- บันทึกชุด ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ นี้ ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Hidden Potential : The Science of Achieving Greater Things (2023) เขียนโดย Adam Grant นำสู่การตีความหนังสือออกเป็นบันทึกชุดนี้ แต่เป็นการตีความที่ต่างจากบันทึกชุดก่อนๆ คือ ผมได้เสริมข้อคิดเห็นของตนเอง จากความรู้เดิมที่มีและจากความรู้ที่ขอให้ปัญญาประดิษฐ์หลายสำนักช่วยค้นและให้ข้อสรุปด้วย โดยผมไม่ได้คัดลอกข้อความจากปัญญาประดิษฐ์โดยตรง แต่ใช้ข้อมูลจากปัญญาประดิษฐ์ช่วยการเขียนของผม
ชีวิตที่ยาวนาน 82 ปี บอกผมว่า มนุษย์เราทุกคนมีพลังซ่อนเร้นอยู่มากมาย ที่หากรู้จักดึงออกมาใช้ จะเป็นคุณทั้งต่อเจ้าของพลังนั้น ต่อครอบครัว วงศ์ตระกูล ชุมชนโดยรอบ บ้านเมือง และต่อโลก แต่เมื่ออ่านหนังสือ Hidden Potential ก็พบว่ายังมีมิติพลังซ่อนเร้นของมนุษย์ที่ผมไม่เข้าใจ และไม่ตระหนักอีกมากมาย รวมทั้งมีวิธีปลดปล่อยพลังนั้นออกมา ที่มาจากผลงานวิจัย โดยที่ทั้งเป้าหมายและวิธีการเหล่านั้นจำนวนมากใช้ความเชื่อที่แตกต่าง หรือตรงกันข้ามกับที่เราเคยชิน
และที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นแนวทางและวิธีการที่ต่างจากความเชื่อและวิธีการที่ใช้กันอยู่ในระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน ที่เน้นการเรียนวิชา ผ่านการบอกสอนของครู ให้นักเรียนจดจำ
ผมจึงเขียนบันทึกชุด ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ นี้ เพื่อกระตุ้นการพลิกโฉม (transformation) ระบบการศึกษาไทย ให้จัดการศึกษาที่เอื้อให้ผู้เรียนปลุกพลังซ่อนเร้นของตนออกมากระทำการ เพื่อยกระดับคุณภาพพลเมืองไทยในอนาคต สำหรับช่วยกันยกระดับสังคมไทยสู่ประเทศรายได้สูงสังคมดี
พลังซ่อนเร้น หรือศักยภาพของมนุษย์นี้ เกือบจะกล่าวได้ว่า ไร้ขีดจำกัด คือเมื่อบรรลุศักยภาพในระดับหนึ่งไปแล้ว ก็จะมีศักยภาพหรือพลังซ่อนเร้นในระดับที่สูงขึ้นรออยู่ เป็นไปตามหลักการ Zone of Proximal Development ของ Lev Vygotsky
ประเทศที่ระบบการศึกษามีความก้าวหน้า ต่างก็พยายามค้นหาวิธีการที่ช่วยเอื้อการปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นดังกล่าว โดยที่ผู้ปลดปล่อยคือเจ้าตัวเอง ผ่านความรู้สึกมั่นใจหรือเป็นตัวของตัวเอง (agency) ผ่านการกระทำ (action) ของตนเอง ตามด้วยการสะท้อนคิด (reflection) สู่ความเข้าใจหลักการมิติต่างๆ ของการเรียนรู้อย่างบูรณาการ รวมทั้งความเข้าใจผิดชอบชั่วดี หรือที่เรียกว่า ค่านิยมศึกษา (VbE – Values-Based Education) ที่จะทำหน้าที่หางเสือชีวิต นำพาสู่ชีวิตที่ดี ที่เป็นกุศล หลีกเลี่ยงอบายมุขได้
บันทึกชุด ปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ นี้ จะค่อยๆ บอกท่านผู้อ่านว่า
ทุกย่างก้าวของชีวิตมนุษย์ และทุกสถานการณ์ของชีวิตจริงที่แต่ละคนเผชิญ ทั้งที่เป็นสถานการณ์ที่ให้ความสุขหรือความพึงพอใจ และที่เป็นสถานการณ์ที่ก่อความทุกข์ยากแสนสาหัส ต่างก็เป็นประสบการณ์ที่ให้การเรียนรู้ได้ทั้งสิ้น ยิ่งทุกข์ยากสูง ยิ่งเป็นโอกาสเรียนรู้สูง
คนที่ประสบความสำเร็จสูงในชีวิต มักเป็นผู้ที่มีทักษะเรียนรู้จากความล้มเหลว รู้จักนำมาสะท้อนคิดเป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่าสำหรับอนาคต สำหรับนำข้อเรียนรู้มาพลิกแพลงใช้ในต่างสถานการณ์ ที่เรียกว่าทักษะเพื่ออนาคต (future skills) และมองอีกมุมหนึ่งได้ว่า เป็น soft skills
ข้อเรียนรู้สำคัญต่อวงการศึกษาไทย คือ การปลุกพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ ไม่สามารถทำได้โดยการศึกษาที่เน้นการบอกสอน หรือการเรียนรู้เชิงรับ (passive learning) ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนเชื่อตามที่ครูบอก และจดจำไว้ตอบข้อสอบ ต้องทำโดยนักเรียนทำกิจกรรม แล้วสะท้อนคิด ที่เรียกว่า การเรียนรู้เชิงรุก (active learning) โดยครูเน้นทำหน้าที่ตั้งคำถาม สำหรับเป็น ‘นั่งร้าน’ (scaffolding) ให้นักเรียนไต่การเรียนรู้สู่มิติที่เป็นการเรียนรู้ขั้นสูง ตาม Bloom’s Taxonomy of Learning
นักเรียนควรได้ฝึกทำกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่หลากหลาย โดยต้องมีทั้งประสบการณ์ที่ราบรื่น และประสบการณ์ที่มีความทุกข์ยาก ผสมความล้มเหลว
ซึ่งในกระบวนการนี้ นักเรียนจะได้ฝึกการตั้งคำถาม หรือฝึกเป็นคนช่างสงสัย (inquiry) แบบไม่รู้ตัว ที่จะมีทักษะของการใช้ข้อสังเกตจากกิจกรรมหรือประสบการณ์ นำมาตั้งคำถามสู่การสะท้อนคิด (reflection) สู่การตกผลึกหลักการเชิงนามธรรม (abstract conceptualization) ด้วยตนเอง
พลังซ่อนเร้นในมนุษย์ ส่วนที่สำคัญยิ่ง คือพลังของการตีความ ทำความเข้าใจหลักการหรือทฤษฎี จากประสบการณ์ตรงของตนเอง ซึ่งก็คือการตกผลึกหลักการ หรือทฤษฎี ด้วยตนเอง ที่จะเป็นสมรรถนะแห่งอนาคต สำหรับนำไปใช้ในสถานการณ์ในอนาคตที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน
เท่ากับศักยภาพซ่อนเร้นของมนุษย์คือ การมีสมรรถนะในการใช้ประสบการณ์ชีวิตยกระดับศักยภาพในการเรียนรู้ของตนขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดจบหรือขีดจำกัด ยิ่งประสบการณ์นั้นเข้มข้นและสดใหม่ การยกระดับศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนาของผู้นั้นก็ยิ่งสูง
หัวใจสำคัญคือ ผู้นั้นต้องมีสติตั้งมั่นไม่เสียขวัญ เมื่อเผชิญประสบการณ์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หรือเป็นประสบการณ์ที่ขู่ขวัญหรือยากลำบากแสนสาหัส ยิ่งประสบการณ์มีความท้าทายสูง ข่มชวัญสูง ยิ่งเป็นโอกาสสูงต่อการเรียนรู้ตีความทำความเข้าใจหลักการจากประสบการณ์นั้นในมิติที่สูง แต่คนโดยทั่วไปมักสติแตกจากการถูกข่มชวัญนั้น และไม่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ยากลำบากแสนสาหัสนั้นได้
บันทึกชุดนี้จะช่วยให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจ ว่าความทุกข์ยากแสนเข็ญ จะช่วยให้ท่านเรียนรู้และยกระดับศักยภาพหรือสมรรถนะในตัวของท่านได้อย่างไร ท่านต้องทำอย่างไร ตั้งสติอย่างไร กำหนดท่าทีอย่างไร และมีสมรรถนะอะไร จึงจะสามารถเปลี่ยนความทุกข์ยากให้กลายเป็นพลังบวกยิ่งใหญ่แห่งชีวิตได้
ท่านจะได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อหลากหลายเรื่องที่คนเรายึดถือสืบทอดกันมา เป็นสิ่งผิดพลาดและปิดกั้นการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์อย่างไร จะทำอย่างไรจึงจะก้าวข้ามความเชื่อ และการปฏิบัติผิดๆ นั้นได้ โดยที่ในความเป็นจริงแล้วมีคนที่เข้าใจและสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านั้นได้ แต่ไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นได้รับประโยชน์ด้วย
หนังสือ Hidden Potential ได้ช่วยรวบรวมผลงานวิจัย ที่อธิบายปรากฏการณ์การปลดปล่อยพลังซ่อนเร้นในมนุษย์ ในภาษาที่ไม่เป็นวิชาการและเข้าใจง่าย มีตัวอย่างจริงประกอบ และเมื่อผมค้นคว้าเพิ่มเติม โดยการตั้งคำถาม ให้ Generative AI หลายสำนักช่วยให้ข้อมูล นำมาเสนอให้สอดคล้องกับบริบทไทย ก็เชื่อว่าจะช่วยกระตุกความคิด กระตุ้นการปฏิบัติ ที่นำสู่การสะท้อนคิดจากประสบการณ์ของคนในวงการศึกษาไทย ที่จะนำสู่การพลิกโฉมการศีกษาไทย