- หากใครเคยมีโอกาสเลี้ยงเจ้าตัวน้อยคงจะรับทราบดีว่าการเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องสนุกนัก ยิ่งเฉพาะถ้าเราต้องอยู่ดูแลเพียงลำพัง จะเดินไปไหนก็อดไม่ได้ที่จะกังวล แม้แต่จะไปดื่มน้ำหรือทานข้าวก็ยังแทบไม่มีเวลา พ่อจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการแบ่งเบาภาระ โดยรับลูกน้อยมาอยู่ในความดูแลสักวันละสองชั่วโมง เพื่อให้คุณแม่ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวได้แบบสบายไม่ต้องกังวล
- ความสุขของทุกคนในครอบครัวมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นภรรยา ลูกน้อย รวมถึงตัวผมเอง มันคงไม่ยุติธรรมนักหากใครสักคนต้องสูญเสียตัวตนอื่นทั้งหมดไป เพียงเพราะมีบทบาทใหม่ที่ชื่อว่า ‘แม่’
บทบาทและหน้าที่ของคนเป็นพ่อคืออะไรในสมการเรื่องลูก?
นี่คือคำถามที่ผมครุ่นคิดอยู่เสมอตั้งแต่ภรรยาตั้งท้องจนกระทั่งลูกอายุครบสามเดือน เพราะคนเป็นพ่อไม่ต้องตั้งครรภ์ ไม่ต้องคอยสร้างน้ำนมให้ลูกอิ่มหนำ แม้จะพยายามเข้าไปช่วยเหลือภรรยาในการดูแลลูกน้อย มากแค่ไหน ในช่วงแรกเราก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆ คอยหยิบนู่นจับนี่เมื่อเรียกหาซึ่งเป็นงานที่ใครๆ ก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อ
หากมองย้อนกลับไป การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นพ่อด้วยเวลาชั่วข้ามวันทำให้ผมเผชิญ ‘วิกฤตการมีชีวิตอยู่ (existential crisis)’ ครั้งเล็กๆ ที่ชวนให้ใคร่ครวญความรับผิดชอบในสถานะความเป็นพ่อของตัวเอง ก่อนจะได้คำตอบในภายหลังว่า หน้าที่ของพ่อคือเปิดโอกาสให้แม่ไม่ต้องเป็นแม่
ฟังแล้วชวนสงสัยว่าประโยคข้างต้นหมายความว่าอะไรกันแน่ ผมขอเริ่มเรื่องจากประสบการณ์ตรงที่ทำลายมายาคติที่ว่าการได้อยู่ดูแลทารกตัวน้อยทั้งวันว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุก
เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องสนุก
หากใครเคยมีโอกาสเลี้ยงเจ้าตัวน้อยคงจะรับทราบดีว่าการเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องสนุกนัก ยิ่งเฉพาะถ้าเราต้องอยู่ดูแลเพียงลำพัง จะเดินไปไหนก็อดไม่ได้ที่จะกังวล แม้แต่จะไปดื่มน้ำหรือทานข้าวก็ยังแทบไม่มีเวลา นี่คือสิ่งที่ภรรยาผมต้องเผชิญหลังจากที่ผมต้องกลับไปทำงานหลังจากลางานมาครบสองสัปดาห์เต็ม
ทุกชั่วโมงที่ต้องห่างบ้านเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ผมไม่ค่อยห่วงเจ้าตัวเล็กเท่าไหร่เพราะเชื่อมือภรรยา แต่อดกังวลไม่ได้ว่าคุณแม่มือใหม่จะทั้งเหนื่อยและเครียด คำบอกเล่าเรื่องภาวะซึมเศร้าหลังคลอดยิ่งทำให้ผมวิตกว่าภรรยาจะรับมือกับเด็กชายเพียงลำพังได้หรือไม่ แม้ว่าบางช่วงเวลาจะมีญาติผู้ใหญ่เข้าไปสลับกันดูแลก็ตาม
เวลากลางคืนคือช่วงที่ผมจะได้อยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกน้อยแบบเต็มๆ แต่ภาระหนักก็ยังตกอยู่บนบ่าของคนเป็นแม่ที่ต้องตื่นมาให้นม ขณะที่ผมทำได้เพียงอุ้มปลอบ เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือนึ่งของใช้สำหรับทารก สุดท้ายก็ไปนั่งสัปหงกจนถูกไล่ให้ไปนอนขณะที่ภรรยาพาตัวเล็กเข้าเต้า คงไม่ผิดนักหากจะพูดว่าคุณแม่ทำหน้าที่หลักในการดูแลเจ้าตัวเล็กตลอด 24 ชั่วโมง
ผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ผมเริ่มสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าภรรยาที่สดใสร่าเริงอยู่เสมอกลับเซื่องซึมลงถนัดตา นั่นไม่ใช่เรื่องเกินคาด เพราะบทบาทความเป็นแม่ได้กัดกินและช่วงชิงเวลาที่เธอจะมีกิจกรรมอื่นตั้งแต่การสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เล่นกีฬาออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งได้ไปทำงานพูดคุยกับพนักงานและพบปะลูกค้า การอยู่บ้านคอยดูแลลูกน้อยตลอดเวลาไม่มีทางที่จะเติมเต็มบทบาทอื่นๆ ได้
นี่คือโจทย์สำคัญที่ผมต้องหาทางออก เพราะสำหรับผม ความสุขของทุกคนในครอบครัวมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นภรรยา ลูกน้อย รวมถึงตัวผมเอง มันคงไม่ยุติธรรมนักหากใครสักคนต้องสูญเสียตัวตนอื่นทั้งหมดไป เพียงเพราะมีบทบาทใหม่ที่ชื่อว่า ‘แม่’
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหลังจากที่โควิด-19 ระบาด แผนการที่จะพาเจ้าตัวเล็กไปสลับกันเลี้ยงบริเวณด้านหลังร้านเป็นอันต้องพับเก็บ ขณะเดียวกันกิจการของเราต้องเผชิญกับคลื่นลูกใหญ่ เพิ่มกระบวนการมากมายทั้งจุดคัดกรองและการเว้นระยะห่าง พนักงานเองในร้านต่างซึ่งอายุค่อนข้างมากต่างก็หวาดกังวลว่าจะติดโรคระบาด ส่วนตัวเลขยอดขายก็ลดฮวบเป็นประวัติการณ์ ผมรู้ว่าภรรยาในฐานะผู้จัดการร้านย่อมไม่สบายใจ ในขณะที่นักการเงินอย่างผมช่วยอะไรได้ไม่มาก
แต่ในที่สุด ผมได้ไอเดียว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนได้ประโยชน์ นั่นคือการสลับให้ภรรยาไปทำงานที่ร้านหนึ่งวันต่อสัปดาห์โดยทิ้งให้เด็กชายอยู่กับผมที่บ้านเพียงลำพัง นับเป็นข้อเสนอที่หาญกล้ามากเพราะเจ้าตัวเล็กติดแม่งอมแงมแถมยังไม่ค่อยยอมดื่มนมจากขวด แม้จะกังวลแต่ผมก็พยายามกลบมันให้มิด พลางคิดในใจว่าถ้าแม่ทำได้ พ่อก็ต้องทำได้เช่นกัน
วันของพ่อและเด็ก
แล้ววันนั้นก็มาถึง ภรรยาผมดูสดใสทะมัดทะแมงในชุดทำงานที่ไม่ได้ใส่มาร่วมสองเดือน ก่อนไปยังได้สั่งการอย่างละเอียดว่าน้ำนมแม่อยู่ไหน อุ่นนมกี่นาที ต้องป้อนนมกี่โมง ของเล่นชิ้นไหนพร้อมจะนำไปให้ลูกเล่น และอีกสารพัด พร้อมทั้งกำชับว่าถ้าไม่ไหวให้โทรหาแล้วเธอจะรีบปลีกตัวกลับมาทันที
ผมฟังรายละเอียดยุบยิบแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าจะไม่โทรไปรบกวนเวลางานของภรรยาเด็ดขาดเพราะต้องการให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับบทบาทอื่นที่ไม่ใช่แม่ได้อย่างเต็มที
ผมประคองเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดพลางโบกมือลาภรรยาที่ขับรถออกไปทำงาน ยิ้มกว้างแสดงความมั่นใจว่าไม่ต้องกังวล หลังจากประตูปิดลง เด็กน้อยก็ยังหลับอย่างสงบในอ้อมกอดร่วมครึ่งชั่วโมง ผมเผลอคิดกระหยิ่มยิ้มย่องว่าสบายจัง ไว้ภรรยากลับมาเมื่อไหร่อาจจะขอเพิ่มเป็นสองวันต่อสัปดาห์
แต่ความโกลาหลก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กน้อยลืมตาตื่นแล้วร้องไห้จ้า ต้องคอยพาอุ้มเดินแกว่งไปมารอบแล้วรอบเล่า รอบแล้วรอบเล่า พอเด็กชายเริ่มสงบลงผมก็ทิ้งตัวลงนั่ง ทันใดนั้นเสียงแผดร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งจนผมต้องเริ่มปลอบประโลมด้วยการเดินไปรอบบ้านอีกครั้งจนมือสองข้างเริ่มล้าและข้อเท้าเริ่มปวด ผมจึงพาเจ้าตัวเล็กไปนั่งในลานของเล่นแล้วหันไปมองนาฬิกา
เวลาผ่านไป 10 นาทีถ้วน. . .
เด็กน้อยยังคงคึกคักแม้ว่าจะนอนหลับไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผมหยิบสารพัดของเล่นมาให้เจ้าหนูกัดแทะ สลับกับนอนอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง เวลาเหมือนจะผ่านไปนานแต่พอหันไปดูเข็มยาวของนาฬิกาบนฝาผนังกลับกระดิกไปครั้งละไม่เกิน 5 นาทีถ้วน พอเด็กน้อยเริ่มเบื่อที่จะเล่นของเล่นหรือฟังนิทานก็ได้เวลากลับมาพาเดินวนรอบบ้านอีกครั้ง
การอยู่กับลูกเพียงลำพังทำให้ผมได้สัมผัสประสบการณ์ของเวลาที่ผ่านไปช้าแสนช้า เพราะนี่คืองานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะมากมาย แต่ต้องใส่ใจและมีสมาธิเพื่อดูแลไม่ให้ลูกเข้าใกล้อันตราย ขณะนั่งเล่นกับลูกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเสียดายเวลาจัง แทนที่เราได้ใช้เวลาไปทำงานหาเงิน คิดแผนกระตุ้นยอดขาย พัฒนาตัวเองด้วยการอ่านหนังสือหรือเรียนคอร์สออนไลน์ แต่กลับต้องมานั่งจับเจ่าเล่านิทานเรื่องเดิมซ้ำเป็นสิบรอบ หยิบของเล่นที่ลูกปัดตก หรือเดินวนไปมาอย่างไร้จุดหมาย
ความโกลาหลเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อได้เวลาเจ้าตัวเล็กต้องดื่มนม ผมงมกับวิธีใช้เครื่องอุ่นน้ำนมอยู่นานสองนานจนลูกชายร้องไห้จ้า หลังจากเชื่อมั่นว่าน้ำนมแม่ในขวดอุ่นกำลังดีก็ต้องทดขอเวลานอกไปเปิดดู Youtube ว่าด้วยท่าป้อนนมที่ถูกต้อง เด็กน้อยร้องจนน้ำตาไหลอาบแก้มกว่าจะได้ดูดนม แต่กลืนไปไม่กี่อึกก็อมนมไว้เต็มปากแล้วบ้วนออกมาจนเลอะเทอะเต็มหมอน ผมเองก็ร้อนใจกลัวลูกหิวจนต้องเปลี่ยนมาอุ้มป้อนซึ่งผลลัพธ์คือเปลี่ยนจากเปื้อนหมอนมาเปื้อนพื้นแทน
ผมทั้งขู่ทั้งปลอบตั้งแต่ฟ้าข้างนอกเป็นสีทองอร่ามของแดดเย็นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน สุดท้ายก็ถอดใจแขวนขวดนม หันไปมองปริมาณนมที่หายแล้วก็อดท้อไม่ได้เพราะพยายามแทบตายกลับลดไปแค่ราวหนึ่งออนซ์จากปริมาณที่ควรจะดื่มสามออนซ์ต่อหนึ่งมื้อ ยังไม่นับน้ำนมที่หกอยู่บนพื้นและชุ่มอยู่บนหมอน
เด็กน้อยกลับมาสดใสราวกับต้นไม้ได้น้ำ หันมาสนใจจะของเล่นและนิทานอีกครั้ง ส่วนสมาธิของผมก็หลุดลอยไปที่นาฬิกาบนฝาผนังเพราะอีกไม่นานภรรยาก็คงจะกลับมาถึงบ้าน ช่วงเวลานั้นเองที่ประสาทหูของผมเริ่มหลอนเพราะไม่ว่าจะได้ยินเสียงหมาเห่า ใบไม้ไหว หรือหลังคาคลายตัว ก็ดันคิดไปเองว่าภรรยากลับมาถึงบ้านแล้ว
ไม่นานเกินรอ ผมและลูกชายก็ได้ยินเสียงกุญแจกรุ๊งกริ๊งพร้อมกับภรรยาหน้าตาสดใสที่กลับมาพร้อมอาหารเย็น ประสบการณ์ในวันนั้นเองที่ทำให้ผมทราบว่าภรรยาต้องอดทนมากแค่ไหนในแต่ละวัน ความเข้าใจนี้เองที่ทำให้ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพาเจ้าตัวเล็กออกห่างจากแม่บ้างอย่างน้อยวันละหนึ่งหรือสองชั่วโมง เพื่อให้คุณแม่มีเวลาส่วนตัวแบบไร้กังวล จะไปอาบน้ำ สระผม ชงกาแฟ แชทกับเพื่อน คุยกับเซลล์ เคลียร์เอกสาร หรือซื้อของออนไลน์ก็ตามสบาย
ในแวดวงเศรษฐศาสตร์ที่นับว่าชายเป็นใหญ่ จะมีมุกตลกเนิร์ดๆ ซึ่งผมเองก็เคยขำว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่ควรแต่งงานกับสาวใช้ที่บ้านเพราะจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีลดลง เพราะหลังจากแต่งงานเราก็คงไม่จ่ายค่าตอบแทนสาวใช้ที่กลายมาเป็นภรรยาเพื่อทำงานบ้าน ซึ่งภาระความรับผิดชอบเรื่องงานบ้านรวมถึงการเลี้ยงดูลูกไม่เคยอยู่ในสมการการคำนวณจีดีพี
นี่คือสาเหตุที่เหล่านักเศรษฐศาสตร์สตรีนิยมมักปรามาสตัวเลขจีดีพี เพราะตัวเลขดังกล่าว ‘มองข้าม’ คุณค่าทางเศรษฐกิจของงานบ้านทั้งที่บ้านเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญอย่างยิ่ง
หลังจากได้อยู่ดูแลลูกแบบเต็มเวลา ผมอยากไปสะกิดบ่าตัวเองในอดีตและเหล่านักเศรษฐศาสตร์ว่าลองมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเองดูสักวันไหม รับรองว่าจะได้รับแรงบันดาลใจอย่างเต็มเปี่ยมในการคิดค้นสมการจีดีพีใหม่ที่ผนวกรวมคุณค่าของงานบ้านเข้าไปอย่างแน่นอน