Skip to content
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
  • Creative Learning
    Unique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long LearningEveryone can be an Educator
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
Character building
23 December 2025

‘การอ่านเชิงลึก’ ทักษะที่กำลังเสื่อมถอยในโลกอันเร่งรีบและลวกๆ

เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • การอ่านเชิงลึก (Deep Reading)’ เป็นการอ่านอย่างตั้งใจ วิเคราะห์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางและต่อเนื่องในแต่ละวัน เป็น ‘สิ่งจำเป็น’ สำหรับการศึกษาระดับสูงและไม่มีทางลัด นอกจากต้องฝึกฝนตัวเองให้เก่งมากขึ้นไปตามลำดับ
  • การอ่านเป็น ‘ทักษะ’ ที่ต้องฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การอ่านเชิงลึกจึงเป็นกระบวนการที่ต้องลงทุนลงแรง เห็นผลช้า เพราะเป็นการฝึกสมองให้ทำสิ่งที่ไม่ได้มีลักษณะ ‘สำเร็จรูป’ ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
  • เด็กที่เติบโตมากับการอ่านข้อความบนสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตจะรู้สึกว่าการอ่านเชิงลึกเป็นเรื่องยากมากกว่าคนในรุ่นก่อนหน้าและเลี่ยงได้ก็จะพยายามเลี่ยง

ปลายปี 2019 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2020 สำนักงานประเมินความก้าวหน้าด้านการศึกษาแห่งชาติ (National Assessment of Educational Progress) หรือเอ็นเออีพี (NAEP) ของสหรัฐอเมริกาได้สำรวจในกลุ่มเด็กอายุ 9 และ 13 ปี (ราว ป.3 และ ม.1) ในโรงเรียนรัฐและเอกชน ซึ่งได้ผลสำรวจที่ชวนให้กังวลใจคือ เด็กๆ อ่าน ‘เพื่อความสนุก’ ในเวลาว่างของตัวเองน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด 

อันที่จริงแล้วเวลาที่ใช้สำหรับการอ่านแบบดังกล่าว ‘ต่ำที่สุด’ นับตั้งแต่มีการสำรวจในทำนองนี้มาตั้งปี 1984 เลยทีเดียว [1]   

ในกลุ่มเด็กอายุ 9 ปี ผลการสำรวจระบุว่าเด็กๆ ราว 42% ที่ยังอ่านหนังสือด้วยความสนุกอยู่ทุกวัน (เทียบกับปี 1984 ที่ 53%) โดยมีคนที่อ่านน้อยมากหรือไม่อ่านแบบนี้เลย 16% (เทียบกับปี 1984 ที่ 9%) ขณะที่เด็กอายุ 13 ปีก็ยิ่งแย่ลงไปอีกคือ มีมากถึง 29% ที่แทบไม่อ่านหนังสือเพื่อความสนุกเลย (เทียบกับปี 1984 ที่มีเพียง 8%) โดยในทั้งสองกลุ่ม สัดส่วนเด็กผู้หญิงที่อ่านหนังสือจะมากกว่าเด็กผู้ชาย

อะไรทำให้เด็กๆ อ่านหนังสือเล่มแบบ ‘ออฟไลน์’ เพื่อความสนุกน้อยลงกันแน่?    

มีผู้เสนอว่าปัจจัยอาจจะมีหลากหลาย ตั้งแต่สมาธิที่สั้นลงกว่าแต่ก่อน การขาดคำแนะนำในการอ่านที่เหมาะสม การมีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่มาดึงดูดความสนใจมากขึ้น และแม้แต่การระบาดของโรคโควิด แต่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางที่สุดได้แก่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะเกิดจากการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในสมาร์ตโฟน?

การสำรวจและสอบถามนักศึกษามหาวิทยาลัยบางส่วนพบว่า มีไม่น้อยที่ไม่อ่านตำราแบบคนรุ่นก่อนๆ แล้ว เพราะนักศึกษาบ่นว่าตำราพวกนี้ใช้ภาษาที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก สิ่งที่พวกเขาทำจึงเป็นการหา ‘ทางลัด’ ในการทำความเข้าใจ ซึ่งก็มีตั้งแต่การอ่านแบบคร่าวๆ (skim) บางคนก็ใช้ AI สรุปให้ และมีบางส่วนที่ใช้สรุปจากเพื่อนหรือรุ่นพี่เก่งๆ (แบบเดียวกับในบ้านเราซึ่งทำให้เกิดธุรกิจขาย ‘ชีท’ สรุปบทเรียนหรือข้อสอบเก่า ซึ่งก็ได้ผลดีมากกับบางวิชาที่อาจารย์บางคนมักสอนและออกข้อสอบแบบซ้ำๆ)  

อย่างไรก็ตาม ดังที่ทุกคนรู้กันดี การใช้ AI ช่วยสรุปให้นั้น แม้จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก แต่ก็อาจพบกับหายนะการสรุปถูกสรุปผิดหรือ ‘อาการหลอน’ ของ AI ได้เสมอ และการไม่อ่านอย่างครบถ้วน หากเจอโจทย์จำพวกให้วิเคราะห์เรื่องหลายๆ เรื่องในเชิงเปรียบเทียบกัน ก็อาจจะเหมือนโดนหมัดฮุกน็อกกลางห้องสอบได้ง่ายๆ เหมือนกัน  

อีกวิธีการหนึ่งที่ทำกันก็คือใช้คำสำคัญหรือคำหลัก (Keyword) ในการหาคลิปวิดีโอมาดูแทน ทำให้เป็นนักศึกษารุ่นที่ต้องไหว้ยูทูบสำนึกบุญคุณ แทนที่จะไหว้เครื่องถ่ายเอกสารอย่างรุ่นก่อนหน้า การสำรวจครั้งหนึ่งในปี 2021 ยืนยันว่านักศึกษามากกว่า 70% ไม่อ่านตำราที่อาจารย์สั่งให้อ่าน [2] 

มาตรฐานการอ่านตำรา 100 หน้าต่อสัปดาห์ต่อหนึ่งวิชาที่เล่าเรียนกันในห้อง ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของตะวันตก ใช้ไม่ได้กับเจน Z อีกต่อไปแล้ว 

แต่สำหรับคนในแวดวงการศึกษาแล้ว หลายคนก็เชื่อว่า ‘การอ่านเชิงลึก (Deep Reading)’ ที่เป็นการอ่านอย่างตั้งใจ วิเคราะห์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางและต่อเนื่องในแต่ละวัน เป็น ‘สิ่งจำเป็น’ สำหรับการศึกษาระดับสูงและไม่มีทางลัด นอกจากต้องฝึกฝนตัวเองให้เก่งมากขึ้นไปตามลำดับ 

แต่มุมมองแบบนี้ก็มีผู้ไม่เห็นด้วยเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าการอ่านที่ลดลงนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติมาก เพราะสื่อกลาง (media) ในการศึกษาไม่ได้มีแค่ตำราอีกต่อไปแล้ว แต่ครอบคลุมมากกว่านั้นมาก และอันที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยเองนั่นแหละที่ควรต้องปรับตัวและเปลี่ยนวิธีการสอน [2]

เรื่องหนึ่งที่อาจยังไม่ได้มีการพูดถึงมากนักก็คือ การอ่านเป็นเรื่องยากและไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ตามธรรมชาติเลย แต่เป็น ‘ทักษะ’ ที่ต้องฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การอ่านเชิงลึกจึงเป็นกระบวนการที่ต้องลงทุนลงแรง เห็นผลช้า เพราะเป็นการฝึกสมองให้ทำสิ่งที่ไม่ได้มีลักษณะ ‘สำเร็จรูป’ ติดตัวมาตั้งแต่เกิด 

แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ยิ่งเราชินกับการอ่านบนหน้าจอ เครือข่ายสมองที่ใช้กับการอ่านแบบนี้ที่แตกต่างจากการอ่านหนังสือเล่ม ก็จะทำให้เราปรับตัวไปอ่านหนังสือเล่มได้ยากขึ้นด้วย เพราะวิธีการอ่านบนจอกับบนหน้ากระดาษมีความแตกต่างกันหลายอย่าง [3]

การอ่านบนจอหรือออนไลน์นั้น มีแนวโน้มตามธรรมชาติที่เราจะอ่านแค่แบบคร่าวๆ สายตาเราจะกระโดดไปมาในแต่ละหน้า ไม่ได้อ่านแบบเรียงลำดับไปตามบรรทัดแบบเดียวกับที่เราอ่านหนังสือที่พิมพ์ด้วยกระดาษ เพราะเรามีแนวโน้มจะพยายามค้นหาคำหรือข้อความที่สนใจหรือต้องการรู้อย่างรวดเร็ว 

ยิ่งเราอ่านและชินกับการอ่านแบบออนไลน์มากเท่าใด เราก็จะติดนิสัยการอ่านแบบคร่าวๆ ไปอย่างไม่รู้ตัว และสมองเราก็จะชินกับการอ่านแบบนี้และสร้าง ‘วงจร’ การสื่อกระแสประสาทที่ใช้กับการอ่านแบบนี้ โชคร้ายที่การอ่านแบบนี้ไม่ใช่ ‘การอ่านเชิงลึก’ ทำให้จำได้น้อยกว่าและดึงความทรงจำกลับมาได้น้อยกว่าและยากกว่าอีกด้วย [3]

ไม่น่าแปลกใจที่เด็กที่เติบโตมากับการอ่านข้อความบนสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตจะรู้สึกว่าการอ่านเชิงลึกเป็นเรื่องยากมากกว่าคนในรุ่นก่อนหน้าและเลี่ยงได้ก็จะพยายามเลี่ยง 

การอ่านเชิงลึกเป็นการอ่านแบบที่ใช้ความคิดและตั้งอกตั้งใจมากกว่าการอ่านทั่วไป จึงเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา และยังเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับกลไกของสมองอย่างกว้างขวางและซับซ้อน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ประกอบด้วยการวิเคราะห์ด้วยหลักเหตุผล การสะท้อนภาพความคิดในหัวหรืออารมณ์ความรู้สึก การสร้างความเชื่อมโยงและการต่อยอดความคิด

ในแง่หนึ่งจึงกล่าวได้ว่าเป็นกระบวนการที่แผ่ขยายความคิด (Expanding Mind) ตรงตามตัวอักษร เพราะต้องใช้ส่วนของสมองในการทำงานมากกว่าการอ่านอย่างผิวเผินหรือแบบคร่าวๆ จึงทำให้เกิดเครือข่ายของการเชื่อมต่อกระแสประสาทที่มากขึ้นตามไปด้วย [3] 

คำแนะนำเพื่อฝึกการอ่านเชิงลึกจากเว็บไซต์ Oxford Learning [3] ได้แก่ เริ่มจากการลดตัวดึงดูดความสนใจ ซึ่งอันดับหนึ่งย่อมได้แก่มือถือหรือแท็บเล็ต โดยวางให้ห่างไกลและเข้าถึงลำบาก 

แต่ละคนอาจต้องตระหนักในใจไว้เสมอว่า การอ่านเชิงลึกในตอนแรกๆ นั้นอาจรู้สึกเป็นเรื่องยากมาก เพราะเป็นกระบวนการที่ผิดธรรมชาติ นั่นคือเรากำลังทำสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ แต่ดีกับตัวเราอยู่ 

หลังจากเริ่มอ่านและเกิดความรู้สึกว่า ‘หลุด’ จากเนื้อหาตรงหน้าเป็นครั้งคราว ก็หมั่นตั้งสติและกลับมามีสมาธิกับเนื้อหาในหน้าหนังสืออีกครั้งให้เร็วที่สุด หากทำแบบนี้บ่อยครั้งเข้าก็มักจะ ‘หลุด’ น้อยลงและจดจ่อกับเนื้อหาได้ดีขึ้น

การอ่านไปจดบันทึกย่อหรือสรุปไปเป็นช่วงๆ ก็มีส่วนช่วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เนื้อหามีความสลับซับซ้อนมาก การเขียนหรือจดบันทึกเกี่ยวข้องกับการใช้ ‘สมองส่วนอื่นๆ’ เพิ่มเติมมากขึ้นกว่าเดิมที่ใช้กับการอ่านเท่านั้น จึงทำให้สมองกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น และยิ่งเราใช้ประสาทสัมผัสและสมองมากส่วนมากอย่างขึ้น ก็จะยิ่งช่วยทำให้วงจรกระแสประสาททำงานได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ทำให้ขั้นตอนสร้างความจดจำและการดึงความทรงจำกลับขึ้นมาใช้งานดีมากขึ้นทั้งคู่  

ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ความเร็วในการอ่านเชิงลึกของแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงควรอ่านด้วยความเร็วของตัวเอง การเร่งรีบไม่ได้ทำให้อ่านเร็วขึ้น จำได้มากขึ้นแต่อย่างใด 

ระหว่างการฝึกอ่านเชิงลึกอาจใช้อุปกรณ์จับเวลาช่วย เช่น เริ่มจากอ่านอย่างต่อเนื่อง 15-20 นาที และค่อยๆ เพิ่มเวลาคุณภาพเช่นนี้ให้มากขึ้น ทำเช่นนี้ยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี จนไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในที่สุด 

การอ่านเชิงลึกจึงเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับการฝึกสมาธิ สติ และความคิดไปในตัวพร้อมๆ กัน เป็นทักษะที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในโลกยุคเร่งรีบและทำทุกอย่างกันอย่างลวกๆ   

เอกสารอ้างอิง

[1] https://www.pewresearch.org/short-reads/2021/11/12/among-many-u-s-children-reading-for-fun-has-become-less-common-federal-data-shows/ เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 ธันวาคม 2025

[2] https://www.insidehighered.com/news/students/academics/2024/09/25/students-turn-ai-do-their-assigned-readings-them เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 ธันวาคม 2025

[3] https://oxfordlearning.com/deep-reading-is-a-lost-skill-how-can-parents-help/ เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 ธันวาคม 2025

Tags:

การอ่านเชิงลึก (Deep Reading)ทักษะการคิดวิเคราะห์การฝึกสมาธิ (Meditation)

Author:

illustrator

นำชัย ชีววิวรรธน์

นักอณูชีววิทยา นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ นักเขียน นักแปล และนักอ่าน ผู้มีความสนใจอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาขับเคลื่อนสังคม

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Education trend
    ห้องเรียน AI EP5: หลักการ 5 ข้อเพื่อการใช้งาน AI อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทางการศึกษา

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Education trend
    ห้องเรียน AI EP3: การบ้านในยุค AI ต้องให้คุณค่ากับกระบวนการเรียนรู้มากกว่าผลลัพธ์ ไม่ใช่การจับผิดว่าเด็กใช้ AI หรือไม่

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Education trend
    ห้องเรียน AI EP2: เตรียมเด็กให้เท่าทัน AI ปรับใช้เป็นติวเตอร์ส่วนตัว ฝึกฝนทักษะการคิดและพัฒนาตนเอง

    เรื่อง ศุภณัฐ เติมชัยอนันต์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Early childhoodFamily Psychology
    เติบโตไปด้วยกัน Alpha Generation EP.6  ‘ล้มแล้วลุก’ หัวใจที่แข็งแรงยืดหยุ่นพอ จึงไม่แหลกสลายระหว่างทาง

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Deep Listening-nologo
    Character building
    ‘การฟังเป็น’ ไม่ใช่แค่ได้ยินเสียง แต่ต้องให้ดังไปถึงใจ

    เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel