Skip to content
ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)
  • Creative Learning
    Creative learningLife Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique Teacher
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Character building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learning
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)
Education trend
21 June 2018

GAMING DISORDER: ข้อควรรู้สำหรับพ่อแม่ ป้องกันลูกเป็น ‘โรคติดเกม’

เรื่อง The Potential

  • WHO บรรจุให้โรคติดเกมเป็นอาการใหม่ทางจิตในคู่มือวินิจฉัยและจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ (The International Classification of Diseases) ฉบับปรับปรุงใหม่ในปี 2018
  • ผู้ที่จะเข้าข่ายถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดเกมนั้นจะต้องเป็นปัญหาและสร้างผลกระทบเชิงลบให้กับตัวเองและคนรอบข้างอย่างรุนแรง
  • ไม่จำเป็นต้องเลิกเล่น แค่จำกัดเวลาเล่นเกมอย่างเหมาะสม และเป็นเหตุเป็นผลกับตัวเองให้มากที่สุด

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา WHO ได้ประกาศให้ ‘โรคติดเกม (Gaming Disorder)’ บรรจุลงคู่มือวินิจฉัยและจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ (The International Classification of Diseases: ICD) หรือที่รู้จักกันว่า ICD-11 ฉบับปรับปรุงใหม่ปี 2018

โดยผู้ที่เข้าข่ายมีอาการดังกล่าว WHO ระบุว่าจะต้องมี 3 พฤติกรรมดังต่อไปนี้ต่อเนื่องซ้ำเป็นเวลา 12 เดือนขึ้นไปจนส่งผลกระทบต่อตัวเองไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิต สุขภาพร่างกาย การเรียน หน้าที่การงานและต่อเนื่องไปยังคนใกล้ตัว

  1. ไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เล่นเกมได้
  2. ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมเหนือกิจกรรมใดๆ รวมไปถึงกิจกรรมหลักในแต่ละวัน
  3. ยืนยันที่จะเล่นเกมอย่างต่อเนื่องแม้จะได้รับผลกระทบในเชิงลบแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ WHO ยังอธิบายถึงสาเหตุที่บรรจุให้โรคติดเกมเป็นอาการทางจิตชนิดใหม่ผ่านหน้าเว็บไซต์ทางการว่า ข้อสรุปดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทบทวนหลักฐานเกี่ยวกับผลกระทบของอาการดังกล่าว รวมถึงการรวบรวมผลสรุปของผู้เชี่ยวชาญในหลายๆ ภูมิภาค ทั้งยังพบว่ามีความเป็นไปได้ว่าโรคดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการในการบำบัดและแนวทางป้องกันที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี WHO พบว่า สัดส่วนผู้ที่มีอาการดังกล่าวนั้นมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบจากผู้ที่เข้าร่วมเล่นเกมดิจิตอลและเกมวิดีโอในระหว่างการศึกษาของ WHO อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เล่นเกมทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าข่ายเป็นโรคดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกคนที่เล่นเกมคำนึงถึงการบริหารเวลาในการเล่นเกมอย่างเหมาะสมซึ่งเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด

“หากลูกของคุณมีอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อพวกเขาถูกห้ามเล่นเกม เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าผู้ปกครองจะต้องจำกัดเวลาการเล่นเกมของพวกเขา” ดอกเตอร์จีนา โพสเนอร์ (Gina Posner) จาก MemorialCare Orange Coast Medical Center ในรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าว

โดยโพสเนอร์เน้นว่าผู้ปกครองจำเป็นต้องจำกัดเวลาการใช้งานหน้าจอ (screen time) ในแต่ละวันอย่างเหมาะสมไม่ว่าจะเป็นเล่นเกม สมาร์ทโฟน แทบเล็ตหรือดูทีวี ไม่ให้เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันและน้อยกว่านั้นได้ยิ่งดี ทั้งไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 เดือนลงไปสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าว

“ผู้ปกครองสามารถจำกัดและกำหนดเวลาการใช้งานหน้าจอได้อย่างง่ายๆ เช่น ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนถึงจะเล่นเกมได้หรือดูทีวีได้ โดยช่วงเวลาที่อนุญาตให้พวกเขาใช้งานหน้าจอจะต้องกำหนดชัดเจนว่าได้เท่าไหน”

ส่วนแนวทางในการบำบัดอาการเสพติดเกมนั้นโดยพื้นฐานขึ้นอยู่กับการบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (cognitive behavioral therapy) ดร.ไซมอน เรโก (Simon Rego) นักจิตวิทยาและผู้อำนวยการ Montefiore Medical Center/Albert Einstein College of Medicine อธิบายว่าสามารถทำได้ 2 ขั้นตอน ได้แก่ การกระตุ้นให้ผู้ป่วยตระหนักว่าการเล่นเกมของพวกเขาขณะนี้คือปัญหาและมองหาตัวเร้าที่ส่งผลให้นิสัย/พฤติกรรมการเล่นเกมของพวกเขาดีขึ้นหรือแย่ลง โดยผู้เชี่ยวชาญอาจจะเสนอให้พวกเขาเล่นเกมต่อไปหรือสั่งให้เลิกเล่นเกมไปเลย ซึ่งวิธีการดังกล่าวเรโกอธิบายว่ามีเป้าหมายเพื่อให้พวกเขาค้นหาและสามารถจัดการด้วยตัวเองเพื่อนำไปสู่ ‘หนทางที่เป็นเหตุเป็นผล’ ของพวกเขา

เรโกเสนอว่า สำหรับผู้ที่เข้าข่ายเป็นโรคติดเกม พวกเขาไม่จำเป็นต้องเลิกเล่นเกมอย่างเด็ดขาดในระหว่างการรักษาหรือห้ามเด็กๆ ไม่ให้เล่นเกมเพื่อป้องกันการเป็นโรคดังกล่าว สิ่งที่จำเป็นและควรทำคือการจัดสรรเวลาและบริหารเวลาให้เหมาะสม ไม่กระทบต่อตนเองและผู้อื่น

“พวกเขาไม่จำเป็นต้องเลิกเล่นเกมโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาจำเป็นจะต้องหาวิธีที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการกับตัวแปรนั้น เช่น เล่นเกมเฉพาะตอนอยู่กับเพื่อนเท่านั้นในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ หรือจะเล่นเกมเฉพาะตอนอยู่คนเดียวในห้อง”

ที่มา:
Gaming disorder
What every parent needs to know about ‘gaming disorder’

Tags:

พ่อแม่เกมโซเชียลมีเดีย

Author:

illustrator

The Potential

กองบรรณาธิการ The Potential

Related Posts

  • How to get along with teenager
    รับมือวัยรุ่นยุค SEXTING: สื่อสารให้เข้าใจเรื่องความปลอดภัยของตัวลูกเอง

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา

  • Early childhood
    หมอโอ๋: พ่อแม่ที่ไม่สร้างบาดแผลให้ลูก คือพ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูก

    เรื่องและภาพ The Potential

  • How to get along with teenager
    ทำไมลูกหายใจเข้าออกเป็น ‘IG’ (INSTAGRAM)

    เรื่อง The Potential ภาพ บัว คำดี

  • Early childhoodEF (executive function)
    นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ “ในโลกที่มี WI-FI เด็กจะต้องมี EF”

    เรื่อง กนกอร แซ่เบ๊

  • How to get along with teenager
    วัยรุ่นยุคก้มหน้า “ถ้าเราเงยขึ้นมา พ่อแม่จะคุยกับเราไหมล่ะ”

    เรื่อง กนกอร แซ่เบ๊

  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel