- จากหนังสือ A Life at Work – ที่ทางของคุณบนโลกใบนี้ ตั้งคำถามสำคัญว่า ทุกวันนี้คุณมีความสุขกับงาน…ดีอยู่ไหม
- ถ้าพยักหน้าและบอกว่าใช่ คุณไม่จำเป็นต้องอ่านบทความนี้ เพราะนั่นหมายความว่าคุณมีไดมอน หรือ ดูเอ็นเด ในชีวิตแล้ว
- แต่ถ้ายังลังเล หรือตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่ อยากชวนคุณหาเวลาว่าง (รับรองไม่เกิน 15 นาที) อ่านบทความชิ้นนี้ที่จะชวนคุณย้อนสำรวจตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ว่า งานกำลังทำคุณ หรือ คุณกำลังทำงาน
ทุกวันนี้สิ่งที่คุณทำ ซึ่งอาจจะหมายถึงงาน หรือบทบาทหน้าที่ต่างๆ สอดรับกับความเป็นคุณมากน้อยแค่ไหน?
ทุกวันนี้คุณมีความสุขกับสิ่งที่เรียกว่าบทบาทหน้าที่ไหม?
คุณค้นพบศักยภาพที่จะหลอมรวมสิ่งที่ทำเพื่อบรรลุการอยู่รอดและการอยู่อย่างมีความหมายไหม?
คำถามแง่มุมเหล่านี้ เพื่ออยากเปิดโอกาสให้คุณได้พบเจอกับความหมายแห่งชีวิต หากคุณพบเจองานของชีวิตที่ทำแล้วมีสุขที่ใจ และค้นพบการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย ช่วยให้คุณค้นพบการขัดเกลาศักยภาพที่คุณมีอยู่ให้เติบโตได้
ผู้เขียนขอถ่ายทอดเนื้อหาบางตอนจากหนังสือที่ทางของคุณบนโลกใบนี้ หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า A Life at Work โดยสำนักพิมพ์โอ้มายก้อดที่พาให้เราสำรวจที่ทางของเราบนโลกใบนี้
เราจะลองเดินทางภายในและฝึก ‘ฟังเสียงเรียก’ เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณเกิดมาเพื่อกระทำ
มีผู้คนมากมายที่ภายนอกดูยิ้มแย้มแจ่มใส มีชีวิตที่ดูผิวเผินไปได้สวย แต่ลึกๆ กลับหมดหวังกับงานที่ตนเองทำ การไม่สามารถหางานที่ใช่ หรือมีความสุขกับงานที่มี ก่อให้เกิดความเศร้าหดหู่ภายใน
ทว่าการงานที่มีความหมายต่อวิญญาณเรา ก็มิได้สร้างกันง่ายดาย ยิ่งในยุคของการให้คุณค่าการหาเลี้ยงปากท้อง และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่พอกพูน เราจึงต้องมีเงินมากๆ เท่าที่จะทำได้ มีงานที่พอจะทนได้ และบริษัท (นายจ้าง) เองด้วยที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายกับ ‘เสียงเรียก’ ภายในของแต่ละคน ขอเพียงให้พนักงานต่างทำหน้าที่ของตนให้บรรลุตามเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้
และทัศนคติที่ขัดต่อการค้นหาการงานที่มีความหมายคือ เรามักไม่เล็งเห็นว่า ที่ทำงานคือห้องทดลองให้จิตวิญญาณเราพัฒนา แต่กลับมองไปที่ความกังวลต่างๆ ที่เราจะได้รับ เช่น ค่าตอบแทน ภาพลักษณ์ ความก้าวหน้า ในขณะที่การพัฒนาชีวิตการทำงานจะส่งผลอย่างลุ่มลึกในการใช้ชีวิตประจำวัน
การทำสิ่งที่รัก เรียนรู้จากความท้าทายต่างๆ ที่เข้ามา มีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน มักจะช่วยให้คุณรู้สึกสงบสบายใจ คุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่มนุษย์เราต้องการจะพบเจอ
งานด้านบำบัดจะมองไปที่รากเหง้าของสภาพครอบครัว และมุมมองที่คุณมองตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะกำลังกดทับเส้นทางที่เป็นตัวคุณอยู่ หรือในบางราย ก็อาจจะมีเรื่องการสั่งสมอารมณ์ลบๆ มานานหลายปี เมื่อไม่ได้รับการคลี่คลายอย่างเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นความซึมเศร้า ขาดแรงบันดาลใจที่จะทำสิ่งที่ตนต้องการ หรือไม่ก็เกิดเป็นช่องว่างระหว่างความทะเยอทะยานกับความสำเร็จที่เจ้าตัวอาจจะไม่พยายามมองมัน ทำให้อยู่ในสภาพของ ‘การย่ำอยู่กับที่’
ตัวอย่างของ สก็อตตี้ (ตัวละครในหนังสือ) ที่เขาโกรธตัวเองที่ไม่เอาไหน แต่กลับไปลงกับครอบครัว พวกเขาอยู่ใกล้มือและไม่มีวันเอาความลับของเขาไปพูด ทั้งภาวะติดสุรา ความเกรี้ยวกราด และความล้มเหลว ก็เป็นความหงุดหงิดที่ชีวิตไม่มีความคืบหน้า
หลายคนบนโลกต่างส่งเสียงบอกให้คุณต้องเดินไปจนถึงที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเป็นการเดินทางขาขึ้น และมีความก้าวหน้าในชีวิตตลอดเวลา เสียงเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่คุณต้องคอยฟัง ต้องคอยตอบสนองด้วยความตึงเครียด ซึ่งอาจจะยิ่งส่งผลกระทบไปสู่เสียงของความรู้สึกย่ำแย่กับตัวเองที่ต้องจมปลักกับที่เดิม แต่แท้จริงแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าเพราะคุณไม่เคยเจองานที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ฝันและหวัง
และถ้าคุณกำลังคิดอยากจะทำตามเสียงเพรียกภายในแล้ว คุณจะเริ่มคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ถือเป็นอีกประเด็นที่สำคัญ เพราะนานมาแล้วที่คุณเรียนหนังสือจนจบ กว่าจะฝึกฝนจนเป็นงาน กว่าจะมาถึงตรงนี้ คุณได้ลงทุนปรับเปลี่ยนหลายอย่างเลยทีเดียว เพื่อให้ตัวตนของคุณเข้ากับงาน ฉะนั้นไม่ง่ายเลย เมื่อคุณคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงไปหาสิ่งใหม่ที่อยากทำจริงๆ
มันหมายถึงว่า คุณจะต้องค้นหาบทเรียนใหม่ แบบฝึกหัดใหม่ในการเปลี่ยนแปลงตัวตนหรือบุคลิกภาพ เพื่อรองรับกับสิ่งใหม่ และหลายคนจะมองจุดนี้ว่าเป็น ‘อุปสรรคที่ขวางใจไม่ให้ฟังเสียงเพรียก’
ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีเสียงเพรียกเหล่านั้น แต่ใจคุณกลัวจะต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้ สภาวะแบบนี้เหมือนเรากำลังยืนอยู่ตรงทางแยก ด้านหนึ่งคือความมั่นคง คุ้นเคย แต่อีกด้านหนึ่งคือ เส้นทางใหม่ เป็นความไม่รู้
ถึงแม้ว่า รากฐานความมั่นคงเดิมอาจจะช่วยเอื้อให้คุณทำสิ่งใหม่ได้ดี และอาจจะกลายเป็นความรู้สึกหวั่นไหวหากจะต้องจากความมั่นคงนั้นๆ ไปสู่ความไม่รู้ เช่น หากคุณเป็นบุรุษไปรษณีย์และมีเพียงวันหยุดที่สามารถเล่นดนตรีได้ แต่เสียงเรียกภายในเรียกร้องให้คุณเป็นนักดนตรีมืออาชีพ คุณนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะทำมันอย่างเต็มเวลาได้อย่างไร
บางทีเราอาจจะติดกับดักของความคิดเรื่องเสียงเรียก เพราะมันจำกัดจำเพาะเกินไป ชัดเจนเกินไป จนความเป็นคุณไม่สามารถตอบสนองกับเสียงเหล่านั้นได้ จะดีเมื่อคุณสำรวจทางเลือกหลากหลายแบบ และสนุกไปกับการเดินทาง คุณอาจจะได้ทำหลายอย่างจนพบสิ่งที่เหมาะจริงๆ ถึงแม้หลายสิ่งที่ทำอาจจะดูขัดแย้งกัน แต่ละสิ่งก็มีเจตนารมณ์ในตัวมันเองที่อาจจะช่วยให้คุณตระเตรียมเพื่อจะพบเจอกับสิ่งที่ใช่
โทมัส มัวร์ (ผู้เขียนหนังสือ) เองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีเสียงเรียกที่ใช่หลายเสียง เขาเป็นทั้งบาทหลวง ครู นักดนตรี นักบำบัด และนักเขียน ถึงแม้จะมีครอบครัวไปพร้อมกันด้วย เขาก็ใฝ่ฝันที่จะเติมเต็มสิ่งที่โหยหาอยู่เสมอ
มัวร์เคยให้คำปรึกษากับบาทหลวงวัยเจ็ดสิบท่านหนึ่ง ผู้ไม่เคยรู้สึกว่ามีเสียงเรียกให้เป็นนักบวช แต่เขาก็เป็นมานานกว่าครึ่งศตวรรษ เขาเสียใจที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับสิ่งที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเสียงเรียกให้ทำ พอเข้าวัยชรา เขารู้สึกขมขื่นและซึมเศร้า เขาจะนำภาพวาดสีสดสวยมานั่งจ้อง พลางมองหาหนทางที่จะหลุดพ้นจากความเศร้านั้น เขาค้นพบความเพลิดเพลินละมุนละไมที่ได้แสดงความรู้สึกผ่านงานศิลปะและจิตวิทยา ถึงแม้เขาจะค้นพบว่า เขาไม่ได้อยากเป็นบาทหลวงแต่เขาก็ทำมันได้ดีทีเดียว มีผู้คนเข้าหาและรักเขามากมาย เขายังคงพูดถึงภาวะซึมเศร้าของตัวเองพร้อมไปกับการค้นพบพลังชีวิตใหม่ด้วย
“มัวร์คิดว่า จริงๆ แล้ว ชายผู้นี้มีเสียงเรียกให้บวช ซึ่งเขาทำได้ดีมาก ทว่าเขามาถึงจุดที่ได้ลิ้มรสทางโลกซึ่งได้ละไปนับตั้งแต่ปฏิญาณตน และเขาอยากได้ชีวิตใหม่นี้เหลือเกิน สถานการณ์นี้น่าเศร้า แต่ก็เป็นความเศร้าระคนสุข เพราะความเศร้าทำให้เขาเป็นปุถุชนมากขึ้น ได้เชื่อมโยงกับผู้คนรอบตัวมากขึ้น ความเบิกบานและอารมณ์ขันของเขาถูกความหดหู่เศร้าหมองกลบไว้ แต่ของขวัญนี้ก็ยังอยู่
นี่คือชายผู้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างสองเสียงเรียก เสียงหนึ่งมีสีสันของความเสียใจ ส่วนอีกเสียงคล้ายว่าเป็นไปไม่ได้ในวัยอย่างเขา อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เขารู้สึก แต่สุดท้ายการมองโลกแง่ดีเริ่มปรากฏ กระแสความซึมเศร้าในตัวยังไม่หายไป แต่เขาสามารถเป็นนักบวชอีกประเภทที่ทุกวันนี้เชี่ยวชาญการให้คำปรึกษา การใช้ศิลปะบำบัด และรู้จักอุปสรรคที่คนเราต้องฝ่าฟันดียิ่งกว่า”
เมื่อคุณค้นพบงานที่ใช่ เมื่อนั้นคุณมีชีวิตชีวา งานจะเยียวยาคุณได้เอง เอื้อให้คุณรู้สึกสัมผัสกับธรรมชาติรอบข้างอย่างไม่ต้องพยายามใดๆ เสมือนการทาบกิ่งของต้นไม้ เมื่อการทาบกิ่งระหว่างตัวคุณกับสิ่งที่คุณรักจะทำ มันก็ช่วยให้ต้นไม้นั้นผลิดอกออกผลในที่สุด
‘ไดมอน’ แห่งการงาน
‘ไดมอน’ เป็นแนวความเชื่อของชาวกรีกโบราณที่มองว่าคือแรงกระตุ้นผลักดันให้คุณทำด้วยความมุ่งมั่น และเป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังความหลงใหล เช่น คุณอาจมุ่งมั่นกับการเสาะหาคู่แท้ ถ้าไดมอนของคุณเป็นเรื่องความสวยความงาม คุณอาจจะหลงใหลเสื้อผ้าอาภรณ์และการใส่ใจร่างกายดูแลตัวเองให้อ่อนเยาว์ นี่แหละคือความสร้างสรรค์มากมายที่รอคุณอยู่
ชาวโรมันเชื่อว่า เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมไดมอน หรือในภาษาของเขาเรียก ‘จีเนียส’ คือแรงปรารถนาลึกๆ กับแรงขับเคลื่อนที่อยู่กับเราชั่วชีวิต และมีอยู่ตั้งแต่เรากำเนิด บางทีเราแค่เรียนรู้มากขึ้นว่า มันเป็นอะไรและสามารถพาเราไปได้ถึงไหน
ไดมอนเป็นแรงกระตุ้นพื้นฐานที่สร้างสรรค์ มันไม่ได้ดลใจให้อยากประกอบอาชีพใดอาชีพหนึ่งอย่างชัดเจน เวลาที่คุณก้าวถอยออกมามองหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำ คุณอาจจะเห็นต้นตอของแรงบันดาลใจและเส้นทางที่จำเป็น คล้ายแรงปะทุ หรือถึงขั้นล่วงล้ำเข้ามาในชีวิต คุณอาจต่อสู้กับมัน คิดว่ามันเป็นอิทธิพลในเชิงลบ
คนไข้ของมัวร์ หลายคนฝันในตอนกลางคืนว่าได้เปิดประตูบ้านค้างไว้ หรือหน้าต่างเปิดแง้มอยู่ และเมื่อตื่นขึ้นก็เกิดความกังวลว่าจะมีเหตุร้ายเข้าโจมตี แต่อาจจะเป็นไดมอนจอมสร้างสรรค์ที่เป็นผู้บุกรุกเข้ามาหาคุณก็เป็นได้
ชวนให้คุณเริ่มจากการมองย้อนกลับไปในชีวิต แม้จะยังเด็กอยู่ก็ตาม และสังเกตสิ่งที่คุณหลงใหล สนใจ และปรารถนา คุณอาจบดบังไดมอนในตัวเองด้วยการพยายามมากเกินไปที่จะเป็นคนมีเหตุผลและทำตามประเพณีนิยม ต้องมองลึกลงไปว่าคุณมีความรู้สึกแรงกล้ากับอะไร
การอยู่กับไดมอนอาจหมายถึงการฝึกฟังเสียงภายในที่คอยกระซิบคุณเสมอ และเทใจเรียนรู้ผ่านกาลเวลาที่มีวิธีแสดงตัวออกมาอย่างจำเพาะ เพียงคุณต้องศึกษาว่าเมื่อไรที่ควรเดินตามทางของตัวเอง บางทีมันอาจจะลอยมาผ่านไอเดียที่เกิดขึ้นทันใดในใจ ‘ปิ๊งแว้บ’ และลองหาวาระเหมาะๆ ที่จะลองทำโดยไม่คาดคิดถึงข้อผิดพลาด อย่างน้อยคุณก็จะได้ศึกษาว่าผิดตรงไหน เพราะประตูบานนี้ไม่เคยปิดใส่คุณเมื่อคุณทำพลาด
หลายคนเมื่อไม่ได้ทำตามเสียงเรียกจากสิ่งที่ตนปรารถนา พลังของไดมอนอาจจะผลักดันให้คุณไปอีกทางที่ตรงกันข้าม เช่น พาคุณไปสู่กิจกรรมที่บั่นทอนพลังชีวิต เช่น การดื่ม กิน เที่ยว หรือการเสพติดต่างๆ
รอลโล เมย์ นักจิตวิเคราะห์แนวอัตถิภาวนิยมย้ำว่า ไดมอนสามารถครอบงำเราได้จนเกินจะรับไหว จนเมื่อคุณเปิดพื้นที่ในตัวคุณมากพอที่จะวางใจการนำพาของไดมอนที่อยู่ลึกๆ ขอให้คุณปล่อยให้ตัวเองได้ทดลองความคิดบางอย่างที่ไม่จำกัดตนเอง แม้คนแก่อายุ 94 ก็ยังเริ่มฝึกเล่นเปียโนได้อยู่เลย ลองนึกภาพดูสิว่า หากผู้คนทั้งหนุ่มสาวต่างมีอิสระที่จะปลดปล่อยศักยภาพไดมอน บ้านเมืองคุณจะมีภาพเช่นไร
“ที่แฝงอยู่ในแนวคิดเรื่องการงานแห่งชีวิตคือ การเติมความหลงใหลเข้าไปในสิ่งที่พบเจอทุกวัน คุณปลดปล่อยความอยาก ความกลัว และความรัก ให้มันเพิ่มชีวิตชีวาให้กับงานที่ทำ คุณคงไม่วาดภาพคนที่กำลังทำงานแห่งชีวิตว่าเป็นคนเซื่องซึมและหดหู่ คุณคงมองว่าพวกเขาเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับโลก หัวรั้น ความอดทนต่ำ และแกร่ง
จวบจนถึงบั้นปลายชีวิตอันแสนสั้น ของ เฟเดอริโก การ์เซีย ลอร์กา ได้แต่งบทประพันธ์อันลือลั่นถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ดูเอ็นเด’ (Duende) ที่ทำให้นึกถึงธาตุที่ใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตโดยมีไดมอนนำทาง ดูเอ็นเด เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบาย แต่เป็นอารมณ์แรงกล้าที่คุณสัมผัสได้ในตัวศิลปินหรือนักกีฬา ผู้ก้าวถึงจุดที่เรียกว่า ‘ขั้นเทพ’
ลอร์กาบอกเราว่า ไม่มีแผนที่หรือแบบฝึกหัดใดจะช่วยให้เราค้นพบดูเอ็นเด
“เรารู้แต่เพียงว่ามันทำให้เลือดในกายร้อนรุ่มราวพอกยาสมานแผล ทำให้เหนื่อยล้าและปฏิเสธทุกสมการหอมหวานที่เราเคยเรียน มันทำลายรูปแบบคุกคามมนุษย์ให้ทุกข์ทรมานอย่างไม่ไยดี”
มันคืออารมณ์แรงกล้าที่วิ่งจากปลายเท้าของลอร์ดนักกีตาร์ผู้ได้แรงบันดาลใจ
ดูเอ็นเด ยอมให้คุณทำการงานแห่งชีวิตด้วยอารมณ์แรงกล้าอย่างฉลาดล้ำเหนือทักษะมนุษย์ มันคือแรงบันดาลใจลึกๆ ที่ใช้ได้กับงานทุกประเภท
ดูเอ็นเด คือความสามารถที่กล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อสิ่งที่คุณทำ และกระทำอย่างไม่สนใจว่าสังคมผู้ดีจะเห็นชอบหรือไม่ คุณทำเพราะรู้สึกว่าต้องทำ และเติมความปรารถนากับความเต็มใจที่จะเสี่ยงเข้าไป คุณคว้าโอกาสและกล้าล้อเล่นกับความล้มเหลว กล้าเสี่ยงที่จะออกไปเผชิญโลกในฐานะผู้มีอารมณ์แรงกล้าบ้าบิ่น
และหนึ่งในเหตุผลที่คนเราไม่พบการงานแห่งชีวิตอาจเป็นเพราะว่า พวกเขาไม่เต็มใจจะต้อนรับ ดูเอ็นเด
การงานแห่งชีวิตอาจเรียกร้องจากคุณมากกว่าที่คุณอยากให้เป็น มันอาจพาคุณไปยังทิศทางที่คุณตั้งใจแล้วว่าจะหลีกเลี่ยง ซึ่งอาจถึงขั้นขอให้คุณยอมศิโรราบ และยอมเสี่ยงอย่างทุ่มสุดตัว
โดนัลด์ มาร์ติน เจนนิ มีไดมอนที่สงบเสงี่ยมแต่ทรงพลัง เขาเป็นคนประเภทที่ฉายแววเจิดจ้าเวลาที่พูดถึงสิ่งที่เขาเชื่อมั่น ไม่แปลกใจเลยที่ผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีและภาษามากอย่างเขาใช้ชีวิตเรียบง่าย สอนดนตรีในมหาวิทยาลัย บทบาทนักการศึกษาช่วยให้เขาได้แสดงลมหายใจแห่งอัจฉริยภาพ และความลึกล้ำออกมา มันมอบสภาพแวดล้อมที่เหมาะจะอวดดูเอ็นเดของเขา ลำพังการเป็นนักประพันธ์หรือผู้แสดงคงไม่อาจมอบเวทีที่เหมาะสมให้กับเขาได้
ลอร์กาพูดถึงอารมณ์สร้างสรรค์อันร้อนแรงของ ดูเอ็นเด ว่าใกล้เคียงกับความตาย ซึ่งจะหมายถึงการอวสานของแผนการที่คุณเตรียมไว้ รวมถึงตัวตนที่คุณคุ้นเคย และการควบคุมชีวิตตัวเอง คุณปล่อยวางทิ้งตัวดิ่งสู่ปลายทางที่ไม่อาจหยั่งรู้ ยอมให้บางสิ่งที่มีพลังเกิดขึ้น จะมีวิธีไหนอีกล่ะที่คุณจะได้อำนาจซึ่งคุณไม่อาจควบคุม
อย่างที่ศิลปินหรือนักดนตรีรู้ดี คุณไม่อาจสร้างผลงานที่ส่งผลกระทบอย่างยอดเยี่ยมได้ถ้าไม่ปล่อยให้พลังไดมอนมีอิทธิพลเต็มที่ ถ้าคุณใช้แค่เหตุผลกับงานในมือ ผลที่ได้ย่อมมีแต่เหตุและผล การทำงานจากส่วนลึกสร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมาก และมันเป็นแบบนี้กับทุกงานและทุกอย่าง ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตของคุณมีความหมายผ่านสิ่งที่คุณทำ คุณต้องปล่อยให้อารมณ์ลึกสุด
แต่ทั้งหมดนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน คุณอาจจะต้องเตรียมตัวตลอดชีวิตเพื่อรองานที่มีแววของไดมอน คุณต้องรับมือกับแรงต้าน ความกลัว ความเคยชิน และความปรารถนาที่จะเข้าควบคุม คุณต้องหัดที่จะรู้ว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อเปิดใจรับไดมอน คุณต้องยอมให้บุคลิกของตนไปในทิศทางที่สอดคล้องกับไดมอน
ไม่มีความสำเร็จใดได้มาโดยง่าย หรือรวดเร็ว แน่นอนว่า การเปิดใจมากเกินไปจนอาจจะทำให้ขาดการระมัดระวัง แต่แม้น้อมรับแรงบันดาลใจและสัญชาตญาณพอประมาณก็อาจเพียงพอแก่ความต้องการให้ชีวิตมีพลังและมีความหมาย
การงานแห่งชีวิตจะปรากฏให้เห็นได้หลายรูปแบบ คุณต้องตื่นตัวยามที่มันแสดง มันไม่ประกาศตัวอย่างมีเหตุผล แต่อาจจะมาในรูปของการบอกและโอกาส คุณต้องฟังเสียงเรียกภายในอย่างจริงจัง ทำตามมันให้ได้มากที่สุด สังเกตว่ามีตรงไหนที่คุณลังเลและรู้สึกตงิดติดขัด ไดมอนแนะนำได้ทั้งทางที่ดีและไม่ดี
และเมื่อไดมอนกับดูเอ็นเดไหลมารวมกัน คุณจะพบว่าการใช้ชีวิตจากส่วนลึกทำให้คุณกระปรี้กระเปร่า คุณไม่ต้องผลักดันตัวเองเข้าไปในชีวิต เพราะลำพังแรงผลักดันของไดมอนก็เพียงพอแล้ว
จงรักสิ่งที่ทำ แล้วสิ่งที่ทำจะมอบอัตลักษณ์ให้กับคุณ และคุณสามารถสร้างชีวิตที่สมบูรณ์และมีหลายด้านได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกแยกร่างหรือแตกสลาย สุดท้ายแล้วนั้น ชีวิตคือความอุดมสมบูรณ์ คุณจะได้ลิ้มรสความอุดมสมบูรณ์นั้นก็ต่อเมื่อ คุณใกล้ชิดกับพลังขับเคลื่อนในการงานแห่งชีวิต