- ไม่ใช่ทุกคนที่มีน้ำนมแม่พร้อมให้ลูกดื่มหลังคลอดลูก สำหรับคุณแม่ที่น้ำนมมาช้า นอกจากจะต้องกระตุ้นโดยให้ลูกเข้าเต้าบ่อยๆ บีบนวดประคบร้อน และทานอาหารเร่งน้ำนมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือกำลังใจจากคนรอบข้าง เพราะหากปล่อยให้คุณแม่เครียดน้ำนมก็ยิ่งมาช้า กลายเป็นวงจรสะท้อนกลับที่มีแต่แนวโน้มแต่จะย่ำแย่ลง
- เวลากลางคืนในสองสัปดาห์แรกคือช่วงเวลาที่เด็กน้อยกำลังปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ พ่อแม่ต้องใจเย็นและอดทน โดยสามารถกระตุ้นการเรียนรู้เรื่องกลางวันและกลางคืนด้วยการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน
หากผู้อ่านคนไหนยังไม่ได้อ่านบันทึกนักการเงินพ่อลูกอ่อนตอนที่ 2 สามารถอ่านได้ที่ บันทึกนักการเงินพ่อลูกอ่อน (2): ตามหาสูตรสำเร็จในการเลี้ยงลูก
ผมได้สัมผัสว่าเวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์อย่างชัดเจนตอนที่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด ระหว่างที่ภรรยากำลังถูกบล็อกหลัง (Spinal Block) ตามคิวผ่าคลอดตอนเก้าโมงเช้า ได้ยินแว่วๆ ว่าทีมแพทย์พบปัญหาขลุกขลักเล็กน้อย แต่ดูจากรอยยิ้มพยาบาลที่เดินสวนไปมาก็คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ผมดูนาฬิกาบ่อยครั้งทั้งที่เลขนาทีแทบไม่ขยับ สมาธิสูญสลายได้แต่ไล่สายตาผ่านหน้าโซเชียลมีเดียโดยไม่มีอะไรเข้าหัวสมอง ก่อนที่ผมจะถูกเชิญตัวเข้าห้องผ่าตัดประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง
ข้างในนั้นวุ่นวายกว่าที่คิด เสียงสัญญาณชีพดังระคายหู ผมได้รับเชิญให้นั่งอยู่ข้างภรรยา เธอยังยิ้มร่าเพราะรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะได้เห็นหน้าลูกน้อย แล้ววินาทีนั้นก็มาถึง คุณหมอชูเด็กชายตัวสีเทาที่เริ่มร้องไห้จ้า พยาบาลพาเด็กน้อยมาโชว์ตัวก่อนเพื่อถ่ายรูปครอบครัวครั้งแรกของเราพ่อแม่ลูก ก่อนที่ผมจะถูกเชิญออกจากห้องผ่าตัดเพื่อรอไปแผนกเด็กพร้อมลูกน้อย
รูปใบนั้นถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียพร้อมเสียงตอบรับอย่างล้นหลามพร้อมข้อสังเกตว่าผมหน้าซีดกว่าภรรยา (ที่อยู่ในระหว่างการผ่าตัด) และเด็กน้อย (ที่เพิ่งเกิด)
ก็แน่นอนสิ! ผมไม่ค่อยถูกกับเลือดสักเท่าไหร่ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เป็นลมในห้องผ่าตัดให้กลายเป็นภาระคนอื่น
ระหว่างที่ภรรยายังไม่กลับจากห้องผ่าตัด ผมก็มีหน้าที่จัดแจงบอกญาติผู้ใหญ่ที่แวะมาเยี่ยมเยือนว่าเด็กตัวจิ๋วคนไหนคือลูกชายของเรา ธารินทร์น้ำหนักประมาณ 2.6 กิโลกรัมนับว่าปริ่มตกเกณฑ์แต่ทุกคนต่างก็ให้กำลังใจว่าไว้เดี๋ยวมาโตเอาข้างนอก เด็กชายร้องไห้จ้าสลับกับลืมตาจ้องมองผ่านตู้กระจกห้องแผนกเด็กด้วยความสงสัยใคร่รู้ กว่าเราจะได้พบกันแบบไม่มีกระจกกั้นก็จวนเที่ยงหลังคุณแม่ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบแล้วกลับมาที่ห้องพัก
เขาหลับปุ๋ยในผ้าห่อตัว เด็กน้อยดูบอบบางจนผมกลัวที่จะอุ้มมาไว้แนบอก แต่ผมต้องใช้ความกล้าในฐานะพ่อจับเจ้าตัวเล็กอย่างระมัดระวัง ประคองคอที่ยังไม่แข็งแรง แล้วอุ้มไปให้ภรรยาที่ยังไม่สามารถลุกจากเตียงได้เชยชม
เด็กน้อยหลับตาพริ้ม แต่มือเล็กๆ ก็ยังยื่นมาคว้าจับนิ้วเราไว้แน่น ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่ปากก็หุบยิ้มไม่ได้ นี่คือสัญญาณของการออกเดินทางไกลในฐานะพ่อที่ผมต้องบอกว่าสองสัปดาห์แรกคือทางวิบาก
ค่าน้ำนม
สมัยตอนเป็นเด็ก ผมยอมรับว่าเคยร้องเพลง ‘ค่าน้ำนม’ ทีเล่นทีจริงเสมอในงานวันแม่ของโรงเรียน แต่เมื่อเปลี่ยนสถานะจากลูกสู่พ่อ ต้องเห็นกับตาถึงทุกกระบวนการว่ากว่าจะได้น้ำนมแต่ละหยดมานั้น แม่ต้องทุ่มเทพยายามมากแค่ไหน ก้อนความรู้สึกผิดในใจก็อัดแน่นขึ้นมาในอก
ผมเคยจินตนาการว่าหลังแม่คลอดปุ๊ป น้ำนมก็ไหลมาเป็นสายพร้อมให้ลูกดื่ม แต่ในความเป็นจริงแล้วกว่าคุณแม่จะมีน้ำนมเพียงพอนั้นต้องผ่านการกระตุ้นที่เข้าขั้นทรมาน ลองคิดดูสิครับ คนเพิ่งผ่าตัดเสร็จ แผลก็ยังไม่หายดี ยาชาก็ยังไม่หมดฤทธิ์ แต่ต้องถูกปลุกมาเพื่อพาลูกเข้ามาดูดเต้าเพื่อกระตุ้นน้ำนม แถมเจ้าตัวเล็กก็ใช่ว่าจะให้ความร่วมมือทุกครั้ง ต้องคอยเกาเท้า เกาคาง ไม่ให้เผลอหลับ หลังเสร็จสิ้นกระบวนการก็อาจใช้เวลาค่อนชั่วโมง ตามมาด้วยคุณพยาบาลที่แวะมาเอาน้ำร้อนประคบนมทั้งสองเต้า แล้วบีบนวดอยู่เป็นอีกชั่วโมง ได้หลับตางีบลงสักหน่อยก็วนมาถึงเวลาที่หนูน้อยจะเข้ามาดูดนมอีกครั้ง
วัฏจักรนี้วนเวียนไปไม่สนใจกลางวันกลางคืน แต่หากจะให้นมแม่ คุณแม่ก็ต้องอดทนเพราะน้ำนมยึดหลักอุปสงค์อุปทาน หากไม่เอาลูกเข้าเต้ากระตุ้นบ่อยๆ น้ำนมที่กำลังเริ่มมาก็อาจแห้งเหือดหายไปง่ายๆ
แต่สิ่งที่ชวนปวดใจกว่านั้นคือการต้องปล่อยให้ลูกหิว เพราะถ้าให้นมผงจนท้องอิ่ม เด็กน้อยก็จะเอาแต่หลับไม่ยอมตื่นมาดูดกระตุ้นน้ำนมแม่ ผมและภรรยาจึงต้องทนเห็นหนูน้อยร้องไห้จ้า ขณะที่น้ำนมซึ่งไหลออกมาอยู่ในระดับหยด แม้คุณหมอจะบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะเด็กมีพลังงานเพียงพออยู่แล้วถึงจะไม่ได้รับน้ำนมในช่วงแรก แต่หัวอกของคนเพิ่งเป็นพ่อแม่ผนวกกับแรงกดดันของญาติผู้ใหญ่ที่กลัวหลานจะหิวก็ทำให้คุณแม่เครียด เมื่อเครียดน้ำนมก็ยิ่งมาช้า กลายเป็นวงจรสะท้อนกลับ (feedback loop) ที่มีแต่แนวโน้มแต่จะย่ำแย่ลง
แม้ว่าในใจผมจะสงสารลูก แต่ผมก็ต้องยืนข้างภรรยา เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะให้นมแม่ก็ต้องไปให้สุดทางเพราะเราเชื่อว่านี่แค่ความลำบากในระยะสั้น แต่เป็นทางเลือกที่ดีต่อทั้งเราและลูกในระยะยาว
แต่แรงกดดันยิ่งทวีหนักขึ้นเมื่อหมอเด็กตรวจพบว่าธารินทร์มีค่าตัวเหลืองสูงเกินปกติ ซึ่งสารดังกล่าวค่อนข้างอันตราย แต่ะสามารถขับถ่ายออกจากอุจจาระและปัสสาวะตามธรรมชาติ แต่เมื่อนมแม่ยังไม่มาเจ้าตัวเล็กเลยขับถ่ายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น คุณหมอเลยสั่งให้หนูน้อยนอนในตู้อบยูวีต่ออีกหนึ่งวัน
ผมต้องคอยปลอบภรรยาเพราะคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนที่เจ็บปวดมากที่สุด ขณะที่เด็กน้อยนอนหลับสบายอยู่ในตู้ฉายแสงสีฟ้า เธอบอกผมบ่อยครั้งว่าฝากเดินไปดูลูกให้หน่อย แม้จะเห็นไกลๆ ก็ยังดี
เราใช้เวลาหนึ่งวันที่ลูกต้องอยู่ห่างจากอกแม่ ร่วมด้วยช่วยกันนวดเค้นเพื่อเร่งให้น้ำนมมา ทานยาทั้งแผนปัจจุบัน รวมถึงกินน้ำอุ่น ดื่มน้ำขิงทั้งวัน ซดแกงเลียงหัวปลีทุกมื้อ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้ำนมมา
แล้วในที่สุดน้ำนมก็มาจริงๆ แม้อาจจะยังไม่มาก แต่ก็เป็นกำลังใจว่าเรามาถูกทางแล้ว
วันกลับบ้าน
นอกจากเรื่องน้ำนม ทุกเรื่องเกี่ยวกับทารกสำหรับเรานับว่าเป็นเรื่องใหม่หมด ทั้งวิธีพับผ้าห่อตัว การอาบน้ำทำความสะอาด การป้อนนมผสมด้วยแก้วป้อนนม (feeding cup) เพื่อไม่ให้เด็กติดจุกนมแล้วไม่ยอมดูดเต้าแม่ และอีกสารพัดรายละเอียดปลีกย่อย ทั้งหมดนี้ถูกอัดอยู่ในประสบการณ์ 5 วันในโรงพยาบาล ก่อนเราจะพาเจ้าตัวเล็กกลับบ้านหลังจากค่าตัวเหลืองอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
บ้านหลังเดิม เพิ่มเติมคือเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอด
เราพาธารินทร์ไปชมบ้านทั้งหลัง แนะนำห้องนอนแห่งใหม่ ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นกระทั่งฟ้าเริ่มมืดลง นี่คือบทเรียนแรกที่ตัวเล็กต้องเรียนรู้คือความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน ซึ่งพ่อแม่สามารถช่วยได้โดยการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในช่วงกลางวันและกลางคืนให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทุกอย่างจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทน
ในคืนแรกๆ ผมยอมรับว่าท้อ ตอนกลางคืนที่เคยเป็นเวลาพักผ่อนอย่างสงบสุขกลับต้องถูกรบกวนด้วยเสียงร้องของเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่คุ้นชิ้นกับบ้านหลังใหม่ ขณะเดียวกันเราก็ต้องกลั้นใจแม้ว่าจะอยากนอนแค่ไหน ปลุกเด็กชายให้มาเข้าเต้าทุก 3 ชั่วโมงเพื่อกระตุ้นน้ำนม ด้วยความกลัวว่าค่าเหลืองจะกลับมาสูงใหม่ ผมก็ต้องรับหน้าที่วิ่งขึ้นวิ่งลง นึ่งของ ชงนม และป้อนนมผงเสริมนมแม่ด้วยแก้วป้อนนมหลังจากเข้าเต้าอย่างน้อย 30 นาที การป้อนนมด้วยแก้วเป็นไปอย่างทุลักทุเล ดื่มบ้าง บ้วนบ้าง เลอะเทอะกันอยู่พอประมาณ หลังจากอิ่มก็ต้องอุ้มให้เจ้าตัวเล็กเรอเอาอากาศในท้องออก กล่อมจนหลับ กว่าพ่อแม่จะได้นอนอีกครั้งก็เกือบชนเวลาที่ต้องปลุกเจ้าตัวเล็กมาเข้าเต้ารอบต่อไป
สิ่งที่ผมต้องเจอตอนกลางคืนทำให้รู้สึกหวั่นใจทุกครั้งที่ฟ้าเริ่มมืดลง เพราะผลัดกลางคืนอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ล้วนๆ โดยไม่มีปู่ย่าตายายมาช่วยเหลือ ในใจได้แต่ภาวนาให้เด็กน้อยโตวันโตคืน (ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างมองว่าทารกเป็นวัยน่ารัก ไม่วิ่ง ไม่ซน ไม่เถียง ฯลฯ)
ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางในช่วงหยุดยาวปีใหม่ เมื่อน้ำนมคุณแม่มาเพียงพอทำให้ผมหมดภาระที่ต้องชงนมและนึ่งของ ภาระหนักส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับภรรยาที่ต้องตื่นมาให้นมลูกตอนกลางคืนขณะที่ผมมักจะหลับลึกไม่ยอมตื่นแม้ลูกจะร้องไห้โยเย เด็กชายน้ำหนักพุ่งพรวดจากเกือบหล่นเกณฑ์เข้าสู่เด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี
การได้เฝ้าดูพัฒนาการของเด็กน้อยจากนิ่งงัน เริ่มมองตามสิ่งของ หยิบจับ ยิ้ม หัวเราะ ได้เห็นแววตาที่ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่ออุ้มพาเดินรอบบ้านหรือพบเจอกับคนใหม่ๆ สำหรับผม การได้เป็นพ่อคือสิ่งพิเศษนะ เพราะคงไม่ใช่ทุกคนที่ได้สัมผัสความอบอุ่นในหัวใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของลูกในแต่ละวัน