Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
EF (executive function)
7 January 2019

อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอนที่ 6

เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

ต่อจากตอนที่แล้ว อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอน 5: ประโยชน์ของการอ่านนิทาน ข้อ 11-12

13. การจัดกลุ่ม (Grouping)

​โดยไม่ต้องสอนเด็กจัดกลุ่มสรรพสิ่งเป็นด้วยการนอนดูและฟังแม่อ่านนิทาน เรื่องแรกๆ คือแยกสัตว์ออกจากคน แม้ว่าสัตว์หลายตัวในนิทานจะแต่งตัวเป็นคนและพูดภาษาคน (anthropomorphism) เด็กรู้เสมอว่าพวกนั้นเป็นสัตว์มิใช่คน

ทำไม

​เพราะแม่มีอยู่จริงมาก่อนแล้ว และใบหน้าแม่นั้นมิใช่ใบหน้าของสัตว์ งานแรกๆ ของทารกคือจับภาพใบหน้ามนุษย์ (face recognition) อันที่จริงแล้วงานวิจัยสมัยใหม่พบว่าเด็กแยกพืชออกจากสัตว์ได้ด้วยตนเองอีกด้วย สัตว์เดินได้แต่พืชเดินไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองอย่างจะทั้งเดินได้และพูดได้ในนิทานก็ตาม

ทำไม

เพราะแม่มีอยู่จริงมาก่อนแล้วอีกเช่นกัน แม่ที่มีอยู่จริงเป็นต้นทางของจิตวิทยาพัฒนาการที่หลายเรื่องเราก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่ดีได้ว่าทำไมแม่ที่มีอยู่จริงจึงสำคัญนักหนา

​เราให้เด็กดูสิ่งมีชีวิตกองหนึ่ง  คน สัตว์ พืช เด็กคนไหนก็จัดได้ ส่วนหนึ่งเพราะเขาสามารถคงไว้ซึ่งความมีอยู่และมองหลากหลายตัวแปรได้ (conserve&decentrate) ดังที่เขียนในตอนที่แล้ว

ข้อสอบอนุบาลจึงไม่จำเป็นต้องสอนให้เด็กจัดกลุ่มสัตว์ตามที่เรากำหนดเสมอไป เช่น ออกลูกเป็นไข่ หรือออกลูกเป็นตัว บินได้หรือบินไม่ได้ ว่ายน้ำได้หรือว่ายน้ำไม่ได้ ความรู้เหล่านี้ดีและสำคัญแต่จะลดความสำคัญลงเมื่อโลกเข้าสู่ยุคใหม่ เด็กต้องการความสามารถที่จะจำแนกและแบ่งกลุ่มด้วยตนเองมากกว่าและด้วยตัวแปร parameter ที่ตนเองกำหนดขึ้น

14. การจำแนก (Classification)

​การจำแนกเป็นความสามารถที่มาพร้อมกับการจัดกลุ่ม  เราไม่แน่ใจนักว่าอะไรเกิดก่อนอะไรเกิดหลัง เมื่อเราให้เด็กๆ เดินหาดทราย เขาจำแนกหิน เปลือกหอย และพลาสติกออกจากกันได้เองแล้วจัดวางเป็นกองๆ ให้เรียบร้อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ การศึกษาที่อนุญาตให้เด็กได้ออกจากห้องเรียนแล้วเดินป่าเพื่อจำแนกและแบ่งกลุ่มสรรพสิ่งจะมีประโยชน์ต่อพัฒนาการสมองมากกว่ามาก

​มีบางเรื่องที่เราจำแนกด้วยสายตา แต่เรื่องหลายเรื่องบนโลกไม่สามารถจำแนกด้วยสายตา ความสามารถในการจำแนกเป็นเรื่องสำคัญ

15. การจัดอันดับ (Ordering)

เด็กจัดอันดับได้เองอีกเช่นกัน จากเล็กไปใหญ่หรือจากใหญ่เป็นเล็ก เป็นเรื่องที่พวกเขาฝึกทำได้เองจากการเล่นบนกองทราย กองหินและกองดิน เด็กบางคนสามารถเรียงลำดับเฉดสีได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยตัวแปรที่เขากำหนดขึ้นเองด้วย

การจัดอันดับเป็นส่วนย่อยของการแบ่งกลุ่มด้วย  เช่น เมื่อเด็กแบ่งกลุ่มตัวละครในหนังสือนิทานได้ เช่น กลุ่มผู้ร้ายประกอบด้วย พ่อมด แม่มด องครักษ์ ทหารเลว อสูร  หมาป่า ค้างคาว นกฮูก ปืนใหญ่ ยาพิษ เขาควรเรียงลำดับอย่างไร เป็นต้น

เวลาเราเปิดนิทานหนึ่งเล่ม ลองพยายามแบ่งกลุ่มสรรพสิ่งและจัดอันดับสรรพสิ่ง เราจะพบว่าทำมิได้ง่ายๆ เพราะที่แท้แล้วของสิ่งหนึ่งหรือตัวละครตัวหนึ่งสามารถอยู่ได้ในสองกลุ่มพร้อมๆ กันและไม่รู้จะวางอันดับความสำคัญไว้ที่ตรงไหนอีกต่างหาก

การท่องหนังสือนั้นง่าย แต่การอ่านยังประโยชน์ต่อพัฒนาการของสมองมากกว่ามาก

16. การกำหนดตัวบ่งชี้ (Seriation)

​การกำหนดตัวบ่งชี้เป็นเรื่องที่ยากมากยิ่งขึ้นไปอีก  เด็กๆ ใช้ตัวบ่งชี้อะไรในการจัดให้หลายสิ่งหลายอย่างเป็นพวกผู้ร้าย แล้วถ้าผู้ร้ายของผู้ร้ายเล่าจะเอาไปไว้ตรงไหน เช่น จระเข้ในเรื่องปีเตอร์แพนที่คอยจะตามงับมือกัปตันฮุคอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น  จระเข้ตัวนี้ควรเป็นพวกไหน

กลับไปที่เรื่องการแบ่งกลุ่มสัตว์  เราให้เด็กอนุบาลแบ่งกลุ่มสัตว์ด้วยการกำหนดตัวบ่งชี้ให้เด็กท่องเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเราให้โอกาสเขากำหนดตัวบ่งชี้ด้วยตนเองเขาจะพัฒนาสมองสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เช่น เด็กคนหนึ่งอาจจะแบ่งกลุ่มสัตว์ตามนิสัย ให้หนอน ผีเสื้อและปลาทองเป็นสัตว์ใจร้าย ในขณะที่ให้เสือโคร่ง งูเห่า และจระเข้เป็นสัตว์ใจดี ประเด็นมิได้อยู่ที่ผิดถูกแต่อยู่ที่เด็กได้ฝึกกำหนดตัวบ่งชี้

ความสามารถ 4 ประการคือ การแบ่งกลุ่ม การจำแนก การจัดอันดับ และการกำหนดตัวบ่งชี้ คือพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่าคณิตศาสตร์ และเรื่องแรกคือการนับ

ผู้ใหญ่มักคิดว่าเด็กนับก้อนหินก่อน แต่ที่จริงแล้วการแบ่งกลุ่มและการนับเกิดพร้อมๆ กัน  นอกจากนี้การจัดอันดับและการนับเกิดพร้อมๆ กันอีกด้วย ลองนึกดูว่าเราจะจัดอันดับได้อย่างไรโดยไม่นับ และทุกครั้งที่มีการนับจะเกิดการบวก หนึ่งบวกหนึ่งบวกหนึ่งได้สาม ในขณะเดียวกันทุกครั้งที่มีการแบ่งกลุ่มก็จะเกิดการนับ กลุ่มหนึ่งกลุ่มสองกลุ่มสาม ส่วนการลบเกิดขึ้นเมื่อมีการสลายกลุ่ม หรือเมื่อเด็กขว้างก้อนหินออกไปหนึ่งก้อน

การศึกษาไทยไม่เชื่อเรื่องนี้ การนับ การบวก และการลบ เกิดขึ้นได้เองจากการเล่น และเป็นการเกิดขึ้นด้วยกลไกธรรมชาติ นั่นแปลว่าเรามิได้ไปขัดขวางหรือทำลายกลไกทางธรรมชาติ ตรงข้ามกับการบังคับเด็กนับแล้วบวกด้วยกลวิธีทางคณิตศาสตร์ซึ่งเรากำลังข้ามขั้นตอนทางธรรมชาติ

หนังสือนิทานแทบทุกเล่มซ่อนเรื่องการแบ่งกลุ่ม การจำแนก การจัดอันดับ การกำหนดตัวบ่งชี้ การนับ การบวก และการลบ  

ลองอ่านใหม่อย่างตั้งใจแล้วจะเห็น

หมายเหตุ: ติดตามอ่านบทความ อ่าน เล่น ทำงาน ของคุณหมอเรื่อง ‘การอ่าน’ ได้ที่นี่

ต่อจากตอนที่แล้ว อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอน 5: ประโยชน์ของการอ่านนิทาน ข้อ 11-12

13. การจัดกลุ่ม (Grouping)

​โดยไม่ต้องสอนเด็กจัดกลุ่มสรรพสิ่งเป็นด้วยการนอนดูและฟังแม่อ่านนิทาน เรื่องแรกๆ คือแยกสัตว์ออกจากคน แม้ว่าสัตว์หลายตัวในนิทานจะแต่งตัวเป็นคนและพูดภาษาคน (anthropomorphism) เด็กรู้เสมอว่าพวกนั้นเป็นสัตว์มิใช่คน

ทำไม

​เพราะแม่มีอยู่จริงมาก่อนแล้ว และใบหน้าแม่นั้นมิใช่ใบหน้าของสัตว์ งานแรกๆ ของทารกคือจับภาพใบหน้ามนุษย์ (face recognition) อันที่จริงแล้วงานวิจัยสมัยใหม่พบว่าเด็กแยกพืชออกจากสัตว์ได้ด้วยตนเองอีกด้วย สัตว์เดินได้แต่พืชเดินไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองอย่างจะทั้งเดินได้และพูดได้ในนิทานก็ตาม

ทำไม

เพราะแม่มีอยู่จริงมาก่อนแล้วอีกเช่นกัน แม่ที่มีอยู่จริงเป็นต้นทางของจิตวิทยาพัฒนาการที่หลายเรื่องเราก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่ดีได้ว่าทำไมแม่ที่มีอยู่จริงจึงสำคัญนักหนา

​เราให้เด็กดูสิ่งมีชีวิตกองหนึ่ง  คน สัตว์ พืช เด็กคนไหนก็จัดได้ ส่วนหนึ่งเพราะเขาสามารถคงไว้ซึ่งความมีอยู่และมองหลากหลายตัวแปรได้ (conserve&decentrate) ดังที่เขียนในตอนที่แล้ว

ข้อสอบอนุบาลจึงไม่จำเป็นต้องสอนให้เด็กจัดกลุ่มสัตว์ตามที่เรากำหนดเสมอไป เช่น ออกลูกเป็นไข่ หรือออกลูกเป็นตัว บินได้หรือบินไม่ได้ ว่ายน้ำได้หรือว่ายน้ำไม่ได้ ความรู้เหล่านี้ดีและสำคัญแต่จะลดความสำคัญลงเมื่อโลกเข้าสู่ยุคใหม่ เด็กต้องการความสามารถที่จะจำแนกและแบ่งกลุ่มด้วยตนเองมากกว่าและด้วยตัวแปร parameter ที่ตนเองกำหนดขึ้น

14. การจำแนก (Classification)

​การจำแนกเป็นความสามารถที่มาพร้อมกับการจัดกลุ่ม  เราไม่แน่ใจนักว่าอะไรเกิดก่อนอะไรเกิดหลัง เมื่อเราให้เด็กๆ เดินหาดทราย เขาจำแนกหิน เปลือกหอย และพลาสติกออกจากกันได้เองแล้วจัดวางเป็นกองๆ ให้เรียบร้อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ การศึกษาที่อนุญาตให้เด็กได้ออกจากห้องเรียนแล้วเดินป่าเพื่อจำแนกและแบ่งกลุ่มสรรพสิ่งจะมีประโยชน์ต่อพัฒนาการสมองมากกว่ามาก

​มีบางเรื่องที่เราจำแนกด้วยสายตา แต่เรื่องหลายเรื่องบนโลกไม่สามารถจำแนกด้วยสายตา ความสามารถในการจำแนกเป็นเรื่องสำคัญ

15. การจัดอันดับ (Ordering)

เด็กจัดอันดับได้เองอีกเช่นกัน จากเล็กไปใหญ่หรือจากใหญ่เป็นเล็ก เป็นเรื่องที่พวกเขาฝึกทำได้เองจากการเล่นบนกองทราย กองหินและกองดิน เด็กบางคนสามารถเรียงลำดับเฉดสีได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยตัวแปรที่เขากำหนดขึ้นเองด้วย

การจัดอันดับเป็นส่วนย่อยของการแบ่งกลุ่มด้วย  เช่น เมื่อเด็กแบ่งกลุ่มตัวละครในหนังสือนิทานได้ เช่น กลุ่มผู้ร้ายประกอบด้วย พ่อมด แม่มด องครักษ์ ทหารเลว อสูร  หมาป่า ค้างคาว นกฮูก ปืนใหญ่ ยาพิษ เขาควรเรียงลำดับอย่างไร เป็นต้น

เวลาเราเปิดนิทานหนึ่งเล่ม ลองพยายามแบ่งกลุ่มสรรพสิ่งและจัดอันดับสรรพสิ่ง เราจะพบว่าทำมิได้ง่ายๆ เพราะที่แท้แล้วของสิ่งหนึ่งหรือตัวละครตัวหนึ่งสามารถอยู่ได้ในสองกลุ่มพร้อมๆ กันและไม่รู้จะวางอันดับความสำคัญไว้ที่ตรงไหนอีกต่างหาก

การท่องหนังสือนั้นง่าย แต่การอ่านยังประโยชน์ต่อพัฒนาการของสมองมากกว่ามาก

16. การกำหนดตัวบ่งชี้ (Seriation)

​การกำหนดตัวบ่งชี้เป็นเรื่องที่ยากมากยิ่งขึ้นไปอีก  เด็กๆ ใช้ตัวบ่งชี้อะไรในการจัดให้หลายสิ่งหลายอย่างเป็นพวกผู้ร้าย แล้วถ้าผู้ร้ายของผู้ร้ายเล่าจะเอาไปไว้ตรงไหน เช่น จระเข้ในเรื่องปีเตอร์แพนที่คอยจะตามงับมือกัปตันฮุคอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น  จระเข้ตัวนี้ควรเป็นพวกไหน

กลับไปที่เรื่องการแบ่งกลุ่มสัตว์  เราให้เด็กอนุบาลแบ่งกลุ่มสัตว์ด้วยการกำหนดตัวบ่งชี้ให้เด็กท่องเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเราให้โอกาสเขากำหนดตัวบ่งชี้ด้วยตนเองเขาจะพัฒนาสมองสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เช่น เด็กคนหนึ่งอาจจะแบ่งกลุ่มสัตว์ตามนิสัย ให้หนอน ผีเสื้อและปลาทองเป็นสัตว์ใจร้าย ในขณะที่ให้เสือโคร่ง งูเห่า และจระเข้เป็นสัตว์ใจดี ประเด็นมิได้อยู่ที่ผิดถูกแต่อยู่ที่เด็กได้ฝึกกำหนดตัวบ่งชี้

ความสามารถ 4 ประการคือ การแบ่งกลุ่ม การจำแนก การจัดอันดับ และการกำหนดตัวบ่งชี้ คือพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่าคณิตศาสตร์ และเรื่องแรกคือการนับ

ผู้ใหญ่มักคิดว่าเด็กนับก้อนหินก่อน แต่ที่จริงแล้วการแบ่งกลุ่มและการนับเกิดพร้อมๆ กัน  นอกจากนี้การจัดอันดับและการนับเกิดพร้อมๆ กันอีกด้วย ลองนึกดูว่าเราจะจัดอันดับได้อย่างไรโดยไม่นับ และทุกครั้งที่มีการนับจะเกิดการบวก หนึ่งบวกหนึ่งบวกหนึ่งได้สาม ในขณะเดียวกันทุกครั้งที่มีการแบ่งกลุ่มก็จะเกิดการนับ กลุ่มหนึ่งกลุ่มสองกลุ่มสาม ส่วนการลบเกิดขึ้นเมื่อมีการสลายกลุ่ม หรือเมื่อเด็กขว้างก้อนหินออกไปหนึ่งก้อน

การศึกษาไทยไม่เชื่อเรื่องนี้ การนับ การบวก และการลบ เกิดขึ้นได้เองจากการเล่น และเป็นการเกิดขึ้นด้วยกลไกธรรมชาติ นั่นแปลว่าเรามิได้ไปขัดขวางหรือทำลายกลไกทางธรรมชาติ ตรงข้ามกับการบังคับเด็กนับแล้วบวกด้วยกลวิธีทางคณิตศาสตร์ซึ่งเรากำลังข้ามขั้นตอนทางธรรมชาติ

หนังสือนิทานแทบทุกเล่มซ่อนเรื่องการแบ่งกลุ่ม การจำแนก การจัดอันดับ การกำหนดตัวบ่งชี้ การนับ การบวก และการลบ  

ลองอ่านใหม่อย่างตั้งใจแล้วจะเห็น

หมายเหตุ: ติดตามอ่านบทความ อ่าน เล่น ทำงาน ของคุณหมอเรื่อง ‘การอ่าน’ ได้ที่นี่
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทาน
อ่าน เล่น ทำงาน: เล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญมากของ ‘นิทานก่อนนอน’
อ่าน เล่น ทำงาน: ความต่างระหว่าง ‘อ่านออก (เร็ว)’ กับ ‘อ่านเอาเรื่อง’
อ่าน เล่น ทำงาน: ‘นิทาน’ สมาธิและความฉลาดเริ่มต้นในห้องนอนยามค่ำคืน
อ่าน เล่น ทำงาน: เด็กทำอะไรช้า มาจาก ‘ความจำใช้งาน’ เด็กๆ จึงต้องได้อ่านนิทานภาพก่อนนอน
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่าน ‘อย่างมีความสุข’ เพื่อสร้างระบบความจำใช้งาน
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านวรรณคดีไทย ลูกจะเผชิญด้านมืดได้ดีกว่าคำพ่อแม่สั่งสอน
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่าน–สมองและจิตใจของเด็กสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ตอนที่ 1
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่าน–สมองและจิตใจของเด็กสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ตอนที่ 2 (จบ)
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอน 1
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอน 2
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอน 3
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอนที่ 4
อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอนที่ 5

Tags:

นิทานประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์อ่าน เล่น ทำงานEFและการศึกษาการอ่าน

Author:

illustrator

ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

Illustrator:

illustrator

antizeptic

Related Posts

  • EF (executive function)
    อ่าน เล่น ทำงาน: อ่านนิทานได้อะไร ฉบับสมบูรณ์ ตอนที่ 3

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

  • EF (executive function)
    อ่าน เล่น ทำงาน: เด็กทำอะไรช้า มาจาก ‘ความจำใช้งาน’ เด็กๆ จึงต้องได้อ่านนิทานภาพก่อนนอน

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

  • EF (executive function)
    อ่านเถอะนะ ง่ายจะตายชัก

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

  • EF (executive function)
    อ่าน เล่น ทำงาน: ‘นิทาน’ สมาธิและความฉลาดเริ่มต้นในห้องนอนยามค่ำคืน

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

  • EF (executive function)
    อ่าน-เล่น-ทำงาน: เล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญมาก ของ ‘นิทานก่อนนอน’

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel