- บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ ‘เอื้อระบบนิเวศ เพื่อครูเป็นผู้ก่อการ’ ตอนที่ ๑. ปณิธานสู่ระบบการศึกษาแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ของไทย โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช
- ครูคือพลังสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ระบบการศึกษาเป็นระบบที่เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
- ระบบนิเวศ หรือสภาพแวดล้อม ในการทำงานของครู มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมความเป็นตัวของตัวเองของครู
- ปฏิบัติการในฐานะการเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการของครู ไม่ได้ขึ้นกับตัวครูที่เป็นปัจเจกบุคคลเท่านั้น ยังขึ้นกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างครูด้วยกัน และระหว่างครูกับสภาพแวดล้อมในโรงเรียน ในระบบการศึกษา และในสังคมวงกว้างด้วย
บันทึกชุด เอื้อระบบนิเวศ เพื่อครูเป็นผู้ก่อการ นี้ ตีความจากหนังสือ Teacher Agency : An Ecological Approach (2015) ที่เขียนโดยศาสตราจารย์ ๓ ท่าน คือ Mark Priestley, Gert Biesta, และ Sarah Robinson โดยสองท่านแรกทำงานในมหาวิทยาลัยสเตอร์ลิง ในสก็อตแลนด์ ท่านที่สามอยู่ที่ Aarhus University เดนมาร์ก เป็นหนังสือที่ผู้อ่านประเมินระดับคุณภาพ ๕ ดาว และเขียนจากผลงานวิจัย Teacher Agency and Curriculum Change Project (2011 – 2012) ที่ดำเนินการโดยทีมงานของ University of Stirling, Scotland ร่วมกับ Scottish Local Authority ได้รับทุนวิจัยจาก UK Economic and Social Research Council เพื่อหนุนการดำเนินการหลักสูตรการศึกษาใหม่ ที่เรียกว่า “Curriculum for Excellence” ของ สก็อตแลนด์
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ปิ๊งว่าเป็นความรู้ที่เหมาะแก่ยุคสมัยของการพัฒนาระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันอย่างยิ่ง จึงเขียนบันทึกชุดนี้โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อหนุนการประยุกต์ใช้ หลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
หนังสือ Teacher Agency บอกชัดเจนว่า ในอดีตประมาณยี่สิบปีที่ผ่านมา ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักร รวมทั้งของสก็อตแลนด์ เดินผิดทาง ในเรื่องท่าทีหรือความคาดหวังต่อครู หรือบทบาทของครู มีผลให้คุณภาพการศึกษาถูกลดทอน เพราะไปหลงใช้ระบบการจัดการระบบการศึกษาตามแนวทางของระบบธุรกิจแนว neo-liberal ที่บูชาผลงาน (performance) ที่เขาเรียกว่า performativity ที่นำไปสู่วิธีการจัดการที่เน้นพลังของการจัดการผลงาน ผ่านการประเมินผลลัพธ์ เหนือการจัดการเพื่อใช้พลังของมิติความเป็นมนุษย์ของครู ที่เวลานี้พบว่าเป็นแนวทางที่ผิด คือมีผลลดทอนคุณภาพของการศึกษา และลดทอนคุณภาพครู ผ่านการลดทอนความมั่นใจในตัวเองและความเป็นตัวของตัวเองของครู
หลักสูตรใหม่ของ สก็อตแลนด์ ที่เรียกว่า “Curriculum for Excellence” ระบุชัดเจนว่า มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าโรงเรียนและครูเป็นผู้ร่วมสร้าง (co-creator) หลักสูตร โปรดสังเกตว่า หลักสูตรใหม่ของเขาเปลี่ยนมุมมองต่อครูและโรงเรียน จากผู้ปฏิบัติตามหลักสูตร (curriculum implementer) มาเป็น ผู้ร่วมสร้างหลักสูตร (curriculum co-creator) และเขามองว่าการสร้างหลักสูตรเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ต้องพัฒนาเรื่อยไปไม่รู้จบ และบุคคลสำคัญที่สุดในการร่วมกันสร้างหลักสูตรอย่างต่อเนื่องนี้ คือครู
ผมขอเพิ่มเติมว่า ครูคือพลังสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ระบบการศึกษาเป็นระบบที่เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และระบบการบริหารการศึกษาไทยตามแนวทางปัจจุบัน ก็เดินตามแนวทาง performativity เหมือนของสหราชอาณาจักร ที่เขากำลังพยายามเปลี่ยน แนวทางที่ไทยเรากำลังใช้อยู่นี้ มีผลทำให้ระบบการศึกษาเป็นระบบที่ไม่เรียนรู้ หรือมีระดับการเรียนรู้ต่ำ และทำลายหรือลดทอนศักยภาพการเป็นตัวของตัวเอง และพลังความสร้างสรรค์ของครู รวมทั้งมีผลลดทอนศักดิ์ศรีครู
อธิบายจากการตีความในมิติที่ลึกยิ่งขึ้นได้ว่า การบริหารระบบการศึกษาแบบเน้นผลงาน (performativity) ตกขอบ มีผลสร้าง fixed mindset ให้แก่ครูและบุคลากรการศึกษา ชักนำให้ผู้ปฏิบัติงานมุ่งผลงานระยะสั้นที่หน่วยเหนือกำหนดอย่างตายตัว ไม่เอาใจใส่มิติเชิงอนาคต ที่เน้นการพัฒนา ไม่สนใจทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งขับเคลื่อนด้วย growth mindset สรุปได้ว่า การบริหารระบบการศึกษาแบบเน้นผลงาน (performativity) ตกขอบ อย่างที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน หล่อหลอมให้ครูและบุคลากรการศึกษาสมาทาน fixed mindset
ภายใต้ความเชื่อใหม่ ว่าครูต้องทำหน้าที่เชิงสร้างสรรค์ นี้ ต้องหาทางฟื้นความมั่นใจในตัวเองของครู ให้ครูเป็นผู้ก่อการ หรือผู้กระทำการ ที่เขาเรียกว่า agency ครูที่มีพฤติกรรมริเริ่มดำเนินการในหน้าที่ของตนเรียกว่า agentic teacher จึงเกิดโครงการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจว่า ความเป็นตัวของตัวเองของครู (teacher agency) มาจากไหน มีทางหนุนหรือเอื้อให้เกิดและยกระดับหรือพัฒนาขึ้นได้อย่างไร หรือมองมุมกลับ ปัจจัยอะไรที่ดับหรือลดทอนความเป็นตัวของตัวเองของครู จากผลงานวิจัย นำสู่การเขียนหนังสือ Teacher Agency : An Ecological Approach ที่ชี้ให้เห็นมิติที่ลึกของการหนุนให้เกิดพลังครู เพื่อเป็นผู้ร่วมสร้างหลักสูตร และร่วมสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง
ข้อค้นพบสำคัญยิ่งคือชื่อรองของหนังสือ “An Ecological Approach” ซึ่งหมายความว่า ระบบนิเวศ หรือสภาพแวดล้อม ในการทำงานของครู มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมความเป็นตัวของตัวเองของครู แนวความคิดหรือกระบวนทัศน์ performativity ที่วงการศึกษารับถ่ายทอดมาจากวงการธุรกิจ เป็นตัวการที่สร้างบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานของครู ที่ปิดกั้นความเป็นตัวของตัวเอง มีผลลดทอนความริเริ่มสร้างสรรค์ นำไปสู่พฤติกรรมการทำงานตามวิธีการที่มีการกำหนดตายตัว เพื่อให้สอดคล้องกับกลไกการประเมินผลลัพธ์ที่กำหนดโดยหน่วยเหนืออย่างตายตัว มีผลต่อเนื่องให้ครูปฏิบัติตามข้อกำหนดโดยไม่คิด
นานๆ เข้าครูก็เคยชินกับการทำงานตามแบบแผนที่หน่วยเหนือกำหนดให้ เกิดวัฒนธรรมการทำงานตามรูปแบบตายตัว ไม่มีความคิดริเริ่มที่จะใช้การเรียนรู้จากการทำงานเพื่อพัฒนางานของตน เป็นวัฒนธรรมการทำงานตามสูตรสำเร็จ เพื่อการประเมินผลการปฏิบัติตามสูตรสำเร็จนั้น ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงานสร้างสรรค์ ที่ออกนอกกรอบ
เท่ากับลัทธิบริหารการศึกษาแบบ performativity เป็นตัวลดทอนความเป็นตัวของตัวเองและความสร้างสรรค์ของครู ที่หลักสูตรใหม่ คือ “Curriculum for Excellence” ต้องการแก้ไข เพื่อใช้พลังครูในการสร้างผลสำเร็จตามหลักสูตรใหม่นี้ และงานวิจัย Teacher Agency and Curriculum Change Project (2011 – 2012) รวมทั้งหนังสือเล่มนี้ มุ่งให้ความเข้าใจเชิงลึก ถึงที่มาที่ไปของความเป็นตัวของตัวเอง หรือการเป็นผู้ก่อการของครู สำหรับนำความเข้าใจนี้ มาใช้เปลี่ยนแนวทางการจัดการระบบการศึกษาของประเทศ
ย้ำว่า ข้อค้นพบคือ ความเป็นตัวของตัวเอง หรือความเป็นผู้ก่อการของครูนั้น ไม่ใช่ขึ้นกับสมรรถนะหรือขีดความสามารถของครูล้วนๆ แต่เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของตัวครูกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่มีผล ๓ ชั้นต่อความเป็นผู้ลงมือก่อการของครู คือ (๑) การสั่งสมประสบการณ์และการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของครู (๒) การตัดสินใจลงมือปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติของครู ณ จุดของการดำเนินการ และ (๓) การมองหรือคาดการณ์ไปในอนาคตของครู
กล่าวใหม่ว่า ปฏิบัติการในฐานะการเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการของครู ไม่ได้ขึ้นกับตัวครูที่เป็นปัจเจกบุคคลเท่านั้น ยังขึ้นกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างครูด้วยกัน และระหว่างครูกับสภาพแวดล้อมในโรงเรียน ในระบบการศึกษา และในสังคมวงกว้างด้วย
กล่าวย้ำอีกที ว่าพฤติกรรมของครูที่มุ่งหวัง ไม่ได้เกิดขึ้นในสภาพตรงไปตรงมา ไม่ได้เป็นสมการชั้นเดียว แต่เป็นสภาพที่ซับซ้อน มีหลายเหตุปัจจัยมาประกอบกัน พฤติกรรมของครู ขึ้นกับบริบทที่ซับซ้อนและจำเพาะสำหรับแต่ละกรณี หนังสือ Teacher Agency : An Ecological Approach มุ่งคลี่ภาพความซับซ้อนนั้นออกมาเสนอให้เข้าใจง่าย และผมตีความนำมาเสนอใน บล็อก ชุด เอื้อระบบนิเวศ เพื่อครูเป็นผู้ก่อการ นี้ เพื่อเสนอต่อวงการศึกษาไทย ว่าน่าจะมีแนวทางส่งเสริมให้ครูไทยมีพลัง และใช้พลังนั้นในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาไทย ผ่านหลักสูตรฐานสมรรถนะได้อย่างไร
เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เพื่อเป็นแนวร่วมในการยกระดับศักดิ์ศรีวิชาชีพครู ผ่านการส่งเสริมให้ครูร่วมกันทำงานในมิติของการริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้ร่วมสร้างมิติใหม่ๆ ให้แก่ระบบการศึกษาไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักสูตรฐานสมรรถนะ
ผมหวังให้บันทึกชุด เอื้อระบบนิเวศ เพื่อครูเป็นผู้ก่อการ นี้ มีส่วนยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยในภาพรวม ผ่านแนวความคิดหรือกระบวนทัศน์ว่า คนในวงการศึกษา องคาพยพของระบบการศึกษา และกลไกต่างๆ ในระบบการศึกษา ต้องเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง (growth mindset) ผ่านปฏิสัมพันธ์ภายในระบบ (การศึกษา) และปฏิสัมพันธ์กับระบบอื่นๆ หรือเหตุปัจจัยภายนอก