Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Character building
6 January 2021

’10 ทักษะชีวิต’ ที่ต้องมี กับคีย์เวิร์ดดีๆ ที่ช่วยให้ปีฉลูผ่านฉลุย

เรื่อง The Potential ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

จะปีเก่าหรือปีใหม่ ใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่ดี มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น ก้าวหน้าอย่างที่หวัง มีความสุขความสำเร็จตามสมควร แต่หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เราเองก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมศักยภาพให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรือการทำงาน ซึ่งทั้งหมดมีแต้มต่อมาจากฐานแน่นๆ ที่เรียกว่า  ‘ทักษะชีวิต’ หรือความสามารถที่ช่วยให้สามารถเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น  พร้อมสำหรับการปรับตัวในอนาคต เพื่อที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

เมื่อปี 1997 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้บัญญัติคำว่า ‘ทักษะชีวิต’ (Life Skills) ขึ้นมา และได้กำหนดองค์ประกอบไว้ 10 องค์ประกอบ ได้แก่

  • ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking skills) 
  • ทักษะการคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking skills)
  • ทักษะการตระหนักรู้ในตน (Self awareness building skills)
  • ทักษะการเข้าใจผู้อื่น (Empathy skills)
  • ทักษะการตัดสินใจ (Decision making skills)
  • ทักษะการแก้ปัญหา (Problem solving skills)
  • ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective communication skills)
  • ทักษะการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Relationship skills)
  • ทักษะการจัดการกับอารมณ์ (Coping with emotion skill)
  • ทักษะการจัดการกับความเครียด (Coping with stress skills)

แน่นอนว่าถ้าใครมีครบทุกข้อย่อมดีที่สุด แต่ก็เป็นธรรมดาที่แต่ละคนจะมีทักษะแต่ละข้อไม่เท่ากัน ถ้าอยากรู้ว่าข้อไหนคือทักษะที่ใช่ที่สุดสำหรับเราในปีนี้ ให้เอาหมายเลขภาพตามที่เลือกไว้ ไปดูคำขยายในคีย์เวิร์ดแต่ละหัวข้อ เผื่อว่าจะใช้เป็นไกด์ไลน์สำหรับชีวิตดีๆ ในปี 2021 นี้ได้บ้าง (ไม่มากก็น้อย)  

1.โปรดจงตัดสินใจ

ถ้ายังรักพี่เสียดายน้อง ลังเลเลือกไม่ได้กับอะไรหลายๆ อย่าง นั่นคือสภาวะไม่กล้าตัดสินใจที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะเมื่อเจอกับปัญหายุ่งยากซับซ้อนตัวแปรเยอะ แต่การปล่อยให้เรื่องบางเรื่องคาราคาซังยืดเยื้อ มักย้อนวนกลับมาสร้างภาระด้านสุขภาพจิตให้กับตัวเอง  

ทักษะการตัดสินใจ (Decision making) หรือการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตได้อย่างเหมาะสม เป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราประเมินทางเลือกและผลที่จะได้รับจากการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่สร้างภาระทางความคิดและความรู้สึกให้กับตัวเองและผู้อื่น ซึ่งเรื่องแบบนี้สามารถฝึกกันได้

วิธีฝึกทักษะการตัดสินใจ 

ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น > แยกแยะเหตุผลออกจากความรู้สึก > จัดการกับอารมณ์ความรู้สึกให้ได้ > หาข้อมูลสำคัญมาประกอบ > พิจารณาทางเลือกต่างๆ > ชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย > ตัดสินใจเลือกอย่างมีสติ

2.ปัญหามาปัญญามี

ไม่มีใครที่ไม่เคยเจอปัญหาหนักอกหนักใจ แต่จะรับมือได้ดีแค่ไหน ผ่อนหนักให้เป็นเบาหรือแก้ไขให้ลุล่วงได้หรือไม่ ต้องอาศัยความสามารถในการจัดการความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างมีระบบ และทุกครั้งที่ลงมือแก้โจทย์ยาก ขอให้เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นบทเรียนชั้นดีของชีวิต

ทักษะการแก้ปัญหา (Problem solving) นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคลายปมต่างๆ ก่อนเข้าสู่เงื่อนตายแล้ว ยังช่วยให้ปัญหาสารพัดไม่สะสมจนเกิดเป็นความเครียด หรือลุกลามบานปลายจนยากจะแก้ไข ถ้าใครรู้สึกว่ายังแก้ปัญหาได้ไม่ดีพอ ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ดู 

วิธีฝึกทักษะการแก้ปัญหา 

กำหนดปัญหาให้ชัดเจน > รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง > วิเคราะห์ข้อมูลและปัจจัยแวดล้อม > หาแนวทางการแก้ไขหลายๆ ทาง > เลือกวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุด > วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน > ประเมินผลลัพธ์ > ปรับวิธีการหากยังไม่ลุล่วง

3. ช่างคิดไม่ติดกรอบ

ชีวิตก็ไม่ได้แย่ แค่เหมือนย่ำอยู่กับที่ อาจเป็นเพราะบ่อยครั้งเราปล่อยให้ความเคยชินเป็นตัวกำหนดวิธีปฏิบัติไปจนถึงเป้าหมาย ใช้กรอบคิดเดิมๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามา ซึ่งดีที่สุดก็คงจะเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ต่างไปจากเดิม 

เริ่มต้นปีนี้ลองติดตั้ง ทักษะการคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) เพื่อเป็นตัวช่วยค้นหาทางเลือกใหม่ๆ โดยเริ่มจากการมองโลกหรือมองปัญหาให้พ้นไปจากกรอบเดิม ใช้ความคิดที่หลากหลายเชื่อมโยงและหาทางออก แสวงหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ  และพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

วิธีฝึกทักษะการคิดสร้างสรรค์ 

ลองตั้งโจทย์ที่ต่างออกไป หรือค้นหาเป้าหมายใหม่ > แสวงหาข้อมูลความคิดที่หลากหลาย (พูดคุยแลกเปลี่ยน) > ออกแบบทางเลือกโดยไม่ยึดติดกับข้อจำกัด > ลงมือทำด้วยวิธีการที่ต่างไปจากเดิม > ยอมรับและเรียนรู้จากความล้มเหลว

4.มองรอบทิศคิดรอบคอบ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีคำถามกับทุกเรื่องราว มีความเห็นในทุกวงสนทนา เป็นไปได้ว่า ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ  หรือบางทีก็ใช้คำว่า ‘การคิดเชิงวิพากษ์’ เริ่มมีในเนื้อในตัวแล้ว แต่จะพัฒนาจากการช่างวิพากษ์วิจารณ์เป็นทักษะได้จริงหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่เป็นระบบ 

ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking)  จะช่วยให้เราสามารถประเมินข้อสรุปจากหลักฐานหรือสภาวการณ์ได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง โดยไม่มีอารมณ์และทิฐิมาชักนำ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เข้าใจปรากฎการณ์ทางสังคมที่ซับซ้อน ยังช่วยป้องกันการถูกครอบงำทางความคิดได้ด้วย

วิธีฝึกทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 

รู้จักตั้งคำถาม สงสัยในทุกคำกล่าวอ้าง > ไม่เชื่อข้อมูลจากแหล่งเดียว > หาข้อมูลอย่างรอบด้าน > ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล > วิเคราะห์เหตุผลและความเป็นไปได้ตามหลักภววิสัย > ทบทวนและตรวจทานตนเองเสมอ  

5.คารมเป็นต่อ

เป็นเหมือนกันมั้ย…แค่เตือนเพื่อนก็หาว่าด่า อุตส่าห์ชมกลับถูกมองว่ากระแนะกระแหน บอกว่า ‘ไม่’ ก็ไม่มีใครสน แต่พอไม่พูดกลายเป็นหยิ่งไปอีก ถ้าใครกำลังเจอสถานการณ์แบบนี้ บอกได้เลยว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร หรือเรียกว่าไม่มี ‘วาทศิลป์’ นั่นเอง

ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective communication) แม้จะดูไม่ได้ล้ำลึกอะไรแต่ก็สร้างแต้มต่อในชีวิตได้มากมาย เพราะความสามารถในการใช้คำพูดและท่าทางเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของตนเองได้อย่างเหมาะสม ทั้งกับบริบททางวัฒนธรรมและสถานการณ์ต่างๆ คือด่านแรกที่ทำให้ได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นในการแสดงความคิดเห็น การแสดงความชื่นชม การเจรจาต่อรอง การตักเตือน การช่วยเหลือ หรือแม้แต่การปฏิเสธ

วิธีฝึกทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 

ชัดเจนในเรื่องที่จะสื่อสาร > ใช้ภาษา น้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง สอดคล้องกับเจตนา > พูดจาชัดถ้อยชัดคำ กระชับได้ใจความ > แสดงทัศนคติหรือมุมมองที่เป็นประโยชน์ > สังเกตอากัปกิริยาและให้เกียรติคู่สนทนา > ฟังและตอบสนองด้วยความใส่ใจ

6.เติมใจให้กัน

ลองนับนิ้วดูว่าแต่ละปีที่ผ่านไป เรามีเพื่อน(ในโลกจริง)เพิ่มขึ้นหรือน้อยลง และในบรรดาคนที่ได้พบปะเจอะเจอนั้นมีสักกี่คนที่สามารถแชร์สุขทุกข์กันได้จริงๆ บางครั้งจำนวนเพื่อนในโซเชียลมีเดียอาจสวนทางกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เวลาเผชิญกับปัญหา และนั่นเป็นเหตุผลว่า ‘สัมพันธภาพ’ สำคัญแค่ไหน

ทักษะการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal relationship) เป็นความสามารถที่เป็นพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และมากไปกว่านั้นคือการรักษาความสัมพันธ์ไว้ให้ได้ยาวนาน แต่ดูเหมือนว่าหลายครั้งเราอาจหลงลืมหรือตกหล่นเรื่องนี้ไป

วิธีฝึกทักษะสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล 

นับถือผู้อื่นเช่นเดียวกับนับถือตนเอง > เอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอ > ไว้วางใจซึ่งกันและกัน > มีความยืดหยุ่น > แบ่งปันประสบการณ์ความคิดความรู้สึก > ช่วยเหลือเกื้อกูล > รู้จักการให้เท่าๆ กับการรับ

7. ฟังเสียงข้างใน

บ่อยครั้งที่สับสน ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน หรือจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเราต้องการอะไร ทั้งหมดนี้อาจเริ่มต้นมาจากเรื่องง่ายๆ ที่เข้าใจยากมาก อย่างการเข้าใจตัวเอง เพราะคนเรามักถูกชักนำด้วยเสียงจากคนรอบข้าง จากครอบครัว จากสังคม จนไม่เคยฟังเสียงข้างในของตัวเองจริงๆ สักครั้ง  

ทักษะการตระหนักรู้ในตน (Self-awareness) จะช่วยให้เราค้นหา รู้จักและเข้าใจตนเอง รู้ข้อดีข้อด้อยของตนเอง รู้ความต้องการและสิ่งที่ไม่ต้องการของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้สามารถเผชิญกับความเครียดหรือสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี และเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทักษะอื่นๆ เช่น การสื่อสาร การสร้างสัมพันธภาพ การตัดสินใจ และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

วิธีฝึกทักษะการตระหนักรู้ในตน  

หมั่นสังเกตและรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง > ไม่บิดเบือนความรู้สึก (รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา เหงา เศร้า) > ให้เวลาตัวเองทำความเข้าใจกับอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น > รู้ข้อดีและยอมรับข้อด้อยของตัวเอง > พร้อมเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง

8. เข้าอกเข้าใจผู้อื่น

เพราะเราอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย การเปิดใจยอมรับคนที่ต่างไปจากเราจึงเป็นความสวยงามของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ซับซ้อนและย้อนแย้ง แต่การละวางอคติ ตีแตกมายาคติ เพื่อเข้าใจคนอื่นอย่างที่เขาเป็นจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ   

ทักษะการเข้าใจผู้อื่น (Empathy) ถือเป็นทักษะสำคัญของคนยุคนี้เลยทีเดียว เป็นความสามารถที่พึงมีในการเข้าใจความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะเป็น เพศสภาพ สีผิว การศึกษา ศาสนา อาชีพ ความคิด ความเชื่อ  ฯลฯ ซึ่งการยอมรับความแตกต่างหลากหลายนี้จะทำให้เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูล ลดความขัดแย้งรุนแรง และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในโลกของความเป็นจริง

วิธีฝึกทักษะการเข้าใจผู้อื่น (Empathy)

ไม่ตัดสินหรือตีตราผู้อื่นด้วยเหตุแห่งความแตกต่าง > ละวางอคติและฟังอย่างตั้งใจ > ถามหากสงสัยไม่ใช่ตีรวน > พยายามทำความเข้าใจโดยจินตนาการให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์หรือเงื่อนไขเดียวกัน > รับรู้สุขทุกข์ของคนอื่น

9.โอบกอดตัวเอง

ปีที่ผ่านมาช่างเป็นปีที่เหน็ดเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับหลายๆ คน  ไม่ว่าจะเรื่องชีวิตส่วนตัว ความสัมพันธ์ การเรียน การทำงาน และอีกสารพัด …สับสน เหงา เศร้า หงุดหงิด โกรธ กลัว ฯลฯ ความปั่นป่วนทั้งหมดล้วนมาจากความไม่มั่นคงทางอารมณ์ที่มากมายเกินจะรับไหว 

ทักษะการจัดการกับอารมณ์ (Coping with emotion) จะทำให้เราสามารถรับรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น รู้ว่าอารมณ์มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมอย่างไร และรู้วิธีจัดการอารมณ์ที่สับสนปนเปนั้น ก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อตัวเองและคนรอบข้าง

วิธีฝึกทักษะการจัดการกับอารมณ์ 

เมื่อเริ่มมีความรู้สึกในทางลบให้หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ > พิจารณาถึงเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดความรู้สึกนั้นๆ> หยุดโทษตัวเองและคนอื่น > มองสุขทุกข์ให้เป็นธรรมดาโลก > เมตตาต่อตัวเอง ปลอบโยนตัวเอง > ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน > เพิ่มมุมมองด้านบวก

10. ปล่อยวางบ้างก็ได้

กับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น เหตุบ้านการเมือง รวมไปถึงปัญหาที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอย่างการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ ปัจจัยที่รุมเร้าเหล่านี้ล้วนเป็นตัวเร่งระดับความเครียดให้พุ่งสูง และถ้าเริ่มรู้สึกว่ากำลังจะเกินขีดจำกัด สิ่งแรกที่ต้องรับมือให้ได้ก็คือ ‘ความเครียด’ นี่แหละ 

ทักษะการจัดการความเครียด (Coping with stress) เป็นความสามารถของแต่ละคนในการรับรู้ถึงสาเหตุของความเครียด รู้จักวิธีผ่อนคลาย และแนวทางในการควบคุมไม่ให้เครียดจนสร้างปัญหาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้กับตัวเอง

วิธีฝึกทักษะการจัดการความเครียด 

หาสาเหตุของความเครียดให้เจอ > จัดอันดับความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อตัวเอง > หาวิธีรับมือหรือเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นั้นๆ > (ถ้ายังไม่ดีขึ้้น) ปรึกษาคนรอบข้าง หาคนรับฟัง > ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย > รู้จักปล่อยวางและพักผ่อนอย่างเหมาะสม

คำแนะนำทั้งหมดนี้อ้างอิงจากทักษะชีวิต 10 องค์ประกอบ ขององค์การอนามัยโลก (WHO: 1997) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ทุกคนรู้จักดูแลตนเองทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์และจิตใจ  เน้นความสามารถในการปรับตัวและทักษะการจัดการปัญหารอบๆ ตัว เพื่อใช้ชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในปัจจุบันได้อย่างมีความสุข

ย้ำทิ้งท้ายว่า ทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและนำมาใช้อย่างสม่ำเสมอแล้วจะกลายเป็นทักษะชีวิตที่ติดตัวเราไปเผชิญกับทุกสถานการณ์ได้แบบมั่นๆ

Tags:

ความเข้าอกเข้าใจ(empathy)ทักษะการสื่อสาร(Communication Skill)ความคิดสร้างสรรค์(Creativity)ทักษะชีวิต

Author:

illustrator

The Potential

กองบรรณาธิการ The Potential

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Creative learning
    ‘แกะสลักชีวิต’ วิชาที่ชวนเด็กสำรวจตัวเองและขจัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป: ครูฐิติขวัญ เหลี่ยมศิริวัฒนา โรงเรียนปัญญาประทีป

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์ ภาพ ปริสุทธิ์

  • Social Issues
    ‘ทักษะชีวิตพิชิตการรังแก’  วิชาที่ชวนเด็กๆ ตั้งการ์ดสูง ยืนยันสิทธิที่จะไม่ถูกบูลลี่:  ผศ.นพ.คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์   

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์

  • Creative learning
    Chef’s table: 4 เมนูอาหารกลางวันโรงเรียน “ในฝัน” วันนี้เด็กไทยมีโภชนาการที่ดีพอหรือยัง?

    เรื่อง นฤมล ทับปาน ภาพ ธีระพงษ์ สีทาโส

  • Education trend
    Hybrid Learning : เทรนด์การเรียนรู้แบบผสมผสานตอบโจทย์สถานการณ์โควิด-19

    เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • 21st Century skills
    เพราะสมองทำงานผ่านท่าทาง สัญชาตญาณวางใจการมองเห็นและได้ยิน เราจึงแตกหักกันง่ายๆ ในโลกโซเชียล

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel