- บันทึกชุด ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ นี้ ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Hidden Potential : The Science Of Achieving Greater Things นำสู่การตีความหนังสือออกเป็นบันทึกชุดนี้ แต่เป็นการตีความที่ต่างจากบันทึกชุดก่อนๆ คือ ผมได้เสริมข้อคิดเห็นของตนเอง จากความรู้เดิมที่มีและจากความรู้ที่ขอให้ปัญญาประดิษฐ์หลายสำนักช่วยค้นและให้ข้อสรุปด้วย โดยที่อาจมีหลากหลายส่วนที่ไม่มีในหนังสือ หรือแตกต่างจากในหนังสือ
ตอนที่ 2 เสนอหลักการและแนวทางพัฒนาปัจจัยสำคัญที่สุดที่เป็นพลังซ่อนเร้นสู่ความสำเร็จในชีวิตของมนุษย์ คือ ทักษะเชิงลักษณะนิสัย (Character Skills) ที่ต้องแยกแยะออกจากเรื่องบุคลิกประจำตัว (Personality) ที่เป็นลักษณะภายใน ส่วนทักษะเชิงลักษณะนิสัย เป็นทักษะหรือการแสดงออกทางพฤติกรรม ที่ผมตีความว่าเป็นเรื่องเชื่อมโยงกับค่านิยม (Values) และค่านิยมศึกษา (Values-Based Education – VbE) มีส่วนหนุนการพัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัยนี้
หนังสือ Hidden Potential บอกว่า บุคลิกประจำตัว (Personality) แสดงออกในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป ส่วนทักษะเชิงลักษณะนิสัย (Character Skills) จะแสดงออกในยามยากลำบากหรือมีความท้าทาย ชวนให้ผมคิดต่อว่า ทักษะเชิงลักษณะนิสัยมีมิติเรื่องความมั่นคงในคุณธรรม (Integrity) ปนอยู่ด้วย และชวนให้คิดว่า มีมิติของทักษะแห่งอนาคต (Future Skills) อยู่ด้วย
หนังสือบอกว่า ทักษะเชิงลักษณะนิสัย ที่นำสู่ชีวิตที่ดี มีความสำเร็จในชีวิต ผ่านการปลุกพลังซ่อนเร้นในตัว ที่ระบบการศึกษา ระบบเลี้ยงดูในครอบครัว และระบบการหล่อหลอมในสังคม พึงเอาใจใส่หนุนให้เด็กและเยาวชนสร้างใส่ตัว มีองค์ประกอบย่อย 4 ประการ คือ
- พฤติกรรมเชิงรุก (Proactive)
- เห็นแก่ส่วนรวม (Prosocial)
- มีวินัย (Disciplined)
- ตั้งจิตมั่น (Determined)
การฝึกปฏิบัติและพัฒนาองค์ประกอบย่อยทั้ง 4 ของทักษะเชิงลักษณะนิสัย จะช่วยปลดปล่อยและเพิ่มพูนพลังซ่อนเร้นในตัวเด็กอย่างเป็นอัตโนมัติ โดยครูและพ่อแม่ทำหน้าที่ “นั่งร้าน” (scaffolding) ให้
พฤติกรรมเชิงรุก
คนที่มีพฤติกรรมเชิงรุก (Proactivity) เป็นนักริเริ่ม แสวงหาทรัพยากร นำมาสร้างโอกาสก้าวหน้าและโอกาสเรียนรู้ต่อเนื่อง โปรดสังเกตว่า คนแบบนี้ไม่รอโอกาส แต่หาทางสร้างโอกาส
พฤติกรรมเชิงรุก นำสู่คุณลักษณะอื่นๆ ได้แก่
- เกิดการริเริ่มกิจกรรม ที่นำสู่การค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตนเอง
- การสำรวจและลองสิ่งใหม่ๆ นำสู่การค้นพบวิธีการที่เป็นนวัตกรรม ช่วยสร้างกระบวนทัศน์พัฒนา (Growth Mindset) และจริตของการเรียนรู้จากความล้มเหลว
- การคาดการณ์ว่าจะมีความท้าทายและเตรียมเผชิญ ช่วยให้คนมีพฤติกรรมเชิงรุกมีโอกาสสูงที่จะเอาชนะความท้าทายได้ นำสู่คุณสมบัติ ความยืดหยุ่น (Resilience) และสมรรถนะในการเผชิญความยากลำบาก
- การแสวงหาที่ปรึกษา และคำแนะนำป้อนกลับ (Feedback) ช่วยให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนา เกิดความเข้าใจจุดแข็ง และจุดที่ต้องพัฒนาของตนเอง นำสู่ความเข้าใจพลังซ่อนเร้นของตนเอง
- การสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น ด้วยพฤติกรรมเชิงรุก นำสู่แรงกระเพื่อมของพฤติกรรมเชิงรุก ที่ส่งผลกลับไปกลับมา ทำให้คนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดพลอยมีพฤติกรรมเชิงรุกไปด้วย
- เชื่อมโยงสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ (Purpose) การกระทำการของคนมีพฤติกรรมเชิงรุก มักเชื่อมโยงกับค่านิยม และเป้าหมายชีวิตที่ยึดถือ นำสู่การบังเกิดเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เกิดการพัฒนาพลังที่เร้นลับในการทำเพื่อประโยชน์ของชุมชนหรือสังคม
ครูและพ่อแม่พึงส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาพฤติกรรมเชิงรุกโดย
- ส่งเสริมให้นักเรียนริเริ่มกิจกรรมเอง สร้างวัฒนธรรมของโรงเรียนที่ส่งเสริมให้นักเรียนร่วมกันริเริ่มกระบวนการเรียนรู้ของตน เป็นผู้เสนอโครงการ เป็นผู้นำการเสวนา มีกิจกรรมเรียนรู้ด้วยตนเอง (Independent Study) ที่จะช่วยหนุนให้นักเรียนพัฒนาพฤติกรรมเชิงรุกใส่ตน
- การเรียนรู้แบบโครงงาน (Project-Based Learning – PBL) ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมในโลกแห่งความเป็นจริง (Real-World Activity) ได้มีโอกาสออกแบบกิจกรรม และตัดสินใจแก้ปัญหา รวมทั้งได้เป็นเจ้าของกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง เป็นตัวช่วยสร้างพฤติกรรมเชิงรุกได้ดี
- โปรแกรมที่ปรึกษา (Mentorship) และให้คำแนะนำป้อนกลับ (Feedback) ที่มีที่ปรึกษาที่เป็นครู และที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากสถานประกอบการ ให้นักเรียนเลือกขอคำปรึกษาได้อย่างอิสระ จะช่วยหนุนให้นักเรียนสร้างพฤติกรรมเชิงรุกใส่ตัว
- เรียนรู้จากการให้บริการชุมชน (Service Learning) จัดให้มีวิชาเรียนรู้จากการให้บริการชุมชน ไว้ในหลักสูตร เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ หาความต้องการของชุมชน ออกแบบกิจกรรม และดำเนินการ ที่นอกจากนักเรียนได้เรียนรู้และสร้างพฤติกรรมเชิงรุกใส่ตัวแล้ว ชุมชนยังได้รับประโยชน์ด้วย และนักเรียนยังได้พัฒนาจิตสาธารณะใส่ตัวด้วย
- ฝึกการตั้งเป้าส่วนตัวและวางแผนดำเนินการ แล้วลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning)
- สร้างบรรยากาศความร่วมมือและเรียนเป็นทีม เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสฝึกพฤติกรรมเชิงรุก ในปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน
- สร้างกระบวนทัศน์พัฒนา (Growth Mindset) ในโรงเรียน โดยส่งเสริมการเรียนรู้จากความผิดพลาดหรือล้มเหลว
- บูรณาการการพัฒนาทักษะชีวิต และ Soft Skills เข้าในหลักสูตร เน้นการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) ซึ่งจะช่วยเสริมพฤติกรรมเชิงรุก
เห็นแก่ส่วนรวม
พฤติกรรมเห็นแก่ส่วนรวม (Prosocial Behavior) หมายถึงการกระทำที่มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น หรือของส่วนรวม โดยไม่หวังผลตอบแทน พฤติกรรมนี้ส่งผลให้เกิดการปลุกพลังซ่อนเร้นด้านดีในมนุษย์ต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย
- สร้างความสัมพันธ์ทางสังคม เกิดความไว้วางใจกันในชุมชนหรือสังคม ส่งผลให้บุคคล (นักเรียน) กล้าเสี่ยง หรือกล้าลอง นำสู่การพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่
- สร้างสุขภาวะ พฤติกรรมช่วยเหลือผู้อื่นสร้างความรู้สึกที่ดีในตัวผู้ให้ เกิดความสุขความเคารพในตนเอง และแรงบันดาลใจ กล้าลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง
- เกิดวัฒนธรรมสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในวัฒนธรรมเห็นแก่ผู้อื่นและส่วนรวม นักเรียนจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นำสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การให้คำแนะนำป้อนกลับแก่กัน การให้คำแนะนำป้อนกลับแก่เพื่อน เป็นกลไกเรียนรู้ และเผยสมรรถนะซ่อนเร้นของตัวนักเรียนโดยไม่รู้ตัว
- กระตุ้นให้เกิดพันธกิจสัมพันธ์ (Engagement) ระหว่างนักเรียนกันเอง และกิจกรรมเชิงหุ้นส่วนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Engagement Partners) อื่น เมื่อนักเรียนเห็นผลดีจากพันธกิจสัมพันธ์นี้ ก็จะเกิดแรงบันดาลใจในการคิดกิจกรรมใหม่ๆ เป็นเส้นทางสู่การค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตนเอง
- บ่มเพาะความเข้าใจผู้อื่น (Empathy) ซึ่งจะนำสู่ความเข้าใจมุมมอง และความท้าทาย ที่แตกต่างหลากหลาย เปิดโอกาสให้ได้พัฒนาทักษะความสร้างสรรค์ (Creativity) และทักษะแก้ปัญหา (Problem-Solving Skills)
- สร้างความแข็งแกร่งแก่ค่านิยม (Values) และเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ (Purpose) การเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม จะช่วยให้นักเรียนได้ฝึกตีความหรือทำความเข้าใจความเชื่อ (Believes) ค่านิยม และเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของตนในชีวิตจริง นำสู่ความเข้าใจตนเองในมิติที่ลึกยิ่งขึ้น สร้างแรงบันดาลใจต่อการแสดงพฤติกรรมเชิงรุกที่มีความหมายยิ่งใหญ่
ครูและพ่อแม่พึงส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาพฤติกรรมเห็นแก่ส่วนรวม โดย
- บรรจุวิชาเรียนจากการรับใช้สังคม (Service Learning) ในหลักสูตร โดยให้นักเรียนได้ร่วมกันออกแบบกิจกรรมเอง จากกิจกรรมสำรวจชุมชน (ใช้เครื่องมือ 7 ชิ้นในการสำรวจชุมชน โดย นพ. โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์) นำมาเป็นข้อมูลประกอบการออกแบบ และดำเนินการ นอกจากได้เรียนรู้ฝึกฝนสมรรถนะอย่างครบด้านแล้ว นักเรียนจะได้พัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) ใส่ตน
- ให้นักเรียนเรียนวิชา PBL (Project-Based Learning) ในประเด็นของชุมชน เช่น ขยะในชุมชน สิ่งมอมเมาหรือชักจูงเยาวชนไปในทางเสื่อมเสีย การลด Carbon Footprint ในชุมชน เป็นต้น โดยนักเรียนเรียนเป็นทีม ซึ่งจะช่วยหนุนให้นักเรียนได้ฝึกเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง (Experiential Learning) และยกระดับทักษะความร่วมมือ (Collaborative Skills) ที่สำคัญยิ่งคือ นักเรียนเกิดความเข้าใจชุมชนที่ตนมีชีวิตอยู่ และเกิดแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นที่จะทำเพื่อชุมชน เป็นการเปิดทางให้ศักยภาพที่ซ่อนเร้นออกมากระทำการ
- ให้นักเรียนเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำปรึกษาแก่เพื่อนหรือรุ่นน้อง (Peer Mentorship) กิจกรรมนี้จะสร้างความผูกพันรักใคร่ระหว่างกันที่แน่นแฟ้น กระตุ้นพฤติกรรมเห็นแก่ส่วนรวม และความผูกพันทางสังคม (Social Bond) ตัวนักเรียนที่เป็นพี่เลี้ยงได้ฝึกภาวะผู้นำ และทักษะการสื่อสาร
- กิจกรรมนอกหลักสูตร จัดชมรมนักเรียน ที่ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อฝึกความเสียสละ การบริการชุมชน และการช่วยเหลือผู้อื่น เช่นชมรมรัก(ษ์)ผู้ป่วยติดเตียง ชมรมติดตามช่วยเหลือผู้ป่วยเบาหวาน ชมรมดนตรีงานศพ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้นักเรียนพัฒนากระบวนทัศน์เห็นแก่สังคม (Prosocial Mindset) และค้นพบความสนใจและจุดแข็งใหม่ๆ ของตนเอง
- บูรณาการคาบเรียนความเข้าใจผู้อื่น (Empathy) และเข้าใจมุมมอง (Perspectives) ที่แตกต่างหลากหลาย โดยใช้กิจกรรม อ่านและตีความวรรณกรรม (โปรดดูเว็บไซต์ของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา) การหยิบยกเอาปัญหาสังคมมาอภิปรายร่วมกัน หรือการแสดงละคร (Role Play) ความเข้าใจสองประการนี้ จะช่วยให้นักเรียนมีความมั่นใจในการแสดงพฤติกรรมเห็นแก่สังคม
- ยกย่องพฤติกรรมเห็นแก่สังคม โปรดดู “กิจกรรมจับถูก” ในหนังสือ เพื่อครูและนักเรียนเป็นนักพัฒนาตนเอง หน้า 32
- สร้างระบบนิเวศของโรงเรียนที่อบอวลไปด้วยความร่วมมือช่วยเหลือกัน ทั้งระหว่างนักเรียนกับนักเรียน นักเรียนกับครู และครูกับครูด้วยกัน จะกระตุ้นพฤติกรรมเห็นแก่ส่วนรวม และกระตุ้นการพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนเร้น ออกมากระทำการ
- ให้ครอบครัวและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการแสดงพฤติกรรมเห็นแก่สังคม เพื่อให้นักเรียนเห็นความเชื่อมโยงกับชีวิตจริง และเห็นผลกระทบจริงของพฤติกรรมเห็นแก่สังคม รวมทั้งเกิดความผูกพันกับชุมชนยิ่งขึ้น
โปรดสังเกตว่า หากนักเรียนแสดงพฤติกรรมในทางตรงกันข้าม คือมุ่งทำเพื่อประโยชน์ตนเป็นหลัก เท่ากับนักเรียนปิดโอกาสพัฒนาตนเองในมิติที่ลึกตามที่ระบุในบันทึกตอนที่ 2 นี้ นี่คือความซับซ้อนของการเรียนรู้ ที่มีการค้นพบใน(คริสต)ศตวรรษที่ 21
มีวินัย
ความมีวินัยในตนเอง (Self-Discipline) เป็นทักษะเชิงลักษณะนิสัย ที่ช่วยการฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามในชีวิต สู่การบรรลุเป้าหมายระยาวของชีวิต ซึ่งในกรณีนี้ ลักษณะนิสัยหรือ Soft Skills มีความสำคัญยิ่งกว่าทักษะทางปัญญา (Cognitive Skills) ที่เป็น Hard Skills
ความมีวินัยประกอบด้วย 3 ทักษะย่อยคือ การควบคุมตนเอง (self-Control), ความสม่ำเสมอ (Consistency), และความอดทนมานะพยายาม (Perseverance) พฤติกรรมนี้ส่งผลให้เกิดการปลุกพลังซ่อนเร้นด้านดีในมนุษย์ต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย
- การใช้ความพยายามอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง นำสู่การพัฒนาขีดความสามารถเพิ่มขึ้นทีละน้อย พร้อมกับการค้นพบความสามารถใหม่ของตนเอง
- การมีเป้าหมายระยะยาวและเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ (คือทำเพื่อชุมชนหรือสังคม) นำสู่การค้นพบและใช้ศักยภาพของตนเอง เพื่อการบรรลุเป้าหมายนั้น
- ความยืดหยุ่นในการเผชิญความท้าทาย ที่หนุนโดยความมีวินัย ช่วยให้ดำเนินการเพื่อเอาชนะอุปสรรคและความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เกิดการเผยความสามารถที่ซ่อนอยู่ออกมากระทำการ และสร้างความมั่นใจแก่ตนเอง
- การจัดการเวลา ความมีวินัย นำสู่การจัดการทรัพยากร (รวมทั้งเวลา) อย่างระมัดระวัง ซึ่งรวมการจัดลำดับความสำคัญของงานหรือกิจกรรม ที่จะช่วยหนุนการพัฒนาตนเอง
- โฟกัสความสนใจ คนมีวินัยจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเรื่องสำคัญ มีความช่างสังเกต และการฟังอย่างลึก ช่วยส่งเสริมผลการเรียน และความสร้างสรรค์
- นิสัยแห่งความเป็นเลิศ (Habit Of Excellence) การมีวินัยจะช่วยบ่มเพาะนิสัยเชิงบวก เช่น การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การใคร่ครวญสะท้อนคิด การประเมินและให้คำแนะนำป้อนกลับแก่ตนเอง ซึ่งจะยิ่งส่งเสริมสมรรถนะของนักเรียน
- การใคร่ครวญสะท้อนคิดต่อตนเอง (Self-Reflection) เพื่อเรียนรู้ระดับลึกและเชื่อมโยงหลากหลายมิติจากประสบการณ์ (Experiential Learning) อันจะนำสู่ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ครูและพ่อแม่พึงส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาพฤติกรรมมีวินัย โดย
- จัดระบบนิเวศการเรียนรู้ที่มีโครงสร้างประจำ เพื่อให้นักเรียนทำซ้ำๆ และเกิดการพัฒนาวินัยในตนเอง รูปธรรมของเรื่องนี้ในประเทศไทยอยู่ที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
- นักเรียนได้เข้าประชุมปฏิบัติการฝึกตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ โดยเป็นเป้าหมายที่ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) อันจะนำสู่การมีวินัยในตนเอง
- บูรณาการการพัฒนาทักษะจัดการเวลา (Time Management) เข้าในหลักสูตร การมีทักษะจัดการเวลา เป็นรูปแบบหนึ่งของการมีวินัยในตนเอง
- ส่งเสริมการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง (Persistence) ที่เป็นความต่อเนื่องที่ต้องใช้ความอดทนมานะพยายาม (Perseverance) จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาความมีวินัยใส่ตนได้เป็นอย่างดี
- กิจกรรมนอกหลักสูตร ที่เมื่อนักเรียนเข้าเป็นสมาชิกของชมรม จะได้ฝึกความมีวินัย
- การสะท้อนคิดและเขียนบันทึก เป็นการสะท้อนคิดจากประสบการณ์ตรงของการเรียน เมื่อสะท้อนคิดแล้วเขียนเป็น Reflective Journal อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เป็นการฝึกความมีวินัย
- ที่ปรึกษาและต้นแบบ ที่ปรึกษา (Mentor) อาจเป็นครูหรือนักเรียนรุ่นพี่ การใช้นักเรียนรุ่นพี่เป็น Mentor ได้ประโยชน์สองต่อ คือทั้ง Mentor และ Mentee ได้พัฒนาวินัยไปด้วยกัน วิธีการ “จับถูก” ที่กล่าวแล้ว เป็นการสร้างต้นแบบที่เป็นตัวนักเรียนเอง
- กลไกให้คำแนะนำป้อนกลับ (Feedback Mechanism) ที่เป็นคำแนะนำป้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ จะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนได้เรียนรู้และปรับตัว ในทุกเรื่อง โดยในตอนนี้เน้นที่ความมีวินัย
ตั้งจิตมั่น
การตั้งจิตมั่น (Determination) หมายถึง การมีพฤติกรรมมุมานะพยายามอย่างต่อเนื่อง (Persistent Effort) เพื่อบรรลุเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายระยะสั้นเพียงชั่วโมงเดียวก็ได้ หรือจะเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ต้องทำต่อเนื่องเป็นระยะๆ ในช่วงเวลาเป็นปี หรือหลายปี ก็ได้
พฤติกรรมนี้ส่งผลให้เกิดการปลุกพลังซ่อนเร้นด้านดีในมนุษย์ต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย
- พยายามต่อเนื่องโดยฟันฝ่าความท้าทายหรือความยากลำบาก นำสู่การค้นพบทางออก และการพัฒนาความยืดหยุ่น (Resilience) ช่วยให้ค้นพบพลังแฝงของตนเอง
- รับผิดชอบ (Commitment) ต่อเป้าหมาย นำสู่การเป็นคนมีเส้นทางชีวิตที่มีเป้าหมายยิ่งใหญ่ (Sense Of Purpose) ไม่กลัวความยากลำบาก
- เพิ่มความพยายามทุ่มเท ทั้งเวลาและพลังเพื่อการบรรลุเป้าหมาย นำสู่การพัฒนาทักษะที่ต้องการในการบรรลุเป้าหมายนั้น
- เรียนรู้จากความล้มเหลว การตั้งจิตมั่นช่วยให้มองความล้มเหลวเป็นปัจจัยสู่การเรียนรู้ นำสู่การพัฒนาทักษะสำคัญๆ ในชีวิต
- สร้างอิทธิบาท 4 (Grit) Grit ประกอบด้วย Passion (ฉันทะ) กับ Perseverance (วิริยะ + จิตตะ + วิมังสา) ที่เป็นคุณสมบัติที่นำสู่ความสำเร็จในชีวิต
- สร้างความมั่นใจและเห็นคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem) จิตที่ตั้งมั่น นำสู่การบรรลุเป้าหมาย การบรรลุเป้าหมายเล็กๆ ทีละน้อย ค่อยๆ สร้างความมั่นใจในตนเอง ต่อการเผชิญความท้าทายสู่เป้าหมายที่ใหญ่ละยากขึ้น เป็นเส้นทางชีวิตที่ค่อยๆ ปลดปล่อยพลังซ่อนเร้นของตนเองออกมา
- สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น ผู้มีจิตตั้งมั่น และบรรลุเป้าหมายทีละน้อย จะสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรอบข้าง การที่โรงเรียนเป็นชุมชนของการแบ่งปันแรงบันดาลใจ จะเป็นลมส่งให้ทั้งนักเรียนและครูได้ดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นของตนออกมาทำคุณประโยชน์ทั้งแก่ตน แก่เพื่อนนักเรียน แก่เพื่อนครู แก่โรงเรียน และแก่ชุมชน สังคม และโลก
ครูและพ่อแม่พึงส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาพฤติกรรมตั้งจิตมั่น โดย
- ส่งเสริมกระบวนทัศน์จิตตั้งมั่น โดยการอภิปรายหรือสะท้อนคิดร่วมกัน การประชุมปฏิบัติการ หรือการเชิญผู้มีประสบการณ์มาเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
- บรรจุกิจกรรมกำหนดเป้าหมายไว้ในหลักสูตร โดยน่าจะประยุกต์ใช้วิธีการ Design Thinking
- บูรณาการความยืดหยุ่น (Resilience) ไว้ในหลักสูตร เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้จากการมีความเสี่ยง และประสบการณ์ความล้มเหลว เพื่อนำสู่การพัฒนาจิตตั้งมั่น และความยืดหยุ่น
- เฉลิมฉลองความพยายามและความก้าวหน้า ครูและพ่อแม่คอยหมั่นสำรวจความพยายาม และความก้าวหน้าของนักเรียน และกล่าวชม หรือจัดกิจกรรมฉลองเพื่อทำความเข้าใจคุณค่าของความพยายามหรือความก้าวหน้านั้น
- ที่ปรึกษา (Mentorship) โดยจัดให้นักเรียนรุ่นพี่เป็นที่ปรึกษาแก่รุ่นน้อง หรือแก่เพื่อน อันจะก่อการเรียนรู้และพัฒนาทั้งต่อผู้รับและผู้ให้คำแนะนำปรึกษา
- กิจกรรมนอกหลักสูตร ที่นักเรียนได้ฝึกพัฒนาจิตตั้งมั่นผ่านการเข้าร่วมชมรมกิจกรรมที่ตนชอบ
- สร้างระบบนิเวศในโรงเรียนให้เป็นชุมชนช่วยเหลือส่งเสริมกัน อันจะเอื้อต่อการพัฒนาจิตตั้งมั่นของสมาชิก
- ส่งเสริมกระบวนทัศน์พัฒนา (Growth Mindset) ที่ช่วยกระตุ้นความมุมานะพยายาม และจิตตั้งมั่น
โปรดสังเกตว่า มาตรการหนุนนักเรียนและเยาวชนให้พัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัยที่ดี 4 มิติข้างต้น เป็นกิจกรรมเชิงซ้อน ที่เมื่อดำเนินการแล้วเกิดผลต่อหลากหลายทักษะย่อย ดังนั้น จะเห็นว่า ข้อแนะนำวิธีพัฒนาทักษะย่อย 4 ทักษะจึงมีข้อที่ซ้ำกัน
ขอย้ำว่า หลักการใหญ่คือ มาตรการหนุนให้นักเรียนร่วมกันเป็นเจ้าของกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง ที่เรียกว่า การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) นั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น การเรียนแบบสบายๆ จะไม่หนุนการพัฒนาทักษะชุดนี้ ต้องจัดบรรยากาศและกระบวนการเรียนรู้ที่ท้าทาย (Challenging) หรือมีความยากลำบาก (Adversity) ปนอยู่ด้วย การพัฒนาทักษะเชิงลักษณะนิสัยจึงจะเกิดขึ้น