Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
อ่านความรู้จากบ้านอื่น
11 September 2020

บันทึกนักการเงินพ่อลูกอ่อน(7): หย่านมแบบลูกนำ กับมื้ออาหารที่ไม่ต้องคอยป้อน

เรื่อง รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • การหย่านมแบบลูกนำ (Baby-Led Weaning) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแทนที่จะป้อนอาหารกึ่งเหลว พ่อแม่จะเสิร์ฟสำรับอาหารของเจ้าตัวเล็กเป็นผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ปรุงสุกที่หั่นมาแบบพอดีคำ ให้เด็กน้อยได้ ‘สำรวจ’ อาหารหลากหลายรูปแบบ รับรู้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการรับประทาน และหยุดเมื่อต้องการจะหยุด
  • การที่เด็กได้ใช้มือสัมผัสและพยายามคว้าจับเข้าปากช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ สร้างเสริมความมั่นใจในการเลือกอาหารด้วยตนเอง การศึกษายังพบว่าเด็กที่มีโอกาสรับประทานอาหารหลากหลายจะมีแนวโน้มเปิดรับอาหารชนิดใหม่ๆ ในอนาคต

หลังจังหวะชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง เผลอไม่ทันไรเด็กชายที่เคยผอมแห้งก็กลายเป็นเด็กสมบูรณ์ ชอบหยิบจับเอาทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าปาก สนุกกับการเล่นจ๊ะเอ๋ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง แถมยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อถูกจั๊กกะจี้พุง ธารินทร์กลายเป็นหลานที่ปู่ยาตายายทั้งรักและหลง ส่วนตัวผมเองก็มีความสุขทุกวันที่ได้ตื่นมาพบหน้าลูกชาย

เราพาเจ้าตัวเล็กไปพบคุณหมอเพื่อรับวัคซีนตามตารางเมื่อครบ 6 เดือน หลังจากทั้งวัดทั้งชั่ง หลอกล่อให้เล่นของเล่นอยู่สักพัก คุณหมอก็สรุปว่าพัฒนาการเป็นไปตามวัยและถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มให้อาหารเสริมเพิ่มเติมจากนมแม่ โดยเฉพาะอาหารที่มีธาตุเหล็กที่สำคัญต่อการพัฒนาการแต่มีค่อนข้างน้อยในน้ำนมแม่

เมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เหล่าปู่ยาตายายก็พร้อมนำเสนอเมนูข้าวตุ๋นตับไก่เอย กล้วยบดเอย ไข่ต้มผสมน้ำนมแม่เอย และอีกสารพัดเมนูปั่นต้มบดตุ๋นเป็นอาหารกึ่งเหลวที่ต้องมีคนคอยป้อน แต่ครั้งนี้คุณแม่ไม่ยอมโดยยืนกรานว่าจะให้อาหารเสริมด้วยวิธีใหม่คือการหย่านมแบบลูกนำ (Baby-Led Weaning) ที่จะเสิร์ฟอาหารทุกอย่างแบบพอดีคำ แล้วเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กเลือกเองว่าต้องการรับประทานอาหารชิ้นใด

“จะไม่ติดคอแน่นะ เค้าจะได้สารอาหารเพียงพอหรือเปล่า” ญาติผู้ใหญ่แสดงความกังวล แต่เมื่อได้เห็นฝีไม้ลายมือเจ้าตัวน้อยที่หยิบอาหารขึ้นมาแทะอย่างมีความสุขหลังเริ่มได้ประมาณสองสัปดาห์ บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายลง

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็นับว่าไม่ง่าย เพราะการหย่านมแบบลูกนำมีรายละเอียดค่อนข้างมาก รวมถึงมีข้อควรระวังที่พ่อแม่ต้องรับทราบและฝึกฝนก่อนเริ่มกระบวนการ

พลิกตำรา ‘หย่านมแบบลูกนำ’

คำว่าการหย่านมแบบลูกนำเริ่มใช้เป็นครั้งแรกโดยจิลล์ แรปลีย์ (Gill Rapley) นักวิจัยด้านพัฒนาการและอาหารของวัยทารก เป็นวิธีทางเลือกของการป้อนอาหารกึ่งเหลวโดยเป็นแนวคิดค่อนข้างใหม่ที่มีอายุเพียงราว 15 ปีเท่านั้น วิธีดังกล่าวเป็นที่นิยมของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและนิวซีแลนด์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วโลกรวมถึงที่ไทยเองก็เริ่มมีการแปลตำราการหย่านมแบบลูกนำมาให้พ่อแม่รุ่นใหม่ได้ทดลองทำตาม

เป้าหมายของวิธีดังกล่าวคือมื้ออาหารที่ทานกันแบบพร้อมหน้าโดยไม่มีใครต้องคอยป้อนและถูกป้อน โดยสำรับอาหารของเจ้าตัวเล็กจะเป็นผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ปรุงสุกที่หั่นมาแบบพอดีคำ ให้เด็กน้อยได้ ‘สำรวจ’ อาหารหลากหลาย

รูปแบบ รับรู้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการรับประทาน และหยุดเมื่อต้องการจะหยุดโดยไม่มีการบังคับเพื่อสร้างประสบการณ์มื้ออาหารที่มีความสุขสำหรับทุกคนในครอบครัว

การที่เด็กได้ใช้มือสัมผัสและพยายามคว้าจับเข้าปากยังช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ สร้างเสริมความมั่นใจในการเลือกอาหารด้วยตนเอง การศึกษายังพบว่าเด็กที่มีโอกาสรับประทานอาหารหลากหลายจะมีแนวโน้มเปิดรับอาหารชนิดใหม่ๆ ในอนาคต อีกประเด็นที่น่าสนใจแต่กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาเพิ่มเติมคือเด็กๆ ที่หยิบอาหารรับประทานเองจะไม่ทานอาหารเกินพอดีซึ่งเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่โรคอ้วน เพราะเขาหรือเธอสามารถตัดสินใจตั้งแต่เด็กว่าทานแค่ไหนคืออิ่ม

แต่ไม่ใช่ทารกทุกคนที่เหมาะกับมื้ออาหารที่หยิบขึ้นมารับประทานเอง โดยพ่อแม่ต้องพิจารณาจากพัฒนาการไม่ใช่อายุ โดยเด็กที่พร้อมจะต้องนั่งตรงได้ด้วยตัวเองและเริ่มหยิบจับของเข้าปากได้ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายุประมาณ 6 เดือน อีกทั้งพ่อแม่ยังต้องระมัดระวังเรื่องสารอาหารโดยเฉพาะธาตุเหล็ก เพราะช่วงสองเดือนแรกเจ้าตัวเล็กจะยังคงหยิบอาหารรับประทานได้ไม่มาก จึงต้องเฝ้าดูว่าลูกมีลักษณะขาดธาตุเหล็กหรือไม่

เตรียมสำรับ

เมื่อเราตั้งใจว่าจะเริ่มมื้ออาหารที่ลูกหยิบขึ้นมาทานเอง สิ่งแรกที่ผมทำไม่ใช่มุ่งหน้าไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือเปิดตำราทำอาหาร แต่คือการชมคลิปวีดีโอในยูทูปเรื่องการช่วยชีวิตเด็กหากมีสิ่งของติดคอซึ่งเป็นความเสี่ยงหนึ่งของวิธีหย่านมแบบให้ลูกนำ หลังจากชมคลิปเสร็จก็ต้องฝึกฝนกับตุ๊กตา พร้อมทั้งเตือนตัวเองว่าห้ามทิ้งให้ลูกนั่งอยู่คนเดียวระหว่างมื้ออาหารเด็ดขาด

เมื่อฝึกฝนการช่วยชีวิตเบื้องต้นจนมั่นใจ ขั้นตอนต่อไปก็คือการเตรียมสำหรับอาหารในแต่ละมื้อ โดยผู้เขียนในฐานะพ่อบ้านตื่นเช้ามีหน้าที่เข้าครัวเตรียมอาหารให้ลูกทุกวัน ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะมากนัก เพียงการตัดหั่นให้เป็นชิ้นพอที่มือน้อยๆ จะหยิบจับได้ถนัดโดยจะต้องไม่เล็กเพราะอาจเสี่ยงติดคอ แล้วนำไปนึ่งหรือต้มให้เด็กชายที่ยังไม่มีฟันน้ำนมสามารถเหงือกบดจนละเอียด

หากใครจินตนาการไม่ออกว่าต้องนุ่มแค่ไหน ก็ลองหยิบอาหารที่ทำเข้าปากแล้วใช้ลิ้นดุนอาหารกับเพดานเหงือก หากพอบดแหลกก็เป็นอันใช้ได้

อาหารที่เราเลือกมานำเสนอเจ้าตัวเล็กมีตั้งแต่แครอท แตงกวา ฟักทอง บร็อคโคลี่ อาโวคาโด แอปเปิล มะละกอ มันหวาน มันฝรั่ง พริกหยวก กล้วย ตับ หมูสับ อกไก่ ข้าวปั้น ไปจนถึงพาสต้าซอสมะเขือเทศที่ไม่ได้ปรุงรส จุดสำคัญคือการให้หนูน้อยลองทานทีละอย่างเพื่อสังเกตอาการแพ้ แล้วค่อยๆ เพิ่มเติมอาหารชนิดใหม่ในภายหลัง

มื้อที่ไม่มีใครต้องคอยป้อน

แล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งครอบครัวจะได้กินข้าวพร้อมหน้ากัน อุปกรณ์ที่ใช้มีไม่มาก เพียงเก้าอี้เด็กและผ้ารองพื้นกันเลอะเทอะ มื้อแรกของเจ้าตัวเล็กเป็นฟักทองนึ่งวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า คู่มือแนะนำว่าในวัยนี้ยังไม่ควรใช้อุปกรณ์อย่างจานชามเพราะเด็กน้อยอาจสนใจที่จะแทะเครื่องครัวมากกว่าของกิน

ผมและภรรยานั่งรับประทานอาหาร ขณะที่ธารินทร์มองแท่งฟักทองด้วยตากลมโต แล้วขยับมือน้อยๆ ไปขยุ้มจนแหลกเละคามือ ผมยิ้มแหะๆ ท่าทางฟักทองจะนุ่มเกินกว่าที่จะคว้าจับได้ แต่เด็กชายก็หยิบเนื้อเละๆ มาละเลงป้ายหน้าป้ายตาจนเปรอะเปื้อน บางครั้งคว้าเข้าปากเป็นชิ้น แต่ไม่นานก็ส่งเสียงไอค่อกแค่กแล้วคายออก ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ฟักทองอาจเข้าปากไปไม่กี่โมเลกุลส่วนที่เหลือละเลงอยู่เต็มตัว หน้า เก้าอี้ และพื้น

นี่คือสภาพที่พ่อแม่ต้องทำใจก่อนเริ่มหย่านมแบบลูกนำ การสำลักเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้สำหรับการกลืนอาหาร ส่วนเรื่องปริมาณอาหารที่รับประทานได้น้อยก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะมื้อหลักของเจ้าตัวเล็กก็ยังเป็นน้ำนมแม่ แต่เรื่องความเลอะก็ต้องอดทนไปอีกหลายเดือนกว่าลูกจะหยิบจับอาหารได้อย่างคล่องแคล่ว

แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือความสุขที่ได้กินข้าวอย่างพร้อมหน้า และไม่มีใครต้องถูกขืนใจให้กินอาหาร

เด็กชายมีพัฒนาการในการหยิบจับอาหารอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผมที่เรียนรู้ว่าต้องปรุงให้นิ่มแค่ไหนจึงจะเหมาะสม การได้เห็นเด็กน้อยกินแอปเปิลรสเปรี้ยวแล้วทำหน้าหยี ชิมมะละกอหวานหอมแล้วทำตาโต หยิบอาโวคาโดของโปรดเป็นอย่างแรกทุกมื้อ หรือกินพาสต้าซอสมะเขือเทศเหมือนกันทั้งพ่อแม่ลูก กลายเป็นความทรงจำดีๆ บนโต๊ะอาหารที่ไม่อยากจะแบ่งปันให้ใคร และหวังลึกๆ ว่าเราจะได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันอีกนานแสนนาน

Tags:

ปฐมวัยEFบันทึกนักการเงินพ่อลูกอ่อนการหย่านมแบบลูกนำ(Baby-Led Weaning)พัฒนาการ

Author:

illustrator

รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์

คุณพ่อลูกอ่อน นักการเงินทาสหมา ที่ใช้เวลาว่างหลังลูกนอน (ซึ่งไม่ค่อยจะมี) ในการอ่าน เขียน และเรียนคอร์สออนไลน์

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Early childhoodFamily Psychology
    เข้าใจลูกในวันที่เขาเปลี่ยนไป EP.10 ในวันที่ลูกใจร้อน พ่อแม่มีหน้าที่ต้องช้าลง

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ ninaiscat

  • Creative learningSocial Issues
    ‘วิชาเอาชีวิตรอด’ ทักษะพื้นฐานที่เด็กทุกคนควรมี: ตัวอย่างการจัดการเรียนรู้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลตำบลท่ากว้าง จังหวัดเชียงใหม่

    เรื่อง นฤมล ทับปาน

  • EF (executive function)
    อ่าน เล่น ทำงาน: เด็กทำอะไรช้า มาจาก ‘ความจำใช้งาน’ เด็กๆ จึงต้องได้อ่านนิทานภาพก่อนนอน

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ภาพ antizeptic

  • EF (executive function)
    เพราะอะไรจึงไม่ควรส่งเด็กไปเรียนหนังสือก่อน 7 ขวบ: นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

    เรื่อง ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

  • Early childhoodLearning Theory
    เรียนปนเล่น เล่นปนเรียน: กระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย

    เรื่อง ชลิตา สุนันทาภรณ์

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel