Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Learning Theory
28 November 2019

วิจารณ์ พานิช: เตรียมนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย เข้าสู่อาชีพที่ชอบ ใช่ และเหมาะกับตัวเอง

เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ บัว คำดี

บันทึกชุด สอนเข้ม เพื่อศิษย์ขาดแคลนนี้ ตีความจากหนังสือ ‘Poor Students, Rich Teaching: Seven High-Impact Mindsets for Students from Poverty’ (Revised Edition, 2019) เขียนโดย อีริค เจนเซน (Eric Jensen) ผู้ที่ในวัยเด็กมีประสบการณ์การเป็นเด็กขาดแคลนอย่างรุนแรง และมีปัญหาการเรียนและเคยเป็นครูมาก่อน เวลานี้เป็นวิทยากรพัฒนาครู ผมคิดว่าสาระในหนังสือเล่มนี้ เป็นชุดความรู้ที่เหมาะสมต่อ ‘ครูเพื่อศิษย์’ ที่สอนนักเรียนที่มีพื้นฐานขาดแคลน ผมเข้าใจว่าในประเทศไทยนักเรียนกลุ่มนี้เป็นนักเรียนส่วนใหญ่ของประเทศ   

บันทึกที่ 25 เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย หรือเข้าสู่อาชีพนี้ เป็นบันทึกสุดท้ายใน 3 บันทึก ภายใต้ชุดความคิดเพื่อความสำเร็จของนักเรียน (graduation mindset) ตีความจาก Chapter 20: Prepare for College or Careers

มีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่เรียนไม่เก่ง แต่จะเรียนดีขึ้นทันตา หากครูจัดการเรียนรู้แบบใหม่ ที่ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติโดยใช้มือ ทำกิจกรรมทางกาย หรือออกไปเรียนนอกห้อง นักเรียนเหล่านี้จะเรียนได้ดีหากมีกิจกรรมฝึกวิชาชีพ เรียนนอกห้อง เรียนโดยทำโครงงาน ทัศนศึกษา เรียนโดยฝึกปฏิบัติ และเรียนรับใช้ชุมชน (service learning)

ให้นักเรียนระดับประถมทำกิจกรรมเหล่านี้ใกล้ๆ โรงเรียน แค่ได้ออกไปทัศนศึกษาใกล้ๆ เด็กก็ตื่นเต้นแล้ว แต่จะให้ได้เรียนรู้มากกว่าต้องให้นักเรียนทำโครงงานเล็กๆ จากกิจกรรมนอกห้องเรียนด้วย และแม้ทำโครงงานเล็กๆ นอกห้องเรียน แต่อยู่ในบริเวณโรงเรียน ก็ช่วยสร้างความตื่นตัวในการเรียนได้มาก

ครูพึงตระหนักว่า นักเรียนเบื่อเมื่ออยู่ในห้องเรียน หรือต้องนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานาน และมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่เบื่อง่ายกว่าคนอื่นๆ ครูพึงเอาใจศิษย์มาใส่ใจตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใจที่นึกถึงอนาคตของตัวเอง เขาแนะนำรายการคำถามต่อไปนี้

คำถามเกี่ยวกับความพร้อมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

นักเรียนมีทักษะชีวิตไปเผชิญชีวิตในมหาวิทยาลัยหรือไม่ นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้วิชาต่างๆ หรือไม่ นักเรียนมีที่ปรึกษาที่ตนใกล้ชิดเอาไว้ปรึกษายามจำเป็นหรือไม่ หากนักเรียนไม่ได้รับทุนการศึกษา จะทำอย่างไร ในบริบทของสหรัฐอเมริกา เขาบอกให้นักเรียนรู้ว่า มีมหาวิทยาลัยที่เรียน online ฟรี ชื่อ The University of the People (https://www.uopeople.edu/) แต่หากต้องการสอบเพื่อรับปริญญามีค่าใช้จ่ายราวๆ 1,000 เหรียญสหรัฐ   

คำถามเกี่ยวกับความพร้อมเข้าสู่อาชีพ

นักเรียนที่เรียนจบออกไปมี resume สำหรับเป็นหลักฐานรับรองสมรรถนะในการทำงานหรือไม่ นักเรียนทุกคนมีทักษะเข้ารับการสัมภาษณ์เข้างาน โดยผ่านการฝึกและได้รับ feedback หรือไม่ นักเรียนแต่ละคนมีงานที่ตอบรับแล้ว หรืออยู่ในรายชื่อรอเรียกเข้าทำงานหรือไม่ นักเรียนแต่ละคนมีที่ปรึกษายามต้องการหรือไม่

หนังสือแนะนำเว็บไซต์ช่วยแนะนำการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ที่ครูควรเข้าไปทำความเข้าใจพร้อมกับนักเรียนเพื่อช่วยทำความเข้าใจ ในสหรัฐอเมริกามีวิทยาลัยชุมชน (community college) ที่สอนวิชาชีพ ครูควรแนะนำ ซึ่งจะตรงกับคำแนะนำของครูชั้นมัธยมต้นของไทย ที่แนะนำให้นักเรียนพิจารณาเข้าเรียนวิทยาลัยอาชีวะ หลังเรียนจบ ม.3 ซึ่งจะเป็นเส้นทางสู่การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในภายหลังได้

ในสองตอนต่อจากนี้ เป็นตัวอย่างที่โรงเรียนคุณภาพสูง ดำเนินการช่วยนักเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัยหรือเข้าสู่อาชีพอย่างได้ผลดี 

กลยุทธ์เตรียมนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และสู่อาชีพ

ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่โรงเรียนคุณภาพสูงในสหรัฐอเมริกาใช้ ทั้งโรงเรียนระดับประถมและระดับมัธยม

  • ให้มีโอกาสได้ไปเห็นหรือมีประสบการณ์ เช่น ให้นักเรียนชั้น ป.5 จับคู่ ร่วมกันไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอาชีวศึกษาใกล้ๆ และศึกษาข้อมูล เช่น ค่าเล่าเรียน ทุนช่วยเหลือการศึกษา สาขาที่สอน ตำแหน่งที่ตั้ง อายุของนักศึกษา เป็นต้น นำมาทำโปสเตอร์สำหรับนำเสนอต่อนักเรียนชั้น ป.2 ซึ่งผมคิดว่าในกรณีของบริบทไทยสามารถดำเนินการได้ในหลายรูปแบบ เช่น ให้คู่นักเรียนแยกย้ายกันไปศึกษาสถาบันที่อยู่ไม่ไกลโรงเรียนนัก ทีมละ 1 สถาบัน หากจะซ้ำสถาบันก็ให้ซ้ำได้สถาบันละไม่เกิน 3 ทีม นำมาจัดทำโปสเตอร์เสนอต่อเพื่อนๆ ในชั้นหรือในโรงเรียน   

หนังสือเอ่ยถึงการให้นักเรียนชั้น ป.4 จับคู่กับเพื่อน ศึกษาอาชีพที่ต้องการวุฒิ ม.3 เช่น ช่างหล่อ ช่างไฟ ช่างก่อสร้าง เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่องบิน เป็นต้น   

  • เชื่อมโยงพฤติกรรมเข้ากับผลต่อตนเอง ช่วยให้นักเรียนทำกิจกรรมและเชื่อมผลลัพธ์ของงานสู่เป้าหมายในชีวิต  “เวลาที่เธอใช้ทำการบ้านจะมีความหมายต่ออนาคตของเธอ มันจะช่วยให้เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้”
  • เชื่อมโยงสาระวิชาเข้ากับอนาคตการงาน เช่น ในนักเรียนชั้นมัธยม เมื่อเรียนวิชาใด ครูเอ่ยถึงหน้าที่การงานที่ใช้ความรู้และทักษะของวิชานั้นๆ หาทางให้คนในอาชีพนั้นๆ มาแชร์ประสบการณ์กับนักเรียน
  • ใช้ถ้อยคำที่ให้ความหวัง เช่น ไม่ใช้คำว่า “ถ้าเธอเรียนจบ” แต่ใช้คำว่า “เมื่อเธอเรียนจบ” ไม่ใช้คำว่า “ถ้าเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย” แต่ใช้คำว่า “เมื่อเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย”
  • จัดการเรียนเสริมแก่นักเรียนชั้นมัธยม ดังตัวอย่าง

– จัดติวเตอร์จากมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆ มาสอนทุกวันหลังชั้นเรียน เป็นเวลา 45 นาที (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เพื่อช่วยให้นักเรียนทำการบ้านถูกหมด 

– มีครูที่ปรึกษาที่ทำงานเข้มแข็งให้แก่นักเรียนใหม่ทุกคน

– กรณีที่พ่อแม่เด็กเป็นคนต่างชาติที่อพยพเข้าเมือง โรงเรียนจัดบริการแปลภาษาให้

– หาทุนเป็นค่าเดินทางแก่เด็กยากจน

– ส่งเสริมให้นักเรียนเข้าเรียนชั้นเข้มข้น (honor class) ทางอินเทอร์เน็ต (www.avid.org) เพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจ

– นักเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1 เป็นต้นไปทุกคนต้องเข้าร่วมนิทรรศการของโรงเรียน และร่วมสัปดาห์วิทยาศาสตร์ของโรงเรียน

– จัดการประชุมปฏิบัติการเรื่อง ‘เมื่อลูกเข้ามหาวิทยาลัย’ ให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองส่งเสริมลูกให้ประสบความสำเร็จในการเรียน

เขายกตัวอย่างโรงเรียนที่นักเรียนทุกคนเป็นเด็กยากจน แต่ร้อยละ 90 ของนักเรียนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย (หรือวิทยาลัยชุมชน) กิจกรรมตัวอย่างข้างต้นเป็นกิจกรรมในบริบทของสหรัฐอเมริกา โรงเรียนไทยต้องปรับให้เข้ากับบริบทของเรา

กลยุทธ์หนุนสู่อาชีพและอาชีวศึกษา

โรงเรียนต้องไม่มุ่งให้นักเรียนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย (หรือวิทยาลัยอาชีวะ) เพียงอย่างเดียว ต้องดำเนินการเตรียมนักเรียนเข้าสู่อาชีพไปพร้อมๆ กันด้วย ตัวอย่างของอาชีพที่ควรให้นักเรียนได้ฝึก ได้แก่

  • การลงโค้ดคอมพิวเตอร์ และพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ช่างอุตสาหกรรม (ช่างเชื่อม, ช่างก่อสร้าง, ช่างประปา)
  • ช่างบริการวิทยุ โทรทัศน์ ช่างเทคโนโลยีการสื่อสาร ช่างระบบข้อมูล
  • นักวิทยาศาสตร์การอาหาร เชฟ
  • นักการตลาด นักธุรกิจ
  • นักการเกษตร
  • เทคนิคและธุรกิจการเลี้ยงสัตว์
  • กิจการด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ
  • กิจการรักษาความปลอดภัย และบังคับใช้กฎหมาย

ตัวอย่างข้างบนเป็นบริบทสหรัฐอเมริกา โรงเรียนไทยพึงปรับตามบริบทไทย และท้องถิ่นที่โรงเรียนตั้งอยู่

เขาแนะนำให้โรงเรียนจัดโปรแกรมการสอนทักษะอาชีพอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่ใช่แค่เป็นกิจกรรมให้นักเรียนเลือกเรียนนอกเวลาเรียนหรือเป็นวิชาเลือก กิจกรรมนี้จำเป็นมากสำหรับโรงเรียนในเขตยากจน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเด็กวัยรุ่นลงอย่างมากมายและทำให้เด็กอยากมาโรงเรียน  

เขาแนะนำโมเดลการดำเนินการของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแมสซาชูเสตส์ ที่ดำเนินการได้ผลดีมีชื่อเสียงมาก โดยร้อยละ 96 ของนักเรียนสอบผ่านการสอบชั้น ม.ปลาย ที่เข้มงวดของรัฐ โดยโมเดลดังกล่าวมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ

  1. ติดต่อกระทรวงศึกษาธิการของรัฐ เพื่อปรึกษาว่ามีลู่ทางผสมผสานการศึกษาเพื่ออาชีพ และการศึกษาเชิงเทคนิคเข้ากับกิจกรรมในโรงเรียนอย่างไรบ้าง
  2. เริ่มช้าๆ เพิ่มปีละ 1 โปรแกรม
  3. จัดมินิโปรแกรมที่ใช้เวลาน้อยกว่า ดังตัวอย่าง

– นักเรียนค้นคว้าและดำเนินการฝึกซ้อม กรณีเกิดเพลิงไหม้ จับตัวประกัน น้ำท่วม หรือมีการรังแกกัน

– นักเรียนพัฒนาความสัมพันธ์กับธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อการฝึกงาน

– นักเรียนพัฒนาการดูงานภายในโรงเรียนเพื่อเรียนรู้จากเจ้าหน้าที่ เรียนรู้เรื่องต้นไม้ และการออกแบบสถาปัตยกรรม

– นักเรียนจัดทัวร์สถานประกอบการในท้องถิ่น ในช่วงที่มีการเรียนน้อย เช่น วันหยุดหรือในสัปดาห์ที่ไม่มีการสอบ

– นักเรียนจัดกิจกรรมร่วมกับองค์การลูกเสือ เนตรนารี หรือกิจกรรมเดินป่าในท้องถิ่น

เขาแนะนำว่า อย่าพยายามผลักดันนักเรียนทุกคนไปสู่เส้นทางเข้ามหาวิทยาลัย สำหรับนักเรียนที่ไม่พร้อมหรือไม่อยากเข้ามหาวิทยาลัย เขาแนะนำแหล่งความรู้สำหรับเด็กเหล่านั้นคือ

  • หนังสือ Better than College: How to Build a Successful Life Without a Four-Year Degree by Blake Boles
  • หนังสือ 40 Alternatives to College by James Altucher
  • TED และ TEDx Talk แนะนำอาชีพ ค้นในกลุ่ม education   

หน้าที่ของครูคือ ให้ศิษย์ได้เห็นลู่ทางอาชีพที่หลากหลายสำหรับเลือกตามที่ตนชอบและเหมาะต่อตัวเอง โดยครูไทยพึงปรับคำแนะนำเหล่านี้ให้เหมาะต่อบริบทไทย และบริบทท้องถิ่นของศิษย์

จะสมาทานชุดความคิด “ฉันได้พยายามคิดบวกแล้ว แต่เด็กเหล่านี้มาจากสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ฉันไม่คิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต” หรือ “ฉันเอาใจใส่เรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ศิษย์เข้ามหาวิทยาลัยได้หรือพร้อมทำงาน”

หมายเหตุ: อ่านบทความ วิจารณ์ พานิช สอนเข้ม เพื่อศิษย์ขาดแคลน ตอน 1 และ ตอน 2 

Tags:

ครูวัยรุ่นเทคนิคการสอนสอนเข้มเพื่อศิษย์ขาดแคลนศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

Author:

illustrator

ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

รองประธานกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล ผู้อำนวยการคนแรกของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และได้ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.) ดำรงตำแหน่งกรรมการของหน่วยงานและมูลนิธิหลายแห่ง

Illustrator:

illustrator

บัว คำดี

เติบโตมากับเพลงป็อปแดนซ์ยุค 2000 เริ่มเป็นติ่งวงการ k-pop ในวัยมัธยม มีเพลงการ์ตูนดิสนีย์เป็นพลังใจในทุกช่วงวัยของชีวิต

Related Posts

  • Learning Theory
    Achievement mindset: เสริมสร้างทักษะ Grit ให้อยู่กับนักเรียน

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชครูใหม่ วิมลศรี ศุษิลวรณ์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Learning Theory
    Achievement mindset: ชวนนักเรียนตั้งเป้าหมายสูง เคล็ดลับผลักดันให้นักเรียนประสบความสำเร็จ

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชครูใหม่ วิมลศรี ศุษิลวรณ์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Learning Theory
    Relational mindset: ‘ครูแสดงความเอาใจใส่ต่อศิษย์’ เทคนิคที่จะช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ได้ดีขึ้น

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชครูใหม่ วิมลศรี ศุษิลวรณ์ ภาพ เพชรลัดดา แก้วจีน

  • Learning Theory
    RELATIONAL MINDSET: ความสัมพันธ์ครูกับศิษย์ในฐานะมนุษย์ เพราะสัมพันธ์ที่ดีมีผลต่อการเรียนรู้

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชครูใหม่ วิมลศรี ศุษิลวรณ์ ภาพ เพชรลัดดา แก้วจีน

  • Learning Theory
    วิจารณ์ พานิช: ใช้ศิลปะและการเล่นกีฬากระตุ้นการเจริญงอกงามของสมองเด็ก

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ บัว คำดี

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel