชอบวางแผนและยืดหยุ่นพอๆ กัน อย่างไรก็ตาม แบบทดสอบนี้คัดมาแต่น้อยและปรับเนื้อหามาเพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ ของแง่มุมหนึ่งเท่านั้น (เนื้อหาโดยละเอียดสามารถดูได้ตามหนังสือที่อ้างอิง) อีกทั้งสไตล์เหล่านี้มีระดับแตกต่างกันได้ เช่น บางคนชอบวางแผน 80 เปอร์เซ็น บางคนชอบวางแผนก็จริงแต่ก็แค่ 65 เปอร์เซ็น คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการจัดประเภทอย่างตายตัว เพราะคนแต่ละคนก็มีความเฉพาะตัว จึงไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปยัดกล่องเป๊ะๆ ดังที่เราจะเห็นว่าคำตอบของคนมักเป็นแนวผสมผสาน เช่น ตอบว่าแล้วแต่เรื่อง ถ้าเรื่องงานวางแผนละเอียด ส่วนเรื่องเที่ยวด้นสดเกือบตลอด
นอกจากนี้ มันยังเปลี่ยนแปลงได้ด้วย เช่น เพื่อนของคุณใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่นมากมาก่อนจนบางทีดูเหมือนชอบดองงานหรือไม่วางแผนชีวิต แต่พอเพื่อนเปลี่ยนตำแหน่งงานหรือมีลูก ก็กลายเป็นคนชอบใช้ชีวิตวางแผนชี้ขาดมากขึ้น
และสไตล์ที่จัดการกับข้างนอก เทียบกับโลกข้างในก็อาจไม่เหมือนกัน ชั่วขณะที่บางคนดูวางแผนชี้ขาดเหลือเกิน ก็ไม่ได้แปลขณะนั้นๆ เขาปิดรับข้อมูลใหม่ๆ ไปแล้ว เพราะในใจเขาก็อาจจะยังพร้อมรับข้อมูลอื่นเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่แค่ไม่ได้เอาข้อมูลนั้นมาทำอะไรในทางกายภาพ เช่น ฮันนาฮ์วางแผนล่วงหน้าว่าวันสุดท้ายของการเดินทาง เวลาเท่านั้นเท่านี้ โดยรถไฟสายนั้นสายนี้ เธอจะไปพระราชวังเชินบรุนน์, พิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์เบลเวอร์เดียร์ ซึ่งเก็บงานของคลิมท์ (Gustav Kilmt) และจบด้วยมหาวิหารเซนต์สตีเฟน แม้ว่าเธอเดินทางไปแค่สามที่นี้เลย แต่ระหว่างทางก็ยังคงหาข้อมูลของสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมไว้อีกมากมาย ในใจของเธอยืดหยุ่นพร้อมรับข้อมูลใหม่ๆ เสมอ
ในส่วนของคนที่ชอบยืดหยุ่นนั้น เคยถามเพื่อนๆ ว่า โลกภายในของเขามีแผนอะไรบ้างไหม บางคนตอบว่าข้างในก็ไม่ได้มีแผนอะไรชัดเจนเหมือนกัน มันอยากกระโจนเข้าใส่สถานการณ์เลย เหมือนถ้าวันนี้ต้องเดินทางกลับบ้านแต่หากเจออะไรถูกใจก็พร้อมจะทิ้งบัตรเดินทางเก่าที่ซื้อไว้ไปเลย หรือบ้างก็ตอบว่าถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญจริงๆ ก็แทบไม่วางแผนเลย แผนการเป็นภาพของพื้นที่อันว่างเปล่า แต่ก็มีอะไรที่น่าลองเสพเต็มไปหมด โอ้โห โลกมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาผู้รักความยืดหยุ่นตอบตรงกันว่า การวางแผนหมายความว่ามีแค่ “ภาพสุดท้าย” ในใจก็พอ ส่วนรายละเอียดของวิธีการไปสู่ภาพสุดท้ายนั้นพวกเขาด้นสดเอา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นอีกคือ แนวโน้มที่เหมือนหรือแตกต่างกันของคนแต่ละคน ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรจากความสัมพันธ์บ้าง? เช่น สมมุตว่าคุณชอบวางแผนอย่างมาก เมื่อไปเที่ยวกับเพื่อนคุณก็จองตั๋วเดินทางทุกอย่างล่วงหน้าแบบกำหนดแน่นอนไว้เลย (ซึ่งจะได้ราคาถูกกว่า) แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาเดินทางจริงปรากฏว่าดินฟ้าอากาศแปรปรวนอย่างไม่คาดฝัน คุณต้องจำใจทิ้งตั๋วไปโดยรีฟันด์เงินไม่ได้ ในขณะที่เพื่อนอีกคนที่เดินทางไปกับคุณทำตัวตามสบาย เขายังไม่ได้จองตั๋วอะไรไว้เลย ซึ่งทำให้เขาสามาถรถปรับตัวตามเหตุไม่คาดคิดได้คล่องกว่า สถานการณ์เหล่านี้ทำให้คุณเรียนรู้บางอย่างได้เหมือนกัน
หรือเราอาจได้เรียนรู้ว่าวิธีใช้ชีวิตที่คุณชอบมีผลต่อวิธีที่ทีคุณเลี้ยงลูก ซึ่งอาจจะหล่อหลอม ส่งเสริม ขัดแย้งหรือสร้างสมดุลกับวิธีใช้ชีวิตที่ลูกชอบก็ได้ เช่น ลูกบางคนชอบวางแผนประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ แต่พ่อแม่ ชอบวางแผนชี้ขาด 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม้ว่าชอบวางแผนเหมือนกัน แต่ส่วนที่เกินมานั้นของพ่อแม่ก็อาจทำให้ลูกรู้สึกตึงเครียดและอึดอัดมาก อีกทั้งรู้สึกว่าพลาดหลายโอกาสที่จะได้ลิ้มรสประสบการณ์สดใหม่ ซึ่งถ้าพ่อแม่ผ่อนปรนไม่ได้(เพราะเราไม่อาจคาดหวังให้ใครเป็นแบบที่เราต้องการ) ก็อาจจะต้องแยกกันอยู่เป็นบางเวลาหรือแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นๆ
หรือหัวหน้าทีมที่ชอบยืดหยุ่นอาจจะทำให้ลูกทีมที่ต้องการวางแผนชี้ขาดรู้สึกอึดอัดและต้องปรับตัวมาก แต่หัวหน้าทีมเองก็อาจไม่รู้ตัวว่า (หรือจงใจ) เลือกลูกทีมที่ชอบวางแผนมากเข้ามาเป็นสัดส่วนที่มากกว่าคนลักษณะยืดหยุ่น ทั้งนี้เพื่อสร้างสมดุลให้กับสไตล์ของตัวเอง
แม้เราจะชอบใช้ชีวิตด้วยวิถีที่ต่างกัน แต่ทุกคนปรับความโอนเอียงได้ตามช่วงชีวิตหรือ สถานการณ์แวดล้อมในขณะนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบตายตัว อีกทั้งย่อมเรียนรู้จากกันและกันได้เสมอ