- ฤดูสอบเด็กอังกฤษปีที่แล้ว สายด่วน Childline ต้องรับสายจากเด็กที่ต้องการระบายความเครียดจากการสอบถึง 3,315 สาย
- เมื่อการสอบไม่ใช่แค่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเฉพาะตัวเด็ก แต่เป็นแบบประเมินคุณภาพครู คุณภาพการศึกษาของแต่ละโรงเรียน ความคาดหวังของผู้ปกครอง และการเปิดเผยผลการสอบแบบสาธารณะ การสอบแต่ละครั้งจึงมี ‘เดิมพัน’ สูงส่ง
- สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ‘ความป่วยไข้ทางใจ’ ของเด็กๆ และเกิดอย่างรวดเร็วเกินไป
- “เราเจอเด็กที่ขนตาร่วงทั้งหมดเพราะความเครียด และมีเด็กจำนวนหนึ่งที่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นคงทางใจถูกทำลาย” ประสบการณ์จากครูนิรนามท่านหนึ่ง
ตั้งแต่ราวเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน คือช่วงที่นักเรียนอังกฤษตั้งแต่ประถมศึกษาถึงมัธยมปลาย ต้องเตรียมสอบวัดระดับการศึกษา เริ่มตั้งแต่การสอบ SATs สำหรับชั้นประถมศึกษา, การสอบ GCSEs และ A LEVEL ในเด็กมัธยม
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุให้ ในปีการศึกษา 2016/2017 สายโทรศัพท์ Childline บริการให้คำปรึกษาเด็กโดยสมาคมป้องกันการทารุณกรรมต่อเด็กแห่งชาติ (NSPCC) ของสหราชอาณาจักร ต้องรับปรึกษา รับฟังความเครียดของเด็กๆ ที่เกิดจากการเตรียมสอบกว่า 3,315 เรื่อง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2017 มีมากถึง 704 เรื่อง (22 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด)
แต่ตัวเลขภาพรวมพบว่ามีนักเรียนโทรเข้ามามากกว่าปีก่อนอยู่ที่ 11 เปอร์เซ็นต์ และสายที่โทรเข้ามามากที่สุดคือนักเรียนอายุ 12-15 ปี และนักเรียนอายุ 16-18 ปี โทรเข้ามาปรึกษามากกว่าปี 2014/2015 ถึง 21 เปอร์เซ็นต์
“เรากำลังเตรียมสอบ GCSEs ซึ่งมันเครียดมากๆ พ่อแม่คาดหวังว่าเราต้องทำมันให้ได้ดี เราพยายามอย่างหนักแต่รู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอสำหรับพวกเขา พ่อแม่ไม่อนุญาตให้เราทำอะไรเลยยกเว้นดูหนังสือ และถ้าเราพยายามสื่อสารหรืออธิบายกับพวกเขา มันจบลงด้วยการทะเลาะกันทุกที” – สายนิรนาม
ผู้ให้คำปรึกษารายงานว่า เด็กๆ เหล่านี้บอกว่าเขาต้องดิ้นรนเพื่อเผชิญหน้ากับความเครียด ทั้งจากการบ้านที่หนักหน่วงและความรู้สึกไม่พร้อม เตรียมตัวไม่ทัน
และทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่จุดจบที่คล้ายกันก็คือ ‘การป่วยไข้ด้านจิตใจ’ หรือ Mental Health
ข้อสอบSATs ในเด็กปฐมวัย: การเผชิญหน้ากับความเครียดและความล้มเหลวก่อนวัยอันควร
มาดูที่ความเครียดของเด็กๆ ประถม อายุระหว่าง 5-10 ปีกันบ้าง
บรรยากาศความเครียดและกดดันในการสอบของเด็กตัวเล็กๆ คล้ายกันกับบ้านเรา เพราะที่อังกฤษ เด็กประถมต้องเตรียมสอบ SATs หรือคือชื่อเล่นการสอบวัดผลระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษาหลักของอังกฤษ (National Curriculum) เมื่อเด็กๆ จบการศึกษา Key Stage* 1 และ 2 หรือเมื่อพวกเขาจบการศึกษา Year 2 อายุประมาณ 7 ปี และ Year 6 อายุประมาณ 11 ปี
การสอบ SATs ไม่ใช่แค่การสอบวัดระดับความรู้ของนักเรียน แต่เป็นการวัดประเมินความสามารถของครูผู้สอน (teacher assessment judgements) และระดับโรงเรียนด้วย
ผลสำรวจจาก The Key for School Leaders องค์กรบริการข้อมูลด้านการพัฒนาเพื่อเป็นโรงเรียนชั้นนำ เผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2017 ซึ่งเป็นฤดูสอบ SATs ชี้ว่า จากผลสำรวจเปิดให้ครูแสดงความเห็นต่อนักเรียนที่ต้องสอบของช่วงปีนั้นระบุว่า ครูส่วนใหญ่บอกว่า เด็กๆ กำลังเผชิญหน้ากับความกลัว และถูกความกังวล (panic) เข้าจู่โจม กรณีร้ายแรงที่สุดคือ เด็กเครียดจนกระทั่งขนตาร่วงทั้งหมด
“ปีที่ผ่านมาในช่วงการสอบอ่าน เด็กนักเรียนสองคนร้องไห้ขณะเริ่มอ่านข้อสอบ จำเป็นต้องขอเวลานอกแล้วค่อยกลับมาทำข้อสอบใหม่ เด็กๆ ดูจะเครียดมากขึ้น ในช่วงเวลานี้ เรา (ครู) จำเป็นต้องทำให้เขารู้ว่าเราสนับสนุนเขาอยู่” ครูท่านหนึ่งร่วมตอบแบบสอบถาม
ขณะที่ครูอีกท่านแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในผลสำรวจว่า
เราเจอเด็กที่ขนตาร่วงทั้งหมดเพราะความเครียด และมีเด็กจำนวนหนึ่งที่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นคงทางใจถูกทำลาย
ผลสำรวจอื่นๆ มีดังนี้
- 81 เปอร์เซ็นต์ ของครูที่ร่วมตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขากังวลต่อภาวะความป่วยไข้ของจิตใจนักเรียนมากกว่าความเครียดของเด็กๆ ที่เคยสอบ 2 ปีที่ผ่านมา
- 68 เปอร์เซ็นต์ ของครูที่ร่วมตอบแบบสำรวจ ระบุว่า การเปลี่ยนระบบสอบ ให้ผลลบ โดยเฉพาะความเครียดของเด็กๆ มากกว่า
- 94 เปอร์เซ็นต์ของครูที่ร่วมตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขาคุยกับเด็กๆ เรื่องการจัดการกับความเครียดมากกว่าที่เคยทำในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
- 27 เปอร์เซ็นต์ของครูที่ร่วมตอบแบบสำรวจระบุว่า ข้อสอบ คือตัวการสำคัญของความเครียดในเด็ก ต่อมาคือโซเชียลมีเดีย
ไม่ใช่การเลิกสอบ แต่คือการเปิดเผยข้อมูลคะแนนสอบ
แต่ข้อวิจารณ์สำคัญไม่ได้มุ่งไปที่การเลิกสอบ หากคือการเปิดเผยข้อมูลการสอบของนักเรียน ซึ่งจะทำให้ทั้งครู ซึ่งต้องติวให้นักเรียนทำข้อสอบได้ดี และเด็กกดดันมากไปกว่าเดิม ฉะนั้น คะแนนจึงกลายเป็นสิ่งเดิมพันที่มีราคาสูง
เนล คาร์ไมเคิล (Neil Carmichael) คณะกรรมการการศึกษากล่าวว่า “เมื่อคะแนนกลายเป็นสิ่งเดิมพัน ผลลัพธ์คือการหาวิธีให้ได้คะแนนสูง คือการมุ่งทำคะแนนด้านภาษาอังกฤษและเลข ละทิ้งวิชาวิทยาศาสตร์ สายมนุษยศาสตร์ และศิลปะไป
“เป็นเรื่องจริงที่โรงเรียนต้องมีการประเมินศักยภาพของตัวเอง แต่รัฐควรลดสิ่งเดิมพัน และสร้างระบบให้ครูได้สร้างสมดุลและเติมเต็มหลักสูตรของตัวเอง”
นอกจากนั้นยังเสนอว่า ชาวอังกฤษเป็นกังวลต่อมุมมองวิธีการสอบ SATs เรื่องไวยากรณ์มากกว่าบทบาทและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ ชั้นประถม และเห็นว่าประเด็นถกเถียงเรื่องภาษาสมัยใหม่อย่างการสะกดคำ, เครื่องหมายวรรคตอน และไวยากรณ์ ไม่ควรเป็นข้อสอบบังคับในทางกฎหมาย (non-statutory) ในการสอบ Key Stage 2 หรือเมื่อเด็กจบ Year 6
*ระดับประถมศึกษา (Primary Level) ของอังกฤษ แบ่งออกเป็น 2 ระดับย่อยตาม Key Stage คือ Key Stage 1: ระดับชั้นประถมศึกษา Year 1-2 อายุประมาณ 5-6 ปี Key Stage 2: ระดับชั้นประถมศึกษา Year 3-6 อายุประมาณ 7-10 ปี |