Skip to content
พัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถาม
  • Creative Learning
    Unique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique SchoolEveryone can be an Educator
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
พัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถาม
Transformative learning
23 June 2025

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP3 ‘คุณค่าของความไม่สบายใจ’

เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • บันทึกชุด ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ นี้ ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Hidden Potential : The Science of Achieving Greater Things นำสู่การตีความหนังสือออกเป็นบันทึกชุดนี้ แต่เป็นการตีความที่ต่างจากบันทึกชุดก่อนๆ คือ ผมได้เสริมข้อคิดเห็นของตนเอง จากความรู้เดิมที่มีและจากความรู้ที่ขอให้ปัญญาประดิษฐ์หลายสำนักช่วยค้นและให้ข้อสรุปด้วย

ตอนที่ 3 เสนอปัจจัยสำคัญที่คนไทยมักเข้าใจผิด ว่าการศึกษาต้องเน้นให้ความสุขแก่ผู้เรียนเป็นหลัก ซึ่งที่จริงก็ถูกต้อง ว่าการศึกษาต้องทำให้ผู้เรียนเกิดความสุขจากการได้เรียนรู้ เพราะจะเป็นตัวช่วยให้อารมณ์ดี สมองแจ่มใส เรียนรู้ได้ดีขึ้น แต่หนังสือ Hidden Potential ชี้ให้เห็นว่า

เหตุการณ์ที่ยากลำบาก ก่อความไม่สบายใจ อึดอัดขัดข้อง จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ฟันฝ่า ช่วยปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นของผู้เรียนออกมา

เด็กที่คุ้นเคยแต่ความสุข ความราบรื่นในชีวิต จะไม่แกร่ง และสร้างนิสัยเป็นคนที่คุ้นอยู่กับพื้นที่สบายใจ (Comfort Zone) ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าออกจากพื้นที่สบายใจ

ทักษะเชิงลักษณะนิสัย ไม่สามารถสร้างได้ง่ายๆ เงียบๆ แต่ต้องการประสบการณ์ที่เป็นการทดลองและฟันฝ่าความยากลำบาก ที่นำสู่จิตใจที่แข็งแกร่ง มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีแรงบันดาลใจที่ลุกโชน และบรรลุความสำเร็จในระดับที่ไม่ธรรมดา ที่พลังซ่อนเร้นของความเป็นมนุษย์ถูกปลุกออกมากระทำการ

หน้าที่ของการศึกษาคือ ช่วยให้ผู้เรียนค้นพบพลังซ่อนเร้นที่อยู่ภายในตน และการค้นพบนี้จะต้องผ่านการพัฒนาตนเองให้เป็น มนุษย์ที่ “สบายใจที่จะอยู่กับความไม่สบายใจ” (Comfortable to be Uncomfortable) หรือเป็น “มนุษย์แห่งความอึดอัดขัดข้อง” (Creature of Discomfort) หรือเป็นคนที่ไม่กลัว ไม่หลบหลีก ความยากลำบาก นั่นเอง

การศึกษาต้องส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้หลากหลายแบบ รูปแบบหนึ่งของทักษะเชิงลักษณะนิสัยคือการรวบรวมความกล้าในการเผชิญความยากลำบาก เป็นรูปแบบหนึ่งของความมุ่งมั่น (Determination) ที่มีองค์ประกอบเป็นความกล้า 3 ประการคือ (1) กล้าออกจากวิธีการที่เคยลองแล้วพบว่าใช้ได้ดี (2) กล้าขี้นเวทีก่อนที่จะมั่นใจว่าตนเองชกได้ดี (3) กล้าที่จะทำผิดพลาด หรือไม่สำเร็จ ความกล้าทั้ง 3 ประการนี้ คือกล้าอยู่กับความไม่สบายใจ

ครูต้องปฏิบัติอย่างไร จึงจะไม่เป็นตัวขัดขวางการเรียนรู้แบบนี้ของเด็กบางคน หรือถามใหม่ว่า ครูต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้และปลุกพลังที่ซ่อนเร้นของตนจากการเผชิญความไม่สบายใจ

ออกจากการศึกษาแบบสายพานผลิต

สภาพโรงเรียนที่เราคุ้นเคยมาหลายสิบปี หรือเป็นร้อยปี คือเป็นเสมือนสายพานการผลิตในโรงงาน มีนักเรียนเข้าเรียนแล้วจบออกไปตามที่กำหนดในหลักสูตร เป็นรุ่นๆ ภายใต้สมมติฐานว่านักเรียนทุกคนได้พัฒนาตาม “มาตรฐานการศึกษา” มองนักเรียนเป็นผลผลิตของ “สายพานการผลิต” ที่เหมือนๆ กัน

ในขณะที่ความเป็นจริง มนุษย์ทุกคนมีลักษณะเฉพาะตน หรือกล่าวใหม่ว่า มีศักยภาพพิเศษเฉพาะตน การศึกษาต้องช่วยหนุนให้นักเรียนค้นพบตัวเอง ค้นพบตัวตนหรือลักษณะพิเศษที่จำเพาะของตนเอง ตามที่เสนอไว้ใน Chickering’s Seven Vectors of Identity Development

ในโลกยุคปัจจุบัน การศึกษาที่เน้นหลักสูตรมาตรฐาน สอนเพื่อสอบผ่านการสอบหรือวัดผลมาตรฐาน (Standardized Testing) เป็นตัวปัญหา เป็นตัวปิดกั้นการหนุนให้เด็กพัฒนาตัวตน ค้นพบตัวตนที่แท้จริง รวมทั้งศักยภาพที่ซ่อนเร้นของตน ประเทศที่ระบบการศึกษาก้าวหน้า ได้ข้ามพ้นมายาคตินี้ไปแล้ว แต่ระบบการศึกษาไทยยังย่ำเท้าอยู่กับความล้าสมัยนี้ ประมาณได้ว่า เราล้าสมัยอยู่ประมาณครึ่งศตวรรษ

ที่จริงการมีหลักสูตรมาตรฐานไม่ใช่ของผิด มีความจำเป็น แต่การกำหนดให้ยึดถือปฏิบัติตามอย่างตายตัว ไม่มีความยืดหยุ่นเพื่อเอื้อนักเรียนเป็นรายคน เป็นสิ่งผิด ความยืดหยุ่นในที่นี้ไม่ใช่ยืดหยุ่นให้แก่ความอ่อนแอ แต่เป็นการยืดหยุ่นให้แก่ความแข็งแรง ได้แก่ ความชอบ ความถนัด และศักยภาพพิเศษ ของนักเรียนแต่ละคน เป็นการยืดหยุ่นเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนบางคนได้มีโอกาสเผชิญสิ่งยาก หรือความท้าทายที่เหมาะสมสำหรับเขาเป็นการเฉพาะตัว เพื่อเปิดโอกาสให้พลังซ่อนเร้นของนักเรียนแต่ละคนเผยออกมาทำประโยชน์แก่ตัวเขาเอง แก่สังคม และแก่โลก

ในการเปิดโอกาสนี้ ผลลัพธ์ที่มีค่าต่อเด็กนอกจากเรื่องความรู้หรือทักษะด้านใดด้านหนึ่ง แล้วผลลัพธ์ที่มีค่าสูงสุดเป็นการหนุนให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัย (Character Skills) ทั้ง 4 ตัวตามที่ระบุในตอนที่แล้ว ใส่ตัวเป็นทุนสำหรับหนุนการปลุกพลังซ่อนเร้นของแต่ละคนตลอดชีวิต ผ่านการฝึกฝนเคี่ยวกรำฟันฝ่าความล้มเหลวยากลำบากยาวนานสู่ความสำเร็จในชีวิต                          

เริ่มเมื่อไม่พร้อม

หลักการของการเรียนรู้ที่ถูกต้องคือเรียนจากการกระทำ หรือการผลิต ไม่ใช่เรียนจากการรับถ่ายทอดจากครูหรือจากหนังสือ หรือกล่าวใหม่ว่า ทันทีที่ได้รับความรู้หรือทักษะใหม่ ผู้เรียนต้องรีบนำมาทดลองใช้ เพื่อเปลี่ยนการเรียนเชิงรับ (Passive Learning) มาเป็นการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning) ทันที

โปรดสังเกตว่า แนวทางในย่อหน้าบน เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติหรือลงมือทำโดย “ยังไม่พร้อม” ยังเข้าใจเรื่องไม่ตรงกัน ยังไม่สบายใจที่จะเอาความรู้ไปลองใช้ สภาพนี้เป็นความขัดแย้งทางการศึกษา ที่มองมุมหนึ่งต้องการนักเรียนมีความสุขความสบายใจ แต่มองอีกมุมหนึ่ง นักเรียนต้องเอาชนะความไม่สบายใจในชีวิตประจำวันของการเรียนรู้เชิงรุก ซึ่งนอกจากนักเรียนได้ฝึกตีความความรู้ใหม่สำหรับนำไปทดลองใช้ แล้วนักเรียนยังได้ฝึกความกล้าที่จะลองในสภาพที่ตนเองไม่พร้อม หรือกล่าวใหม่ว่า กล้าที่จะผิดพลาด นี้คือการฝึกทักษะเชิงลักษณะนิสัยแบบไม่รู้ตัว ผมตีความเช่นนี้จะถูกหรือผิดก็ไม่ทราบ

หากการตีความในย่อหน้าบนถูกต้อง การเรียนรู้แบบเรียนรู้เชิงรุก และเรียนรู้จากประสบการณ์ ที่ครู (และผู้ใหญ่) หนุนให้เด็กกล้าลอง จึงเป็นการวางพื้นฐานหนุนให้นักเรียนพัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัยให้แก่ตนเอง เอาไว้เป็นทุนหนุนการปลุกพลังซ่อนเร้นของตนเอง

เงองะอย่างจงใจ

เขาอ้างผลงานวิจัยของนักจิตวิทยาชื่อ Kaitlin Wooley และ Ayelet Fishbach (1) ที่สรุปว่า ผู้เรียนที่เชื่อว่าความไม่สบายใจ (Discomfort) ตอนเรียนรู้เป็นสัญญาณของการพัฒนา จะเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจต่อการเรียนรู้ โดยช่วยให้ผู้เรียนพาตนเองออกจากพื้นที่สบายใจ (Comfort Zone)

หนังสือเล่าตัวอย่างคนสองคนที่ตั้งหน้าฝึกภาษาต่างประเทศ แบบกล้าลองสื่อสารอย่างเงอะงะตั้งแต่แรกโดยไม่กลัวผิด จะเป็นคนที่เรียนได้ผลดีในที่สุด คนเหล่านี้สนใจที่การเรียนรู้มากกว่าสนใจความยากลำบากและความผิดพลาด และในความเป็นจริงแล้ว การฝึกฝนบ่อยๆ ทำผิดบ่อยๆ จะนำสู่สมรรถนะในการพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างสมบูรณ์ในที่สุด

ใช้ความไม่สบายใจให้เกิดผลเชิงบวกต่อการเรียนรู้

หนังสือ Hidden Potential แนะนำให้ใช้ความไม่สบายใจ (Discomfort) ให้เกิดผลเชิงบวกต่อการเรียนรู้ โดยตระหนักว่าการออกจากพื้นที่สบายใจ (Comfort Zone) เป็นเส้นทางสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่สบายใจ เป็นผู้ลงโทษตนเองให้ไม่มีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ความไม่สบายใจ หรือความรู้สึกอึดอัดขัดข้อง นำสู่การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) ตามที่ระบุไว้ในหนังสือ เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง รวมทั้งนำสู่การพัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัย ดังกล่าวแล้ว   

ครูใช้หลักการนี้อย่างไร

ผมลองถาม Generative AI Gemini ว่าสิ่งที่ครูควรทำและไม่ควรทำ ในการช่วยหนุนให้นักเรียนเผยพลังซ่อนเร้นของตนออกมา ได้คำตอบที่ดีมากว่า 

สิ่งที่ครูควรทำ

  • สร้างพื้นที่ปลอดภัยและส่งเสริมให้นักเรียนกล้าเสี่ยง และกล้าทำผิด
  • ส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็น ความรักเรียน และการค้นหา
  • ให้โอกาสได้เผชิญความท้าทาย
  • เฉลิมฉลองความสำเร็จที่มาจากความมานะพยายาม การฟันฝ่าความล้มเหลว
  • ทำตัวเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมเชิงบวก ได้แก่ ความยืดหยุ่นปรับตัว (Resilience), ความมานะพยายาม (Perseverance), การมีกระบวนทัศน์พัฒนา (Growth Mindset) 
  • ส่งเสริมความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม
  • ให้การสนับสนุนเป็นรายคน
  • ส่งเสริมให้นักเรียนสะท้อนคิดตนเอง (self-reflection) ด้านการเรียนรู้และเติบโต
  • ส่งเสริมกระบวนทัศน์พัฒนา
  • ส่งเสริมให้กล้าเสี่ยง กล้าออกจากพื้นที่สบายใจ   

สิ่งที่ครูไม่ควรทำ

  • หลีกเลี่ยงการให้คำแนะนำป้อนกลับเชิงลบ (Negative Feedback) ที่จะทำให้นักเรียนไม่กล้าลองผิดลองถูก
  • เปรียบเทียบนักเรียน อันจะทำลายความมั่นใจของนักเรียน
  • จำกัดความสร้างสรรค์ อันจะทำให้นักเรียนไม่มีโอกาสลองคิดแปลกๆ และวิธีการใหม่ๆ
  • มองความล้มเหลวในแง่ลบ
  • ให้ความท้าทายมากเกินไปจนนักเรียนรู้สึกว่าเกินกำลัง ประเด็นนี้ผมเถียง ว่าครูให้ความท้าทายมากได้ โดยต้องแสดงท่าทีว่าครูพร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่เคียงข้าง
  • ละเลยต่อการให้ความช่วยเหลือที่นักเรียนต้องการ

โดยสรุป เส้นทางเผชิญความไม่สบายใจ เป็นเส้นทางของการปลุกพลังที่ซ้อนเร้นของแต่ละคนออกมากระทำการ คนที่พอใจซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่สบายใจ ไม่ยอมออกสู่พื้นที่เสี่ยงหรือท้าทาย ย่อมขาดโอกาสได้เผยพลังซ่อนเร้นของตนออกมากระทำการ

สามารถอ่านบทความ ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP1 และ EP2 ได้ที่นี่

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP1 บทนำ ‘มนุษย์ทุกคนมีพลังซ่อนเร้น’

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP2 ‘พัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัย’

Tags:

ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์หนังสือ Hidden Potential : The Science of Achieving Greater Things (2023)คุณค่าของความไม่สบายใจการเผชิญหน้ากับความยากลำบากความมุ่งมั่นการศึกษา

Author:

illustrator

ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

รองประธานกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล ผู้อำนวยการคนแรกของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และได้ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.) ดำรงตำแหน่งกรรมการของหน่วยงานและมูลนิธิหลายแห่ง

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Transformative learning
    ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ EP1 บทนำ ‘มนุษย์ทุกคนมีพลังซ่อนเร้น’

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • ‘All for Education’ หยิบยื่นโอกาสผ่านนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์เงื่อนไขชีวิตที่แตกต่าง

    เรื่อง กนกพิชญ์ อุ่นคง ภาพ ปริสุทธิ์

  • Education trend
    AI กับอนาคตการศึกษา: ตัวช่วยที่ทำให้เด็กเก่งขึ้น หรือตัวการขัดขวางการเรียนรู้ ทำลายอาชีพครู

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Learning Theory
    หลักสูตรคืออะไรกันแน่?

    เรื่อง อรรถพล ประภาสโนบล ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • ถอดบทเรียน 4 โมเดล พัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ สู่อนาคตการศึกษาที่ยั่งยืน

    เรื่อง กนกพิชญ์ อุ่นคง

  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel